Overall Score 8.5/10
Taste 4.5/5
Ambiance 4.5/5
Service 4.5/5
Value 4/5
Shintaro Japanese Restaurant on BumRes.com
ร้าน Shintaro ณ โรงแรม Four Seasons Bangkok โรงแรม 5 ดาวที่อยู่ยั้งยืนยงในกรุงเทพฟ้าอมรของเรามาร่วม ๆ 30 ปีแห่งนี้ ผมเคยมารีวิวมื้อเที่ยงเอาไว้แล้วสักช่วงต้นปีที่ผ่านมา พอดีบัตรสมาชิกของโรงแรมที่ผมสมัครไว้มี gift voucher พวกส่วนลดอาหาร, ไวน์ฟรี, เค้กฟรี ซึ่งผมหาโอกาสใช้มาสักพักนึงแล้ว ก็มาลงเอยถูกใช้งานเอากับมื้อเย็นที่เรียกได้ว่าจัดค่อนข้างหนักกับร้าน ชินทาโร่ ห้องอาหารญี่ปุ่นประจำโรงแรมโฟร์ซีซัน พร้อมพลพรรคอีก 3 คน
ห้องอาหาร Shintaro นั้นแม้ว่าจะเป็นห้องอาหารญี่ปุ่นประจำโรงแรม 5 ดาว แต่ก็เป็นห้องอาหารที่มีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ห้องที่ผมเคยไปมา มีโต๊ะอยู่แค่ประมาณ 10 โต๊ะและ Counter bar อีกประมาณ 10 ที่นั่งเท่านั้น ที่สำคัญและน่าจะเป็นข้อด้อยของทางชินทาโร่ต่อห้องอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ ก็คือที่นี่ไม่มีห้องส่วนตัว ซึ่งผมเรียกได้ว่า "ขาด" เป็นอย่างมากกับห้องอาหารญี่ปุ่นประจำโรงแรม 5 ดาวแบบนี้ ที่ที่หลาย ๆ คนมักจะเลือกใช้เป็นที่คุยธุรกิจ หรือต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาเป็นโอกาสพิเศษ
คราวที่แล้วที่ผมมาผมมากินแบบ set lunch ไป จำได้ว่าเป็น set lunch ที่ค่อนข้างประทับใจเมื่อเทียบกับ set lunch อาหารญี่ปุ่นร้านอื่น ๆ ที่เคยกินมา (เท่าที่นึกออกก็จะมีร้าน Nanohana @ J-Avenue ที่จะเหนือกว่า) สำหรับมื้อเย็น อาหารของร้าน Shintaro ก็จะคล้าย ๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่แค่จะลดความหลากหลายของเมนูลงมา และราคาที่จะอัพขึ้นไปตามฐานะของห้องอาหารประจำโรงแรม 5 ดาว (แต่ก็สามารถลดราคาได้ถึง 50% ด้วยบัตรสมาชิกโรงแรมแบบที่ผมทำ) มื้อนี้ผมไปกัน 4 คนก็ใช้บัตร 2 ใบคิดแยกบิลกันก็จะได้ลด 50% แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการไปนั่งที่ counter bar แทนที่จะได้นั่งที่โต๊ะแทน
มื้อนี้ประเดิมสนามกันด้วย Aoyama Sushi Combination (3,250++ บาท) ซึ่งประกอบด้วย Otoro, Chutoro, Hamachi, Salmon, Ark Shell ,Travelly(ไม่แน่ใจว่าเป็น Kampachi หรือ Shima Aji ครับอันนี้ชื่อญี่ปุ่น) และ Botan ebi มาอย่างละ 2 คำ ปลาแล่มาชิ้นใหญ่ ไม่หนาไป ขนาดเรียกได้ว่าใหญ่กำลังดี สีส้นน่ากิน จัดเรียงมาได้น่าดูชม แต่ถ้าเอาราคาเต็มของที่นี่ไปเทียบกับราคาเต็มของร้านญี่ปุ่น Premium ร้านอื่น ๆ แล้ว จานนี้แอบแพง แต่ทางโรงแรมก็คงคำนวณเผื่อการลดราคามาอยู่แล้วซึ่งพอลดราคาลงมาก็เลยไม่ค่อยแพงเท่าไร ปลาสดอร่อยดีครับ ที่เด่น ๆ ก็เป็นแซลมอน, chutoro กับ กุ้งโบตั๋น 3 อย่างนี่แหละครับ แต่อย่างอื่นก็จัดได้ว่าชั้นดีเช่นกันแค่ไม่เด่นเท่า
อาหารอย่างที่ 2 เป็นสลัดรวมมิตร (Seafood, seaweed and vegetables with soy dressing salad - 470++ บาท) จานนี้พนักงานบอกแทบทุกโต๊ะจะสั่งกันหมด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะเป็นสลัดที่ทำมาน่ากินดี แต่น่าเสียดายที่ตัวเนื้อสัตว์ที่ให้มานั้นน้อยมาก ๆ อย่างละคำสองคำเท่านั้น และตัวน้ำสลัดก็เปรี้ยวจี๊ดซึ่งผมไม่ค่อยชอบแต่เพื่อน ๆ ผมชอบกัน ที่ดีหน่อยสำหรับจานนี้คือผักให้มาเยอะและหลากหลายและสดดีครับ ไม่เหมือนกับสลัดของบางร้านที่ให้มาแค่ผักกาดแก้ว Supermarket แค่อย่างเดียว!
ส่วนอย่างที่ 3 และ 4 เป็น Roll ครับ Roll แรกคือ Spicy tuna tempura sushi (500++ บาท) อันนี้พวกผมไม่ค่อยชอบกันเท่าไร กิน ๆ แล้วเหมือนรสชาติมันผสมปนเปกันมั่วไปหมด ตัวซอส spicy ไปกลบตัวรสชาติของทูน่าจนเกลี้ยงด้วย โชคดีที่คำไม่ใหญ่ก็เลยกินกันได้หมดไม่มีปัญหาครับ ส่วน Roll อีกอันเป็น Foie gras tropical sushi (810++ บาท) อันนี้อร่อยดีทีเดียวครับ รสชาติแต่ละอันแยกกันชัดเจน และส่งเสริมกันและกัน ได้ความมันจากตับห่าน, ความหวานจากมะม่วงสุก และความสาก ๆ ขม ๆ จากเม็ดงาที่โอบล้อมข้าวอยู่ทุกอณู เพื่อนผมชอบกันทุกคนครับเจ้า Roll นี่
อย่างที่ 5 นี่จะเป็นพวก Sushi สั่งมากินเล่นครับ ไล่เรียงกันไปทีละอัน อันแรกเป็น Sear Salmon Sushi (380++ / 2 pieces) เป็นแซลมอนที่อร่อยมากครับ อร่อยแทบจะที่สุดในช่วงหลัง ๆ ที่กินมาเลย ถ้ามีการโรยไข่แซลมอนมาให้เพื่อเพิ่มรสชาติและความสวยงามอีกสัก 3-4 เม็ดนี่คงจะสมบูรณ์แบบเลยล่ะ // Tamago (110++ / 2 pieces) ที่สั่งมาเพราะเจ้าก้อนไข่มันวางเนียนอยู่หน้าผมจนอดใจไม่ไหวที่จะไม่สั่ง ธรรมดา ๆ ครับอันนี้ มาตรฐาน // Shime Saba (170++ / 2pieces) หรือซาบะดอง อันนี้ก็อร่อยยอดเยี่ยมอีกเช่นกันครับ ชอบกันทุกคน // Hotate (320++ / 2 pieces) เป็นอีกหนึ่งคำที่อร่อยยอดเยี่ยม หวาน นุ่ม ละมุน โอยคิดแล้วอยากกลับไปกินอีกรอบ และคำสุดท้าย Akami (360++ / 2 pieces) อันนี้ค่อนข้างธรรมดา ๆ ยิ่งถ้าเอาไปเทียบกับ Akami เทพของร้าน Mugendai @ The Glass ทองหล่อ นี่ยิ่งสู้ไม่ได้เลยครับ ซูชิของร้าน Shintaro @ Four Seasons Hotel Bangkok นี่ก็เหมือน ๆ ร้านอื่นครับ มีดีมีชั่ว เอ๊ย มีอร่อยและไม่อร่อยคละเคล้ากันไป เราต้องรู้เขารู้เราสั่งให้ถูกชนิดกับร้านนั้น ๆ ถึงจะคุ้มค่าเงินที่เสียไป
อย่างที่ 6 และ 7 จะเป็นประหนึ่ง Entree หรือ Main dish ครับ อย่างแรกเป็น Kurubota ยัดไส้ Uni หรือเนื้อหมูดำเอาไปชุบแป้งทอดและยัดไส้มาด้วยไข่หอยเม่นนั่นเอง (890 บาท) จานนี้ ตอนแรกก็แอบกลัว ๆ ว่ามันจะดีเหรอ จะเข้ากันเหรอ เอาไปทอดแล้วมันน่าจะทำลายความสด ความอร่อยของ Uni ไปนะ ซึ่งพอได้กินก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ ครับ Uni รสชาติเหลือแค่เหมือนเป็นเศษ ๆ แป้ง ไม่ได้มีความเนียน, นุ่ม เป็นเจลลี่แบบกินสด ๆ และตัวหมูคุโรบูตะก็ทอดมายังไม่ค่อยโดน ร้าน Tonkatsu หลาย ๆ ร้านในไทย ทำดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด จานนี้เป็น Chef's special ที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง Fail ครับ แพงและไม่อร่อย Entree อีกอย่างเป็นข้าวหน้าปลาแซลมอน (Pan grilled salmon teriyaki on sesame sauce, salmon roe on steamed rice served with miso soup - 590 บาท) จานนี้แอบ fail อีกเช่นกัน ทุกทีกินข้าวหน้าแซลมอนก็จะเจอแต่ดิบ ๆ (อันนี้ก็ลืมอ่านในเมนูไปครับ) ซึ่งเค้าคงมีเหตุผลที่แทบทุกร้านทำแบบดิบ ๆ กันเพราะว่ามันอร่อยกว่าแบบสุก ๆ นั่นเอง! เสียดายครับ จากที่กินแซลมอนมาก่อนหน้าในมื้อนี้ คิดว่าถ้าเป็นแบบดิบ ๆ จานนี้จะอร่อยยอดเยี่ยมไปเลยทีเดียว พอมาแบบสุก ๆ เลยรสชาติกลาง ๆ กินแล้วแอบผิดหวังครับ
โอ้ว เขียนเสร็จแล้วมาดูรูปลืมไปอย่างนึง และเป็นอย่างที่สำคัญมากด้วยกับจานที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้ล่ะกับ Pan-fried Atlantic cod fish with spicy cream sauce (720 บาท) หรือประมาณปลาหิมะทอดกับซอสเผ็ดนั่นเอง จานนี้ ทีเด็ดนั้นอยู่ที่ตัวซอสที่มันแบบรสชาติล้ำลึกมาก คือมีครบทุกรสชาติแต่เด่นที่ความเผ็ด เป็นซอสที่แบบเพื่อนผมเอาไปราดข้าวที่เหลือจากข้าวหน้าปลาแซลมอนกินจนเกลี้ยง ประมาณนั้นเลยอ่ะครับ ตัวเนื้อปลาก็เนื้อเนียน สด อร่อย ไม่มีที่ติครับจานนี้
อย่างที่ 8 และ 9 เป็นพวกเส้น ๆ อย่างแรกเป็น Ten zaru soba (370 บาท) หรือ Soba เย็นกับกุ้งเทมปุระนั่นเอง ดีใจมากครับที่ได้สั่งเจ้าเมนูนี้ไปเพราะเป็น Soba ที่อร่อยดีทีเดียว หาร้านในกรุงเทพที่จะทำโซบะอร่อย ๆ แบบนี้ยากครับ ชอบครับ เมนูนี้แนะนำเลย ส่วน Udon เย็นนั้น กลับไม่ค่อยประทับใจเท่าไร ร้าน Udon ราคาถูกเฉพาะทางที่เปิด ๆ มาช่วงปีนี้เช่น Yokoi Udon ทำอร่อยกว่าอย่าง รับทราบ ชัดเจนเปลี่ยนกันเลยทีเดียวล่ะครับ
ส่วนของหวานในมื้อนี้ก็มี 3 อย่าง + เค้ก Blueberry cheesecake ที่ผมใช้ gift voucher แลกฟรีมา ตัวของหวานมีอร่อยอย่างเดียวครับคือตัว Jasmine Custard (240 บาท) หรือคัสตาร์ดกลิ่นมะลิ ทางร้าน Shintaro @ Four Seasons Hotel ทำมาได้ดีจริง ๆ ครับ อร่อย รสชาติละมุนลงตัว ยิ่งกินกับ cracker ที่ให้มาด้วยนี่ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ ส่วนของหวานอีก 2 อัน Mochi and marshmellow (240 บาท) และ Matcha lava cake (240 บาท) 2 อันนี้เหมือนเป็นของหวานลูกครึ่งระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่ง (ในขณะที่เจ้า Jasmine custard นั่นดูเป็นแบบฝรั่งเพียว ๆ) รสชาติ 2 อันนี้มันก็เลยมาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ค่อยอร่อยเท่าไรครับ ส่วน Blueberry Cheescake ที่เป็นเค้กแถม ผมว่าทางโรงแรมทำมาได้ดีทีเดียว ไม่น่าแปลกใจที่เป็นเค้กของร้าน Bakery ของโรงแรมที่ขายดีเป็นประจำจนต้องมีบัตรคิว
สรุป มื้อเย็นแบบจัดหนักที่ร้าน Shintaro โรงแรม Four Seasons Bangkok นี่ก็ถือว่าค่อนข้างประทับใจนะครับ อาหารโดยรวมจัดได้ว่าอร่อย หน้าตาดี และหลาย ๆ จานที่ให้ปริมาณคุ้มค่าดี แต่ไม่รู้เพราะว่าเดี๋ยวนี้ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ premium ๆ ในกรุงเทพมันเริ่มจะมีเยอะ แล้วร้านพวกนั้นคุณภาพของเค้าก็สูงจริง ๆ ก็เลยทำให้รสชาติในมื้อนี้ของผม ไม่ได้แบบ outstanding จากมื้ออื่น ๆ ที่ไปกินในร้านพรีเมียมแบบที่ว่า ไม่รู้เป็นเพราะว่าเมนูต้องใช้วัตถุดิบ หรือปรุงมาแบบคำนวนเผื่อทั้งลูกค้ากินแบบเต็มราคา, กับลด 50% ก็เลยทำให้เมนูบางอย่างมันดูกั๊ก ๆ แบบบอกไม่ถูก หรือไม่รู้เป็นเพราะว่าร้าน premium พวกนั้นเชฟเค้าเก่งกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ร้านชินทาโร่ แห่งนี้ก็ถือว่าเป็นร้านญี่ปุ่นที่ดีอีกร้านหนึ่งประจำกรุงเทพบ้านเราล่ะครับ ยิ่งถ้ามีบัตรลด 50% แบบผมด้วยแล้ว คุ้ม!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment