Le Beaulieu - Traditional French Restaurant at Plaza Athenee Tower Bangkok
เลอ เบอลิเออร์ ร้านอาหารฝรั่งเศส ถนนวิทยุ
Overall Score 8.5/10
Taste 4.5/5
Ambiance 4/5
Service 3/5
Value 3/5
Le Beaulieu - French Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้าน Le Bealieu ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไรและผมสะกดเป็นไทยถูกมั้ยร้านนี้ก็เป็นร้านที่เคยได้รับโหวตให้เป็น The Best French Restaurant in Bangkok by CNNGO เมื่อสัก 2-3 ปีก่อน ร้านนี้ได้หายหน้าหายตาไปจากวงการอยู่หลายเดือนเนื่องจากว่าร้านได้ย้ายตัวเองจากบริเวณอโศก (สุขุมวิท 19) มาอยู่ที่ Plaza Athenee Tower ตึก Office สำนักงาน (รึเปล่า?) ที่อยู่ติดกับโรงแรม 5 ดาวชื่อดัง Plaza Athenee บนถนนวิทยุ ผมไม่รู้ว่าทำไมร้านนี้ถึงต้องย้ายทำเลจากที่เดิมมาที่แห่งใหม่ แต่ถ้าให้เดาก็คือทำเลร้านใหม่ใหญ่กว่าเดิม Prime กว่าเดิม(?) และมีที่จอดรถสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ร้าน Le Bealieu นี้ ตอนแรกที่ย้ายมาได้เปิดเฉพาะส่วนที่เป็นร้นของหวาน, ร้านคาเฟ่ ขึ้นมาก่อนนามว่า LB Patisserie ซึ่งผมก็ได้มากินเจ้าร้านขนมที่ว่านี่เมื่อสักหลายเดือนก่อนและตอนนั้นตัวร้านอาหารหลักกำลังก่อสร้างอยู่เลย แต่กับครั้งนี้ที่ไปตัวร้านได้สร้างเสร็จพร้อมสรรพครบหมดแล้ว ซึ่งพอเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะประกอบด้วย 3 ส่วนคือส่วน LB Patisserie , Le Bealieu Restaurant และอีกส่วนที่น่าจะเป็นส่วน Terrace หรือ Al Fresco Dining ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าส่วนที่ 3 นี่ใช่ตามที่ผมเขียนมั้ย แต่จำได้ว่าตอนที่มากินเค้กเมื่อหลายเดือนก่อน เชฟเจ้าของร้านชาวฝรั่งเศสร่างท้วม ตุ้ยนุ้ย น่ารัก เคยบอกเอาไว้ว่าพอสร้างเสร็จแล้วจะมี 3 ส่วน เหตุที่ผมไม่แน่ใจว่ามีส่วนที่ 3 รึเปล่าก็เพราะว่าผมไม่เห็นส่วนที่ 3 นั่นเอง!?!
ผมจำได้ว่าร้านสาขาเก่าที่อโศกนั้นตัวร้านก็ว่าสวยงาม หรูหรา ดูดีมีชาติตระกูลดีล่ะ สาขาใหม่ก็ทำได้สวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ว่าบรรยากาศร้านนั้นจะแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ร้านเก่าถ้าไปตอนกลางวันร้านจะสว่าง ๆ โปร่ง ๆ โล่ง ๆ แล้วก็จะเน้นโทนขาว ๆ ซะเยอะแต่กับร้านใหม่นี่ผมว่าไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นก็จะให้อารมณ์ที่แบบขรึม ๆ กว่ามืด ๆ กว่า เพราะร้านไม่ค่อยได้รับแสงจากภายนอกสักเท่าไร ตัวร้านตกแต่งสวยงามมีแบ่งเป็น 2 ชั้น มีทั้งห้องส่วนตัวและโต๊ะธรรมดา และก็มีบาร์ขนาดเล็กให้สำหรับคนที่กะจะมาดื่มอย่างเดียวด้วย ส่วนเรื่องการบริการจำได้ว่าสาขาเก่านั้นบริการได้เทพมาก ประดุการบริการแบบใส่ใจทุกรายละเอียดยิบย่อยไม่ว่าจะมาดเด็กเสิร์ฟ, ความรวดเร็วของอาหาร และอะไรต่าง ๆ นา ๆ เรียกได้ว่า Top Notch หมด แต่กับร้านใหม่นี่ รู้สึกการบริการจะ down ๆ ลงไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะตัวอาหารที่เรียกได้ว่าทำได้ค่อนข้างช้าไม่ทันใจ และเด็กเสิร์ฟที่ยังดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวสักเท่าไร แต่ก็อาจจะเป็นเพราะร้านเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานรึเปล่า หลาย ๆ อย่างก็เลยยังไม่ลงตัว คือการบริการก็ไม่ได้ยาก แต่แค่ร้านเก่านั้นทำไว้ได้ดีมากก็เท่านั้น
อาหารของทางร้านนี้แม้ว่าจะย้ายร้านมาแล้ว ทุกอย่างก็ยังคง concept เดิมอยู่คือจะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบ Traditional ยังคงมี Set Lunch ที่ราคาไม่ค่อยแพงเท่าไร (เมื่อเทียบกับร้านฝรั่งเศสระดับบนอื่น ๆ ในกรุงเทพ ที่ราคา 3 Course 695++ บาท) และเมนู a la carte มื้อเย็นที่เน้นวัตถุดิบนำเข้าจากฝรั่งเศสและมีให้เลือกไม่เยอะนัก แต่กับวันที่ผมไปเป็นวันพิเศษ วันพ่อแห่งชาติ เมนูก็เลยกลายเป็นเมนูพิเศษ Father's Day Menu (1,250++ บาท) ที่ประกอบไปด้วยอาหาร 4 Course + ชา,กาแฟ และมีให้เลือก Course ละ 2 อย่างไปแทน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทางร้าน Le Bealieu จะนำเมนูวันพ่อนี้ไปใช้อีกในวันไหนอีกรึเปล่า แต่ถึงจะไม่ใช้เมนูนี้ก็พอจะเป็นแนวทางกับเมนูวันพิเศษของร้านนี้ในวันอื่น ๆ ได้นะผมว่า
Appetizer ในมื้อนี้อย่างแรกเป็น Fines de Claire No. 3 หรือหอยนางรมฝรั่งเศสสักพันธุ์นึง (ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีกี่พันธุ์ และตัว No. นี่บ่งบอกถึงขนาดของหอยรึเปล่า) ก็เป็นหอยนางรมตะวันตกขนาดมาตรฐานที่หน้าตาดูดีและจัดใส่จานมาอย่างดี กลิ่นของหอยนางรมนั้นหอมดีมาก ดมแบบใกล้ชิดแล้วได้กลิ่นน้ำทะเลหอม ๆ ดี ส่วนตัวรสชาติก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากครับ เหมือนกับผมเคยกินที่สดกว่านี้ หวานกว่านี้ อร่อยกว่านี้มานะ แต่แบบถ้าคิดว่าเจ้าหอย 6 ตัวนี่ราคาสัก 400 บาทแล้วก็เรียกได้ว่าค่อนข้างคุ้มค่าคุ้มราคาดีทีเดียว
Appetizer อย่างที่ 2 เป็น Foie Gras Terrine - Apple Chuney คือเจ้าฟัวกราส์ เทอรีน แม้ว่าผมจะกินมาไม่ค่อยเยอะ แต่ก็กินมาแทบจะทุกร้านฝรั่งเศสที่เคยไปมาแล้วในกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเจอแต่ Fail ๆ เนื้อเหม็นบ้าง รสชาติแย่บ้าง texture ไม่ดีบ้าง แต่กับของร้าน Le Beaulieu นี่เรียกได้ว่าทำมาได้ดีมากครับ รสชาติดีลงตัว ไม่เหม็นสาบ และ texture เป็นแบบเหมือนกินเนื้อตับจริง ๆ ไม่ใช่เศษแป้งลุ่ย ๆ เหมือนบางร้าน
อาหาร Course ที่ 2 นั้นจะเป็นจานปลา อย่างแรกเป็น Atlantic Cod Fish - Rocket Bouillon หรือปลาค็อดที่ไม่ใช่ปลา Black Cod หรือปลาหิมะแบบที่นิยมเสิร์ฟกันตามร้านยุโรปสมัยนี้ ตัวปลาค็อดนี้ความสด ความนุ่มของเนื้อปลาและกรรมวิธีการทำให้สุกนั้นไม่เป็นปัญหาเลย ทุกอย่างทำมาได้ดีหมด มันจะแย่เอาก็ตรงซอสนี่แหละครับ ซอสมันเป็นซอสผัก, Pesto Sauce อะไรเทือกนั้นซึ่งไร้รสชาติ มีรสขมอ่อน ๆ คือแบบซอสไม่อร่อยเลย เสียดายตัวเนื้อปลาที่อุตส่าห์ทำมาดี
ส่วนจานปลาอย่างที่ 2 คือ Grilled Seabass - Artichoke Puree, Beurre Blanc จานนี้คนละเรื่องกับตัวปลาค็อดครับ อร่อยครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้งจาน ทั้งตัวเนื้อปลาที่สดอร่อย, ตัวซอสที่มาแบบเผ็ด ๆ นิด ๆ แต่จริง ๆ แล้วรสชาติค่อนข้างซับซ้อนมากไม่รู้ใส่อะไรไว้ จานปลากะพงนี่คนบนโต๊ะทั้ง 4 หัวชอบกันหมดครับ
