Ruen Mallika - Royal Thai Cuisine - Sukhumvit 22 Bangkok Review
Overall Score 8.5/10
Taste 4.5/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3/5
Ruen Mallika - Thai Restaurant on BumRes.com (Follow this link for Menu picture and in deapth detail)
ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านต้องเคยได้ลิ้มลองอาหารในเครือของอ.มัลลิการ์กันมาไม่มากก็น้อย เพราะว่าร้านอาหารในเครือนี้มีกระจายตัวอยู่แทบจะทั่วกรุงเทพ และมีหลายระดับตั้งแต่ร้านแบบบ้าน ๆ ยันร้านแบบหรูหรา ซึ่งร้านแบบหรูหราหรือ Flagship ของทางเครือนี้ก็มีนามว่า เรือนมัลลิการ์ หรือ Ruen Mallika นั่นเองครับ ร้านเรือนมัลลิการ์นี้ก็จะมีอยู่ทั้งหมดแค่ 2 สาขาเท่านั้นในโลกใบนี้ (ว่าเข้าไปนั่น) โดยส่วนตัวผมเคยไปกินที่สาขา CDC มา บอกตรง ๆ ว่าตอนนั้นเรียกได้ว่า "เผลอหลุดเข้าไป" น่าจะเหมาะกว่า เพราะว่าใครจะไปคิดครับว่าร้านอาหารไทย ตั้งอยู่ในห้างธรรมดา ๆ จะแบบตกแต่งร้านได้ไท้ยไทย หรูหร๊า หรูหรา และขายอาหารได้ราคาแพงระเบิดระเบ้อขนาดนี้ จำได้ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีตังค์ เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ แล้วไปเจออาหารไทยเฉลี่ยจานละ 300 - 400 บาท ก็ได้แต่กรี๊ดครับ โชคดีที่วันนั้นไปกันหลายคนก็เลยได้กินหลายจานหน่อย (ลิงค์ร้านสาขา CDC)
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันหลังจากที่กลับมาจากอเมริกาหมาด ๆ ผมล่ะอยากกิ๊น อยากกินอาหารไทยแบบดั้งเดิม แล้วอยู่ดี ๆ ร้านเรือนมัลลิการ์ สาขา สุขุมวิท 22 นี้ก็แบบเด้งเข้ามาในหัว ผมก็เลยชวนเพื่อนอีก 2 หน่อไปโดนกันในทันที ร้านนี้ถ้าไม่รู้จักมาก่อน หรือถ้าไม่ได้ตั้งใจจะมากิน คงยากที่แบบจะหาร้านเจอครับ เพราะร้านตั้งอยู่ในซอยที่ไม่ค่อยมีคนขับรถผ่านเท่าไร (ดูแผนที่ประกอบ) ซึ่งก็ยังดีครับที่ทางร้านมีที่จอดรถไว้รองรับลูกค้าแบบจอดในร้านได้เลย (ร้านหรู ๆ บางร้านดันไม่มีที่จอดให้เช่น Issaya งงครับ) ตัวร้านเรือนมัลลิการ์นั้นจะเป็นเรือนไทยโบราณ มีที่นั่งอยู่หลายส่วนทั้งแบบนั่งกินแบบสมัยใหม่, นั่งพับเพียบกิน หรือว่าห้องส่วนตัวทั้งแบบนั่งพับเพียบ และแบบนั่งกินแบบสมัยใหม่ คือแบบมีครบครันหมดครับ นอกจากที่นั่งแบบห้องแอร์แล้ว ทางร้านก็ยังมีที่นั่งแบบ Al Fresco Dining หรือแบบ outdoor ไว้บริการอีกหลายโต๊ะเช่นกัน (พวกฝรั่งคงชอบกัน) ตอนแรกที่เจอร้านบอกตรง ๆ นึกว่าร้านเล็กครับ ไป ๆ มา ๆ ร้านใหญ่ดีทีเดียว รองรับลูกค้าน่าจะได้เป็น 100 คน
อาหารของทางร้านนี้ตามที่เกริ่น ๆ ไปว่าเป็นอาหารไทยแบบไทยแท้ ๆ ไม่มีการมา fusion ฟิวเชิ่นอะไรให้เสียอารมณ์ความเป็นไทย อาหารบางอย่างเป็นอาหารเก่าแก่ หากินยาก และอาหารของร้านนี้จะใช้วัตถุดิบเกรด Premium มาทำทั้งนั้น เช่น กุ้งก็กุ้งแม่น้ำ, ปลากระพงก็ปลาตัวใหญ่ ๆ , เนื้อวัวก็ใช้เนื้อวากิว อะไรประมาณนี้ เนื่องด้วยเหตุนี้ และเนื่องด้วยการบริการที่แบบพนักงานทุกคนจะใส่ชุดไทย และทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้หมด บวกกับบรรยากาศร้านที่แบบไม่ใช่ร้านกะโหลกกะลาทั่วไป เมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน อาหารของทางร้าน เรือนมัลลิการ์ นี่ก็เรียกมีราคาที่ค่อนข้างแพงครับ คืออาหารจานละ 300 - 500 บาทโดยประมาณ ถ้าแบบมากินแบบจัดเต็มจัดหนักมื้อเย็นก็น่าจะสักคนละ 1,000 - 1,500 บาทถึงจะอิ่มกำลังดีล่ะครับ
อาหารในมื้อนี้ค่อนข้างจัดหนักจัดเต็มครับ เพราะแบบผมไม่ได้กินอาหารไทยมานานเลย Request ขอเยอะ ๆ หน่อย อาหารจานแรกในมื้อนี้เริ่มต้นด้วย ฉันชื่อบุษบา (A variety of deep fried flowers) - 500 Baht อาหารชื่อเก๋ไก่ ยังกะเนื้อร้องในทำนองเพลงชื่อดังเพลงนึงจานนี้มีสาเหตุที่ตั้งชื่อแบบนี้เพราะว่าอาหารทุกอย่างในจานทำจากดอกไม้ทั้งหมด โดยดอกไม้เหล่านี้บางอันผมไม่คิดว่ามันจะกินได้ด้วยซ้ำ (เช่นดอกลีลาวดี) และบางอันก็เคยกินเล่น ๆ ตอนเด็ก ๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีคนเอามาทำเป็นอาหารจริงจัง (เช่น ดอกเข็ม) จานนี้พนักงานบอกว่าดอกไม้จะเปลี่ยน ๆ ไปแล้วแต่วัน บางวันก็ไม่มีพอจะเสิร์ฟลูกค้าด้วยซ้ำเพราะว่าจะเด็ด ๆ กันเอามาจากในสวนของทางร้านนี่แหละ ซึ่งโชคดีวันที่ผมไปมีค่อนข้างครบครับมีทั้งหมด 6 ดอกแน่ะ ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่ามีดอกอะไรบ้าง เพราะเอาจริง ๆ แต่ละดอกรสชาติมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก มันจะเป็นดอกไม้เอาไปชุบแป้งทอดหมด แต่ละคำก็แบบกรอบ ๆ นุ่ม ๆ แล้วก็จิ้มกับน้ำจิ้มไก่ ซึ่งก็ลงตัวดี จานนี้เรื่องความบรรเจิดและความสวยงามนี่เอาไป 10 กะโหลกเต็ม ส่วนเรื่องรสชาติมัน.. ไม่มีรสชาติอ่ะครับ ฮ่า ๆ เหมือนกินเทมปุระ แต่เป็นเทมปุระจืด ๆ อะไรประมาณนั้น ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ แค่ว่ากินเทมปุระแบบเนื้อกุ้งเด้ง ๆ , เนื้อปลานุ่ม ๆ มันอร่อยกว่ากินดอกไม้แค่นั้นเอง
อาหารจานที่ 2 เป็น น้ำพริกไข่ปู (Spicy crab egg paste with assorted vegetables - 500 Baht จานนี้สวยงามอลังการพอ ๆ กับจานแรก ให้ผักมาเยอะเต็มจาน เรียงรายเป็นดาวล้อมเดือนตัวน้ำพริกและฟักทองมาเลย ผักแต่ละอันนี่แค่มองก็รู้แล้วว่ามันสดมาก เพราะแต่ละอันเขียว, ฉ่ำ สีสวยแบบคงไม่รู้จะไปหาสดกว่านี้ได้จากไหนแล้ว ตัวน้ำพริกก็รสชาติดีครับ เผ็ดนิด ๆ เค็มหน่อย ๆ กำลังดีเลย น่าเสียดายที่ให้น้ำพริกมาน้อยมาก เอาผักจิ้ม ๆ กินสักครึ่งถาดน้ำพริกก็หมดไปก่อนแล้ว หลัง ๆ เลยเป็นการ "จกสด" กินผักเปล่า ๆ แทนซึ่งก็โชคดีที่ผักมันสด มันเลยหวานอร่อยในตัวมันเองครับ
อาหารจานที่ 3 เป็น ห่อหมกขนมถ้วย (Fish and crab meat souffle) - 350 Baht จานนี้ไม่มีอะไรมากครับ จะเด่นก็ตรงทำมาเป็นห่อหมกพอดีคำกินง่าย ๆ สบาย ๆ ส่วนเรื่องรสชาติ ผมว่าผมเคยกินอร่อยกว่านี้มาหลายร้านนะ แต่ทีเด็ดของมื้อนี้เอาจริง ๆ กลับเป็นอาหารจานเล็กที่สุดครับกับ อาหารอย่างที่ 4 ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง (Steamed egg topped with pork, shrimp and "thousand years" egg) - 180 Baht จานนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ คือเป็นไข่ตุ๋นแบบไทย ๆ ที่อร่อยที่สุดในชีวิตผมเลยละกัน ตัวไข่เนื้อเนียนนุ่มมาก และหมูสับกับไข่เยี่ยวม้าที่ให้มาก็แบบผสมผสานลงตัวกับตัวไข่ที่ปรุงรสมาแบบเค็ม ๆ นิด ๆ เป็นอย่างดี กินไปแต่ละคำนี่ได้แต่แบบ เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ จนหมดถ้วยในพริบตาครับ ชอบบบบบ
อาหารจานที่ 5 เป็น ต้มข่าปลาสลิดใบมะขามอ่อน (Hot & Sour coconut cream "Tom-Kha" soup with tamarind leaves and dried fish) - 450 Baht จานนี้พนักงานบอกว่าเป็นอาหารโบราณ สมัยนี้ไม่มีใครเขาเอาปลาสลิดมาใส่ต้มข่ากันแล้ว แต่จริง ๆ คือสมัยก่อนเค้าจะใช้ปลาสลิดกัน อืม ผมก็ไม่ใช่แฟนต้มข่าซะด้วยเลยไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไรว่าร้านอื่นมันมีต้มข่าปลาสลิดรึเปล่า (ผมเป็นแฟนแกงป่า) จานนี้หน้าตาตอนเห็นแว่บแรกนี่แบบผู้ดี๊ ผู้ดีครับ เป็นแกงที่แบบ อ่ะนะ ทำไมมันดูดีจัง ไม่ว่าจะตัวสีน้ำแกง หรือตัวองค์ประกอบที่ลอย ๆ อยู่ในแกง เห็นแล้วแบบมันรู้สึกถึงความปราณีตของแม่ครัวที่ทำมาเหลือเกิน ส่วนรสชาตินั้นก็เป็นต้มข่าที่ดีมาก ๆ ครับกินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยดีแท้ แต่บอกตรง ๆ ว่าปลาสลิดมันก็เป็นปลาที่ไม่ค่อยมีเนื้ออยู่แล้ว มันไม่น่าจะเหมาะเอามาทำแกงรึเปล่าน่าจะเอาไปทอด ๆ กินเล่นซะมากกว่า เพราะแบบพอเป็นแกงแล้วมันอยากจะแบบกินแต่ละคำ ๆ แล้วเจอเนื้อเยอะ ๆ และไม่ต้องพะวงก้างด้วยอะไรแบบนี้
ส่วนอาหารจานสุดท้ายเป็น พล่าเนื้อ (Spicy "Plaa-style" beef salad) - 400 Baht ที่ราคาแพงแบบนี้พนักงานบอกว่าเนื่องจากทางร้านเรือนมัลลิการ์ใช้เนื้อวากิวทำก็เลยแพง ซึ่งถ้าถามผมเอาเนื้อดี ๆ มาทำยำมันก็ไม่ต่างอะไรกับเอาเนื้อกะโหลกกะลามาทำยำนะ เพราะว่ารสชาติของเนื้อมันโดนกลบด้วยความเผ็ดและสมุนไพรจนแทบจะไม่เหลือรสเนื้อแล้ว รวมถึงเนื้อวากิวที่ทางร้านเลือกมาผมไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนไหน แต่แบบกินแต่ละคำแล้วเนื้อยังไม่ค่อยนุ่มเท่าไร ไม่รู้ว่าย่างมาสุกเกินไป หรือว่าเลือกเนื้อส่วนที่ไม่ดีมา แต่เรื่องการปรุงออกมาเป็นรสชาติยำทำได้ดีครับ มาเต็มหมดทั้ง 5 รสเลย
สรุป ร้าน เรือนมัลลิการ์ - สุขุมวิท 22 ร้าน Flagship ของเครือร้านอาหารมัลลิการ์นี่ก็เป็นร้านที่ทำทุก ๆ อย่างมาได้สมกับเป็นร้านเรือธงของเครือครับ ไม่ว่าจะบรรยากาศร้านที่มาไทยจ๋าจริง ๆ ทั้งโต๊ะ, เก้าอี้, การนั่งกิน หรือว่าตัวพนักงานที่ใส่ชุดไทย ทุกอย่างมาเต็มแบบไทยมาก ๆ , การบริการที่ดีใส่ใจลูกค้าประดุจโรงแรมห้าดาว และตัวรสชาติอาหารที่ทำมาแบบไทย ๆ รสไทยจริง ๆ ไม่ได้ง้อลูกค้าต่างชาติต้องปรับรสให้อ่อนลงแต่อย่างใด (ซึ่งถูกใจพวกผมมาก) แต่อาหารบางอย่างก็ตามที่เขียน ๆ ไปรู้สึกว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ รวมถึงราคาอาหารมันก็แพงไปสำหรับคนไทยที่อยากจะกินอาหารไทยดี ๆ สักมื้อนึง แต่ก็นะ เราเสียเงินพอ ๆ กันกับร้านอิตาเลียน, ร้านญี่ปุ่นได้ อาหารของชาติเรา เราก็น่าจะเสียให้ได้เหมือนกันว่ามั้ยครับ?
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment