BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Saturday, September 8, 2012

Japan Spring Trip 2012 by BumRes.com - Day 6

Japan Spring Trip 2012 by BumRes.com - Day 6



วันที่ 6 ของผมก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ว วันนี้ผมมีโปรแกรมไปเที่ยวบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 ใกล้ ๆ Fuji  (Fuji Five Lakes) กับเพื่อนชายของผม 2 ต่อ 2 (อย่าคิดไปไกลครับ) การเดินทางไป Fuji นี่จริง ๆ ก็สามารถไปได้หลายแบบ ไม่ว่าจะขับรถส่วนตัวไป หรือว่านั่งรถไฟไป แต่ว่าผมเลือกที่จะนั่งเจ้า Keio Highway Bus ไปเพราะว่าราคาจะถูกที่สุดแล้ว ไปกลับ 3,300 yen โดยประมาณ เมื่อเทียบกับการนั่งรถไฟ ที่ถ้าไม่ซื้อ Pass  ของทาง Odakyu แล้วค่ารถไฟเที่ยวนึงผมรู้สึกว่าก็ประมาณ 3000 yen เข้าไปแล้ว ตั๋วของเจ้ารถบัสนี่ก็สามารถซื้อ online ผ่านเน็ท หรือไม่ก็ซื้อที่ท่ารถได้เลย (อารมณ์ประมาณหมอชิด) ส่วนตัวผมได้เตรียมพร้อมไว้เป็นอย่างดีสำหรับการขึ้นรถ Keio Highway Bus  ด้วยการซื้อตั๋วรถไว้แบบ online ไว้ก่อนแล้ว พร้อมสุด ๆ จริง ๆ

ผมนัดเพื่อนเอาไว้ตอน 7.45 น. เผื่อเวลาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่รอบรถที่ผมซื้อไว้ตอน 8.10 น.จะออกจากท่ารถ แต่แล้วงานก็เข้าพวกผมจนได้เนื่องจาก เพื่อนผมไปยืนรอผมเอาที่จุดอื่นที่ไม่ใช่จุดที่คุยกันไว้และที่แย่หนักคือเพื่อนผมไม่มีมือถือ, ไม่ได้เปิด roaming ไม่มีโทรศัพท์ญี่ปุ่นใช้ ก็เลยไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่โชคดีที่พวกผมเดินหากันไปหากันมาจนเจอกันจนได้ แต่ตอนนั้นก็ซัดไปเกือบ 8.00 น.แล้ว ปัญหาที่ 2 ที่ตามมาคือ เจ้าท่ารถ Shinjuku Express Terminal Bus นี่มันอยู่ไหนพวกผมก็ไม่ทราบ พวกผมเดินวนหากันไปหากันมาด้วยความลก หายังไงก็ไม่เจอก็เลยถามพี่ตำรวจแถวนั้น น่าแปลกใจที่ตำรวจคนนี้พูดอังกฤษดีมาก และเขาชี้มือพร้อมกับพูดอธิบายเส้นทางเดินไปยังท่ารถอย่างคร่าว ๆ แต่พอพวกผมไปถึงก็เลยเวลาขึ้นรถไปแล้ว ผมเลยไปคุย ๆ กับพนักงานขายตั๋วที่คุยอังกฤษไม่ค่อยจะได้ว่า ผมซื้อตั่วมาเวลานี้นะ หารถไม่เจอ อะไรประมาณนี้ ขอ ๆ หน่อยได้มั้ย คุณเธอก็ตอบอย่างเป็นหุ่นยนต์ หน้าบึ้ง ไม่แยแสอะไร (ซึ่งประหลาด เพราะส่วนใหญ่ผมจะเจอแต่พนักงานที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาดี) พูดแต่ว่า "You need to buy a new one ๆๆๆ" จนแล้วจนรอดผมก็เลยต้องไปซื้อตั่วใหม่เที่ยวไปเที่ยวเดียว 1700 yen! (ข้าว 1 มื้อผม T_T)


ทางเดินแถว ๆ Fuji Five Lake - Kawaguchiko Lake ครับ ค่อนข้างบ้านนอก ๆ หน่อย

อันนี้ไม่รู้ต้นอะไร บานอยู่เป็นช่วง ๆ แต่ซากุระร่วงหมดแล้ว T_T


รถบัสใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงสถานีปลายทาง  Kawaguchiko Station จุดหมายของผม ระหว่างการเดินทางก็มีแวะรับผู้โดยสารตามจุดต่าง ๆ บ้าง และมีผ่านป้ายที่สำคัญ ๆ คือ ​FujiQ Highland สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นหวาดเสียว ๆ อยู่เยอะมากมาย และมีวิวสวย ๆ เป็นภูเขาไฟฟูจิ คือเจ้าสวนสนุกเนี่ย ผมวางแผนจะมาที่นี่ตั้งแต่ตอนทริปแรก ๆ แล้ว แต่ว่าวันไหนที่วางแผนเอาไว้ว่าจะมา ฝนก็ต้องมาตกเอาทุกที หรือมาก็มีเหตุสุดวิสัยให้ไปไม่ได้ตลอด คือที่ญี่ปุ่นเนี่ย แน่นอนว่าเค้าเน้นเรื่องความปลอดภัยมาก ๆ ดังนั้นถ้าวันไหนมีฝนตก แม้ว่าจะแค่นิดเดียว เค้าก็จะไม่เปิดให้บริการเจ้าพวกเครื่องเล่นต่าง ๆ นี่เลย ดังนั้นวันที่ผมไป ผมก็เลยไม่ค่อยเห็นคนลงที่ป้ายนี้สักเท่าไร เพราะว่าพยากรณ์อากาศวันนี้คือ ฝนจะตกตอนบ่าย ซึ่งต่างจากขากลับในวันรุ่งขึ้นที่แบบคนมารออยู่ที่ท่ารถเยอะมาก และพอรถบัสขากลับแวะรับผู้โดยสารก็แบบคนขึ้นมากันจนเต็มรถเลย สวนสนุก FujiQ  นี่ทริปนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้มาแล้ว แต่ผมคิดเอาไว้ว่าทริปหน้ายังไงก็จะต้องมาให้ได้ เพราะว่าหลังจากที่ขับรถผ่านในวันนี้ ผมรู้สึกว่าเครื่องเล่นมันเจ๋งมากเลย น่าจะเสียวมากกกก

จริง ๆ แล้วตอนก่อนจะถึงสวนสนุกฟูจิคิว ตอนที่กำลังขับเข้าจังหวัด Yamanishi จังหวัดที่เป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในอาณาบริเวณของภูเขาไฟฟูจิ ผมก็ได้เห็นภูเขาไฟฟูจินี้แล้ว แว่บแรกที่ผมเห็นเจ้าภูเขาไฟยักษ์แห่งนี้ผมก็ได้แต่แบบทึ่งและตื่นตะลึงครับ ความรู้สึกแบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นกับผมเท่าที่ผมจำความได้คือตอนไปเห็นนครวัดครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งชีวิตผมตลอดเวลา 28 ปีมานี่ก็มีแค่ 2 ครั้งในชีวิตนี่แหล่ะครับที่ได้เจออะไรที่แบบยิ่งใหญ่และทำให้เกิดสภาวะตื่นตะลึงแบบนี้ แต่ก็หวังว่าอีกหน่อย พอเดินทางเยอะมากขึ้น จะเกิดความรู้สึกนี้มากขึ้นตามมา พูดถึงเจ้าภูเขาไฟยักษ์นี้ต่อ คือแบบ แว่บแรกที่เห็นคือ ผมเห็นภูเขาที่ใหญ่โตเต็มเส้นขอบฟ้าของสายตาผม และบนยอดเขามีหิมะสีขาว ๆ โปะอยู่เหมือนกับรูปที่ผมเคยเห็นมาตามที่ต่าง ๆ (แต่เห็นบ่อยสุดน่าจะเป็นโลโก้ร้านฟูจิบ้านเรา ฮา) คือแบบ มันสวยงาม อลังการ ยิ่งใหญ่ จนผมกับเพื่อน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนอื่น ๆ บนรถ (อ่านว่า พวกกะเหรี่ยงที่เพิ่งเคยเห็นภูเขาไฟฟูจิครั้งแรก) พากันมองดูแบบไม่ละสายตากันเลย บ้างก็แบบถึงกับลุกจากที่นั่งไปหามุมสวย ๆ ถ่ายบนรถ (จะถ่ายได้มั้ยนั่น) ส่วนผมกับเพื่อนก็ได้แต่อุทานกันอยู่เป็นระยะ ๆ ว่า "แม่งเทพว่ะ" "แม่งสวยว่ะ" อะไรประมาณนี้ คือ ใครที่มาญี่ปุ่นและยังไม่เคยมาเยือนเจ้าภูเขาไฟยักษ์นี่ ผมแนะนำให้แวะมาสักครั้งนะครับ คือผมมาญี่ปุ่น 3 ครั้งก่อนหน้านี้ผมไม่ได้มาเลย เพิ่งมารู้สึกผิดเอาก็ตอนที่ได้เห็นด้วยตาตัวเองนี่แหละครับ ว่ามันอลังการงานสร้างจริง ๆ ภูเขาลูกนี้

สถานีปลายทาง Kawaguchiko Station 

ไปที่นี่ก่อนเลย Tourist Information มีประโยชน์มาก ๆ ครับ

Retro Bus ที่จะพาเราไปรอบ ๆ ทะเลสาบ Kawaguchiko กับ Saiko ครับ รอบมีไม่ค่อยเยอะเท่าไร ประมาณครึ่งชั่วโมงรอบนึง


ผมกับเพื่อนไปถึงยังสถานี Kawaguchiko ตอนประมาณ 10.30 น. เป้าหมายแรกที่วางแผนเอาไว้คือไปยัง Tourist Information Center ที่เป็นตึกเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ สถานีเลย เพราะว่าอ่าน ๆ ข้อมูลมาแล้วค่อนข้างจะงง และก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องเวลาการเดินทางกันสักเท่าไร ก็เลยต้องไปสอบถามเพื่อความมั่นใจกันสักหน่อย ผมก็ขอสรุปคร่าว ๆ เกี่ยวกับตัวภาพรวมของทะเลสาบทั้งห้าของฟูจิ กับการเดินทางไปมาภายในบริเวณนี้ให้ฟังหน่อยละกัน คือ ทะเลสาบหลัก ของทั้ง 5 ทะเลสาบเนี่ยก็แน่นอนคือทะเลสาบ Kawaguchiko (ชื่อเดียวกันกับชื่อสถานี) โดยทะเลสาบนี้จะมีความเจริญมาก มีร้านรวง, ร้านอาหาร, ที่เที่ยว โน่นนี่เยอะแยะเต็มไปหมด ประหนึ่งว่าเป็นเมืองเจริญ ๆ เมืองนึงเลย ที่พักส่วนใหญ่ก็จะอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบนี้ การเดินทางไปยังทะเลสาบนี้จากตัวสถานี Kawaguchiko ก็ไม่ยากครับจะเดินไปก็ได้ใช้เวลา 10 นาทีหรือว่าจะนั่งรถ Retro Bus ก็ได้

พูดถึงเจ้า Retro Bus กันต่อ คือเจ้ารถบัสนี้ที่ตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าตัวรถจะเป็นรถสไตล์ย้อนยุค คันไม่ใหญ่มากเท่าไร และเส้นทางการเดินรถของเจ้ารถคันนี้คือจะวนรอบ ๆ ทะเลสาบ 2 แห่งคือ Kawaguchiko กับ Saiko ซึ่งเป็น 2 ทะเลสาบที่อยู่ติดกัน ถ้าใครที่วางแผนจะเที่ยวรอบ ๆ ทะเลสาบนี่ ผมแนะนำว่าให้ซื้อ Retro Bus Pass ราคา 1700 yen ขึ้นกี่รอบก็ได้ในช่วงเวลา 2 วัน เนื่องจากสถานที่เที่ยวของ 2 ทะเลสาบนี้ค่อนข้างไกลมาก ถ้าเดินนี้เดินไม่ไหวชัวร์ ๆ หรือมีอีกทางเลือกคือไปเช่าจักรยานมาปั่น อันนี้ก็น่าจะพอไหวและผมกะเอาไว้ว่ามาคราวหน้าผมจะทำแบบนี้ ส่วนถ้าใครจะเดินทางทะเลสาบอื่น ๆ อีก 3 ทะเลสาบ อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจ แต่ว่าน่าจะต้องซื้อ Fuji Pass 2 Day - 2500 yen แบบที่ผมซื้อไป (คือผมซื้อผิดครับ ไม่ได้กะจะไปอีก 3 อันหรอก) เจ้า Pass นี้ก็จะสามารถขึ้นรถบัสแบบอื่นที่ไม่ใช่ Retro Bus ได้ด้วย แต่เท่าที่ผมอ่าน ๆ และดูข้อมูลแล้ว ทะเลสาบอีก 3 แห่งดูไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าไร (ไม่แน่ใจว่าทะเลสาบ Yamanaga นี่เจริญมั้ย) เป็นประมาณทะเลสาบที่ไม่มีใครไปทำอะไรที่นั่นน่ะครับ (ยกเว้นต้องการความสงบ ก็ไปก็ได้) จะมีทะเลสาบนึงที่จะอยู่ด้านหลังของแบงค์ 1000 เยน เป็นทะเลสาบที่ไม่เจริญสุด ๆ แต่จะได้มุมที่สะท้อนภูเขาไฟฟูจิเลย จำชื่อไม่ได้ล่ะครับ

หลังจากที่สอบถามข้อมูลจากไกด์สาวที่พูดอังกฤษได้ดีเหลือหลายจนได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว (คือ ที่ว่าดีเหลือหลายคือคุยได้รู้เรื่องอ่ะครับ สำเนียงก็ไม่ได้ดีอะไรมากหรอก ฟังยากอยู่ แต่แบบพอสื่อสารกันได้อยู่ ผมล่ะอยากให้คนญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทุกคนจัง!) พวกผมก็มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายแรกของวันกัน ท่านผู้อ่านคงเดากันออก ร้านอาหาร!

รีวิวร้านที่ 9 ร้านอูด้งหน้าโรงแรม Regina - คะแนนแนะนำ C+ (ไม่ต้องไปกินก็ได้ แต่มีอาหารท้องถิ่นที่เผื่อใครอยากลอง)





ร้านนี้พิกัดร้านอยู่ที่ 35.48855, 138.76554 อยู่หน้าโรงแรม Hotel Regina Kawaguchiko เลย คือร้านที่แถว ๆ ทะเลสาบทั้งห้าของฟูจิเนี่ย ตอนก่อนจะมาผมก็พยายาม Search หาร้านแล้ว แต่แบบไม่ใช่แค่ว่าร้านแถวนี้จะไม่ค่อยมีเท่านั้น ร้านส่วนใหญ่ยังได้คะแนนไม่ค่อยสูงอีกต่างหาก ร้านที่ 9 นี่ก้เป็นร้านที่น่าจะคะแนนประมาณ 3 กว่า ๆ แต่ไม่ถึง 3.5 แต่ที่อุตส่าห์ยอมเดินมาไกลเกือบ 2  กิโลเพื่อจะมากินก็เพราะอยากจะมาลอง  Hoto Udon หรืออุด้งร้อน อาหารท้องถิ่นชื่อดังในละแวกภูเขาไฟฟูจินี่เค้าสักหน่อยนี่แหละครับ


อาหารก็เป็นอาหารง่าย ๆ ครับ Udon, Soba อะไรพวกนั้น

เบียร์ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเบียร์สด แต่ก็อร่อยอยู่ครับ ไม่มีปัญหา


ร้านอุด้งนี่ก็เหมือน ๆ กับร้านราเมน, โซบะ, อุด้ง ทั่ว ๆ ไปที่จะมีตู้ให้กดคูปองสั่งอาหารได้เลย โชคดีที่ร้านนี้มีรูปอาหารให้ดูบ้าง บวกกับผมพออ่านญี่ปุ่นออกบ้างก็เลยได้สั่งสิ่งที่อยากจะกินกันได้ 2 อย่างพอดี อย่างแรกแน่นอนว่าคือ Hoto Udon ที่จะเป็นอุด้งมาในหม้อไฟ และเป็นอุด้งเส้นแบน ๆ แปลก ๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นและเคยกินมาก่อน ตัวเส้นผมกับเพื่อนชอบกันมากเพราะว่ามันหนึบ ๆ เหนียว ๆ อร่อยดี แต่ว่าตัวน้ำซุปที่ให้มานั้นรสชาติค่อนข้างธรรมดา ๆ จืด ๆ ต้องเติมพริกเพิ่มกันพอสมควรกว่าจะลงตัว และในหม้อไฟนี้ไม่มีเนื้อมาให้เลยสักชิ้นเดียว! มีแค่ผักกับเส้นกับน้ำซุปเท่านั้น คือตอนแรกก็แอบเซ็งครับ แต่พอกิน ๆ ไปเป่าเส้นไป, ซดน้ำซุปไป มันก็ชักจะลงตัว หรือเค้าอาจจะคำนวณมาแล้วว่าไม่ต้องมีเนื้อก็ได้?

Hoto Udon อาหารท้องถิ่นชื่อดัง

มาแบบไม่มีเนื้อเลยครับ น้ำซุปก็จืด ๆ


ส่วนอีกชามนั้นเป็นโซบะร้อนเนื้อ ที่แบบราคาถูกกว่า แต่ว่าดันให้เนื้อมาและให้ผักและเส้นมาพอ ๆ กัน - -! ซึ่งถ้าเอาตรง ๆ เจ้าโซบะร้อนชามนี้รสชาติดีกว่าเจ้าอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อซะอีก คือแบบเส้นโซบะอร่อยได้มาตรฐาน, น้ำซุปก็มีรสชาติกว่า ค่อนข้างจะเค็ม ๆ เล็กน้อยแต่ก็กลมกล่อมลงตัวดีและที่สำคัญคือมีเนื้อวัวมาช่วยเพิ่มรสชาติของชามให้กินแล้วอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก แต่ผักที่ให้มาในชามจะไม่อร่อยเท่าเจ้าตัว Hoto Udon ครับผักจะเป็นแนว ๆ ผักดอง แหม่ง ๆ แปลก ๆ มากกว่า

Soba เนื้อของผม อร่อยดีนะ โซบะที่ญี่ปุ่น ทริปนี้ของผม อร่อยหมดเลยชอบ

เส้นจะแบน ๆ ใหญ่ ๆ เหนียว ๆ หนึบ ๆ อร่อยดีครับ


สรุปร้านอุด้งร้านนี้ ผมว่าถ้าใครที่มา Mt. Fuji ไม่ต้องลำบากลำบนเดินมา 2 กม.จากสถานี Kawaguchiko เพื่อจะมากินแบบผมก็ได้ครับ รสชาติแบบนี้หากินได้ทั่ว ๆ ไปตามร้านโซบะ, อุด้งในตัวเมือง ยกเว้นว่าอยากจะมาลอง ​Hoto Udon ท้องถิ่นอันนี้ก็อีกเรื่องนึงครับ

เดินกลับไปยังโรงแรมของเรา

ถึงแล้ว Kawaguchiko lake ใหญ่โตและให้ความรู้สึกสงบดีครับ

มีคนมาตกปลา, ตั้งแคมป์กันเยอะเลยทีเดียว

สุสานญี่ปุ่นระหว่างทาง ผมสังเกตว่า คนเมืองนี้เค้าจะวางสุสานกันไว้ใกล้ ๆ บ้านเลย ไม่กลัวผีกันเลยทีเดียว

ถึงแล้วโรงแรมที่พักของเรา Konansou อยู่ด้านหน้าทะเลสาบพอดีเลย


พอกินกันเสร็จพวกผมก็เดินย่อยอาหารเป็นระยะทาง 3 กม.เพื่อเอาของไปฝากยังโรงแรมที่ผมจะพัก โรงแรมที่ผมพักในการเดินทางมายังภูเขาไฟฟูจิ 1 ใน 3 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นในครั้งนี้ก็คือ โรงแรม Konansou (http://konansou.com/) แห่งนี้ก็เป็นโรงแรมสไตล์เรียวกังหรือโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทะเลสาบ Kawaguchiko เลย เพียงแต่ว่าด้านหน้าของโรงแรมจะหันหนีภูเขาไฟฟูจิไปทำให้ไม่ได้วิวเท่ ๆ แบบทะเลสาบพร้อมกับภูเขาไฟ แต่ก็จะได้วิวทะเลสาบสวย ๆ แทน โรงแรมแห่งนี้ผมให้เพื่อนคนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นและเชี่ยวชาญการเดินทางที่ญี่ปุ่นเป็นคนจองให้ ซึ่งก็แน่นอนครับ ดีตามที่คาดหวังไว้ คือชีวิตนี้ผมยังไม่เคยนอน Ryokan มาก่อนนี่เป็นครั้งแรกเลย ค่าห้องของที่นี่จะอยู่ที่ 16000 yen ต่อคน พักสองคนก็จะ 32000 เยนโดยประมาณ โดยจะรวมห้องพักและอาหารสองมื้อ (เย็นกับเช้า) ให้เราแล้ว

ที่นั่งริมหน้าต่างในห้องครับ

ห้องพักแบบญี่ปุ่น เกิดมาก็เพิ่งเคยพักนี่แหละครับ เจ๋งดี

อันนี้เป็นห้องตรงกลาง มีห้องน้ำกับตู้เย็น

เบียร์เต็มตู้ กะว่าไม่ต้องไปไหนกันเลยทีเดียว

อ่างล้างหน้าอุปกรณ์ครบครัน

โถส้วมก็เป็นแบบไฮเทคครับ

มีอ่างน้ำให้ด้วย แต่คงไม่มีคนแช่ เพราะว่ามีอ่างอาบน้ำรวมเทพ ๆ อยู่

ห้องนอนแบบยุโรป ไม่รู้มีไว้ทำไมในเมื่อห้องนึงก็พักได้ 2 คน? หรือจริง ๆ พักได้มากกว่า 2 คน?

ทีวีเป็น Hi-Def ครับ ผมนั่งดูถ่ายทอดซูโม่เพลินเลย

ชาร้อน ๆ ที่แม่บ้านเอามาเสิร์ฟ


ตัวห้องพักของที่นี่ก็แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนห้องนอนแบบญี่ปุ่น, ห้องนอนแบบตะวันตก และห้องครัวกับห้องน้ำ คือตอนแรกก่อนจะมาผมก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยครับ มาแบบปิดตามาเลย พอมาถึงเห็นห้องแล้วก็แบบ โอ้ว้าว เจ๋งมาก ห้องญี่ปุ่นสะอาด เนี้ยบ ตกแต่งได้เรียบแต่ก็แอบหรูหราเล็กน้อย มีแม่บ้านชาวญี่ปุ่นมาดูแลแนะนำห้องพักให้กับพวกผม , เอาน้ำชาร้อน ๆ มาให้ดื่มต้อนรับ, เอาผ้าร้อนมาให้เช็ดหน้าเช็ดตัว และก็ชวนคุย ๆ สนุกสนานเฮฮากัน พอเป็นพิธี คือที่ว่าสนุกสนานนี่ก็เพราะคุณแม่บ้านผู้นี้ พูดอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย เราก็ต้องใช้ภาษามือ ภาษาไม้สื่อสารไปมากัน ตลกดีครับ ส่วนห้องครัวนี่ก็จะมีเบียร์เย็น ๆ แช่ไว้ให้ในตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าใครไม่อยากเปลืองตังค์ก็จะมีตู้แช่เครื่องดื่มแบบเปล่า ๆ มาให้อีกด้วย ส่วนห้องนอนแบบยุโรปก็ไม่มีอะไรครับ มีแต่ห้องนอนอย่างเดียวเลย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำห้องนอนมาให้ 2 ห้องแบบนี้แต่ให้เข้าพักได้แค่ 2 คน -*-

อันนี้ป้ายของ Retro Bus ครับ พาไปรอบ ๆ สองทะเลสาบ อยู่ด้านหน้าโรงแรมพอดีเลย

มีเรือเป็ดให้นั่งปั่นกันด้วย อ้อ คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า Swan หรือหงส์นะครับ ไม่ใช่เป็ด


เมฆบังภูเขาไฟฟูจิเยอะไปหน่อยวันนั้น

สวนดอกไม้ที่สุดปลายทาง

ของฝากเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ ก็น่ารักดีนะครับ


พวกผมฝากของเสร็จ ก็ชวนกันไปเที่ยวบริเวณทะเลสาบ Kawaguchiko  ตอนบนและขวาบนกัน ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เจ้าทะเลสาบนี่เดิมทีก็คงไม่มีอะไรเลย แล้วทางคนญี่ปุ่นก็เลยสร้าง ๆ สถานที่ให้มันมีอะไรขึ้นมา อย่างที่ผมนั่งรถไปตลอดทางขวาบนนี่ก็จะมีร้านรวงต่าง ๆ , พิพิทธภัณฑ์จิ๋ว ๆ และก็ฟาร์มดอกไม้อะไรพวกนี้ตั้งอยู่ประปรายตามทาง พวกผมนั่งรถไปจนสุดทาง ที่สถานีปลายทางก็ไม่มีอะไร เป็นร้านของฝาก กับที่เพาะพันธุ์ต้นไม้ขาย ผมกับเพื่อนก็ลง ๆ ไปดูของฝาก, ถ่ายรูปกับวิวภูเขาไฟฟูจิที่ไม่ค่อยจะสวยเท่าไรเนื่องจากว่าฝนกำลังจะตก และพอถ่าย ๆ กันไปได้แปบเดียว เจ้าฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมา ผมกับเพื่อนเลยชวนกันกลับไปที่ห้องพักดีกว่า เพราะว่าฝนตกแบบนี้ ไปที่ไหนแถว ๆ นี้ก็คงจะไม่เวิร์คเนื่องจากเป็นที่เที่ยวแนวธรรมชาติหมดเลย

ตอนเย็น ๆ ฝนหยุดตก ฟ้าโปร่ง วิวสวยขึ้นมามากเลย

ไปอาบน้ำส่วนตัวกันเลยครับ

ห้องแต่งตัว อุปกรณ์ครบอีกแล้ว

อ่างขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็แช่ได้ 3-4 คนสบาย ๆ

เห็นวิวสวย ๆ

สวยงามมากครับ ผมเพลินมาก ๆ


Ryokan ที่ผมพักนี่เค้าก็จะมีห้องอาบน้ำออนเซ็นแบบรวมไว้บริการอยู่ที่ชั้น 10 และก็แบบส่วนตัว 3 ห้องไว้ที่ชั้น 5 ห้องรวมนี่เปิดบริการกันตั้งแต่ 4 โมงยัน 10 โมงเช้าของอีกวัน ซึ่งผมดูในรูปแล้วมันก็สวยดี แต่เผอิญว่าพวกผมไม่ได้ไปอาบกัน ตอนแรกวางแผนจะไปอาบกันตอนเช้าก่อนจะ check out แต่ไป ๆ มา ๆ ความง่วงเข้าคุกคาม เลยตื่นกันไปกินอาหารเช้าเสร็จก็ต้องเดินทางต่อกันแล้ว ส่วนห้องอาบน้ำส่วนตัวนี่ผมก็ไม่รู้ทำไมพวกผมถึงมีสิทธิ์ได้อาบ เพื่อนผมอาจจะจองแบบเหมารวมอันนี้มาให้ด้วย ซึ่งปรากฎว่าเจ้าห้องอาบน้ำส่วนตัวนี่แหละที่กลายเป็นหนึ่งใน highlight ประจำทริปนี้ไป เพราะว่าเจ้าห้องนี้ วิวสวยมาก คือจะเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็ม ๆ เลย และตอนที่พวกผมอาบน้ำกัน เมฆ, หมอก หรือควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ มันก็ได้เคลื่อนตัวหลบออกไปจากยอดภูเขาไฟฟูจิแล้ว ทำให้พวกผมได้เห็นภูเขาไฟฟูจิที่อลังการและสวยงามกันแบบชัด ๆ พร้อมกันกับได้อาบน้ำร้อนเยี่ยม ๆ พร้อมกับความเป็นส่วนตัวกัน เป็นอะไรที่มีความสุขมาก ๆ ครับ รู้สึกว่าเจ้าห้องอาบน้ำส่วนตัวที่นี่จะคิด rate ที่หนึ่งชั่วโมง 2000 เยนมั้งครับไม่แน่ใจ

พออาบน้ำกันเสร็จพวกผมก็มานั่ง ๆ นอน ๆ รออาหารเย็นมาเสิร์ฟตอน 2 ทุ่มที่นัดเอาไว้ คืออาหารเย็นของที่ ryokan ที่ผมไปพักนี่เค้าจะมีช่วงเวลาให้เราเลือกว่าจะให้เสิร์ฟกี่โมง 18.00 , 19.00 หรือ 20.00 และเราก็มารีวิวอาหารอันสุดแสนจะอลังการมื้อนี้กันหน่อยดีกว่าครับ

รีวิวร้านที่  10 อาหารมื้อเย็นโรงแรม Konansou @ Lake Kawaguchiko

จัดเต็มครับ ถาดใหญ่มาก

มีครบครันทุกรูปแบบอาหาร

หินร้อน จุดไฟเอาเองไว้ปิ้ง เนื้อกับก้ามปู


เป็นประเพณีกันไปแล้วที่ถ้าเราไปนอน Ryokan ของญี่ปุ่น ทางเจ้าบ้านจะดูแลต้อนรับขับสู้เราเป็นอย่างดี คือนอกจากจะมีที่พักแล้วก็จะมีออนเซ็นและอาหาร 2 มื้อไว้บริการด้วย อาหารที่นำมาเสิร์ฟก็จะเป็นอาหารสไตล์ Kaiseki  หรืออาหารแบบจานเล็ก ๆ มีให้เลือกเยอะ ๆ ได้กินครบทุกความอร่อยของอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ปิ้ง, ย่าง, ต้ม, ปลาดิบ และอื่น ๆ คือเจ้าอาหารประเภทนี้เนี่ยจะเป็นอาหารที่เอาไว้เสิร์ฟกันในช่วงเวลาสำคัญ หรือเอาไว้เสิร์ฟให้จักรพรรดิ์อะไรประมาณนั้น 

อาหารในมื้อนี้ของผมก็เข้าข่าย Kaiseki แบบ full course จริง ๆ ล่ะครับ คือมี Sashimi , Shabu Shabu , Yakiniku , Tempura, ของดอง, สลัด, ของหวาน, ซุปปู คือแบบครบครันครบถ้วนจริง ๆ ซึ่งทุกอย่างอร่อยเยี่ยมหมดเลยครับ คือก่อนหน้านี้ผมก็เคยพยายามกินเจ้าอาหารแบบ Kaiseki นี่ที่เมืองไทยมาเยอะเหมือนกันนะครับ แต่ไม่เคยเจอที่อร่อยเลย แต่กับมื้อนี้ เรียกได้ว่าคนละเรื่องเลย ปลาดิบสดมาก, เนื้อที่เอามาย่างบนกระทะร้อนก็เป็นเนื้ออย่างดีลายสวยงาม , หมูที่เอามากินแบบชาบูก็เป็นหมูขั้นเทพ ลายงดงามมาก, ซูปมิโซะกับปูก็ให้ปูมาทั้งตัวเลย และสดมาก ๆ อีกต่างหาก , ของหวานก็เป็นของหวานสไตล์ญี่ปุ่นที่อร่อยและลงตัวดีมาก คือมื้อนี้ ผมกับเพื่อนกินไปก็ได้แต่อิ่มเอมกันไปทั้งจากตัวรสชาติอาหาร, บรรยากาศการกินในห้องญี่ปุ่นพร้อมวิวสวย ๆ ของทะเลสาบ และความหลากหลายของอาหารที่แบบกินอย่างนึงเสร็จก็ไปกินอีกอย่างนึงแก้เบื่อได้ และยิ่งมีเบียร์กระป๋องที่ผมไปซื้อเตรียมเอาไว้สำหรับกินเคียงคู่กับมื้อนี้แล้ว ยิ่งเพลิดเพลินกันสุด ๆ ไปเลย

ชาบูก็อร่อยเลิศ เนื้อหมูสีสวยแบบนี้จะไม่อร่อยได้ยังไงว่ามั้ยครับ

ปลาดิบก็ชั้นดี

ซุปมิโสะกับปูก็ยอดครับ


หลังจากที่พวกผมกินอาหารสุดอลังการที่ผมให้คะแนนเต็มในทุกด้านกันแล้ว ก็เป็นเวลาร่วม ๆ 3 ทุ่ม ทางโรงแรมก็ส่งคนมาปูที่นอน, เก็บโต๊ะให้ ก่อนหน้านี้ผมเคยนอนเจ้าฟูกญี่ปุ่นนี่มาทีนึง ตอนนั้นไปอยู่ Ryokan แบบกาก ๆ ต้องปูเองอะไรเอง แต่แบบของที่นี่นอกจากจะมีคนมาปูให้แล้วความนุ่มและสบายของฟูกนี่ก็แบบสุดยอดมาก พวกผมใช้เวลานอนกันไม่นานก็หลับผลอยลงไปเนื่องจากความนุ่มสบาย และอาการอิ่มท้องจากอาหาร Kaiseki อันแสนจะประทับใจ

ภาพรวมของอาหารมื้อนี้อีกสักที


ต้องมีเบียร์ช่วยเพิ่มรสชาติด้วย

ป้ิง ๆ ๆ ๆ

อันนี้หอย Hotate กับน้ำสลัดมั้ง อร่อยดีครับ


กินกันเกลี้ยงเลย

ของหวานก็มา อร่อยหมดอีกเช่นกัน

ตบท้ายด้วยเบียร์อีกสัก 2 กระป๋อง


การมานอน Ryokan ของผมในครั้งนี้ก็เป็นอะไรที่ประทับใจมากครับ ผมเลยคิดว่าต่อจากนี้ไป ผมจะพยายามมานอนที่เรียวกังเทพ ๆ แบบนี้ให้ได้สักปีละครั้ง 2 ครั้ง เพราะแบบมันมาแล้วเหมือนมันได้ปลดปล่อยตัวเองเข้าสู่ความสบายแบบขีดสุด และความสบายแบบนี้ เราไม่สามารถหาได้ง่าย ๆ แม้แต่ในโรงแรมห้าดาวสไตล์ตะวันตกก็ตาม เฮ้อ เขียนแล้วยังอยากกลับไปอีกเลยครับเนี่ย ชอบมากกก


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...