อาหาร Course ที่ 3 เป็นอาหารจานบนบกบ้าง อย่างแรกเป็น Slow - Cooked Oysters Blade - Ratte Potatoes, Truffle Jus คือตอนแรกที่อ่านในเมนู ผมก็นึกว่ามันคือหอยนางรมอะไรสักอย่าง แต่ที่ไหนได้มันคือเนื้อวัวส่วนสันคอครับ ซึ่งรู้สึกว่าจะเป็นศัพท์ที่แถว ๆ ยุโรปใช้เรียกกันกับเนื้อส่วนนี้ จานนี้มาเป็นก้อนกลม ๆ คล้าย ๆ กับเนื้อ Tenderloin หรือ Fillet Mignon พอเห็นเนื้อลักษณะนี้ ก็เลยคาดหวังว่าเนื้อมันจะต้องนุ่ม ละลายในปาก อะไรเทือกนั้น แต่พอกินแล้วเปล่าเลยครับ เนื้อมันออกแนว เหนียว ๆ แล้วก็เนื้อแตกร่วน ๆ ซะมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะว่าทำมาไม่ดี คือตุ๋นมาไม่พอ ทำให้สุกมาไม่นานพอ หรือว่าเนื้อส่วนนี้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ตัว texture เนื้อไม่ค่อยผ่านเท่าไร ส่วนตัวซอสนั้นก็จะเป็นซอสเค็ม ๆ ตามประสาซอสเนื้อซึ่งก็พอไหวแต่ก็ยังไม่ค่อยโดนใจสักเท่าไรครับ
อาหารจากบกจานที่ 2 นั้นเป็น Roasted Baby Chicken - Sauteed Wild Mushrooms, Rosemary and Lemon Jus หรือเนื้อลูกไก่เอาไปย่างแล้วก็ราดซอสมานั่นเอง จานนี้ถ้าให้เทียบกับจานเนื้อผมว่าอร่อยกว่าจานเนื้อนะ แต่ก็ยังไม่ได้อร่อยมากมายกินแล้วร้องกรี๊ดอะไรประมาณนั้น เนื้อไก่ยังไม่นุ่ม ไม่ฉ่ำ ไม่โดนใจพอ ส่วนตัวซอสก็มาแนวฝรั่งเศส ๆ ค่อนข้างจืด ๆ ไร้รสชาติไปนิด แต่โดยรวมก็ดีครับเป็นจานที่ไม่ค่อยพอเจอสักเท่าไรกับลูกไก่และซอสสไตล์นี้
ของหวานในมื้อนี้จริง ๆ ตามเมนูวันพ่อจะมีให้ 2 อย่างคือ Grand Marnier Souffle - Tahitian Vanilla Ice Cream และ Mixed Sorbet - Organic Cantaloupe แต่แบบเพื่อนผมถามว่าเลือกอย่างอื่นได้มั้ย ไป ๆ มา ๆ ก็เลยได้เป็นของหวาน 4 อย่างไม่ซ้ำกันซึ่ง 2 อย่างที่ได้เพิ่มก็เป็น Creme Brulee อันนึง กับขนมหวานฝรั่งเศสอีกอันนึงซึ่งผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร น้อยครั้งที่ผมมากินอาหารตะวันตกแล้วจะมาลงเอยประทับใจกับของหวาน ส่วนใหญ่ของหวานมักจะ Fail ผมอยู่เสมอกับอาหารตะวันตก แต่ครั้งนี้กับร้าน Le Beaulieu เป็นหนึ่งใน Rare Occasion จริง ๆ ครับเพราะว่าของหวานทั้ง 4 อย่างอร่อยหมด อร่อยแบบกินแล้วอยากกินอีก ทุกอย่างมาลงตัวมาก ไม่ว่าจะรสชาติ, กรรมวิธีการทำ, ผลไม้หรือ sorbet ที่เสิร์ฟมาคู่กัน ทุกอย่างเหมือนผ่านการคิดไตร่ตรองมาก่อนแล้วไม่ใช่แบบวางมาแบบมั่ว ๆ ไม่รู้จะบรรยายอะไรมาก เอาเป็นว่า ก่อนหน้านี้ที่ไปกินที่ร้านของหวานของทางร้าน LB Patisserie ผมก็ชอบมากมาแล้วไม่ว่าจะตัวเค้กที่หน้าตางดงามและรสชาติที่โดนใจ มาเจอย้ำเข้าไปจุดเดิมที่เคยประทับใจในมื้อนี้อีก สรุปคือร้าน Le Beaulieu นี่น่าจะทำของหวานเจ๋งจริงอะไรจริงนะครับเนี่ย (มิน่าเชฟเจ้าของร้านเลยอ้วน ตุ้ยนุ้ยเหลือเกิน)
สรุป มื้อนี้ค่อนข้างประทับใจครับ กับมื้อเที่ยงในวันพ่อ กับเมนูวันพ่อที่มากินกับเพื่อน ๆ แทนมื้อนี้ แม้ว่าการบริการของทางร้านจะด้อยลงไป แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ , แม้ว่าอาหารจะมีจานที่ธรรมดาบ้าง, ไม่อร่อยบ้าง แต่ก็มีจานที่อร่อยเยอะกว่าแบบชัดเจน (โดยเฉพาะของหวาน) ร้านนี้ก็ไม่แปลกครับที่แม้ว่าจะย้ายทำเลก็แล้ว, ปิดไปหลายเดือนก็แล้ว แต่วันที่ผมไป ลูกค้าก็ยังคงคับคั่งอยู่ไม่เสื่อมคลาย แต่เอาจริง ๆ แล้ว ถ้ามาคราวหน้า ผมมากินเค้กน่าจะโป๊ะเชะกว่านะเนี่ย!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment