Japan Spring Trip 2012 by BumRes.com - Day 7
ผมได้นอนไม่ค่อยนานนักเมื่อคืนที่ผ่านมาเนื่องจากประมาณตี 4 กว่า ๆ ดวงอาทิตย์ก็ได้กลับมาเยือนทะเลสาบ Kawaguchiko อีกครั้งแล้ว และประเด็นคือ ห้องที่ผมนอน มันไม่มีม่านให้กั้นด้วย ตอนแรกนึกว่า 7 โมงเช้าแล้ว แต่ที่ไหนได้พอหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูก็ต้องช็อคเพราะว่ามันเป็นเวลาตี 4 กว่า ๆ เท่านั้น พอเห็นเวลา ผมก็พยายามข่มตานอนต่อแต่ว่า แดดที่เจิดจ้าขนาดนี้มันยากที่จะต่อกรด้วยไหว ก็เลยกลายเป็นว่า ผมต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 5 แล้วก็นั่ง ๆ เล่นเน็ท, ดูวิวสวย ๆ ยามเช้าของทะเลสาบไปเรื่อย ๆ จนเวลา 7 โมงก็ถึงเวลานัดกินข้าวที่ผมจองเอาไว้กับทางโรงแรม ผมกับเพื่อนก็เลยชวนกันไปกินโดยไว เพราะว่าคิววันนี้ค่อนข้างแน่นเอี๊ยด
รีวิวมื้อที่ 11 อาหารเช้า ณ Kousegan Ryokan - Lake Kawaguchiko
|
วิวสวย ๆ ยามเช้า สวยมากครับ อยากกลับดูอีกรอบ |
|
ห้องรับประทานอาหารเช้า จัดเป็นโต๊ะละห้อง เจ๋งดี |
|
อาหารเช้าก็จัดเต็มกันทีเดียวโรงแรมนี้ แต่จะเป็นผัก ๆ ซะส่วนมาก |
|
ซุปเต้าหู้จืดไปหน่อยครับ |
|
ข้าวสวยร้อน ๆ มาในหม้อแบบญี่ปุ่น |
อาหารเช้าของทางโรงแรม ก็เป็นประสบการณ์แบบใหม่สำหรับผมอีกแล้ว เนื่องจากไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน ทางโรงแรมจัดโต๊ะอาหารไว้เป็นโต๊ะละคู่ ๆ ตามเลขห้อง เราก็ไปนั่งตามโต๊ะ และพนักงานจะจุดไฟน้ำซุปเอาไว้ให้ตามเวลาที่เราจองเอาไว้ ทำให้พอไปถึงซุปก็จะร้อนพอดี และไฟก็ยังคงลุกอยู่ตลอดเวลาที่นั่งกินอาหารจนหมด ส่วนอาหารก็ประกอบไปด้วยอาหารที่ค่อนข้างจะให้ความรู้สึกเป็นอาหารเช้าดีทีเดียวครับ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างละนิดอย่างละหน่อย ไม่ค่อยมีเนื้อสักเท่าไร แต่ว่ารสชาติของแต่ละอย่างก็ทำมาได้ดีพอสมควร จะมีติหน่อยก็เจ้าตัวซุปเต้าหู้ที่แบบมันจืดไปหน่อยอ่ะครับ อยากได้ให้มันมีรสชาติเข้มข้นกว่านี้ แต่มื้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมื้อดี ๆ มื้อนึงสำหรับผมเลยล่ะ
|
ทะเลสาบน้ำเขียว ๆ สวยจริง ๆ |
|
มีหลายบ้านที่สะสมฟืนกันครับ สงสัยจะหนาวจริงที่นี่ตอนหน้าหนาว |
|
หนึ่งในอาคารของศาลเจ้า Sengen ครับ |
|
มีวัวศักดิ์สิทธิ์ไว้สักการะด้วยอีกต่างหาก |
|
ศาลเจ้าของญี่ปุ่นก็สไตล์เดียวกันหมดครับ แต่ก็สวยดีนะผมชอบ |
|
ปลาย ๆ ทะเลสาบ Kawaguchiko ก็ยังคงมีคนมาตกปลากันแต่เช้า |
|
ทะเลสาบสวย ๆ |
พอกินข้าวเสร็จมีแรงเที่ยว เป้าหมายแรกของพวกผมคือ Fujiyoshida Sengen Shrine ศาลเจ้าสำคัญของละแวกตีนภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ การเดินทางก็ จริง ๆ ตัว Retro Bus ก็ครอบคลุมนะครับ แต่พวกผมออกจากโรงแรมกันตั้งแต่ 8 โมงซึ่งเจ้ารถบัสนี่จะมีรอบตอนแรกก็ 9 โมงก็เลยตกลงกันว่าจะเดินไปดีกว่า ย่อยอาหารไปในตัวด้วย ระยะทางก็ประมาณ 2 กิโลจากที่พักครับ ไม่ใกล้ไม่ไกลสักเท่าไร ระหว่างเดินไปก็ได้ผ่านบ้านเรือนของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตีนเขาฟูจินี่ ก็ดูบ้านแต่ละบ้านจะอยู่อย่างพอเพียงดีนะครับ มีทำฟาร์มเล็ก ๆ หลังบ้านบ้าง มีฟืนเตรียมเอาไว้สำหรับหน้าหนาวบ้าง มีป้าคนนึงทักพวกผม และพยายามคุยกับพวกผมด้วย แต่แบบ ป้าคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นอ่ะป้า ข้อยบ่ฮู้เฮื่อง เดินไปสักพักก็ไปถึง Fujiyoshida Sengen Shrine ครับ พิกัดก็ตามนี้เลย 35.509964,138.745987 ที่ศาลเจ้านี้ก็จัดได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่เจ๋งดีครับ ใหญ่โตอลังการ และสวยงามร่มรื่นย์ ไม่ขอเขียนบรรยายอะไรมาก ดูรูปประกอบเอาละกันครับ ผมรู้แค่ว่าถ้าไปแถว Mount Fuji นี่ควรจะแวะไปสักหน่อยครับ
|
ด้านหน้าของ Iyashi no Sato ก็เป็นร้านขายของกินเล่น, ของฝากตามสไตล์ญี่ปุ่นเค้าล่ะครับ |
|
ด้านในก็จะเป็นบ้านสไตล์บ้านโบราณ บ้านชาวนา อะไรประมาณนั้น |
|
วิวสวยดีครับ มองเห็นภูเขาไฟฟูจิเต็ม ๆ |
|
คลองกลางหมู่บ้าน แต่ดันไม่มีน้ำ ไม่งั้นคงสวยกว่านี้ |
|
ช่วงที่ผมไปปลาคาร์ฟบินกันว่อนญี่ปุ่น เพราะเป็นช่วงวันเด็กผู้ชาย |
|
มีร้านนึงขายพวกของน่ารัก ๆ เอา Kitty น้อยวางล่อลูกค้าไว้เลยทีเดียว |
|
ค่อนข้างสงบดีครับ เพราะไปวันธรรมดาด้วยมั้งผม |
พอเดิน ๆ ดูศาลเจ้า, ถ่ายรูปเสร็จ ก็ได้เวลา 9 โมงนิด ๆ พอดี รถ Retro Bus เที่ยวแรกก็มาแวะรับพวกผมจากที่ศาลเจ้าไปยัง Iyashi no Sato พิกัด 35.504957,138.662070 ต่อ ที่นี่ก็เป็น คล้าย ๆ Open-air Museum ที่ทำแต่ละอาคารเป็นคล้าย ๆ บ้านชาวนาสมัยก่อน บ้านแต่ละหลังก็จะมีของขายต่าง ๆ กันออกไปหรือไม่ก็เป็นร้านอาหาร ที่นี่ก็เหมือนกับมาดื่มด่ำบรรยากาศบ้านชาวนาสมัยก่อน ณ ชนบท บรรยากาศร่มรื่น พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิสวย ๆ อะไรประมาณนั้นครับ ก็โอเคนะครับ เป็นอีกหนึ่งที่ที่ถ้ามาแถวภูเขาไฟฟูจิ ผมว่าก็น่าจะแวะมา อาจจะไกลสักหน่อยเพราะอยู่ริมซ้ายสุดของทะเลสาบ Saiko เลย แต่ Retro Bus ก็พามาถึงสบาย ๆ
|
เดิน ๆ เข้าป่า เพื่อไปยังถ้ำ |
|
ป่าที่นี่มีมอสขึ้นเต็มเลย |
|
ทางลงไปถ้ำ น่ากลัวดีทีเดียว |
|
ลงไปลึกครับ |
|
ถ้ำนี้เห็นบอกใช้เป็นที่เก็บน้ำแข็ง |
|
น้ำแข็งเต็มถ้ำเลยล่ะครับ |
|
อันนี้เป็นที่เก็บพวกสมุนไพร |
|
แสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์ |
|
ถ้าจะไปถ้ำน้ำแข็งต้องเดินต่อไปอีก 25 นาทีแน่ะครับ ไม่ได้ไปเพราะกลัวไม่ทัน |
|
เลยถ่าย ๆ รูปเล่นในป่าแทน ป่าสวยดีครับ |
|
ป่าอันแสนจะร่มรื่นย์ |
เป้าหมายต่อไปเป็นถ้ำลม พิกัด 35.477229,138.658268 ที่นี่ก็จะอยู่บริเวณริมทะเลสาบ Seiko ด้านล่างซ้าย ใกล้ ๆ กันก็จะมีถ้ำน้ำแข็งที่ใช้ระยะเวลาเดินฝ่าป่าไปประมาณ 20 นาที ทั้ง 2 ถ้ำนี้ก็จะคล้าย ๆ กันครับคือเป็นถ้ำที่จะอุณหภูมิ 0 องศาหรือต่ำกว่านั้นตลอดปี ชาวบ้านก็จะเอาถ้ำนี้เป็นที่เก็บน้ำแข็ง, เก็บสมุนไพร อะไรก็ว่าไป ก็เป็นอะไรที่เจ๋งดีเหมือนกันครับ คือแบบอุณหภูมิข้างนอกชิล ๆ 10 กลาง ๆ แต่พอเข้าถ้ำไป กลายเป็นอุณหภูมิจุดเยือดแข็ง ก็เย็นดี และภายในถ้ำก็สวยดี เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าแวะไป แต่น่าเสียดายที่ผมได้ไปแค่ถ้ำลมเพราะว่าถ้ำน้ำแข็งถ้าจะไปจริง ๆ ต้องเสียเวลาเดินไปเดินมาถึง 1 ชั่วโมงและพวกผมจะตกรถบัสเอา ก็เลยไปกันแค่ถ้ำเดียวแทน
|
ทะเลสาบสวย ๆ |
|
ผมรู้สึกว่าทะเลสาบของที่ญี่ปุ่นจะสวยกว่าของไทยนะครับ น้ำมันจะเป็นสีแบบเนี้ย ไม่ก็จะเป็นสีเขียวมรกต ของบ้านเรามันจะสีน้ำตะกอน |
|
น้องหมาก็อารมณ์ดี |
|
ฝาท่อจะเปลี่ยนไปตามสัญลักษณ์ของเมืองครับ |
สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณ Saiko Lake ของผมก็เรียกได้ว่ามาครบถ้วนแล้วพวกผมเลยเดินทางกลับไปที่ Kawaguchiko Lake กัน ซึ่งการเดินทางโดยใช้รถ Retro Bus ที่ Saiko Lake นี่ต้องวางแผนดี ๆ หน่อยครับ เพราะว่ารถมีรอบน้อยมากชั่วโมงละคันเท่านั้น ถ้าตกรถทีนี่ก็ต้องรอกันจนเซ็งล่ะครับ วันนี้ตอนแรกพวกผมวางแผนเอาไว้ว่าจะไม่กินข้าวเที่ยงเพราะตอนเย็นแพลนกันเอาไว้ว่าจะไปกินบุฟเฟ่ต์เนื้อย่าง จะได้เผื่อ ๆ กระเพาะเอาไว้ แต่ที่ไหนได้ครับ ยังไม่ทันจะเที่ยงดิ พวกผมก็หิวกันแล้ว ก็เลยเดินหาร้านอาหารกินเพื่อประทังชีวิตกันสักหน่อย เดินไปเดินมาก็เจอกับร้านโซบะน่าสนใจร้านนึงเข้าให้
รีวิวมื้อที่ 12 ร้าน Soba บริเวณ Kawaguchiko Lake - Fuji
ร้านนี้ผมเจอด้วยความบังเอิญครับ พอดีเดิน ๆ จะไปแถวโรงแรมแล้วเห็นป้ายคำว่าโซบะกับอุด้งเข้าให้แล้วก็เลยไปหยุด ๆ ดูเมนูที่ร้านเห็นเมนูร้านน่าสนใจดี และราคาก็ไม่ค่อยแพงเท่าไรมื้อ Set Lunch อยู่ที่ราคาประมาณ 1200 yen ผมก็เลยชวนเพื่อนเข้าไปกินกัน อ้อ พิกัดร้านคือ 35.505353,138.763110 อยู่บริเวณริม ๆ ทะเลสาบเลยน่ะครับหาไม่ยาก พอเข้าไปในร้านก็เจอลูกค้านั่งอยู่ 3-4 คนและร้านเป็นที่นั่งแบบมีแต่ counter bar เท่านั้น และร้านนี้เหมือนจะเป็นสองสามีภรรยาช่วยกันทำมาหากินครับ โดยตัวสามีจะอยู่ที่เคาน์เตอร์คอยทำเทมปุระสด ๆ ที่เสิร์ฟพร้อมกันกับตัวโซบะหรืออุด้ง ส่วนตัวภรรยาจะอยู่หลังร้านคอยเสิร์ฟน้ำและไปเตรียมเส้นโซบะ ก็แบ่งงานกันง่าย ๆ ดีครับ
|
หน้าร้านโซบะเทพของผม |
|
ครบถ้วนตามสไตล์ร้านพี่ยุ่น |
|
ร้านมีแต่เคาน์เตอร์บาร์ครับ |
ผมกับเพื่อนสั่งโซบะเซ็ทคนละแบบ ร้อน 1 เซ็ทและก็เย็น 1 เซ็ทแล้วก็แบ่ง ๆ กันกินเอา เส้นโซบะของร้านนี้อร่อยดีครับ น่าจะเป็นเส้นทำเอง ตัวน้ำซุปไม่ว่าจะน้ำซุปร้อนหรือน้ำจุ่มแบบเย็นก็รสชาติกลมกล่อมลงตัวอย่างสุด ๆ คือก็น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกันนะครับ ทริปนี้ผมกินโซบะค่อนข้างเยอะเหมือนกัน และแทบทุกชาม ทุกมื้อที่กิน ล้วนแต่อร่อยหมดเลย ผิดกับทริปเมื่อปีที่แล้วที่ผมมา พยายามกินยังไงก็ไม่อร่อย ขนาดไปร้านที่ได้คะแนนสูง ๆ ก็แล้ว แต่ทีเด็ดของมื้อนี้ไม่ได้อยู่ที่โซบะครับ อยู่ที่ตัวเทมปุระมากกว่า เนื่องจากเทมปุระนั้นหลาย ๆ คนคงทราบว่าเป็นอาหารที่ต้องทำสด ๆ แล้วกินสด ๆ เลยมันถึงจะอร่อย กรอบนอกนุ่มใน ซึ่งร้านนี้ก็เข้าข่ายเป็น Tempura Bar ได้เลยเพราะว่าเทมปุระแต่ละชิ้นจะทำสด ๆ หลังจากสั่งทั้งนั้น เลยทำให้เจ้ากุ้งเทมปุระของผมกับเพื่อนนี่อร่อยแบบน่าตกใจ น่าตกใจจริง ๆ เพราะว่ามันอร่อยมาก ๆๆๆ
|
ตาลุงคนนี้ล่ะครับคนทอดเทมปุระ พูดอังกฤษไม่ได้เลยเช่นกัน |
|
โซบะเย็นกับกุ้งเทมปุระอร่อยมาก |
|
โซบะร้อนกับเทมปุระก็อร่อยเช่นกัน |
|
เส้นโซบะสวยงามและอร่อย |
ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ทำให้ผมประทับใจครับ เห็นเมนูในร้านมีเซ็ทแบบสั่งแต่เทมปุระราคา 3000 เยนด้วย ผมเลยกะเอาไว้ว่าถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้มาที่ทะเลสาบ Kawaguchiko นี่อีก ผมจะต้องมากินเจ้าเทมปุระคอร์สนี่ให้ได้ เพราะเท่าที่ผมดูราคามา แถว ๆ ในตัวเมืองโตเกียวส่วนใหญ่คอร์สเทมปุระพวกนี้จะราคาอยู่ที่ เป็น 10000 เยนทั้งนั้นเลย
พอกินกันเสร็จพวกผมก็มีแรงเดินกันต่อ เป้าหมายต่อไปคือการไปขึ้นภูเขาเทนโจผ่านการใช้บริการของ Kachi Kachi Ropeway เจ้า Ropeway อันนี้ก็เรียกได้ว่าภูมิลำเนาค่อนข้างสะดวกครับเพราะอยู่ด้านขวาล่างของทะเลสาบ Kawaguchiko เลยเดินทางสะดวกมาก พิกัดเป๊ะ ๆ ก็ตามนี้เลยครับ 35.50402, 138.77211 Ropeway แห่งนี้ก็จะเสียค่ากระเช้าไปกลับ 700 เยน เพื่อแลกกับการไม่ต้องเดินขึ้นไปในความสูง 400 เมตร (ประมาณตึก 130 ชั้น) ที่บนจุดชมวิวก็จะมีที่นั่ง, กล้องส่องทางไกล ร้านขายขนม ค่อนข้างจะครบครัน ตามประสาพี่ยุ่นเค้า วิววันที่ผมไปก็จัดได้ว่าเกือบสวย คือฟ้าโปร่ง แต่พอดีที่ยอดเขาฟูจิมีเมฆมารวม ๆ ตัวกันเล็กน้อย ก็เลยไม่สวยถึงที่สุดแค่นั้น และถ้าใครยังพลังเหลือ จากจุดชมวิวนี่เรายังสามารถเดินขึ้นไปอีก 300 เมตร (ประมาณตึก 100 ชั้น) จะมีศาลเจ้าเล็ก ๆ อยู่ และก็จะได้วิวที่ดีขึ้นไปอีก แต่พอดีพวกผมไม่มีเวลาเลยไม่ได้เดินขึ้นไปต่อกันครับ
|
Tachi Tachi Ropeway ครับ ขึ้นกันไปเลย |
|
ประมาณ 10 นาทีจะมีรอบนึง |
|
จัดได้ว่าสูงอยู่นะครับ |
|
โย้ว วิวสวย ๆ เสียดายมีเมฆตรงยอดภูเขาเล็กน้อย |
|
ที่จุดชมวิวจะมีอาคารสูงขึ้นไปอีก 3 ชั้นให้ขึ้นไปเก็บรูปได้ |
|
ทะเลสาบสวย ๆ อีกมุมนึง |
|
กิน softcream ไปดูภูเขาไฟวสวย ๆ ไปสักหน่อย |
|
พอลงมาเจอร้านน่าสนใจครับ Fujiyama Cookie |
|
เลยซื้อมากินกันสักหน่อย 3 รส 3 มุม รสชาติก็งั้น ๆ ครับ |
เป้าหมายสุดท้ายของผมในวันนี้คือการเดินทางไป Chuereito Pagoda เจดีย์พร้อมวิวอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิและเมือง Fujiyoshida และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้อยู่ในบริเวณทะเลสาบแต่จะอยู่ใกล้ ๆ กับสถานี Shimoyoshida แทน การเดินทางก็จากสถานี Kawaguchiko นั่งรถไฟไปแค่ 3 ป้ายก็ถึงแล้วล่ะครับ ตัวเจดีย์นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของ Arakura Sengen Shrine พิกัด 35.500352, 138.800156 ลงจากสถานีเล็ก ๆ นามว่า Shimoyoshida แล้วก็เดินต่อไปแค่ประมาณ 7 นาทีก็จะถึงศาลเจ้าแล้วล่ะครับ แต่จุดหมายปลายทางจริง ๆ คือเจ้าตัวเจดีย์เนี่ยต้องเดินขึ้นไปต่อ ต้องผ่านบันได 400 ขั้นไปก่อนถึงจะถึงฐานเจดีย์ แล้วก็ต้องเดินขึ้นไปอีกนิด ไปยังเนินด้านหลังของ Chuereito Pagoda ก่อนเพื่อที่จะได้วิวที่เห็นเจดีย์พร้อมภูเขาไฟฟูจิและเมืองอันแสนจะงดงาม ครับวิวสวยจริง ๆ ครับตรงนี้ สวยจนผมยืนดูได้เป็นเวลานาน สวยจนมีฝรั่งคนนึงเอาเสื้อแจ็คเก็ตปูเป็นที่นอนแล้วก็นอนดูอยู่แบบนั้นนานทีเดียว ขาขึ้นนี่ก็จัดได้ว่าเดินกันหน่อยพอสมควรแต่พอขาลงก็ค่อนข้างจะสบายหน่อยครับ แปบเดียวก็ถึงพื้นแล้ว
|
ที่ญี่ปุ่นจะมีเบียร์ 3rd gen แล้วเป็นเบียร์ไม่มีพลังงาน, ไม่มีแอลกอฮอล์แต่ยังคงพอได้รสชาติเบียร์อยู่ ผมละอยากให้มีที่เมืองไทยจัง |
|
สถานี Chimoyoshida ครับ |
|
ประตูขึ้นศาลเจ้า |
|
เดินขึ้นไปสักครึ่งทาง วิวเริ่มสวยแล้ว |
|
เหนื่อยเหมือนกันนะครับ 400 ขั้นเนี่ยประมาณตึก 20 ชั้นเลย |
|
ถึงแล้วเจดีย์อันสวยงาม |
|
วิวเมือง Fujiyoshida อันสวยงาม |
|
อันนี้วิวที่สวยที่สุด คงจะเคยเห็นกันบ่อย ๆ ใช่มั้ยครับ |
|
เย้ พิชิตได้แล้ว |
|
ด้านล่างก็จะเป็นตัวศาลเจ้าหลักครับ |
|
แวะทำบุญสักหน่อย |
โปรแกรมท่องเที่ยววันนี้ของผมก็เป็นอันจับลงอย่างบริบูรณ์ ถือว่าเดินทางได้ตามเป้าหมาย ไปได้ครบทุกที่ตามที่วางแผนเอา พวกผมเดินทางกลับไปที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko คราวนี้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะต้องไม่ตกรถ ก็เลยไปดักรอเอาไว้ก่อนเวลาสักพัก พอรถมาเทียบท่าก็เลยไปถาม ๆ คนขับว่าคันนี้ไปชินจูกุรึเปล่า แล้วก็ยื่น ๆ อีเมล์ให้เค้าดู แล้วเค้าก็ไปเช็คกับรายชื่อก็เป็นอันเสร็จ โอ้โหสะดวกจริง ๆ พวกผมก็นั่ง ๆ หลับ ๆ ไปชั่วโมงครึ่งก็เดินทางกลับถึงชินจูกุโดยสวัสดิภาพไว้ เป้าหมายต่อไปของวันนี้คือไปกินบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างกันต่อครับ
|
กลับไปยังสถานี Chimoyoshida |
|
รอรถไฟ ๆ ๆ ๆ |
|
ขึ้นรถบัสกลับชินจูกุล่ะครับ |
รีวิวมื้อที่ 13 Gyu-Kaku สาขา Oimachi Station พิกัด 35.607659, 139.736333
ร้านเนื้อย่างที่มีสาขามากมายทั่วโลกแห่งนี้ เป็นร้านที่ผมได้มากินเมื่อตอนที่ผมมาญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนปีที่แล้วที่ผ่านมา และมื้อนั้นเป็นมื้อที่ผมประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างที่ดีที่สุดในชีวิตผมก็ว่าได้ และพอดีงวดนี้ เพื่อนผู้ร่วมเดินทางของผมรีเควสท์อยากจะกินเนื้อย่างขึ้นมา ผมก็เลยชวนมันมาที่ร้านนี้อีกครั้งเพราะตัวผมเองก็ชอบร้านนี้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ร้านนี้ก็จะแตกต่างจากร้านเนื้อย่างที่บ้านเราหน่อยตรงที่มีทั้งแบบ a la carte และ บุฟเฟ่ต์ให้เลือก แต่ถ้าสั่งแบบนึงก็ต้องกินแบบเดียวกันทั้งโต๊ะ ซึ่งรายการอาหารของทางร้านนี้ก็มีอยู่ในเว็บไซต์ของทางร้านอยู่แล้วล่ะครับ ราคาบุฟเฟ่ต์ก็จะมีสองแบบประมาณ 3000 เยนกับ 3500 เยน คราวที่แล้วผมสั่งแบบ 3000 คราวนี้ก็เลยขอลองจัดแบบ 3500 เยนสักหน่อย มีรายการอาหารให้สั่งเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยครับ
|
เบียร์เย็น ๆ กับเนื้อย่าง เป็นอะไรที่เข้ากันมาก |
|
เตาแบบนี้เมืองไทยไม่ค่อยมีเท่าไร ร้อนดีครับแรก ๆ |
|
ลิ้นวัวต้องสั่งบุฟเฟ่ต์แบบ 3500 เยนเท่านั้นแบบ 3000 เยนจะมีแต่ลิ้นหมู |
|
อันนี้ไม่แน่ใจว่าอะไร แต่ก็อร่อยดีครับ |
|
ปิ้ง ๆ ๆ ๆ |
|
กิมจิอร่อยดีครับ ไม่มีความหวานมีแต่ความเค็มและเผ็ดแบบที่ผมชอบเลย |
สำหรับตัวคุณภาพโดยรวมของเนื้อในมื้อนี้ก็คล้าย ๆ กับมื้อแรกที่ผมกินมาครับ คือจัดอยู่ในระดับ a la carte เมืองไทย หรือดีกว่าแบบบุฟเฟ่ต์เมืองไทยอย่างไม่ค่อยจะเห็นฝุ่นสักเท่าไร(คือห่างชั้นกันมาก) วันนี้กินกันไปค่อนข้างเยอะแต่แบบอ่านไม่ค่อยออก ใช้วิธีจิ้ม ๆ เอาอ่ะครับก็เลยจำไม่ค่อยได้ว่ามีอะไรบ้าง หลัก ๆ ก็จะมี ลิ้นวัวซึ่งแบบมาเป็นแผ่นใหญ่ และเนื้อนุ่มดี , เนื้อส่วน คารุบิ หรือคาลบี้ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นเนื้อส่วนไหนเหมือนกันก็เยี่ยม, ฮารามิ (น่าจะเป็นเนื้อซี่โครง) อันนี้ก็อร่อยยอด แต่แบบพวกเครื่องในนี่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไร รู้สึกว่าเครื่องในเมืองไทยจะดีกว่า ส่วนที่ชอบอีกอันนึงก็คงเป็น ไก่ราดซอสใบโหระพาครับ อร่อยดี รสชาติจัดจ้าน ๆ ตามสไตล์ไทย ๆ หน่อย
|
เนื้อเค้าก็อร่อยดี และลายสวยดีว่ามั้ยครับ |
|
อันนี้ไม่รู้อะไรเหมือนกัน แต่จะต้องกินกับไข่ดิบครับ อร่อยสุด ๆ ส่วนอันซ้ายบนเป็นกระเพาะวัว อร่อยดีเหมือนกัน |
แม้ว่าตัวคุณภาพเนื้อของมื้อนี้จะยังคงจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเหมือนเช่นคราวที่แล้วที่ผมมา แต่แบบการบริการในวันนี้คนละเรื่องกับคราวที่แล้วมากครับ อาหารช้าาาา สั่งไปแต่ละอย่างนี่รอนานมากกว่าจะมา และก็มาแบบจานเล็ก ๆ กินไม่ทันใจ , พนักงานก็ไม่มีคนพูดอังกฤษได้เลย ต้องส่งภาษามือกันอย่างเดียว เทียบกับคราวที่แล้วที่อาหารมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ส่วนนึงที่คราวที่แล้วบริการดีอาจจะเพราะว่ามีเพื่อนผมที่พูดญี่ปุ่นได้อยู่ด้วยก็เป็นได้ อ้อ ที่เซ็งอีกอย่างสำหรับมื้อนี้คือ เตาไม่ร้อนช่วงหลัง ๆ และประเด็นคือคุยกับพนักงานไม่รู้เรื่อง ว่าจะให้เพิ่มถ่านยังไง -*-
|
รออาหารแต่ละจานนานมาก เซ็งครับ |
|
ไก่โหระพา อีกหนึ่งจานเด็ด |
|
หลัง ๆ เตาเริ่มไม่ร้อนล่ะ |
|
กุ้งกับกระเทียม จริง ๆ ต้องเอาไปปิ้งทั้งฟอยล์เลย แต่ผมทำผิด เอากุ้งไปปิ้งสด ๆ ฮ่า ๆ |
สรุปมื้อนี้ถ้าเอาแต่คุณภาพเนื้อก็ถือว่าดีครับ แต่ถ้าเอาแบบภาพรวมผมว่ายังไม่ค่อยผ่านเท่าไร เฮ้อ เซ็ง เสร็จจากมื้อนี้ผมกับเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับไปนอนล่ะครับ เหนื่อยมาก
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment