BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Thursday, June 28, 2012

Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 3

Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 3





หลังจากเมื่อวานไปเดินมาราธอนเที่ยวชมวัดวาอารามที่เมือง Nara มาแล้ว วันนี้ก็เลยวางแผนว่าไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ชิล ๆ อยู่ที่โอซาก้าก็พอ วันนี้โปรแกรมก็จะมี Umeda Sky Building กับ Osaka Aquarium 2 อย่างเท่านั้น ซึ่งพอหลังจากหมดวัน แค่ 2 โปรแกรมนี่ก็กินเวลาไปทั้งวันแล้วล่ะครับ

ตึก Umeda Sky Building (อุเมดะแปลว่าทุ่งบ๊วยครับ) เป็นตึกที่สูงเป็นอันดับ 12 ของเมือง และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง เนื่องจากความล้ำยุคของตึกนั่นเองโดยตึกจะมีความสูง 40 ชั้น และที่ยอดตึกจะมีส่วนที่เชื่อมกันที่เรียกว่า floating garden เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมกัน นอกจากนั้นแล้วตรงชั้นใต้ดินของตึกก็จะเป็นแหล่งรวมร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์ นานิวะ หรือสไตล์โอซาก้าเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมานั่นเอง และตรงบริเวณชั้นล่างของตึกก็จะมีสวนสวย ๆ ขนาดค่อนข้างใหญ่ให้ไปเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้แบบฟรี ๆ อีกด้วย ก็เรียกได้ว่าเป็นตึกที่ค่อนข้างจะครบครัน สามารถมาเสียเวลาได้หลายชั่วโมงถ้าแวะไปเลยล่ะครับ ตึก Umeda นี่จะอยู่ตอนบน ๆ ของเขตตัวเมือง Osaka หน่อยครับ ถ้าจะไปก็ลงสถานี Umeda แล้วเดิน ๆ ๆประมาณ 15 นาทีก็จะถึงครับ


ตึก Umeda Sky Building Zoom จากห้องพักผมครับ

ถ่ายจากด้านหลังตึกครับ เป็นตึกที่ล้ำและสวยมาก ๆ

ทางเดินระหว่างทางไป Umeda Sky Building ครับมุดอุโมงค์ ผ่าน site ก่อสร้างโน่นนี่ เดินไปเหมือนจะหลง แต่ก็เดินจนถึงครับ

อีกมุมนึงจากห้องพักบนโรงแรม อยากให้รถไฟบ้านเราเป็นแบบนี้จัง เบื่อการรถไฟ เมื่อไรจะแปรรูปซักที เห็นไปรษณีย์ไทย ไม่แน่ใจแปรรูปรึเปล่า ก็พัฒนาซะจนแทบจะไม่เหลือข้อให้ติ หรือถึงจะเป็นองค์กรรัฐที่ไม่แปรรูปเค้าก็พัฒนาตัวเองตลอดให้เทพ ๆ ได้เช่น กรมสรรพากร (จ่ายภาษีสะดวกมากเดี๋ยวนี้) ในขณะที่การรถไฟเรา ตั้งแต่ผมเกิดมาเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น เฮ้อ เซ็ง (จริง ๆ น่าจะก่อนผมเกิดหลายสิบปีด้วยซ้ำที่เป็นยังไงก็เป็นยังนั้น)

อันนี้วิวจากยอดตึก Umeda บ้างครับ รูปไม่ค่อยเป็น chronological เท่าไร เนื่องจากผมดันลบ exif ไฟล์ออกไป

ฟ้าโปร่ง วิวสวยมากครับวันนั้น

น่าจะ 173 เมตรจากพื้นดิน

ตึกด้านขวาตึกโรงแรมของผมครับ

อันนี้บันไดเลื่อนขึ้นไป Floating Garden

อันนี้เป็นที่ให้คู่รักมาถ่ายรูป + คล้องกุญแจ เหมือน Seoul Tower ที่เกาหลีอะไรประมาณนั้นเลย (แต่ดูอลังการน้อยกว่าเยอะ)

บันไดเลื่อนขึ้นมา floating garden ครับ

ขึ้นไปกันเลยย ทำไมรูปมันไม่เรียงตามเวลาอย่างนี้วะเนี่ย -*-

พอเสร็จจากการดูวิว พวกเราก็ลองไปชั้นใต้ดินที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์นานิวะ ย้อนยุคกัน (นานิวะ เป็นย่าน ๆ นึงในโอซาก้า ใครที่เคยอ่านเรื่องก้าวแรกสู่สังเวียนคงจะรู้จักเซนโดที่ได้ฉายาว่าพยัคฆ์ร้ายนานิวะ) ร้านอาหารที่โซนนี้มีค่อนข้างเยอะมากครับ เดินเลือกกันเพลิน ๆ และก็มี วัตถุ, สิ่งก่อสร้างย้อนยุค ๆ ให้ถ่ายรูปเล่นด้วย ร้านอาหารที่ผมฝากท้องในมื้อนี้เป็นร้านโอโคโนมิยากิ หรือ พิซซ่าญี่ปุ่น ซึ่งรสชาติไม่ค่อยประทับใจเท่าไรครับ แต่ก็ได้ว่าอร่อยแบบกลาง ๆ ซึ่งไม่รู้ทำไมนะครับ ร้านอาหารส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีอะไรพิเศษ ๆ มันมักจะไม่อร่อยยังไงก็ไม่รู้ ประหนึ่งว่า เค้าจะขายลูกค้าที่มาเที่ยวเป็นหลักไม่ได้ขายลูกค้าที่เน้นรสชาติอาหาร แต่ก็คงเหมารวมไปทุกร้านไม่ได้เพราะมีร้านนึงที่ผมเห็นคนต่อคิวยาวมาก ถ้าพวกเราไม่ติดเรื่องเวลาก็คงไปต่อคิวด้วยแล้วล่ะครับ

รถยนต์สมัยก่อน คล้าย ๆ สามล้อบ้านเรา

เจอตู้ไปรษณีย์ทีไรเป็นต้องถ่ายทุกที

ทุกร้านจะตกแต่งแนวย้อนยุคครับ สวยดี ขลังดี

เดินเลือกร้านไปเรื่อย ๆ


ตู้โทรศัพท์สมัยโชวะ คลาสสิคดีครับ

มาลงเอยที่ร้านโอโคโนมิยากิ ที่ไม่มีลูกค้าเลยตอนผมไป (เพราะร้านเพิ่งเปิด)

โอโคโนมิยากิไส้อะไรไม่รู้ครับจำไม่ได้แล้ว รสชาติเฉย ๆ

ไข่ยัดไส้หมูครับ อันนี้อร่อยดี

อีกหนึ่งมุม

อันนี้ข้าวผัดกระเทียม ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เค็มไป


อันนี้เทปปันยากิ เนื้อวากิว A4 ราคาแพงทีเดียว

แต่ดันไม่ค่อยอร่อย เนื้อเหนียวเกินกว่าจะเป็น A4 สรุป ร้านนี้ค่อนข้าง fail ทีเดียวถ้าพิจารณาว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น
สวนใต้ตึกครับ ใหญ่ทีเดียว

ไม่มีคนเลย สงสัยต้องรอเย็น ๆ

ใหญ่ดีมากครับ ร่มรื่นย์สุด ๆ 

1 รูปส่งท้ายครับ สรุปมาตึก Umeda Sky Building นี่ได้อะไรครบดีมากเลยครับ ใครมาแถวนี้ แวะ ๆ มาก็ดีครับ

จากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังพิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำ โอซาก้ากันต่อเลย (Osaka Aquarium (Kaiyukan)) เจ้าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ตรงบริเวณ Osaka Water Front แหล่งท่องเที่ยว + shopping ของเมือง Osaka เค้า ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของเมืองและอยู่ติดทะเลซึ่งเจ้าโซนนี้ ที่มีอีกชื่อว่า Osaka Bay Area ถ้านับกันจริง  ๆ ก็จะมี Universal Studio , Aquarium , Cosmosquare, Tempozan Ferris Wheel (ชิงช้าสวรรค์ที่เคยเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งโดนทุบสถิติจากชิงช้าสวรรค์ลูกพี่ลูกน้องที่ Odaiba บ้าง, Kasai Rinkai Park บ้าง คือพวกพี่ยุ่นเค้าชอบชิงช้าสวรรค์กันมากครับ สร้างกันแทบจะทุกแหล่งท่องเที่ยว -*-) , สนามกีฬา Maishima และพิพิทธภัณฑ์ต่าง ๆ (มีพิพิทธภัณฑ์ ทาโกะยากิ ด้วยให้ตายสิครับ ฮ่า ๆ )


นั่งรถไฟมาลงสถานี Osakako แล้วก็เดินอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึง Aquarium ครับ

พอลงจากสถานีรถไฟเจอเจ้ารูปนี้ตั้งตระหง่านอยู่

McDonald's ที่ญี่ปุ่นผมว่าขายดีมากครับ มีสาขาอยู่เยอะมาก เทียบกับ Fast food chain อื่น ๆ ที่เราคุ้นเคยเช่น KFC, Pizza Hut หรือ Burger King แล้วพวกนี้มีสาขาน้อยมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

จัดมาสักก้อนครับกับ McRib อันแสนจะยั่วยวน ก็อร่อยดี แต่ก็นะเบอร์เกอร์ฟาส์ทฟู้ดน่ะครับ

Tempozan Ferris Wheel ที่เคยใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่จริง ๆ ครับ 

ทางเดินไม่ค่อยมีคนสักเท่าไร ด้านขวาของรูปนี้จะเป็นคล้าย ๆ แหล่ง shopping + arcade (game center) ที่อยู่ติดกับ aquarium ส่วนชั้นล่างก็จะเป็นที่จอดรถที่จุได้หลายพันคันครับ

ถึงแล้ว Kaiyukan หรือ Osaka Aquarium ใหญ่โตดีครับ

มีการแสดงตีกลองตรงทางเข้าด้วย ตีกันมันส์ดีครับ

มีถ่ายรูปกับฉลามวาฬกันตรงทางเข้าด้วย เจ้าฉลามวาฬนี่เป็น hi-light ของที่นี่ครับ รู้สึกจะมีอยู่ 4 ตัว

แมวน้ำนอนอืดเฉย

Capybara สัตว์ฟันแทะ (rodent) ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกครับ เจ้าตัวนี้น่ารักมาก ผมชอบ

ดูสะอาดดี ตัวใหญ่ประมาณสุนัข golden ครับ เอ๊ะหรือใหญ่ไปนะ เอาเป็นว่าใหญ่ละกันครับ

เพนกวินก็มี อันนี้ไม่รู้พันธุ์อะไรครับ พอดีไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเพนกวิน

ยืนหลับ? ยืนนั่งสมาธิ?

คนเยอะครับที่นี่ พอดีไปวันอาทิตย์ -*-

ปลากระเบนก็เป็นอะไรที่เท่ดี

มีเจ้าตัวอะไรไม่รู้เกาะอยู่ด้วยคล้าย ๆ เหาฉลามครับ (สบายไปเลยนะมึง)

(ฉลามวาฬ มีเหาฉลามเกาะอยู่เต็มเช่นเดียวกัน)

เจ้าปลานี้ไม่แน่ใจชื่อปลาอะไรครับ เป็นปลาที่ตลกมาก เคยอ่านการ์ตูนทำซูชิเล่มนึง มีบางร้านเอาไปทำเป็นซูชิด้วย

Crustacean อลูมิไร้ ครับ (อะไรไม่รู้)

ปูแมงมุมยักษ์ น่าจับไปกินเป็น shabu shabu หรือ sashimi ชะมัด

แมงกะพรุนก็มีหลายพันธุ์ครับ สวย ๆ ทั้งนั้น

สวยงาม สีสด

อันนี้ลูกเต่าทะเล น่ารักเชียว

ของฝากของพี่ยุ่นเค้าไม่ผิดหวังอยู่แล้วครับ แหล่ม ๆ ทั้งนั้น 

ฉลามวาฬก็มีครับ

จริง ๆ ก็มีหมดทุกชนิดใน aquarium นี่แหละครับ

แต่แต่ละอันแพงเหลือเกิน (ประมาณพัน - สองพันบาทไทย)

Osaka Aquarium นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวที่มา Osaka แล้วก็ควรแวะมาครับ โดยที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในพิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย โดยพอเราซื้อตั๋วเสร็จ เราก็จะขึ้นบันไดเลื่อนยาว ๆ ๆ ขึ้นไปยังชั้นบนสุด ชั้น 8 แล้วค่อย ๆ เดินไล่ลงมาทีละชั้น ๆ จนถึงชั้นล่างสุด โดยระหว่างทางก็จะเจอกับสัตว์น้ำใน theme แบบต่าง ๆ มีทั้งพวกปลา, นกเพนกวิน และอะไรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำครับ บาง tank น้ำจะมีความสูงหลายชั้นทำให้เราสามารถดูปลาหรือสิ่งมีชีวิตนึงได้จากหลายมุมมอง ก็เป็นอะไรที่เจ๋งดีเหมือนกัน แต่แบบ วันที่ผมไปคนเยอะมากครับ เยอะจนแทบจะต้องแย่งกันดู ยังไงก็ถ้าไปก็แนะนำให้ไปวันธรรมดาจะดีกว่า

นอกจากตัว Aquarium แล้วที่ Osaka Bay Area แห่งนี้ก็จะมีบริการนั่งเรือสไตล์สเปนย้อนยุค ล่องชมอ่าวโอซาก้าด้วย โดยเราสามารถซื้อตั๋วเข้าชม Aquarium พร้อมกับค่าขึ้นเรือพร้อมกันด้วยเลยในราคาพิเศษ (รู้สึกจะ 3000 yen) ซึ่งค่าเข้า Aquarium เฉย ๆ ก็ประมาณ 2000 yen แล้วมั้งครับก็ซื้อ ๆ พ่วงไปด้วยก็ไม่เสียหายอะไร เรือ Santa Maria ที่จะพาเราท่องไปตามอ่าวโอซาก้าเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงนี่ก็จะมีออกจากท่าทุก ๆ ชั่วโมงจนถึง 4 โมงเย็นครับ ยังไงใครที่อยากจะขึ้นเรือก็ดูเวลากันด้วยนิดนึงก็ดี เจ้าเรือนี่ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ วิวไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร แต่ก็เป็นการฆ่าเวลาที่ดี ใครที่เวลาเหลือ ๆ หลังจากไป Aquarium ก็ไปล่องเรือนี่ดูด้วยก็ดีครับ


ทางไปโนริบะ หรือ ท่าเรือครับ อยู่ด้านล่าง Aquarium เลย

ยืนรออยู่ไม่นานเรือก็มาครับ เรือสวยดี ให้อารมณ์เรือสเปนยุคเก่ามาก

คนญี่ปุ่นเต็มเรืออีกเช่นกันครับ อยากขึ้นไปยืนบนเสากระโดงเรือแบบ Jack & Rose มากเลยครับ

IKEA ที่ญี่ปุ่นขายดีมากครับ เคยอ่านเจอมาว่าตอนแรก IKEA บุกญี่ปุ่นแล้วล้มเหลว เพราะออกแบบเฟอร์นิเจอร์มาไม่เหมาะกับบ้านเรือนของคนญี่ปุ่นที่เป็นห้องเล็ก ๆ พอพวกเขาไปทำการบ้านแล้วกลับมาใหม่ก็ ตูม! ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าครับ เพราะ IKEA ก็เป็นเจ้าพ่อเฟอร์นิเจอร์แบบ knock down ประกอบเองอยู่แล้ว เหมาะกับ life style คนญี่ปุ่นมาก

ห้องบังคับการหรือ CDC อยากเข้าไปขับเหมือนกัน

สิ่งก่อสร้างเจ๋ง ๆ ที่เรือ Santa Maria ลำนี้แล่นผ่านก็คงเป็นเจ้าสะพานแดงนี่แหละครับ สวยและใหญ่มาก

นั่งเสร็จ ตะวันกำลังจะตึกดินพอดี นั่งเพลินและชิลมากครับ จริง ๆ บนเรือมีวงดนตรีมาเล่นเพลงด้วย แต่พอดีเป็นเพลงญี่ปุ่น ผมเลยไม่ค่อย in ไปกับเค้าสักเท่าไร


พอเสร็จจากการทำตัวเป็น Jack & Rose พวกเราก็กลับไปยัง Umeda Underground City เพื่อตามหาร้านอร่อย ๆ กันอีกแล้ว มาญี่ปุ่นก็ 3 วันแล้วยังไม่ได้กินซูชิเลย ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วไม่กินซูชิมันก็เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่น ซึ่งในทริปนี้ ผมรู้สึกเสียดายมากที่ผมมีโอกาสกินซูชิแค่มื้อเดียว เพราะพ่อผมเค้าเป็นคน anti sushi ครับ อยู่เมืองไทยนี่ชวนไปกินจะไม่เคยกินเลย (แต่ดันชอบกิน sashimi) คือจริง ๆ การกินซูชิที่ญี่ปุ่นนี่นอกจากจะได้ความอร่อยและสดของปลาที่หาไม่(ค่อย)ได้ที่ไทยแล้ว ราคาต่อคุณภาพนั้นเมื่อเทียบกับที่ไทยแล้วก็เป็นอะไรที่คุ้มมาก ๆ อีกเช่นกัน ซึ่งร้านซูชิที่ญี่ปุ่นนั้นหาไม่ยากครับ มีแทบจะทุกหนทุกแห่ง และเราก็ไปสะดุดเข้าที่ร้านนึง ซึ่งจัดหน้าร้านได้เก๋มาก มีซูชิทุกหน้าที่ทางร้านมีปั้นเป็นแบบโมเดลจำลองไว้หน้าร้าน เจอยั่วยวนขนาดนี้ ใครจะอดใจไหวล่ะครับ อ้อ ผมเคยเขียนไว้ในซีรีย์ก่อนแล้วเรื่องซูชิแบบต่าง ๆ ยังไงลองแวะไปอ่านดูที่ลิงค์นี้ ส่วนของร้านนี้เป็นแบบปั้นสด ๆ เมื่อสั่งครับ หรือแบบดีที่สุดนั่นเอง ซูชิของร้านที่ผมอ่านชื่อไม่ออกนี่ก็ถือว่าอร่อยเยี่ยมได้มาตรฐาน ซูชิปั้นสดของที่ญี่ปุ่นเค้า และ ราคาก็น่าคบหาอีกด้วย ร้านนี้ถ้าใครไปแถว Umeda Underground City ก็ลองแวะไปชิมกันได้ครับ สังเกตไม่ยาก เจอซูชิเรียงราย ๆ แบบนี้มีร้านเดียวแหละครับ (ตั้งแต่ผมไปญี่ปุ่น เพิ่งเคยเห็นร้านเดียวจริง ๆ)

สัญลักษณ์เชิญชวนลูกค้าเข้าร้าน

อ่านไม่ออกครับ ชื่อร้าน

เบียร์สดกับซูชิ เป็นอะไรที่เข้ากันสุด ๆ แต่เห็นบอกว่าถ้าจะให้เข้าจริง ๆ ต้องสาเกร้อน แต่แบบผมกินสาเกมา ไม่เคยชอบเลย

chef's complimentary เป็นปลาแซลมอนดอง อร่อยครับ

ซาซิมิของพ่อผม ไม่รู้จะ anti ซูชิอะไรมากมาย มาร้านซูชิยังไม่สั่งซูชิเล้ย

อร่อยครับ ไม่ผิดหวัง

ปลา Kohada บ้านเราไม่ค่อยมี ผมชอบมากครับ หนังจะเหนียว ๆ หน่อย

ตอนไปไม่ค่อยมีลูกค้า เคาน์เตอร์บาร์ซูชินี่จริง ๆ ผมอยากนั่งมากครับ ติดตรงที่ว่าคุยไม่เป็น ไม่งั้นคงกิน sushi อร่อยเพลินเลยล่ะ

set sushi แพงสุด 3000 บาทมั้งครับ มีมาครบ uni, otoro, anago, tai, taraba และอื่น ๆ แต่ละคำสดมาก

อีก 1 ชุดซูชิ อร่อยเยี่ยมเช่นกัน

อีกมุมครับ

อันนี้เป็น  a la carte เนื่องจากไม่อื่นก็เลยสั่งเพิ่มสักหน่อย

แต่กินหมดนี่ก็ยังไม่อิ่มอยู่ดีเพราะโดนที่บ้านแย่งกินครับ

พอกินซูชิเสร็จพอเป็นพิธี (อ่านว่าไม่อิ่ม พ่อผมไม่ยอมให้สั่งเพิ่มบอกว่าเปลืองตังค์ T_T) พวกเราก็ไปเดินหาของหวานกินกันต่อ แล้วก็ไปสะดุดตาเข้ากับร้านเค้กอันแสนจะสุดยิดนามว่า Patisserie Le Premier ที่เหมือนกับว่าตัวเจ้าของร้านจะเคยเป็นคนทำขนมหวานในโรงแรมชื่อดัง (มีโปสเตอร์ยักษ์โปรโมทอยู่) ก็เลยลองแวะเข้าไปดู ก็เจอแต่เค้กน่ากิน ๆ เต็มตู้ไปหมด แต่แบบ ร้านก็จะปิดอยู่แล้วทำไมไม่ลดราคาหน่อยครับคุณครับ ไม่งั้นผมคงจะเหมามาเยอะกว่านี้ล่ะ ผมซื้อเค้กไป 4-5 ก้อน และก็ไปแวะซื้อปลาดิบที่ห้าง Hankyu Department Store ที่อยู่ติดกับเมืองใต้ดินเลย (ซื้อตอน 2 ทุ่มมีลดครึ่งราคาด้วยครับ) พร้อมกับแวะซื้อเบียร์ที่ 7-11 หน้าโรงแรม เมื่อนำมารวมกันผมก็ได้มื้อ supper อันแสนจะยั่วยวนขึ้นมา 1 มื้อ หลังจากกินเสร็จ ก็หลับฝันดี พร้อมตะลุยต่อในวันพรุ่งนี้ ตามลิงค์นี้ครับ

เค้กเยอะมาก

น่ากินสุด ๆ

สุดยอด supper mix & match

ปลาดิบลดราคา รู้สึกถาดนี้จะประมาณ 100 บาท ถูกโพด

เค้กก้อนละประมาณ 200 บาท

เบียร์กระป๋องใหญ่ Suntory The Premium Malts 300 yen หรือประมาณ 120 บาทครับ


Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 1
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 2
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 3
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 4
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 5
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 6
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 7 & 8 Part 1
Japan Autumn Trip 2011 by BumRes.com - Day 7 & 8 Part 2

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...