Overall Score 9/10
Taste 5/5
Ambiance 4.5/5
Service 4/5
Value 3/5
Water Library - Modern French Restaurant on BumRes.com
วันก่อนมีโอกาสได้ไปกิน Set Lunch แบบเบา ๆ ที่ร้าน Water Library มาครับร้านนี้หลาย ๆ ท่านคงรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์ Modern French ที่แสนจะหรูหรา ไฮโซและค่อนข้างประสบความสำเร็จดีทีเดียวหลังจากเปิดตัวมาได้ประมาณ 2 ปีนิด ๆ จริง ๆ ร้าน Water Library สาขา Chamchuri Square นี่ผมก็กะจะมากินได้สักพักแล้วนะครับ แต่เล็งตัว set lunch (set dinner ไม่ไหวครับแพงเกิน) เอาไว้ แต่เนื่องด้วยทำเลที่ค่อนข้างเรียกได้ว่าฉีกตัวเองออกจากร้านอื่น ๆ ก็เลยไม่ได้มากินสักที หลังจากที่ทางร้าน Water Library นี่ประสบความสำเร็จจนตอนนี้ไปเปิดสาขา 2 ที่ The Glass ทองหล่อและ ลูกค้าก็ยังแน่นอยู่อีก ผมก็เลยคิดว่าไม่ได้ล่ะ ร้านนี้เค้าต้องมีอะไรดีแน่ ๆ แม้จะแพงแต่ลูกค้าก็ยังอุดหนุนกันหนักขนาดนี้
อาหารของทางร้าน Water Library สาขา จามจุรีสแควร์ นี่ก็เรียกได้ว่ามื้อเที่ยงกับมื้อเย็นค่อนข้างจะแยกกันอย่างชัดเจน โดยมื้อเที่ยงจะเป็น Set Lunch ราคาประหยัด (กว่ามื้อเย็น แต่ก็ยังแพงกว่า set lunch ของทุก ๆ ร้านที่ผมเคยกินมา) โดยจะมีอาหารให้เลือก 2 course 890 บาท หรือ 3 courses 950 บาท และแต่ละ course ก็มีอาหารให้เลือก 3-4 อย่าง ส่วนตัวมื้อเย็นก็จะเป็น 2 Course กับ 3 Course เหมือนกันแต่ราคาจะอัพขึ้นไปประมาณ 2 เท่าอยู่ที่ 1,750 บาทและ 2,250 บาทตามลำดับ ซึ่งแม้ว่าอาหารจะเป็น course ๆ เหมือนกันแต่ตัวรายการอาหารในมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นนี่เรียกได้ว่าคนละรายการเลยครับ ซึ่งผมก็แอบรู้สึกประหลาดใจดีเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ที่เคยเจอมากับร้านอื่นก็คืออาหารจะเหมือน ๆ กันน่ะแหละแต่แค่มื้อเที่ยงจะถูกกว่าแค่นั้น ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าที่มื้อเย็นแพงกว่าเท่านึงแบบนี้ ใช้วัตถุดิบดีกว่า แพงกว่าเท่านึงจริง ๆ หรือว่าแค่ตั้งราคาให้มันสมกับมื้อเย็น แต่ที่รู้แน่ ๆ คือ แค่ตัว set lunch 950++ บาทนี่ผมก็ประทับใจในตัววัตถุดิบและรสชาติมากแล้วล่ะครับ อ้อ ร้าน Water Library @ Chamchuri Square นี่จะมีตัว Testing Menu หรือ Menu Degustation ที่จะเป็นอาหาร 4 course 2,850 บาท (pair กับไวน์ 4,000 บาท) หรือ 6 course 3,300 บาท (pair กับไวน์ 4,900 บาท) ซึ่งจะเปลี่ยนทุก ๆ เดือนไว้คอยบริการลูกค้าขาประจำอีกด้วย ซึ่งเท่าที่ถามพนักงานก็ได้ความว่าลูกค้าที่มามื้อเย็นส่วนใหญ่จะสั่งเจ้า Menu Degustation นี่แหละ และส่วนใหญ่จะติดใจกัน ทางร้านก็เลยต้องมีการปรับเปลี่ยนเมนูทุกเดือนให้ลูกค้าไม่เบื่อ (รวยกันจังเน้อ!)
