เขยใหญ่ ซีฟู้ด ร้านอาหารไทย อาหารทะเล กระบี่ อำเภอเมือง
Koey Yai Seafood - Thai Seafood Restaurant Krabi Thailand
Overall Score 9.5/10
Taste 5/5
Ambiance 3/5
Service 3/5
Value 3.5/5
เขยใหญ่ ซีฟู้ด ร้านอาหารทะเล on BumRes.com (for more photos and menu)
รีวิวหลังจากนี้อีก 6 ร้านก็จะเป็น BumRes สัญจร ภาค ตะลุยกินถิ่นกระบี่ กันนะครับ ไปกระบี่(และภูเก็ตงวดนี้) ก็จะเป็นร้านอาหารแบบไม่ใช่ร้านของนักท่องเที่ยวซักเท่าไร เพราะเป็นร้านที่เพื่อนผมที่เป็นคนกระบี่พาผมไปกินเองทุกร้านเลย ซึ่งส่วนใหญ่จากประสบการณ์ เวลาคนท้องถิ่นพาไปเองทีไร มันจะประทับใจจอร์จทุกที ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน เอาแค่ร้านแรกก็แทบจะสำรอกออกมาแล้วเพราะยัดเข้าไปเยอะมาก เพราะมันอร่อยมากและถูกมาก มาเริ่มร้านแรกกันเลยดีกว่าครับ
ร้านแรกในทริปนี้ก็เป็นร้านที่แบบ พวกผมต้องทนหิวไม่กินข้าวเย็นกันเพราะกว่าเครื่องบินจะถึงกระบี่ กว่าจะไปถึงร้านก็เป็นเวลา 3 ทุ่มพอดีแล้ว ความอร่อยของร้านนี้มันก็เลยอาจจะสูงกว่าปกติเล็กน้อยเนื่องจากความหิว แต่ผมว่าก็ไม่น่าเกี่ยวสักเท่าไรเพราะว่าจานหลัง ๆ แม้ว่าจะอิ่มจนแทบอ้วกแล้วก็ยังคงอร่อยจนอยากจะกินต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าความจุกระเพาะมันเป็นอนันต์อยู่ดี ร้านแรกนี้มีนามว่าร้าน เขยใหญ่ ซีฟู้ด เส้นทางการเดินทางไปยังตัวร้านผมไม่ทราบนะครับ รู้แค่ว่าอยู่ในอำเภอเมือง กระบี่ ก็ลอง ๆ ดูแผนที่ตามที่ลงไว้ละกันเพราะว่า Mark เอาไว้แล้ว
ตัวร้านเขยใหญ่ ซีฟู้ด นี่ก็เป็นร้านอาหารบ้าน ๆ เป็นร้านที่เหมาะทั้งการมากินข้าวเฉย ๆ หรือมากินข้าวแกล้มเหล้า หรือว่าจะกินแต่เหล้า(เบียร์) ก็โอเค เพราะว่า ร้านเปิดทำการตั้งแต่ 17.00 ยัน ตี 3 และลูกค้าหลาย ๆ โต๊ะที่มาก็มีครบทุกรูปแบบที่ผมว่าไป ส่วนโต๊ะพวกผมก็คงเป็นรูปแบบ 2 แบบอ่อน ๆ เพราะเน้นข้าวแต่ก็มีเบียร์มาช่วยเสริมรสให้อร่อยขึ้นได้อย่างเก๋ ๆ อาหารของทางร้านนี้ก็ตามชื่อร้านเลยครับ จะเป็นอาหารไทยแบบเน้นอาหารทะเล ตัวอาหารก็มีทั้งอาหารใต้ และอาหารกลาง ครบครันและมีให้เลือกเยอะเกินพอ ส่วนราคา ผมไม่รู้ว่ามันแพงมั้ย เพราะราคาก็พอ ๆ กับร้านบ้าน ๆ ที่กรุงเทพ แต่จะได้ความสด, ปริมาณ และความเป็นเนื้อเป็นหนังของอาหารทะเลมาแทน อาหารของร้านนี้ก็รอไม่ค่อยนานครับ ถ้าเราสั่งไปรวดเดียว เพราะร้านนี้เค้าจะทำตามบิล ทำเสร็จโต๊ะนึงก็จะไปทำต่ออีกโต๊ะนึง และพอดีลูกค้าแต่ละโต๊ะที่มานี่จะมาแต่โต๊ะใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เวลาสั่งอาหารก็ควรจะสั่งไปรวดเดียวเลย ไม่ควรมาสั่งเพิ่มทีหลัง เพราะว่าอย่างโต๊ะผม อาหารชุดแรกนี่มาเร็วมาก แต่พอสั่งเพิ่มเท่านั้นล่ะ รอคิวโคตรนาน เพราะต้องไปทำอาหารให้โต๊ะอื่นก่อน (ซึ่งกลายเป็นว่า นั่งรอไปนั่งรอมา อิ่มไปแล้ว ก็เลย cancel ซะเลย)
อาหารจานแรกในมื้อนี้เป็น แขนงหมูกรอบ (70 บาท) อาหารไทยแบบบ้าน ๆ ที่กินได้เรื่อย ๆ ไม่รู้ลืม ร้านเขยใหญ่ แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารใต้ แต่เค้าก็ทำอาหารกลางจานนี้ออกมาได้อร่อยกลมกล่อม จนพวกผมแย่งกันกินหมดอย่างรวดเร็ว ผักแขนง นุ่มมาก ๆ ผัดมาอย่างยอดเยี่ยม เพราะผักมาแบบยังกรอบนิด ๆ นุ่ม ๆ และก็ยังรักษา texture ได้ดี ตัวซอสก็ลงตัว เค็ม ๆ เผ็ด ๆ จะมีให้ติก็แค่หมูกรอบที่น่าจะเป็นหมูกรอบค้างคืน หรือของเก่าแล้ว เพราะมันไม่กรอบตามชื่อของมัน
อย่างที่ 2 เป็น หมูผัดสะตอ (100 บาท) อาหารใต้แบบมีกลิ่นอายภาคอื่นผสมเล็กน้อย จานนี้ก็เป็นอีกจานที่รสชาติยังเบา ๆ กินเปล่า ๆ ก็ได้หรือจะกินกับข้าวสวยก็ดี สะตอไม่เหม็นมาก ตัวหมูก็เลือกส่วนไหนมาไม่ทราบเนื้อนุ่มดี ข้อเสียก็คงเป็นมันแห้งไปนิด ถ้ามาแบบน้ำเยอะ ๆ นี่กินแต่ละคำน่าจะอร่อยกว่านี้
อาหารอย่างที่ 3 เป็น กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่ (300 บาท) เป็นอาหารจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เนื่องจากว่าทางร้านให้มาเยอะและทำมาอร่อยมาก เป็นผงกะหรี่, การผัดผงกะหรี่ที่ perfect ที่สุด ไม่รู้จะไปหาข้อติอะไร ผัดผงกะหรี่ที่ทำได้อร่อยขนาดนี้ในกรุงเทพก็ว่าหายากแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอในร้านต่างจังหวัดแบบบ้าน ๆ ร้านนี้ จุดเด่นอีกอย่างของจานนี้นอกจากรสซอสผงกะหรี่ที่อร่อยสุด ๆ ก็คือตัวเนื้อปูที่เป็นส่วนกรรเชียงปูที่มาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง ตักแต่ละคำจะได้เนื้อปูมาในแต่ละคำที่ตัก กินเพลิน อร่อยแท้
อาหารอย่างที่ 4 เป็น ปลากระพงกระเพรากรอบ (390 บาท) จานนี้แอบผิดหวังตรงตัวปลามันเล็กเมื่อเทียบกับราคา คือราคาเท่านี้ บางร้านในกรุงเทพนั้นจะได้แบบตัวเกือบกิโลก็มี แต่ปลากะพงที่ได้ในจานนี้น่าจะสัก 6-7 ขีดเต็มที่ ตัดเรื่องราคาออกไป การปรุงรสนั้นทำมาได้ดีมาก เนื้อปลากรอบอร่อยสุด ๆ และเนื้อปลาสดสมกับเป็นร้านอาหารทะเล ตัวใบกระเพราก็ผัดมากรอบ ๆ แต่ละคำที่กินนี่ได้ความกรอบของทั้งเนื้อปลา, ใบกระเพรามาเสริมให้ยิ่งกรอบกันเข้าไปอีก เยี่ยมครับ
อาหารอย่างที่ 5 เป็น ปลาจาระเม็ดหม้อไฟ (900 บาท) จานนี้ตอนทางร้านยกมาก็ไม่ทราบราคาหรอกครับ ตอนแรกก็เดาเอาไว้น่าจะสัก 800 บาท ก็ผิดจากที่คาดไปหน่อย แอบแพงไปนิด แต่เมื่อคิดถึงขนาดของปลาจาระเม็ดที่มันตัวใหญ่เต็มจานเปล, ตัวใหญ่เกือบ ๆ เท่าปลาเต๋าเต้ยแล้ว ก็พอจะให้อภัยได้เล็กน้อย ตัวเนื้อปลานั้นมาขาวเนียนและดูสดมากจนผมอยากจะกินแบบซาซิมิ แต่ว่าโดนเพื่อนห้ามไว้ เพราะแบบกว่าตัวหม้อไฟจะยกมาก็ปาเข้าไปหลายนาที ต้องเล่นสงครามวัดใจว่าจะกินดิบหรือรอกินสุกจนเหนื่อยเลย ก็พอหม้อไฟมาปุ๊บ ก็คีบเอาเนื้อปลาจาระเม็ดที่แล่เอาไว้พอดีคำแล้ว ไปสะบัด ๆ ให้พอสุก ให้เนื้อจากที่แบน ๆ เละ ๆ แข็งตัวและโค้งงอขึ้นมา แล้วก็จับเอาเข้าปาก โอ้ววว สวรรค์ครับ รสชาติที่ได้กินคำแรก ปลาเนื้อนุ่ม สด อร่อย น้ำซุปก็รสชาติประมาณน้ำซุปจีน ๆ , น้ำข้าวต้มประมาณนั้น เข้ากันดีกับเนื้อปลาสุด ๆ เป็นอีกหนึ่งจานที่ถ้าไม่ติดเรื่องราคาก็คงจะสั่งเบิ้ลกันมาอย่างแน่นอน
อาหารอย่างที่ 6 เป็น ยำสามกรอบ (100 บาท) จานนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหนสั่งเหมือนกัน เพราะถ้ารู้คงจะต้องขอไปตบกบาลสักหน่อย เพราะว่ามันไม่ค่อยอร่อยเท่าไร และมันก็เป็นยำแบบภาคกลางที่หากินในกรุงเทพได้เกลื่อนกลาดไป แต่ก็เป็นอาหารรสเผ็ด ๆ ที่มาตัดกับอาหารจานอื่นที่ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไรได้อย่างลงตัว
อาหารอย่างที่ 7 เป็น ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย (240 บาท) ผมเข้าใจว่าปูนิ่มนั้นจริง ๆ ไม่ได้มีการเลี้ยง หรือการจับกันแถวภาคใต้สักเท่าไร น่าจะเป็นแถวภาคตะวันออกที่ทำกัน ก็เลยทำให้จานนี้ ปูนิ่มที่ได้มันรสชาติยังไม่ค่อยสดนัก และตัวก็เล็ก ๆ แบบพบเจอได้ทั่วไป ยังดีที่แม่ครัวของทางร้านฝีมือฉมัง ทอดและผัดกระเทียมพริกไทย มาได้อย่างอร่อยลงตัว จนกินกระเทียมเปล่า ๆ ก็ยังอร่อยเลย
อาหารอย่างที่ 8 เป็น ปูม้าดอง (200 บาท) อาหารจานนี้ผมไม่เคยกินมาก่อน อาจจะเพราะไม่ค่อยเห็นร้านไหนขาย หรือไม่ก็เห็นแล้วไม่เคยคิดจะสั่ง แต่เจ้าเพื่อนชาวกระบี่ตัวดีของผมบอกว่ามาร้านนี้แล้วต้องสั่ง ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณมันจริง ๆ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่อร่อยมากครับ ปูม้าแม้ว่าตัวจะไม่ใหญ่ แต่เนื้อสดมาก แกะ ๆ มานี่หลุดมาเป็นดุ้น ๆ และก็การปรุงรส, การดอง ที่ทำรสชาติมาได้เผ็ดจี๊ด สะใจนี่ก็ยิ่งทำให้ปูม้าดิบ ๆ นี่มันอร่อยขึ้นไปอีก จานนี้จากที่ไม่เคยกิน กลายเป็นว่าต่อไปผมจะสั่งเรื่อย ๆ ล่ะครับ
อาหารอย่างที่ 9 เป็น ไก่บ้านต้ม (150 บาท) ก็เป็นจานน้ำแกงที่ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นครับ ตัวน้ำแกงจะรสชาติกลาง ๆ ประมาณแกงสไตล์จีนทั่ว ๆ ไป ตัวไก่บ้านก็ให้มาไม่ค่อยเยอะ หรือเรียกได้ว่าแพงเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปด้วยซ้ำ จานนี้ก็เหมือนสั่งมาซดน้ำแกงเล่น ๆ ซะมากกว่าครับ
อาหารอย่างที่ 10 เป็นใบเหมียงผัดไข่ (80 บาท) อาหารที่ถ้าใครมาที่ภาคใต้ยังไงก็ต้องได้กิน ต้องได้สั่ง ซึ่งแน่นอนครับ ใบเหมียงผัดไข่ (ภาคกลางเรียกใบเหลียง) ของร้านเขยใหญ่ นี่ก็ต้องอร่อยทัดเทียมกับจานอื่น ๆ อยู่แล้ว ใบเหมียงของร้านนี้มาแบบแผ่นใหญ่ ๆ หน่อย แล้วก็ผัดมากับไข่ที่ให้มาเยอะสมส่วนกับปริมาณผักกำลังดี จุดเด่นน่าจะเป็นตัวรสชาติที่มันกลมกล่อมมาก ๆ ครับ จานนี้พวกผมเลยขอเบิ้ลกันไป
เบ็ดเสร็จมื้อนี้ค่าเสียหาย 3,955 บาท มีเบียร์ 5 ขวด และน้ำ และข้าวอีก 2 โถ กับจำนวนชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ 9 คนที่มานั่งกินกัน ก็เฉลี่ยคนละประมาณ 450 บาทเท่านั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่อร่อย คุ้มค่า คุ้มราคาจริง ๆ กับร้านแรกในทริปนี้ของผมกับร้าน เขยใหญ่ ซีฟู้ด จังหวัดกระบี่ แห่งนี้ ร้านนี้แนะนำจริง ๆ ครับ ใครไปกระบี่ อย่าพลาดโดยเด็ดขาด
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment