BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Thursday, February 7, 2013

Blue Elephant Valentine Menu Review

Blue Elephant - Special Valentine Set Menu

บลูอีเลเฟนท์ เซ็ทเมนู วันวาเลนไทน์



Blue Elephant - Premium Thai Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)


ร้าน Blue Elephant - Bangkok ร้านอาหารไทย Premium ๆ บนถนนสาทร ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่มี Valentine Set Menu ไว้บริการคู่รักเฉกเช่นร้าน Premium อื่น ๆ แต่ร้าน premium อื่น ๆ เท่าที่ผมเห็นว่ามี Valentine Set Menu นั้นล้วนแล้วแต่เป็นร้านอาหารฝรั่งซะเป็นส่วนใหญ่ ร้านอาหารไทยหลาย ๆ ร้านก็ไม่ได้ร่วมรายการนี้แต่อย่างใด แต่ถ้าใครอยากจะจัดอาหารไทยแบบเต็มสตรีม full course พร้อมบรรยากาศอันแสนจะเลิศเลอ perfect, อาหารไทยที่ดาหน้ามาหาเราแบบไม่ซ้ำหน้ากันแล้วล่ะก็ .. รบกวนลองดูรายละเอียดของรีวิวฉบับนี้กันหน่อยละกันครับ

อาหารไทยนั้นอย่างที่ทุก ๆ ท่านทราบกันว่าเป็นอาหารที่ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็น Course Menu แต่จะเป็นการกินแบบรวดเดียวทุก ๆ อย่างพร้อมกันซะมากกว่า ตัวผมเองเท่าที่เคย ๆ กินมาก็ไม่เคยเจอร้านอาหารไทยร้านไหนที่มีบริการเป็น course menu เลยนอกจากร้าน Sra Bua - Siam Kempinski (ซึ่งจริง ๆ ร้านนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากเรียกว่าเป็นอาหารไทยสักเท่าหรอกครับ เหอ เหอ) มื้อนี้ก็น่าจะเป็นมื้อแรกในชีวิตเลยมั้งที่ได้ลองอาหารไทยแบบมาเป็น course ๆ กันบ้าง และไม่ใช่แค่ course กระจิ๊บกระจ้อยครับ แต่เป็นแบบจัดเต็มจัดหนัก แบบกินเสร็จแล้วก็ได้แต่คิดว่า "มันจะอลังการไปไหน" กันเลยทีเดียวล่ะครับ

รายละเอียดของร้าน Blue Elephant แห่งนี้ผมได้เขียนไว้อย่างละเอียดไว้ในรีวิวฉบับก่อนหน้านี้ของร้านแล้ว วันนี้ก็เลยขอลงรายละเอียดตัว Valentine Set Menu อย่างเดียวเลยละกัน โดยตัว set menu นี้จะมีอาหารทังหมด 19 ชนิด จัดเรียงกันมาเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจจะฟังดูเยอะเกินไปรึเปล่า แต่จริง ๆ แล้วบางจานก็มีหลายอย่างบ้าง บางจานก็มีอย่างเดียวบ้าง คละเคล้ากันไป ซึ่งตัวผมเองพอกินจนเสร็จแล้วก็อิ่มกำลังดีเลยล่ะ เชฟ นูรอ นี่เค้าก็คำนวณมาได้พอดิบพอดีจริง ๆ

เริ่มกันที่จานแรก ที่ประกอบไปด้วยอาหาร 3 ชนิด




ไก่ดำตุ๋นโสมตังกุยและเก๋ากี๊ (Slowly braised aphrodisiac consomme of "Black Chicken" with Angelica - Dong Quai from The Royal Project Farm and wolfberry) - อันนี้มาเป็นถ้วยเล็ก ๆแบบซดคำเดียวหมดได้ ก็เป็นซุปรสชาติดี ๆ หอมสมุนไพร และยาจีน ที่แบบกินแล้วรู้สึกสดชื่น สร้างพลังในตัวเราได้ดีแท้ครับ

เหล้าขาวจากจั่นมะพร้าวกับเครื่องเคียง (Thai spirit made from coconut flower accompanied by some Thai preserved fruits) - อันนี้จริง ๆ แล้วมันคือเหล้าหมาใจดำ เหล้าขาวชื่อดังจากถิ่นเชียงใหม่บ้านเรานี่แหละครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นสูตรพิเศษ สั่งทางหมาใจดำเพิ่มเติมเป็นพิเศษมั้ย แต่หลังจากที่ได้กระดกไปทั้งคำ พร้อมกับความร้อน และซาบซ่านของเหล้าที่ไหลผ่านคอลงไปแล้วมันก็ อู้ว เหมือนไปตัดรสชาติของซุปไก่ดำก่อนหน้านี้แบบเด็ดขาดเลย ทางเชฟนูรอได้จัดผลไม้ดองมาให้ด้วย 2 เม็ด ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ซึ่งแบบมันจะเปรี้ยว ๆ หน่อย กินเข้าไปแล้วก็ช่วยบรรเทาความร้อนลงได้ เข้ากันดีกับเหล้าดีครับ

หอยนางรมซ่อนกลิ่นใบกระถิน (Ancient gently poached oyster salad flavored from lime, chilli, garlic mimosa leaves wrapped in iceberg lettuce from The Royal Project Farm) - คำนี้ บอกตรง ๆ ว่ากินแล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไรสักเท่าไร เหมือนรสชาติแต่ละอย่างมันยังไม่ชัดเจน จะมีแต่ความเผ็ดเท่านั้นที่ได้ผมได้รับรสมัน

จานแรกนี่ก็แบกจะเรียกว่า appetizer ก็ไม่ใช่ครับ เพราะมันดูเป็นอะไรที่ก่อนอาหารมากกว่านั้นอีก ก็เจ๋งดีนะครับ แต่ละอย่างนั้น contrast ตัดกันเองหมดเลย

จานที่ 2 นั้นมาแค่อย่างเดียวกับ ไข่ตุ๋นตับห่านซอสสตรอเบอรี่ (Steamed egg custard with foie gras topped with homemade sauce of strawberry from The Royal Project Farm topped with caramelized ginger) จานนี้อร่อยดีครับ รสชาติของไข่ตุ๋นที่แบบหวาน ๆ เล็กน้อย ผสมผสานกับตับห่านที่ปรุงมาด้วยรสสตรอเบอรี่จนหวาน กินพร้อม ๆ กัน 2 อย่างแล้วแบบอร่อยดี หวาน ๆ มัน ๆ นุ่ม ๆ ละลายในปาก






จานที่ 3 ประกอบด้วยอาหาร 3 ชนิด ซึ่งก็ยังคงเป็นอาหารเบา ๆ อยู่เช่นเคย แต่รสชาติจะเริ่มเผ็ดร้อนขึ้นมาตามสไตล์อาหารไทยแล้ว

วุ้นหัวใจรสกุ้งต้มยำกับมูสน้ำพริกเผา (Heart shaped jelly flavored of "Tom Yam Koong" accompanied by Thai roasted chilli paste mousse) - อันนี้ ก็เป็นคำเล็ก ๆ กินคำเดียวหมดครับ ก็อร่อยดีนะครับ เผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ ผสมกัน

ยำไก่ย่าง แจ่วดอกไม้ และปลาร้า (Grilled chicken tossed with roasted garlic, chili and shallot paste, Humming bird, Sesbania, banana flowers and Thai anchovi from Supanburi Province) - อันนี้ค่อนข้างธรรมดาไปหน่อย กินแล้วเหมือนมันไม่มีอะไรเด่นครับ เหมือนกินยำบ้าน ๆ ตามร้านอาหารไทยทั่วไป

หมกหอยแมลงภู่กระชายดำ (Steamed mussels prepared in the Thai Northeastern Style flavored from chilies, garlic, wild black ginger, roasted sticky rice, dills and lime basil leaves - อันนี้อร่อยดีนะครับ เสียดายมาคำเล็กเกินไป รสชาติก็คล้าย ๆ ห่อหมกชั้นดีที่เรากิน ๆ กันนี่แหละ texture นุ่ม ๆ รสเผ็ดเล็กน้อย (น่าจะทำคำใหญ่กว่านี้จริง ๆ นะเนี่ย

จานที่ 4 เริ่มแสดงความเป็นอาหารคาวออกมาขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ประกอบด้วย




ซุปรังนกแปะก๊วยและเนื้อปูในเผือก (A soup of crab meat, bird's nest and Ginkgo braised in tiny taro) - ก็เป็นซุปที่มีการเอาแป้งไปทำเป็น Souffle ครอบมาพอเปิดออกมาก็จะได้พบกับความหอมของตัวซุป และตัวแป้งเองก็ Souffle มาได้อร่อยดี กรอบ ๆ นุ่ม ๆ กินแล้วเพลินมาก ตัวน้ำซุปนั้น รสชาติเข้มข้น ประหนึ่งเป็นซุปยาจีน กินแล้วแบบรสชาติสะใจดีมากครับ

ต้มจิ๋วเนื้อ (A refreshing herbal soup from beef and sweet potatoes with flowers from bird's eye chillies, shallots and mix Thai basil leaves) - จานนี้เป็นต้มแบบโบราณของคนไทยเราที่นับวันก็หากินยากขึ้นทุกที  จะเป็นต้มคล้าย ๆ ต้มยำน้ำใสบ้านเรา ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริง ๆ แล้วมันต่างกันตรงไหน อันนี้ก็อร่อยครับ เปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ เป็น 2 ซุป 2 สไตล์ในจานเดียวที่ Contrast กันได้อย่างลงตัว

จานที่ 5 เป็น แกงตุ๋นแพะสมุนไพร (Gently spicy rich "Mutton Curry" braised with various Thai herbs) จานนี้จะคล้าย ๆ แกงพะแนง หรือพวกแกงกะทิของบ้านเรา จานนี้อร่อยมาก ผมชอบมาก ตัวผมเองไม่เคยกินแกงแบบไทย ๆ ที่ใช้เนื้อแพะมาเป็นส่วนผสมหลักมาก่อน ซึ่งโอเค texture หรือรสชาติมันอาจจะไม่ต่างจากเนื้อสัตว์บกอืน ๆ มากนัก แต่มันก็แอบต่างอยู่ แกงอันนี้อร่อยจริง ๆ ยิ่งกินกับ ข้าวอบเซเลอรี่กับเห็ดหลินจือ (Baked soft "Hom Mali" Jasmine rice with celery and Lingshi mushrooms) ที่ทางร้าน Blue Elephant ทำมาพิเศษเพื่อ Valentine Set Menu นี้ด้วยแล้วยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ครับ






จานที่ 6 เป็น ปลาหิมะย่างโสมเกาหลีห่อใบขิงเกียงน้ำปลาหวาน (Grilled snow fish marinated with Korean ginseng wrapped with ginger leaves accompanied by caramelized golden tamarind and crispy shallot dip) จานนี้จะออกแนวเป็นเนื้อปลาราดซอสเปรี้ยวหวานอะไรประมาณนั้น แต่จะต่างกันตรงที่จะให้เนื้อปลาหิมะมาแบบ Fillet ชิ้นใหญ่ ๆ หลายชิ้นมาเลย ตัวเนื้อปลาย่างมาได้แบบกำลังดี เนื้อกำลังนุ่ม ๆ อยู่ แต่ตัวผิวนอกที่มีหนังปลาติดมาเล็กน้อยก็พอกรอบ ๆ เกรียม ๆ ให้แบบเคี้ยวแล้วได้ความรู้สึก 2 แบบ ตัวซอสที่ราดมาก็จะหวาน ๆ อย่างเดียว ไม่ใช่ซอสเปรี้ยวหวานแบบตอนแรกที่ผมคิด จานนี้ก็อร่อยไม่มีอะไรให้ต้องติครับ กินเปล่า ๆ ก็ได้ กินคู่กับข้าวอบเซเลอรี่กับเห็ดหลินจือก็อร่อยดี

จานที่ 7 เป็น กุ้งเมารัก (Stir-fried giant prawns with homemade paste from bird's eye chilies, shrimp paste, black wild ginger with aroma from kaffir lime, sweet basil leaves and a hint of rice whisky) หรือง่าย ๆ ก็คือประมาณกุ้งผัดพริกเผา หรือฉู่ฉี่กุ้งอะไรประมาณนั้น กุ้งที่ให้มาตัวค่อนข้างใหญ่ เนื้ออวบอูม สดเด้ง และตัวซอสที่ผัด ๆ มาด้วยกันก็แบบ เผ็ดและหอมสมุนไพรกำลังดี จานนี้กินเปล่า ๆ ไม่ค่อยอร่อยต้องกินกับข้าวสวยด้วย






จานที่ 8 และอาหารคาวอย่างสุดท้าย คือ ผัดผักปวยเล้งโครงการหลวง (Sauteed spinach from the Royal Project Farm with oyster sauce and light soya sauce flavored and aromatic from Thai garlic and chilies) - จานนี้ก็เป็นผัดผักแบบบ้าน ๆ เรานี่แหละครับ ผมกินแล้วก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมาก เหมือนกับไปกินผัดผักของร้านอาหารจีนหลาย ๆ ร้าน ยังทำได้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ จานนี้ก็เหมือนเป็นจานมาเติมเต็มตัวอาหารคาวให้มันครบเครื่อง ให้แบบกินพวกเนื้อ ๆ มาแล้วก็มากินผักบ้างอะไรแบบนั้นซะมากกว่าครับ

จานที่ 9 นั้นจะเป็นของหวาน ที่รวมของหวาน 4 อย่างมาไว้ในจาน ๆ เดียว




ช็อคโกแล็ตมูสและนมผึ้ง (The Blue Elephant specialty: Belgian Chocolate Mousse with a hint of "Royal Jelly"

ข้าวเหนียวหีบ (Steamed sticky rice with butterfly pea flowers accompanied with caramelized pandanus custard sauce

วุ้นกะทิมะพร้าวอ่อนกลิ่นกุหลาบ (Classic Thai dessert with two layers of young coconut jelly and flavor from red rose of Thai Royal Project Farm)

บัวลอยงาดำกับไข่นกกระทา (Thai dessert made from tiny black sesame dumplings and fresh coconut with quail eggs served in young coconut shell)

ตัวจานของหวานนี้ บัวลอยงาดำกับไข่นกกระทาที่สุด นอกจากหน้าตาจะสวยงามแล้ว รสชาติก็ยังยอดเยี่ยมตามไปด้วยครับ  ส่วนอย่างอื่น ๆ นั้นผมว่ายังธรรมดา ๆ ไปนิด เหมือนจะแบบทำมาเพื่อเพิ่มความหลากหลายของของหวาน ไม่ก็ประดับจาน ส่งเสริมให้ตัวบัวลอยงาดำมันเด่นขึ้นมาซะมากกว่า

ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดของ Valentine Set Menu ของร้าน Blue Elephant - Bangkok ล่ะครับ ใครที่ไปกินอาหาร set menu แบบอาหารตะวันตก, อาหารฝรั่งมาจนเบื่อแล้ว ก็มาลองร้านนี้กันดูได้นะครับ แม้ว่าจะเป็นอาหารไทย แต่จากที่ท่าน ๆ อ่านมาก็จะเห็นว่าเป็นอาหารไทยที่หากินไม่ได้ง่าย ๆ และเมื่อคิดว่าการได้กินอาหารไทยแบบ course menu แล้วยิ่งหากินได้ยากเข้าไปใหญ่ และยิ่งบวกกับ ความสมบูรณ์พร้อมในด้านต่าง ๆ ของร้าน Blue Elephant แห่งนี้ด้วยแล้วล่ะก็ Valentine Set Menu แบบไทย ๆ ของท่านก็น่าจะกลายเป็นค่ำคืนอันแสนวิเศษได้อย่างไม่ยากเย็นเลยล่ะ




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...