Overall Score 9.5/10
Taste 4.5/5
Ambiance 5/5
Service 5/5
Value 4/5
Nahm - Thai Restaurant on BuMRes.com
รีวิวฉบับนี้ อาจจะยาวสักหน่อยนะครับ เนื่องจากมันมีอะไรให้เขียนเยอะแยะมากมาย และเป็นมื้อที่ผมประทับใจเอามาก ๆ หลาย ๆ ท่านก็คงเป็น เวลาที่ชอบอะไร ประทับใจอะไรแล้ว เราก็มักอยากจะเขียนถึงสิ่งนั้นเยอะ ๆ รีวิวครั้งนี้เราจะไปกันที่ร้าน Nahm ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพอเขียนเป็นไทยแล้วมันคือ นาห์ม หรือ น้ำ ร้านนี้เป็นร้านสาขาที่ 2 ของร้าน Nahm @ London ร้านอาหารไทยร้านแรกของโลกที่ได้ดาวมิชลิน (แม้จะแค่ 1 ดวงก็ตาม แต่ก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก) (รายละเอียดเกี่ยวกับร้านติดดาว มิชลิน คลิกที่นี่เลยครับ) ตัวสาขาแม่ของร้าน Nahm นี้จะมีวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างสั่งตรงจากเมืองไทยไป แต่ก็มีหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถนำเข้าประเทศอังกฤษได้ ด้วยสาเหตุนี้รึเปล่าไม่ทราบ ตัวเชฟ David Thompson เชฟชาวออสเตรเลีย หัวใจรักอาหารไทย แต่ดันไปเปิดร้านที่ London -*- ก็เลยมาเปิดร้านสาขา 2 ที่กรุงเทพ ประเทศไทย ซะเลย จะได้มีวัตถุดิบครบ ๆ ตามแบบที่ควรจะเป็นกับอาหารไทยแท้ ๆ
ร้าน Nahm @ Metropolitan Hotel, Sathorn, Bangkok แห่งนี้ก็เปิดมาได้ เกือบ ๆ 2 ปีแล้ว ร้านจะมีอายุครบ 2 ปีเดือนกันยา หรือตุลาที่จะถึงนี่แหละครับ พนักงานของทางร้านบอกว่า ร้านนี้มื้อเย็นจะเต็มทุกวัน (วันที่ผมไปก็เต็มครับ) ส่วนมื้อเที่ยงก็จะพอมีลูกค้าบ้างประปราย ตอนแรก ๆ ที่ร้านนี้เพิ่งเปิด ทางพนักงานบอกว่าต้องจองโต๊ะกันเป็นหลาย ๆ เดือนกว่าจะได้โต๊ะ และเมื่อสักครึ่งปีที่แล้วที่ร้าน Nahm แห่งนี้ได้ถูกจัดอันดับอยู่ใน The World's 50 Best Restaurants ลูกค้าก็กลับมาคึกคักกันใหม่ แต่ช่วงนี้พนักงานบอกว่าเริ่มซา ๆ ลงไปบ้าง จองล่วงหน้าแค่ประมาณสัก 2-3 อาทิตย์ก็พอ (แค่นั้นเอง?)
ร้านอาหารไทยที่ได้ดาวมิชลินในโลกนี้จริง ๆ จะมีอยู่ 2 ร้าน อีกร้านนึงคือร้าน Kiin Kiin @ Copenhegen, Denmark ที่ทางเชฟเจ้าของร้านก็มาเปิดร้านสาขาที่ 2 ที่เมืองไทยชื่อว่า Sra Bua @ Siam Kempinski Hotel ซึ่งร้านสระบัวนี่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เนื่องจากมันเป็นอาหารไทย ที่ไม่ได้เป็นอาหารไทยน่ะครับ คือเสิร์ฟมาเป็น course ๆ แบบอาหารยุโรป หน้าตาอาหารก็ไม่เหลือเค้าเดิม และไม่ได้กินกับข้าว ไม่ได้แชร์ ๆ กันกินแบบที่คนไทยจริง ๆ เค้ากินกัน (รายละเอียดแบบเจาะลึกตาม link ไปอ่านรีวิวเอาละกันนะครับ) ส่วนร้าน Nahm นี่จะเป็นอีกอารมณ์นึงครับ เป็นอาหารไทยแบบแท้ ๆ เลย เนื่องจากทางเชฟ David Thompson นั้นเป็นคนที่ศึกษาอาหารไทยมามาก อาหารของทางร้านนี้จึงเป็น อาหารไทยแบบ กินแชร์กัน, อาหารจะรสจัดหน่อย (เค็ม, เผ็ด) เพราะถูกออกแบบมาให้กินกับข้าวสวย (ข้าวสวยของทางร้านใช้ข้าวสวยจากสุรินทร์ ที่ทางเชฟไปขอมาจากชาวบ้านโดยตรง นำมาหุงด้วยน้ำมะลิ จนข้าวมีรสชาติหอมกว่าปกติ) ซึ่งแค่จุดนี้จุดเดียว ก็ซื้อใจผมกับร้านอาหารไทยโดยคนฝรั่งได้แล้วล่ะครับ
ร้าน Nahm @ Metropolitan Hote, Bangkok แห่งนี้เปิดทำการวันธรรมดามื้อเที่ยง กับ มื้อเย็น (อย่าลืมจองโต๊ะนะครับถ้าจะมา) ส่วนวันหยุดก็จะเปิดแค่มื้อเย็นเท่านั้น อาหารของทางร้านจะมี Set Menu ที่ทางร้านจะ encourage ให้ลูกค้าสั่งแบบนี้ เนื่องจากพอเลือกแบบนี้แล้ว อาหารมันจะได้อารมณ์กินอาหารไทยมาก ๆ เนื่องจาก พวกอาหารจานหลัก แกง, ผัด, ทอด, น้ำพริก อะไรพวกนี้ ทั้งโต๊ะจะสามารถเลือกได้ set เดียวแต่จะปรับปริมาณตามจำนวนคนของโต๊ะนั้น ๆ เพราะทางร้านต้องการจะให้กินอาหารแบบแชร์ ๆ กัน ยกจานส่งกันไปส่งกันมา จึงเป็นที่มาที่ภาชนะใส่อาหารของร้านนี้ ที่ใส่พวกอาหารจานหลัก จะเป็นภาชนะที่เบา (เบาจริง ๆ ครับ) จะได้เวียน ๆ กันไปมาได้สะดวก ตัว Set Menu จะมี 2 ราคา มื้อเที่ยงจะราคา 1,100++ บาท ส่วนมื้อเย็นจะ 1,700++ บาท ตัวมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น ตัวจำนวน course จะเท่ากัน ต่างกันที่ ความหลากหลายของอาหารที่มื้อเย็นจะมีให้เลือกเยอะกว่า ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเมนูมื้อเที่ยงนั้นมีให้เลือกเยอะน้อยแค่ไหน แต่สำหรับมื้อเย็นนี้ผมว่ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะ (กว่าที่คิด) เลยทีเดียว ส่วนถ้าใครแบบ อยากจะกินแบบ a la carte ทางร้าน Nahm ก็สามารถจัดให้ได้ เช่นกัน ตัว Portion ของ a la carte ก็จะประมาณ 2 คนกินครับ (รายละเอียดเมนู a la carte ดูได้ที่ tab menu ครับ)
มื้อนี้เนื่องจากผมไปกัน 4 คน และอยากสั่งอาหารหลาย ๆ อย่างก็เลยจัดแบบ set 2 คนและ a la carte อีก 3 อย่าง มื้อนี้เริ่มต้นด้วย canapés หรือ ของกินเล่นเรียกน้ำย่อย 4 อย่างมี สาคูไส้ปลาช่อน, กอแระหอยแมลงภู่, ขนมเบื้องไก่เค็ม, ข้าวทอดแหนมสด ทั้ง 4 อย่างนี้ พอเห็นหน้าตาก็แบบ อืม ร้าน Nahm นี่เค้าไทยจ๋าจริง ๆ ไม่ได้มีการประยุกต์ apply fusion โน่นนี่จนออกมาเป็นอาหารอะไรก็ไม่รู้เหมือนบางร้าน แต่รสชาติของเจ้า 4 อย่างนี้ ผมกลับค่อนข้างเฉย ๆ ครับไม่ได้มีจานไหนเลยที่ทำให้ผมกินแล้วรู้สึกว่าแบบ โอว อร่อย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะผมคาดหวังไว้มากเกินไปด้วยรึเปล่า แต่เพื่อน ๆ ผมก็ดูจะเฉย ๆ เช่นเดียวกันกับผม จะมีก็เจ้าข้าวทอดแหนมสด ที่กินกับใบชะพลู เขียวสด ใบใหญ่ที่ทางร้าน Nahm เด็ดมาเฉพาะใบที่อยู่ที่ยอดต้นเท่านั้น ที่ผมรู้สึกว่า อืม เข้าท่าที่สุด และกินแล้วแบบรู้สึกไท้ย ไทย
ส่วน Main Course ของทางร้าน Nahm นี้ตามที่เขียนไว้ข้างต้นครับ ว่าทางร้านตั้งใจจะให้กินพร้อมกัน และกินด้วยกันทุกคน ทางร้านก็เลยยกมาพรวดเดียวทุกอย่างที่สั่งไป (ประมาณ 7-8 อย่าง) ซึ่งผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไม ทางร้านต้องทำโต๊ะอาหารใหญ่ขนาดนี้ และเป็นโต๊ะกลมอีกต่างหาก เพราะพออาหารมาจนครบ มันก็แทบจะไม่เหลือที่ที่จะวางอะไรแล้วล่ะครับ ตัว Main Course ของมื้อนี้ประกอบด้วย ยำหอยเชลล์, แกงจืดเป็ดย่างมะพร้าวอ่อน, หลนกุ้ง ผักสด ปลาส้ม, แกงกะทิปูม้า, หมู(คุโรบูตะ)ผัดเต้าเจี้ยว, ต้มยำไก่ใส่เห็ดฟาง, แกงใบยอเนื้อย่าง, ผัดกระเทียมดองใส่กุ้ง ไก่ และไข่
หลังจากที่เริ่มกลัว ๆ ว่ามื้อนี้มันจะ fail เหมือนกับที่ผมไปกินร้าน Bo.lan - Essentialy Thai @ สุขุมวิท 26 มารึเปล่า เพราะร้านนั้นนี่ผมจำได้ว่าค่อนข้างชอบตัว Appetizer ของเค้า แต่แบบ ของคาว fail แต่ล้วความกลัวและกังวลนั้นก็หมดไปกับคำแรกที่ได้กินอาหารจานหลักครับ รสชาติ Main Course ของร้าน Nahm นี่อร่อยทุกจานครับ อร่อยแบบกินแล้วประทับใจอ่ะครับ คือผมก็ไม่รู้จะบรรยายอะไรเกี่ยวกับอาหารมาก คือบางอย่าง ผมยังไม่เคยกินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ (เชฟ David Thompson ไปเรียนอาหารสูตรโบราณมาจากใครสักคนนี่แหละครับ) องค์ประกอบแต่ละอย่างของแต่ละจาน ก็เลยไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร เอาง่าย ๆ เลยก็คือ ทุกจานอร่อยหมด อร่อยกว่าร้าน Bo.lan อย่างชัดเจน อร่อยแบบสูสีกับร้าน Patara - Fine Thai Cuisine กับร้าน The Local by Oamthong 2 ร้านอาหารไทยที่ผมเพิ่งไปกินมาและชอบมาก ๆ
จานที่ผมชอบมากที่สุดก็คงเป็น หลนกุ้ง ผักสด ปลาส้ม จานนี้นี่แบบ โอ้วว้าว ตัวหลน อร่อยเทพอยู่แล้ว มาเจอกับปลาส้ม ชิ้นโต ๆ (ปลาตะเพียนเอาไปทำอะไรสักอย่าง) ที่ผมไม่เคยกินมาก่อน และทางร้าน Nahm ทำมาได้อร่อยมาก ๆ ทั้ง 2 กันผสมผสานกันอย่างลงตัว ส่วนจานที่ชอบรองลงไปก็จะมี หมู(คุโรบูตะ) ผัดเต้าเจี้ยว ซึ่งหน้าตาธรรมดามาก ๆ หมูก็ดูไม่ได้ติดมันมา แต่แบบพอกินแล้ว เฮ้ย ความอร่อยมันมาจากไหนเนี่ย เนื้อหมู นุ่ม อร่อย หมักมาให้มีรสชาติเค็ม ๆ เล็กน้อย คือจานนี้ผมงงจริง ๆ ครับว่าทำไมรสชาติมันต่างจากหน้าตาแบบนี้ ส่วนอีกจานก็คง แกงกะทิปูม้า ซึ่งจานนี้พนักงานบอกว่า อยู่ในเมนูมาตั้งแต่ร้านเปิดแล้ว ขายดีมาก อร่อยมาก ลูกค้าสั่งกันทุกคน (คือเมนูของร้าน Nahm นี้จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลน่ะครับ) ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลย รสชาติมันแบบ นัวมาก กลมกล่อม แบบเผ็ด ๆ กินเข้ากับข้าวหอมมะลิขั้นเทพจากสุรินทร์แล้วแบบ Fin สุด ๆ อาหารจานอื่นที่ไม่ได้เขียนถึง ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะครับ อร่อยหมด แค่อร่อยกว่า 3 จานนี้และผมอยากให้ไปลองชิมกันดูบ้าง รสชาติมันล้ำลึกจริง ๆ ครับแต่ละจาน
หลังจากที่ประทับใจกับของคาวไปแล้ว นึกว่าแค่นี้มันจะ Fin พอแล้ว แต่ทางร้าน Nahm @ Metropolitan Hotel, Bangkok ก็ไม่ได้หยุดทำให้ผมอัศจรรย์ใจ ด้วยของหวานแบบไทย ๆ ที่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า เป็นของหวานแบบไทย ๆ (หรืออาจจะฝรั่งด้วย) ที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกินมา! ของหวานมี 3 อย่าง อย่างแรก ผมชอบที่สุดคือ ลอดช่องทรงเครื่อง(ใส่ข้าวเหนียวดำมาด้วย) ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าทางร้านมีกรรมวิธีอย่างไรถึงทำออกมาได้อร่อยเว่อร์ขนาดนี้ ที่แน่ ๆ และชัดเจนคือ ลอดช่องจะไม่เย็นมาก แต่ก็เย็นแบบกินแล้วชื่นใจไม่ได้ใส่น้ำแข็งมาจนท่วมถ้วย กินแล้วเสียอารมณ์เหมือนร้านอาหารไทยทั่ว ๆ ไป ซึ่งน้ำกะทิ, ตัวเส้นลอดช่อง, ตัวข้าวเหนียวดำ ทุกอย่างมันแบบผสมผสานกันจนลงตัว คือแบบกินคำแรกเข้าไปแล้วผมตกใจว่า เฮ้ย "ลอดช่องมันอร่อยได้ขนาดนี้ด้วยเหรอวะ!"
ของหวานอย่างที่ 2 เป็น ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ คือตัวเชฟ David Thompson นี่เค้าจะมีความเป็นศิลปินสูง อาหารที่ร้านอื่น ๆ มี เช่น ต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, ข้าวเหนียวมะม่วง ทางร้าน Nahm นี้จะไม่ทำ ลูกค้า Request ก็ไม่ได้ด้วย เพราะทางร้านไม่ง้อลูกค้า! จึงเป็นที่มาของ ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ ซึ่งเกิดมาผมก็เพิ่งจะเคยกินเหมือนกัน ทางร้าน Nahm ใช้ทุเรียนพันธุ์แพง พันธุ์ก้านยาว และฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีให้กินแต่ละคำมาให้แล้ว รสชาติเยี่ยมครับ คล้าย ๆ ข้าวเหนียวมะม่วงขั้นเทพ แต่แอบมีกลิ่นฉุน ๆ ของทุเรียนและความหวานที่น้อยกว่ามะม่วง ของหวานอย่างสุดท้ายเป็น เต้าส่วน คำหยาด หม้อแกง คือ ตัวเต้าส่วนก็อร่อยดี แต่ยังไม่ประทับใจผมเท่า ของหวาน 2 อย่างแรก ทีเด็ดจะอยู่ที่ตัวหม้อแกงที่ใช้ pistachio มาทำ กินแล้วแบบ โอว ขนมหม้อแกงจากสวรรค์หรืออย่างไร ไม่เหมือนกับหม้อแกที่เคย ๆ กินมาเลยครับ
ประทับใจกับของหวาน 3 อย่างแค่นี้ยังไม่พอ ทางร้าน Nahm @ Metropolitan Hotel, Bangkok ปิดท้ายอย่างงดงามให้ผมด้วย ขนมกินเล่น 4 อย่าง ประมาณ Petite Four ประมาณนั้น 4 อย่างนี้มี 2 อย่างที่ผมชอบมาก เป็นคล้าย ๆ คุกกี้ แต่ข้างในจะกลวง ซึ่งหน้าตาตอนก่อนจะกินนี่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอกินแล้ว ตกใจครับ ตกใจในความอร่อย เพื่อน ๆ ร่วมโต๊ะอีก 3 คนก็เป็นแบบเดียวกัน อร่อยกว่าคุกกี้ไหน ๆ ในโลกที่เคยกินมาเลยล่ะครับ! ส่วนอีกอย่างเป็น ก้อนสีขาว ๆ คล้าย ๆ วิบครีม หรือ มูส หรืออะไรสักอย่างที่พอกินแล้วแบบมันละลายหายวับไปในปากพร้อมรสชาติ หวาน ๆ ลงตัว กำลังดี โอย ชอบ
รีวิวอันแสนจะยาวเหยียดของผมกับร้าน Nahm ร้านอาหารไทยฝีมือเชฟมิชลิน David Thompson อันนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ละกันครับ (เคยมีรีวิวที่ยาว ๆ แบบนี้ก่อนหน้านี้ก็ที่ Favola @ Le Meridien Chaing Mai ละมั้งครับ มื้อนั้นผมก็ชอบมาก ๆ) มื้อนี้ประทับใจมากครับ กินแล้วรู้สึกภูมิใจในความเป็นคนไทยขึ้นมาเลย ผมล่ะอยากให้มีร้านอาหารไทยที่พิถีพิถันในทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะวัตถุดิบ, บรรยากาศ, การบริการ, ความเป็นไทย ฯลฯ แบบนี้ในเมืองไทยเยอะ ๆ จังครับ ช่วงหลัง ๆ ผมไม่เห็นมีร้านอาหารไทยเทพ ๆ เปิดตัวขึ้นมาเลย จะมีก็แต่ร้านอาหารไทยแบบสวนอาหารที่เปิด ๆ กันขึ้นมา ซึ่งกลับกัน ร้านอาหารญี่ปุ่นเทพ ๆ ในกรุงเทพ ตอนนี้ทยอยเปิดตัวกันมามากมาย จนแบบเวลานึกอยากจะกินอาหารแพง ๆ โอกาสพิเศษ คนไทย (รวมทั้งผมด้วย) ก็ไม่อยากจะเสียเงินกับอาหารไทยกันไปแล้ว ซึ่งถ้ามีร้านแบบร้าน Nahm อยู่เยอะ ๆ ทำให้คนไทยคิดได้ว่า "เฮ้ย อาหารไทยมันก็เทพ มันก็คู่ควรจะเสียเงินนะ" แบบที่คนญี่ปุ่นก็เชิดชูอาหารตัวเอง ร้านอาหารที่แพง ๆ เทพ ๆ ในโตเกียวก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น (มื้อละเป็นแสนเยนต่อคนอะไรแบบนั้น) , แบบที่คนฝรั่งเศสก็เชิดชูอาหารของตัวเอง ว่าอาหารของเค้าสวยงาม มีชาติตระกูล ก็ไม่รู้ว่าจะได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ รึเปล่านะครับ เพราะกระแส Japan Fever ตอนนี้มันแรงเหลือเกิน ใครมีร้านอาหารไทยเทพ ๆ ในดวงใจ ก็แนะนำผมมาหน่อยนะครับ แล้วผมจะรีบบึ่งไปกินและมาเผยแพร่โดยพลันเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
tab menu นี่คือตรงไหนครับ
ReplyDeleteอยู่ที่เว็บครับ http://www.bumres.com/index.php?route=restaurant/information&restaurant_id=7842
Delete