อาหารของร้าน Water Library - Chamchuri Square Bangkok นี่ก็จะเป็นอาหารสไตล์ Modern French ที่ได้รับการรังสรรค์มาจากปลายจวักของเชฟ Micro Keller ผู้ซึ่งเคยทำงานให้กับร้านมิชลิน 3 ดาวสักร้านนึงก่อนที่จะมาทำที่ Water Library นี้ เท่าที่ถามพนักงานว่า Modern French นั้นมันคืออะไร ก็ได้ความว่าเป็นอาหารที่จะแบบมีการผสมผสานตัวอาหารจากหลาย ๆ วัตถุดิบ มีการจัดเรียงอาหารให้สวยงามอลังการ และพยายามผสมกลมกลืนวัตถุดิอันหลากหลายทั้งหมดนี้ให้ลงตัวออกมาเป็นอาหารจานนึง ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟนอาหารฝรั่งเศสนักก็เลยไม่ค่อยจะได้สนใจอาหารชาตินี้สักเท่าไร แต่หลังจากช่วงหลัง ๆ ที่กิน ๆ มาเริ่มเจอร้านอร่อยมากขึ้นก็เลยเริ่มมาสนใจมากขึ้น
ร้านอาหารสไตล์ Modern French ในกรุงเทพร้านอื่น ๆ ที่ผมพอนึกออกก็คงจะมีแค่ร้าน Reflexions @ Plaza Athenee กับร้าน Le Normandie @ Mandarin Oriental แค่นั้น (กินมาไม่เยอะครับ) ส่วนสาขา 2 ของร้าน Water LIbrary ที่ทองหล่อนั้นทางพนักงานบอกว่าจะเป็น Modern French เหมือนกันแต่ตัววัตถุดิบจะเน้นเป็น Asian ๆ มากกว่า ส่วนที่สาขาจามจุรีนี้จะเน้นวัตถุดิบเป็น European ๆ ซึ่งก็เลยทำให้ 2 ร้านนี้ Positioning ตัวเองค่อนข้างจะแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นร้านชื่อเดียวกันก็ตาม อย่างแรกเลยคือเรื่องวัตถุดิบ อย่างที่ 2 คือตัวเชฟที่ร้านสาขาทองหล่อก็จะเป็นเชฟชาวเอเชียจากสิงคโปร์เป็น Head Chef คุมอยู่ ส่วนที่นี่อีตา Mirco Keller นี่น่าจะเป็นคนเยอรมัน ส่วนอย่างที่ 3 คือ ที่ทองหล่อนั้นจะเป็นอาหารสไตล์แบบร้านหรู ๆ เว่อร์ ๆ ที่เมืองนอกคือ เราไม่สามารถเลือกอาหารได้ ไปนั่งรอเชฟทำมาให้กินอย่างเดียว โดยจะเป็นอาหาร 12 Course ราคาเริ่มต้นที่ 7000++ โดยประมาณ รวมไวน์ด้วยก็จะอยู่ที่ 10,000++ บาทโดยประมาณ คือเห็นราคาแบบนี้ถามว่าใครจะไปกินใช่มั้ยครับ? พนักงานบอกว่า เต็มทุกวันครับ! (อีกรอบ "รวยกันจังเลยเน้อ!")
เขียนตั้งนานไม่เข้าถึงอาหารสักที ซึ่งย่อหน้านี้ก็ยังไม่เข้าอีกต่อไป ฮ่า ๆ สาเหตุที่ร้าน Water Library นี้ตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าที่กลางร้านจะมีเหมือนเป็นชั้นขวดน้ำ คล้าย ๆ ชั้นหนังสือตั้งอยู่นั่นเอง และร้านนี้จะไม่มีบริการน้ำเปล่าขวด PET แบบร้านทั่ว ๆ ไปแต่จะมีน้ำแร่ที่เริ่มต้นราคาขวดละหลายร้อยไว้บริการแทน น้ำแร่ของร้านนี้น่าจะมีให้เลือกเยอะสุดในปฏพีเมืองกรุงของเราแล้ว เพราะทางเจ้าของร้านพิถีพิถันเรื่องน้ำแร่นี่จริง ๆ รวมถึงเป็น supplier ขายส่งน้ำแร่เองอยู่แล้วด้วย น้ำแร่ในมื้อนี้ของผมเป็นน้ำแร่ยี่ห้อ ISKILDE (http://www.iskilde.dk/) จากเดนมาร์ค ซึ่งรสชาติก็ดีนะครับ แต่เช่นเคย ผมกินน้ำก๊อกก็ได้ครับพี่ครับถ้าพี่พร้อมจะไปเปิดก๊อกมาให้ผม
อาหารอย่างแรกในมื้อนี้เริ่มต้นด้วย ครัวซองต์ ที่ทางร้านนำมาแป้งมาจากฝรั่งเศสแล้วมาอบขึ้นรูปที่ร้าน เจ้าครัวซองต์นี่เป็นของขึ้นชื่อของร้านจนพนักงานบอกว่าลูกค้าบางคนมากินแค่ครัวซองต์เนี่ยแล้วก็ห่ออาหารกลับบ้านไป (ลูกค้าผู้หญิง) และถ้าจะสั่งเพิ่มจะคิดเงินชิ้นละ 45 บาท อืม ผมกินแล้ว มันก็อร่อยจริงสมคำคุยครับ แป้งนุ่ม แฮมรสชาติดี จนผมเองก็อยากจะสั่งเพิ่มมากินสัก 5 ชิ้นเองเหมือนกัน ตัว Appetizer ในมื้อนี้เป็น Pan-seared, Foie Gras on Panpernikle(german bread) with pinapple in vanilla cream and parmesan froth+ham cheese (จ่ายเพิ่มจาก set lunch อีก 250++ บาท) เห็นแว่บแรกแล้วเป็นฟัวกราส์ที่ชิ้นใหญ่หนานุ่มดูน่ากินมาก และเป็น Foie Gras ที่หน้าตาแบบ Modern สมชื่อร้านจริง ๆ ไม่ได้แค่ราดซอส เอาขนมปังเสิร์ฟมาคู่กันเหมือนร้านอื่น แต่มีอะไรไม่รู้เต็มไปหมด พนักงานบอกว่าให้กินทุกอย่างพร้อมกันในคำเดียว ซึ่งเป็นปัญหามาก เพราะมันมีถึง 4 อย่างในจาน แต่พอพยายามรวบรวมเป็นคำเดียวแล้วกินแค่นั้นล่ะครับ โอ้วพระเจ้า เป็น Foie Gras ที่อร่อยมาก รสชาติลึกล้ำ อร่อยแบบเบา ๆ ตามสไตล์ appetizer และเนื้อฟัวกราส์นุ่มไร้ที่ติ เปิดฉากอย่างเร้าใจกันเลยทีเดียว
ส่วนตัว Main Course นั้นเป็น Whole Boston Lobster with Petite Pour(green pea), porchini mushroom, truffle vinaigrette, carrot puree, and hazelnut butter foam (add 350 บาท++ จากราคา set lunch ปกติ) จานนี้เห็นแว่บแรกนี่บอกตรง ๆ ว่าไม่อยากกินครับ เพราะว่ามันสวยมาก และก็เป็นอีกหนึ่งจานอีกแล้วที่ดู complex ซับซ้อนซ่อนเงื่อนจากวัตถุดิบอันแสนจะหลากหลายในจานเหลือเกิน เช่นเคยพนักงานบอกให้กินทุกอย่างในคำเดียว และก็เช่นเคย อร่อย สมบูรณ์แบบ จะมีให้ติก็แค่ กุ้งมันยังไม่ร้อนโดนใจเท่าไร ถ้าร้อน ๆ มานี่คงอร่อยเยี่ยมกว่านี้อีก (สงสัยจะแต่งจานให้ทันก่อนกุ้งหายร้อนไม่ทัน) ส่วนของหวานนั้นเป็น Sainte Domingue Chocolate Brownie with apricot jelly+jam coconut crisp, coconut ice-cream ซึ่งหน้าตาวิริศมาหรา ไม่เหมือน chocolate กับ brownie โง่ ๆ ของร้านอื่นอีกแล้ว จานนี้อร่อยตามศิษย์ผู้พี่ 2 จานแรกไปติด ๆ ครับ เสียดายอย่างคือน่าจะมีไอศครีมมาให้เยอะกว่านี้หน่อย เพราะไอศครีมมันหมดก่อน chocolate กับ brownie จะหมดครับ!
สรุป set lunch แบบ เบา ๆ ของผมกับร้าน Water Library สาขา Chamchuri Square นี่เรียกได้ว่าประทับใจมาก ๆ ครับ อาหารหน้าตาสวยงาม รสชาติเหนือคำบรรยาย ติดใจจนคิดว่า น่าจะมาลองเจ้า Menu Degustation มื้อเย็นซะเหลือเกิน หรือไม่ก็ไปลองร้านสาขาทองหล่อซะเลยอะไรแบบนั้น แต่เนื่องด้วยราคาอันแสนจะมหาโหด ผมขอเวลาเตรียมใจสักพักไว้แล้วจะมาใหม่ละกันครับ หรือถ้าใครเคยมาแล้ว รบกวนแชร์ประสบการณ์ให้ฟังหน่อยก็จะดีมากครับ!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment