BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Saturday, September 8, 2012

Japan Spring Trip 2012 by BumRes.com - Day 12

Japan Spring Trip 2012 by BumRes.com - Day 12

วันนี้ผมต้องตื่นแต่เช้า เพราะว่ามีเดินทางไปต่างจังหวัดกับ Club Tourism ทัวร์อีกแล้ว ทัวร์ครั้งนี้ก็เป็นทัวร์ลำดับที่ 3 ที่ผมใช้บริการในทริปนี้ และเป็นทัวร์ที่ปิดฉากได้อย่างงดงามเพราะว่าเป็นทัวร์ที่ดีมาก ไปเที่ยวที่เด่น ๆ ได้ครบหมด ทัวร์พาผมไปยังเมือง Takayama เมืองเก่าแก่อันมีเสน่ห์, หมู่บ้านชาวนา Shirakawa-go และปิดท้ายด้วยการเดินทางผ่านเส้นทางอัศจรรย์แห่งธรรมชาติ Tateyama Alpine Route ค่าทัวร์ก็จัดได้ว่าราคาไม่แพงเลย 25,000 yen ต่อคน (ประมาณ 10,000 บาท) กับการเดินทาง 2 วันพร้อมที่พัก 1 คืน เพราะผมเคยหา ๆ ข้อมูลมาแล้ว แค่เฉพาะการเดินทางตรง Tateyama Alpine Route นี่ก็ซัดไปประมาณ 10,000 yen แล้ว, ค่าโรงแรมอีกประมาณ 5,000 yen ก็จะเหลืออีก 10,000 yen ซึ่งแบบถ้าตีเป็นค่ารถทัวร์ก็คงจะประมาณนี้อยู่แล้ว (ผมนั่งรถทัวร์ไปแค่ฟูจิไปกลับ 3 ชั่วโมง 4,000 yen อันนี้นั่งเอาแค่ตอนไปถึง Takayama ก็ซัดไป 7 ชั่วโมงแล้ว) ไม่ต้องลำบากหารถทัวร์ข้ามเมือง, ไม่ต้องลำบากเรื่องซื้อตั๋วตรง alpine route ผมว่าทัวร์นี้เป็นอะไรที่คุ้มดีทีเดียวครับ ใครอยากไปเที่ยวบริเวณแถบ ๆ เนี้ย ก็ลงดูทัวร์นี้ของ Club Tourism เค้าซักหน่อยละกันนะครับ มีจัดทุกปี ปีละหลายทัวร์เลย

ผมเดินทางไปยังจุดนัดพบที่ตึก Sumitomo บริเวณตรงข้าม Tokyo Metropolitan Building - Shinjuku ไปถึงก็เจอกับลูกทัวร์ที่มารอทัวร์กันมากมาย นั่งรอ, ยืนรอกันอยู่ใน office อันใหญ่โต (เมื่อเทียบกับ office ส่วนใหญ๋ของคนญี่ปุ่น) ของ Club Tourism คือตอนแรกก็สงสัยอยู่ล่ะครับว่าเจ้าทัวร์นี้น่าจะใหญ่ แต่แบบพอได้มาในวันนี้ก็เลยมั่นใจจริง ๆ ว่าทัวร์นี้มันใหญ่จริง ๆ เพราะมีโปรแกรมทัวร์เยอะมาก บางโปรแกรม มีหลายกรุ๊บอีกต่างหาก และเปลี่ยนโปรแกรมไปตามเดือน, ตามฤดู หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ใครที่ไปญี่ปุ่นเอง แต่แบบอยากมีทัวร์แบบ one day , two day ก็ลองใช้บริการเจ้านี้ได้ครับ ผมใช้มา 3 โปรแกรม ดีหมดเลย

รถเริ่มล้อหมุนตอนประมาณเกือบ ๆ 8 โมงโดยมีเป้าหมายการเดินทางแรกคือการฝ่าหุบเขาต่าง ๆ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะฮอนชู เพื่อข้ามไปยังเมือง Takayama เมืองที่ตั้งอยู่บนแนวเขา Hida ในจังหวัด Gifu (ชื่อเมืองแปลตรง ๆ ได้เลยว่าภูเขาสูง) เมืองนี้ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไร ถึงมีหลาย ๆ ที่แนะนำว่าให้ลองแวะมาดู โดยให้นิยามว่าเป็นเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ ตอนแรกที่ไกด์บอกว่าต้องนั่งบัสไปเป็นเวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมงจากโตเกียวถึงจะถึง Takayama ผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อหูเท่าไร เลยต้องถามซ้ำอีกรอบ แล้วก็เปิดดูแผนที่ใน google maps เพื่อคำนวณระยะทางอีกที ซึ่งเวลาที่ใช้เดินทางก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ เพราะออกจากโตเกียว 8 โมง รถบัสเดินทางไปถึง Takayama ประมาณ บ่ายสองนิด ๆ หนึ่งในสาเหตุที่ใช้เวลาเดินทางนานก็เพราะว่า เหมือนกับว่ารถบัสของญี่ปุ่นจะมีกฎ(ไม่รู้กฎหมายรึเปล่า) ว่าถ้าขับไปสัก ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมงจะต้องแวะพักที่ Service Area เพื่อให้คนในรถได้ทำธุระอะไรก็ว่าไป และแวะทีนึงก็จะกินเวลาไปประมาณ 20-30 นาที และที่ผมนั่งไปนี่ก็แวะไปทั้งหมด 3 ครั้ง -*- เสียเวลาไปโดยใช่เหตุยังไงก็ไม่ทราบ แต่ก็อย่างว่าครับ คนในรถมีตั้ง 40 คน ไม่รู้ว่าใครจะหิวตอนไหน, ปวดตอนไหน ก็แวะถี่ ๆ ไว้ก่อนพ่อสอนไว้จะดีกว่า อ้อพูดถึงเรื่อง Service Area หรือจุดพักรถ ผมรู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นนี่เค้าทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก ไม่รู้ว่าเป็นเอกชนมาทำหรือว่ารัฐบาลให้สัมปทานหรือรัฐบาลทำเอง คือตามทางด่วนระหว่างเมืองเนี่ยจะมีจุดพักรถตั้งอยู่เรื่อย ๆ ขับไปแปบ ๆ ก็จะเจอ และแต่ละจุดนี่ก็แบบอลังการ เหมือนเป็นห้างย่อม ๆ ห้างนึง ใครที่เคยดู Gogorigo เกมกึ๋ยส์ อาจจะคุ้นเคยที่ชอบมีเปิดตำนานตระเวณกินอาหารขึ้นชื่อตาม Service Area ต่าง ๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับเพราะว่าอาหารการกิน, ขนม, เครื่องดื่ม ตามแต่ละจุดนี่แบบจริงจังมาก อยากกินอะไรมีให้กินหมด แล้วแบบห้องน้ำก็ใหญ่โต, สะอาด ซึ่งมองดูแล้ว ก็ดูเป็นอะไรที่ทำให้คนขับรถได้พักได้ผ่อนคลายจริง ๆ ต่างจากบ้านเราที่ผมนึกถึงเจ้าจุดพักรถดี ๆ แบบนี้ออกที่เดียวคือตรง Motor Way ตะวันออก นอกเหนือจากนั้นต้องไปแวะปั๊มกันอย่างเดียว

รถบัสของผมเข้าเทียบท่าลานจอดรถบัสของเมือง Takayama ประมาณบ่าย 2 (เดินทางนานจริง ๆ หลับแล้วหลับอีกระหว่างทางที่นั่มา) ไกด์ให้เวลาพวกผมเดินทัวร์เมืองอยู่ 1 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากที่เดิน ๆ พอเป็นพิธี ได้เดินดูถนนเก่า 3 สายหลักของเมือง ก็ให้ความรู้สึกว่าเมืองนี้มันคือ เชียงคาน ของญี่ปุ่นนี่หว่า! คือแบบอารมณ์มันให้มากเลยครับ อากาศเย็น ๆ (กว่าโตเกียว เหมือนเลยเย็นกว่ากรุงเทพ) บ้านเมืองเก่า ๆ ผู้คนใจดี ถนนเล็ก ๆ และก็มีขายของฝาก ขนมพื้นบ้านเยอะแยะเต็มไปหมด แต่แบบเดินไปเดินมา 1 ชั่วโมงมันก็เพียงพอจริง ๆ สำหรับเมืองเก่าแก่เล็ก ๆ นามว่า Takayama แห่งนี้ (จริง ๆ มีจุดท่องเที่ยวอีกเยอะ แต่ก็เป็นประมาณพวกบ้านเก่า ๆ วัดเก่า ๆ ศาลเจ้าอะไรแบบนั้นล่ะครับ)


รวมพลกันที่ตึก Sumitomo - Shinjuku

เมืองสวยดีครับ โบราณ ๆ เก่า ๆ 






ไอ้เจ้านี่ดูไม่ค่อยเข้ากับเมืองนี้สักเท่าไรนะครับ แต่ก็เท่ดี

ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว คนท้องถิ่นไม่ค่อยมี







เสร็จจาก Takayama รถทัวร์ก็พาผมไปยังจุดหมายต่อไป Shirakawa-go หมู่บ้านชาวนาเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ระหว่างจังหวัด Gifu กับจังหวัด Toyama และมีบ้านชาวนาหลังใหญ่โต สวยงาม ตั้งกันอยู่เป็นจำนวนมาก บ้านชาวนาบางหลังนั้นอายุเก่าแก่ถึง 250 ปี จนทำให้องค์กร UNESCO ประกาศให้หมู่บ้านชาวนา   Classic แห่งนี้ให้เป็นมรดกโลกในปี 1995 ได้อย่างไม่ยากเย็น ที่ Shirakawa-go ตอนผมไปก็อยู่ในช่วงที่อากาศกำลังดีพอดี คือ 10 กว่า ๆ แต่เดิน ๆ ไปแปบนึง ฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาพร้อมลมแรง ๆ ทำให้เกิด wind factor ขึ้นมาลดอุณหภูมิที่สัมผัสตัวผมให้ต่ำลงไป ทรมานหนาว ๆ อยู่แปบนึงเพราะไม่ได้เอาเสื้อหนาวลงไป ฝนก็หยุดตกและฟ้าก็โปร่งพอดี (จะตกมาทำไมฟะ) เจ้าหมู่บ้านชาวนา Shirakawa-go นี่บอกตรง ๆ ว่าผมเคยเล็งจะมาเองนานมากแล้ว วางแผนมาหลายปี แต่แบบพอเห็นถึงความลำบากที่จะมา ก็เลยไม่ได้มาซะที และตอนก่อนที่จะจองทัวร์นี้ ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีโปรแกรมแวะที่นี่ คือแบบโชคดีสุด ๆ ที่แวะ เพราะจากที่ไปมานี่ผมรู้เลยว่าถ้าไปเองนี่ไปลำบากจริง ๆ และค่ารถแพงมากแน่ ๆ -*- เจ้าหมู่บ้านชาวนานี่สวยจริง ๆ ครับถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้ลองแวะไปดู บ้านแต่ละหลังก็จะเป็นร้านขายของบ้าง, เป็นที่พักบ้าง เป็น พิพิทธภัณฑ์บ้าง แล้วแต่ตัวเจ้าของบ้านจะทำ และก็มีทุ่งนาขนาดเล็ก ๆ ที่ยังไม่ค่อยสวยด้วยต้นข้าวเขียวขจีสักเท่าไร เนื่องจากว่ามีแต่ดิน เคยอ่าน ๆ มาเห็นบอกว่าถ้ามาช่วงหน้าหนาว หิมะจะตกปกคลุมหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ไปหมด ขาวโพลนสวยงามมาก (แต่ก็คงหนาวสุด ๆ) และก็ถ้ามีเวลาก็นอนค้างบ้านชาวนาสักคืนก็เห็นว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเหมือนกัน สำหรับผม ก็ถ้าว่าง ๆ ก็จะลองมาใหม่อีกครั้งตอนหน้าหนาวก็น่าจะดี


หมู่บ้านชาวนา หลังไม่ได้เล็กนะครับ ใหญ่โตทีเดียว

จอดรถบัสแล้วเดินข้ามสะพานไปก่อนถึงจะเข้าสู่เขตหมู่บ้าน

ทุ่งนายังไม่ค่อยสวยเท่าไร ไม่ใช่หน้าเพาะปลูก




หินวิวภูเขาที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ ก็สวยดีนะครับ



น่าลองมาค้างคืนดูสักคืนก็น่าจะดีเหมือนกัน

ที่นี่เค้าใช้วิธีแช่เครื่องดื่มให้เย็นด้วยวิธีนี้ครับ เพราะว่าน้ำเค้าเย็นเจี๊ยบเลย





แวะซื้อเนื้อบดชุบขนมปังทอดสักหน่อย จำชื่อไม่ได้ว่าอะไร แพงกว่าซื้อข้างนอกเท่านึงได้ (จำไม่ได้ว่าเท่าไร) แต่ก็อร่อยดี

พอเสร็จจาก Shirakawa-go รถทัวร์ก็มุ่งหน้าพาพวกผมไปยังที่พักในเมือง  Toyama ต่อ ระหว่างทางก็จะผ่านถนนแคบ ๆ คดเคี้ยวไปมา และทอดยาวไปตามเชิงภูเขา มีลอดอุโมงค์บ้าง อะไรบ้าง แต่แบบ เป็นทางรถวิ่งที่สวยงามจริง ๆ ครับ ต้นไม้ดกเขียวขจี แม่น้ำสีสวย สีเขียวมรกต ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถตรงเส้นทางจากเชียงใหม่ลัดเลาะมาทางแม่ฮ่องสอนยังไงก็ไม่ทราบ สวย ๆ ครับ นั่งไปได้สัก 1 ชั่วโมงก็ถึงโรงแรมที่พัก Toyama Manten Hotel พิกัด 36.694948,137.216177 (http://japanhotel.net/Hotel.aspx?ID=211) โรงแรมนี้ก็เหมือน Business Hotel ทั่ว ๆ ไปครับ (ประมาณ 3 ดาว) แต่ที่แปลกประหลาดหน่อยก็คือห้องที่ผมพักมันเป็นห้องแบบเชื่อมถึงกันแบบ ถึงกันเลยจริง ๆ ไม่มีประตูกั้น เหมือนเป็นห้องฝาแฝดกันและกัน ประมาณนั้น (ประตูหน้าห้องก็คนละเบอร์กัน) งงว่าทำไมเค้าถึงออกแบบโรงแรมมาแบบนี้เหมือนกันครับ แต่ก็ดี ห้องใหญ่ดี นอนสบายดี ผม search ดูค่าห้อง 2 คนรู้สึกจะ 10,000 yen ก็คุ้มดีครับ ได้โรงแรมระดับนี้

เหมือนจะเป็นกระจก ปรัศวภาพวิโลม นะครับตัวเตียง แต่จริง ๆ ไม่มีผนังกั้น

แต่เปล่า เป็นห้องแฝดกัน!

เป็นห้องพักที่ประหลาดดี

ห้องน้ำก็มีให้ 2 ห้อง แต่ละห้องก็มาตรฐานดีครับ

เครื่องประทินโฉมของ Shiseido

โรงแรมใหญ่โตครับ


รีวิวร้านที่ 24 Yoshino Sushi , Toyama พิกัด 36.693597, 137.208558 (http://r.tabelog.com/toyama/A1601/A160101/16002253/)


ผมเคยอ่านเจอมาว่า ปลาในแถบต่าง ๆ ของญี่ปุ่นนั้นก็จะแตกต่างกันไป ปลาบางชนิดในท้องที่นึงก็จะอร่อยกว่าอีกท้องที่นึง หรือปลาบางชนิดก็จะมีเฉพาะในท้องที่นั้น ๆ เท่านั้น จึงเป็นที่มาว่า ผมอุตส่าห์ถ่อมาถึง Toyama อีกนิดเดียวก็จะถึงทะเลตอนบนของเกาะฮอนชูแล้ว ก็เลยถือโอกาสหาร้าน Sushi ดี ๆ กินสักหน่อย นั่ง Search ร้านกันสด ๆ ที่โรงแรม แล้วก็เจอร้านที่ได้คะแนนดี ราคารับได้ เดินไม่ไกลจากโรงแรม นามว่า Yoshino Sushi ร้านนี้ก็กว่าจะหาเจอก็แอบลำบากเล็กน้อยครับเพราะว่าไปหลบ ๆ อยู่ในซอกนิดหน่อย เปิดเข้าร้านไปก็เจอกับคนปั้น 2 คนกับลูกค้าอีก 3-4 คน คนปั้นเชิญให้ผมนั่งเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วก็พยายามชวนผมคุย ๆ ๆ เป็นภาษาญี่ปุ่น ผมก็ได้แต่นิ่งและสวนกลับไปว่า English Pls? ประมาณนี้ คุยกันไปคุยกันมาไม่รู้เรื่อง พระเอกขี่ม้าขาวก็โผล่มา ผมโชคดีมากที่ลูกค้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมเป็นฝรั่งที่พูดญี่ปุ่นได้คล่องมาก (เค้าเป็นอาจารย์ด้านเอกญี่ปุ่นจากม. Newcastle) ก็เลยทำให้ความสำเร็จของมื้อนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากฝรั่งท่านนี้ด้วย เพราะว่าผมสื่อสาร, สั่งอาหารกับคนปั้นรู้เรื่อง!

อาหารในมื้อนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับเป็น Sushi Set แพงสุดในร้าน 2600 yen ของผม กับ Set ถูกลงมาหน่อย 2100 yen ของแม่ผม และก็สั่งเพิ่มอีก 3-4 คำ ตัว Set ของผมก็ประกอบด้วยปลาที่คุ้นเคยและปลาที่ไม่เคยเห็น ปลาที่ไม่เคยเห็นนั้น ผมไม่ได้ถามคนปั้นหรือฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ ว่ามันคืออะไร เพราะแค่ให้เค้าสั่งให้มันก็รบกวนพอแล้ว แต่มีอันนึงที่แปลก อร่อย และเพิ่งเคยกินมาก่อนนั่นก็คือ Shiro Ebi หรือ White Ebi (อันนี้ ฝรั่งบอกชื่อผมมา) คือแบบเป็นกุ้งตัวเล็ก ๆ ที่หาได้เฉพาะแถบนี้ เอามาวางแหมะลงบน gunkan maki แบบ Uni ที่อยู่ข้าง ๆ กัน อร่อยจริง ๆ ครับเสียดาย ไม่ได้สั่งมากินคำที่ 2 เพราะอยากลองอย่างอื่น Sushi คำอื่น ๆ ใน Set ก็อร่อยหมดนะครับ แต่แบบเจ้า Chutoro หรือ Otoro ไม่รู้ ผมว่าแถบโตเกียวอร่อยกว่า และก็มีเจ้า Uni นี่แหละที่อร่อยมาก ๆ เลย หอมหวล หวาน อร่อยดีแท้ คือเมืองไทยเนี่ยจะหา Uni เทพ ๆ แบบนี้กินคงไม่ได้จริง ๆ ครับต้องมากินที่ญี่ปุ่นเท่านั้น

ส่วน Set ของแม่ผมก็ต่างกันแค่ลด Sushi ลงไป 2 คำซึ่งเจ้าคำที่ลดลงไป ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แม่ผมบอกว่า Sushi มื้อนี้อร่อยมาก อร่อยกว่าวันก่อนที่ไปกินที่ Sushi Kyubey - Ginza ซะอีก ตัวฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ ผมก็บอกว่าเค้าอยู่ Toyama มา 3 วันแล้ว กิน Sushi มาทุกวัน ร้านนี้คนท้องถิ่นเค้าแนะนำมา แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ อร่อยกว่า 2 ร้านก่อนหน้า ส่วนตัวผม ผมว่าร้านนี้ก็อร่อยดีนะครับ อร่อยกว่าที่ Tsukiji Fish Market แต่ผมก็ยังชอบที่ Sushi Kyubey มากกว่า แต่แบบมากกว่าไม่เยอะ ผมกิน Set เสร็จก็สั่งมาอีก 5 คำเพราะยังไม่อิ่มดี มี Maguro 2 คำ, Kani 1 คำ, Saba 1 คำ และ kohada 1 คำ ทุกคำก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีหมดครับ แต่อีกแล้ว ผมชอบ Maguro แถบโตเกียวมากกว่านะะะะะ

สรุปร้าน Sushi Yoshino @ Toyama นี่ก็ถือว่าเป็นร้าน Sushi ที่ดีมาก ๆ ร้านนึงครับ Sushi ราคาไม่ค่อยแพงเท่าไร คนปั้นก็พิถีพิถันในการปั้นดี จนทำให้ซูชิแต่ละคำหน้าตารูปร่าง, รสชาติออกมาดี และซูชิในร้านก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เสียดายอย่างตรงที่ผมอ่านหน้าซูชิไม่ค่อยจะออก และคนปั้นก็พูดอังกฤษไม่ได้เลยสักนิดเดียว ไม่รู้ว่าถ้ามื้อนี้ไม่มีฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ กันนี่ผมจะทำยังไง เฮ้อ ต้องขอบคุณ Gourmet God จริง ๆ ที่ทำให้มื้อนี้ของผมจากมื้อที่น่าจะ fail กลายเป็นมื้อที่เทพซะงั้น

หน้าร้านครับ สไตล์ญี่ปุ่นจ๋ามาก

ของค่อนข้างจะเต็มตู้นะครับ แต่มีไม่ค่อยเยอะ เหมือนลูกค้าจะไม่ค่อยเยอะเท่าไรร้านนี้ เพราะเมืองเค้าก็เล็ก

เบียร์เย็น ๆ สั่งได้เสมอ Nama Biru

กับแกล้ม แถมมาใน set เป็นอะไรก็ไม่ทราบครับ

Set ของผม 10  คำ 2600 yen ไม่แพงเลย

อันนี้ของแม่ผม  9 คำ 2100 yen

Maguro 2 คำ ไม่รู้ราคา ก็ดี แต่ไม่เท่าแถบโตเกียวครับ

Saba, Kohada, Kani อร่อยหมดเลยครับ

ไม่ต้องกิน ดูจากสีเนื้อ, ลายเนื้อ ก็บอกได้แล้วว่าต้องอร่อย

ฝรั่งคนนี้ล่ะครับที่ช่วยให้ผมผ่านมื้อนี้ไปได้ด้วยดี


โรงแรมที่ผมพัก ใหญ่โตดี

อาคารกระจายสัญญาณโทรทัศน์มั้ง

รูปปั้นสวย ๆ ในสวน



คล้าย ๆ ปราสาทเล็ก ๆ ป้อมอะไรสักอย่างครับ ไม่ได้เดินไปถ่าย ไกล

ปิดท้ายด้วยมื้อเบา ๆ เบียร์ Ebisu the Hop และ Edamame ที่เข้าคู่ด้านเฉดสีกันอย่างลงตัว


จริง ๆ ระหว่างที่เดินจากโรงแรมมาที่ร้าน Sushi ผมได้เดินผ่านสวนอะไรก็ไม่รู้ด้วยของเมืองนี้ เป็นสวนสาธารณะที่มีประติมากรรม วางอยู่ทั่วไปหมด แต่ละอันก็แปลก ๆ บ้าง สวย ๆ บ้าง และก็มีคล้าย ๆ เป็นป้อมปราการญี่ปุ่นอยู่ตรงปากทางเข้าสวน (แต่ผมไม่ได้เดินไปถ่าย) เท่าที่เดิน ๆ ตอนก่อนไปร้าน และหลังกลับจากร้าน เมือง Toyama นี่ก็เป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบ ๆ เมืองนึงที่มีรถรางวิ่งอยู่กลางเมือง มีร้านอาหารกระจายตัวอยู่พอสมควร แต่กลับไม่ค่อยเห็นคนในเมืองเดินกันเลย ก็ไม่รู้ว่าเมืองนี้มีอะไรเด่นนะครับ แต่เท่าที่รู้สำหรับผมคือ คราวหน้าถ้ามา ผมจะมาร้าน Sushi Yoshino  นี่อีกรอบ วันนี้ก็จบแค่นี้ครับ พรุ่งนี้มีโปรแกรมเหนื่อยหนักกับ Tateyama Alpine Route จะเป็นอย่างไร ตามไปกันเลยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...