BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Saturday, November 16, 2013

Shibuya Shabu Thonglor Review

Shibuya Shabu Thonglor - Shabu and Sushi Buffet at Thonglor Soi 20 Review

ชิบุย่า ชาบู ทองหล่อ - ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู และ ซูชิ ทองหล่อย ซอย 20 รีวิว



Overall Score  10/10
Taste   5/5
Ambiance  4/5
Service  4.5/5
Value   5/5

Shibuya Shabu - Japanese Buffet Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน buffet shabu หนึ่งเดียวในใจผม (ในกรุงเทพฯ) นั้นผมสามารถตอบได้เต็มปากเลยว่าคือร้าน Shibuya Shabu ร้านนี้แม้ว่าผมจะเคยมีโอกาสได้กินแค่ครั้งเดียวเมื่อสัก 2-3 ปีก่อน แต่คือ 2-3 ปีมานี่ก็ตระเวณกินร้าน buffet shabu มาหลายร้านแต่ก็ไม่มีร้านใดสามารถผงวดขึ้นมาทดแทนร้านนี้ได้เลยสักร้านเดียว ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วตลอด 2-3 ปีมานี่ผมก็อยากจะกลับไปซ้ำร้าน Shibuya Shabu แห่งนี้มากนะครับ แต่เนื่องด้วยภารกิจที่ต้องตระเวณกินร้านอาหารให้ได้มากที่สุดก็เลยไม่มีโอกาสได้กลับไปกินเลยอีกสักที แต่วันก่อนเพื่อนตัวอ้วนผมอยากจะขอจัดหนักอะไรสักอย่างนึง ก็มาช่วยกันคิดและก็มาลงเอยที่ร้าน Shibuya Shabu แห่งนี้กันจนได้ แต่งวดนี้ไปอีกสาขานึงซึ่งเป็นสาขาที่ 2 (และเป็นสาขาที่ 2 มานานแล้ว เหมือนกับว่าทางร้านไม่มีแผนจะเปิดร้านเพิ่ม) ตั้งอยู่ในซอยแจ่มจันทร์หรือซอยทองหล่อ 20 บริเวณชั้นล่างของคอนโดอะไรสักอย่าง หาไม่ยาก และก็ที่จอดรถเยอะดีครับ

ก้าวเข้าไปในร้านก็พบกับบรรยากาศร้านที่คุ้นเคยเหมือนกับสาขาพระราม 9 ทุกอย่างไม่ว่าจะความสว่างไสวของทางร้าน, โต๊ะที่นั่งที่แบ่งกันแบบค่อนข้างจะให้ความเป็นส่วนตัวพอสมควรโดยการมีฉากกั้นแบบพอประมาณ, ไลน์อาหารที่มีให้เราไปตักเอง และบรรยากาศรวม ๆ ก็เป็นร้านเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ แบบที่ใช้ประโยชน์พื้นที่ได้อย่างลงตัวสุด ๆ คือแบบทั้ง 2 สาขาถอดแบบกันมาได้เป๊ะจริง ๆ เลย อารมณ์ประมาณเข้าร้านสาขาของ franchise ดัง ๆ อะไรพวกนั้น คุ้นเคยกับทุก ๆ อย่างไม่ต้องทำความรู้จักใหม่









สิ่งแรกที่ประทับใจเป็นอย่างยิ่งเลยคือผ่านมา 2-3 ปี อาหารของร้าน Shibuya Shabu แห่งนี้ไม่มีการปรับราคาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยังคงราคาอยู่ที่ 690 บาทสุทธิเช่นเคย ซึ่งจุดนี้ผมขอชื่นชมมาก ๆ เพราะว่าผมเห็นร้านอาหารในช่วง 2-3 ปีมานี่นี่คือแบบขึ้นราคากันเป็นว่าเล่นแบบ เอะอะบ้าอะไรก็ขึ้นราคากัน จนตอนนี้ราคาอาหารในกรุงเทพฯ เรานี่แพงเว่อร์ไล่กันไปตั้งแต่ร้านรถเข็นที่ขายไก่แพงกว่า KFC ไปแล้ว (สะโพกชิ้นละ 60 บาท พระเจ้าช่วย) , ร้านอาหารตามสั่งที่จานละ 50 บาทกันสบาย ๆ แต่ให้มานิดเดียว, ร้านอาหารดูดีหน่อยที่การจ่ายเงิน 1,000 นึงเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ไปแล้ว แต่กับ 690 บาทสุทธิที่ร้าน Shibuya Shabu นี่คือแบบ ครบเครื่อง คุ้มค่าที่สุดในสามโลกจริง ๆ ล่ะครับ คือราคานี้จะได้ผักคุณภาพดีหลากหลายให้เราหยิบตักกันได้เอง, เนื้อชาบู ๆ หลากหลายรูปแบบคุณภาพดี, และซูขิหลากหลายหน้าของทางร้านที่ไม่ได้ทำมาแบบสักแต่ว่าขอให้มีซูชิอยู่ในรายการอาหาร แต่เป็นซูชิคุณภาพดีที่สู้พวกร้านซูชิเกรด B - B+ กันได้สบาย ๆ เลยล่ะ (แน่นอนว่าถูกกว่ากันเยอะ) อาหารในมื้อนี้ก็มีค่อนข้างเยอะครับมาไล่เรียงกันไปเลยดีกว่า ขอแบ่งเป็นฝั่งชาบู ชาบู กับฝั่งไม่ใช่ชาบูละกันนะครับจะได้เห็นภาพกันง่าย ๆ

หมวดชาบู

- น้ำซุปของทางร้านมีให้เลือก 2 แบบ คือ น้ำซุปชาบู (shabu shabu soup) และ ซุปหางวัว (Miruku soup): น้ำซุปชาบูอร่อยดีครับ จืด ๆ หน่อย แต่ก็มีรสชาติของคอมบุเล็กน้อย มาตรฐานดี ส่วนน้ำซุปหางวัวก็แปลกดี มัน ๆ หน่อย เค็ม ๆ นำ กินทั้ง 2 น้ำซุปนี้ด้วยกันแล้วทำให้ชาบูอร่อยขึ้นอย่างชัดเจนเลยเพราะมีหลายรสชาติดี







- เนื้อวัวของทางร้าน Shibuya Shabu จะมี 3 อย่างคือ Jyo Karubi, Kata Rosu, Rampu หรือ เนื้อซี่โครงอย่างดี, เนื้อสันใน และเนื้อหนอก ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้เรียกได้ว่าอร่อยคุ้มค่าเกินราคาเช่นเคยครับ เนื้อคารุบิชิ้นใหญ่และแล่มาหนากว่าหลาย ๆ ร้าน เวลาเอาไปโบกลงในน้ำซุปก็เลยค่อนข้างสบาย ไม่ได้แบบต้องมานั่งโบกชิ้นเล็ก ๆ หลาย ๆ ชิ้นซึ่งพอเป็นแบบนั้นแล้วก็กลายเป็นว่าเนื้อตรงกลางไม่สุกไปแทน และเนื้อคารุบิก็แบบมีมันแทรกเล็กน้อยทำให้เนื้อนุ่มอร่อยดีมาก | เนื้อ Kata Rosu หรือสันในก็หนา และชิ้นใหญ่เช่นกันแต่ว่าไม่นุ่มเท่า ไม่อร่อยเท่า jyo karubi เท่านั้น | เนื้อหนอก หรือ Rampu อันนี้มันแทรกเยอะมาก ชิ้นใหญ่ นุ่มพอ ๆ กันกับตัว Karubi แต่ว่ามันนุ่มไปหน่อยครับกิน karubi แล้วมันได้ผิวสัมผัสในการเคี้ยวอร่อยกว่าสะใจกว่า

- เนื้อหมูของทางร้านมี 3 อย่างเช่นเดียวกันกับเนื้อวัว แต่มื้อนี้ผมสั่งไปแค่ 2 อย่างคือ Buta Rosu, Buta Bare: Buta Rosu หรือเนื้อสันในหมู ก็ใช้ได้ครับ, Buta Bare หรือเนื้อสันนอกหมู อันนี้ติดมันหน่อย อร่อยกว่าสันในเล็กน้อย คือเนื้อหมูไม่อยากวิจารณ์มากครับเพราะกินไปน้อยมาก อย่างละถาดในขณะที่เนื้อวัวนี่กินอย่างละ 15 ถาดได้ ฮ่าๆ





- ผักของทางร้าน Shibuya Shabu แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเลยมีผักเจ๋ง ๆ แปลก ๆ ที่ถ้าไปสั่งตามร้านอาหารจีน, ร้านสุกี้ร้านอื่น ๆ นี่คือขายกันจานละ 100 บาทได้ไม่ยากเลย ตัวอย่างผักก็เช่น ผักปวยเล้ง, กวางตุ้ง, กะหล่ำปลี, ผักกาดหางหงษ์, บ๊อกฉ่อย ซึ่งทั้งหมดนี้สด อร่อยหมดเลย แต่ว่ามีอย่างนึงที่ต้องขอเขียนถึงหน่อยก็คือคะน้าฮ่องกงครับ คะน้าฮ่องกงนี่ผมกินที่ไทยมาเยอะมาก เจอแต่แบบของปลอม ไม่นุ่ม ไม่ฉ่ำ ไม่อร่อยเหมือนกินที่ฮ่องกงอยู่ร่ำไป แต่คือของร้าน Shibuya Shabu นี่คือแบบ โอว อร่อยมาก อร่อยหมดไม่ว่าจะก้านใหญ่ ก้านเล็ก เอามาลวกให้สุกแล้วแบบเอาเข้าปากได้เลยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่ม แค่นั้นก็ฟินแล้ว ฟินจนพวกผม 3 คนกินกันไปคนละ 5 ก้านใหญ่ ๆ ได้ คือแบบยอมเสียพื้นที่ในกระเพาะให้ผักเพราะความอร่อยยอดเยี่ยมของคะน้าฮ่องกงนี่เลยล่ะครับ

หมวดอาหารอื่น ๆ

- กุ้งเทมปุระ (Ebi tempura): ธรรมดา ๆ ถือว่าคุณภาพดีกว่าไลน์บุฟเฟ่ต์ แต่ยังไม่ดีเท่าแบบที่สั่งร้าน a la carte ครับ ทอดมาแป้งกรอบไปหน่อย ไม่ได้แบบแป้งนุ่ม ๆ ละมุน ๆ เหมือนร้านเทมปุระเทพ ๆ




- Sushi ตอนที่ผมไปนั้นเป็นช่วงปลายเดือนก็เลยได้ sushi set A ซึ่งร้าน Shibuya Shabu 2 สาขานี้เค้าจะสลับตัวซูชิกันเป็น set A กับ set B ซึ่งหน้าทั้ง 2 เซทนี้ก็จะต่างกันหมดเลย  ในมื้อนี้หน้าที่ผมได้กินก็มีประมาณนี้ครับ

- Salmon: ไม่อร่อยมากนัก แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ถ้าคิดว่านี่คือบุฟเฟ่ต์

- Kohada: สูสีกับพวกร้าน Sushi เฉพาะทางเพราะว่าหน้าปลาชนิดนี้ก็เป็นปลาที่ถูกอยู่แล้ว

- หน้าเนื้อดิบคารุบิพิเศษ (Gyu jo karubi): หน้านี้เหมือนเอาเนื้อชาบูมาทำ ซึ่งเนื้อคุณภาพดีอยู่แล้ว แต่อันนี้คือจะกินแบบเย็น ๆ หน่อย และเนื้อก็หนาดี ก็อร่อยดีครับ




- หน้าเป็ดย่าง (Yakidakku): หน้านี้ผมไม่ได้กิน แต่เพื่อนตัวอ้วนผมบอกว่าอร่อยใช้ได้

- หอยปีกนก (Akagai): หน้านี้ผมไม่ได้กินอีกเช่นกันแต่แฟนผมบอกว่าธรรมดา



- หน้าปลาหมึก (Ika): หน้านี้ไม่อร่อย เนื้อเหนียวไป เหนียวจนเคี้ยวแทบไม่ขาด เพลียมาก

- หน้าไข่หวาน (Tamago): ก็มาตรฐานครับ ไข่หวานส่วนใหญ่ก็ทำมาได้รสชาติประมาณนี้กันทั้งนั้นล่ะเนอะ




- หน้าไข่ปลาแซลมอน (Ikura): อร่อยพอใช้ได้ ไม่ได้แตกในปากมาก ไม่ได้ฉ่ำมาก แต่รวม ๆ แล้วถ้าเทียบกับต้องไปเสียตังค์คำละ 160 - 200 บาทเพื่อกินเจ้าซูชินี้คำนึงแล้ว ผมขอเลือกอันนี้ดีกว่า

- มีซูชิหน้าพิเศษอยู่หน้านึงที่ไม่ได้อยู่ในเมนู นั่นก็คือหน้า Gindara หรือปลาหิมะ ซึ่งผมว่าทางร้านไม่น่าจะใช้ปลาหิมะจริง ๆ หรอกเพราะว่าปลาหิมะนั้นน่าจะแพงมากเกินกว่าจะเอามาทำเป็นบุฟเฟ่ต์ ซึ่งจากที่รู้มาว่ามันจะมีปลาที่ texture คล้ายคลึงกับปลาหิมะมาก (น่าจะเป็น black cod) คือถึงจะปลอมไม่ปลอม แต่คือแต่ละคำที่กินเข้าไปนี่อร่อยจริง ๆ ครับ คุณภาพรสชาตินี่ระดับเดียวกับพวกร้านซูชิเฉพาะทางที่ขายกันคำละ 200 บาทอัพเลยล่ะ พวกผมชอบเจ้าปลาหิมะนี่ที่สุดในมื้อล่ะ จัดกันไปคนละ 10 คำได้





- ของหวานในมื้อนี้ก็จะมีประมาณนี้ไอศครีมเยลลี่, ชาเขียวมัตฉะพุดดิ้ง, แพนนาค็อตต้า, ชาซีลอนพุดดิ้ง, เค้กหน้าต่าง ๆ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้กินเลย แต่เพื่อนตัวอ้วนกับแฟนผมก็บอกว่าอร่อยดี และหยิบกันไปกินหลายอย่าง หลายถ้วน หลายจานเลยล่ะ

สรุป มื้อจัดหนักที่ Shibuya Shabu มื้อนี้พวกผม 3 คนชอบกันมากครับ ผมเองเวลาไปกินร้านไหนสักร้านเป็นครั้งที่ 2 ความอร่อยก็มักจะลดลงแต่กับร้านนี้นี่คือ ไม่ลดลงเลย ทุกอย่างยังอยู่ในคุณภาพ top-notch เช่นเดิมหมด ไม่ว่าจะความคุ้ม, การบริการ, รสชาติ ร้านนี้เอาไปเต็มหมดเลยละกัน ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าเจ้าของร้านนี้ทะเยอทะยานหน่อย เปิดสาขาของร้านนี้ไปเยอะ ๆ ซะจนมีเยอะเหมือนพวกร้าน franchise ร้านอื่น ๆ นี่ผมว่าเผลอ ๆ ร้านสุกี้ดัง ๆ อย่าง MK หรือร้านอาหารญี่ปุ่นดัง ๆ อย่าง Fuji คนอาจจะไม่กินเอาก็ได้นะ เพราะว่า(แม่ง) แพงเว่อร์ ยอมเสียตังค์แพงนิดนึง 690 บาทแต่มาจัดหนักที่ร้าน Shibuya Shabu แห่งนี้คุ้มกว่ากันเยอะ (ถามจริง กินพวก MK, Fuji เดี๋ยวนี้ก็ 700 บาทเป็นเรื่องปกติแล้วป่ะครับ? แบบไม่อิ่มด้วยนะ) ถ้าเจ้าของร้านอ่านเจอ ยังไงก็ลองทะเยอทะยานดูหน่อยละกันครับ ผมล่ะเบื่อพวกร้าน franchise ที่แม่งฟันเงินลูกค้าอย่างหน้าเลือดอย่างมาก แต่ขยายสาขาเยอะ ๆ ก็อย่าลืมรักษาคุณภาพอันเยี่ยมยอดนี้ไว้ละกัน



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...