BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Sunday, November 10, 2013

Oops Sushi! Bangkok Review

Oops! Sushi - Sushi and Sake Bar Bagnkok Review

อุ๊บส์ ซูชิ - ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านซูชิ เลียบทางด่วนรามอินทรา นาคนิวาส สาเก โรล รีวิว




Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   4/5

Oops! Sushi - Japanese Restaurant and Sake Bar on BumRes.com (For more pictures, meuu and info)



ช่วงหลังนี้เวลาผมได้ยินชื่อร้านที่มีคำว่า Sushi อยู่ผมก็มักจะทำหน้าเบ้ เพราะความซ้ำซาก ความเกร่อ ที่ไปที่ไหนก็จะมีแต่ร้าน sushi ๆ กันทั้งนั้น แต่กับร้านในรีวิวนี้ที่มีนามว่า Oops!! Sushi แห่งนี้ ตอนแรกที่ได้ยินชื่อร้านนี้ก็แบบแอบงงเหมือนกันเพราะว่าเป็นชื่อร้านที่แปลกดี เพราะส่วนใหญ่ร้าน Sushi ที่เปิดใหม่กันนั้นจะตั้งชื่อเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่นให้ดูเท่ ๆ แบบที่เราไม่รู้ความหมายกันแทบจะทั้งนั้น ซึ่งสาเหตุที่ร้านนี้ตั้งชื่อแบบนี้ผมก็เพิ่งจะมาถึงบางอ้อเอาตอนที่ได้ทราบประวัติของร้านและได้เห็นเมนูของร้านเข้าให้แล้วนี่แหล่ะครับ

ร้าน Oops!! Sushi แห่งนี้นั้นมีต้นกำเนิดมาจากที่อเมริกาเมือง Los Angeles โดยร้านนี้ที่อเมริกานั้นเกิดจากกลุ่มคนไทยที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นสไตล์อเมริกัน หรือ fusion-sushi ก็เลยมารวมตัวกันเปิดเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อเก๋ไก่แห่งนี้ขึ้นมา และแบบพอทำร้านที่ LA ประสบความสำเร็จแล้ว ก็มาขยายสาขา 2 ยังประเทศไทยกันต่อ เพราะอยากให้คนไทยได้กินกับอาหารญี่ปุ่น, ซูชิแนวใหม่ที่เมืองไทยไม่ค่อยจะมีกันนักนั่นเอง ซึ่งถ้าใครที่เคยไปอเมริกานี่ก็คงจะทราบกันดีว่าคนอเมริกานั้นจะไม่ค่อยกินปลาดิบแบบ sashimi หรือ sushi กัน (ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน เครื่องในก็ไม่กิน แพ้โน่นแพ้นี่ก็เยอะ พวกฝรั่งเนี่ย) ร้านอาหารญี่ปุ่นในยุคแรก ๆ ที่ไปบุกเบิกที่อเมริกา (ช่วงทศวรรษ 80s-90s) ก็เลยหาวิธีที่จะทำยังไงให้พวกฝรั่งหัวแดงกินอาหารของตัวเองกัน ก็เลยมาลงเอยกันที่การทำออกมาเป็น roll หรือข้าวปั้นแบบที่ไม่ได้ เปิดเผยตัวเนื้อปลาแบบดิบ ๆ อะไรโจ่งแจ้งนัก และพอทำแบบนี้ปุ๊บ อาหารแนว roll ยุคใหม่นี้ก็ประสบความสำเร็จขึ้นมาและพอหลังจากนั้น ร้านอาหารญี่ปุ่นในอเมริกา(แทบจะ)ทุกร้านก็เลยจะเน้นอาหารตัวเองไปที่ roll เป็นหลัก







และเนื่องด้วยความ popular ของ roll ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่อเมริกา ก็เลยทำให้ความหลากหลายของ roll ของที่นั่นนี่คือแบบ หลากหลายมาก ๆ เยอะมาก ๆ ถ้าจะให้มาไล่เรียงกันว่ามีกี่แบบก็คงไม่สามารถไล่เรียงกันได้ทั้งหมดแน่นอน และเรื่องที่น่าตลกคืออาหารประเภท roll ของที่อเมริกาจะราคาแพงกว่าอาหารพวก sushi & sashimi แบบ traditional ด้วยซ้ำ อย่างตอนผมไปนี่คือแบบผมฟินเลย สั่ง sashimi กินนี่คือแบบได้ราคาถูกมาก คุ้มมาก คนละเรื่องกับเมืองไทยที่ roll จะถูกแต่ว่า sushi & sashimi จะแพง (ซะอย่างนั้น) อ้อ ที่ญี่ปุ่นไม่มี roll นะครับมีแต่ maki (roll แบบห่อด้วยสาหร่าย) เท่านั้นซึ่งก็จะเป็นของถูกสำหรับทางร้านเค้าอยู่แล้ว

นอกเรื่องไปไกลกลับมาที่ร้าน Oops!! Sushi แห่งนี้กันต่อ ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยนาคนิวาส 17 ซอนที่สามารถทะลุจากเส้นนาคนิวาสมาที่เส้นเลียบทางด่วน-รามอินทรา (ประดิษฐ์มนูธรรม) ได้ ร้านอยู่ฝั่งเยื้องมาทางเลียบทางด่วนค่อนข้างมาก ซึ่งถ้าใครขับรถมาก็สามารถจอดรถได้ในลานจอดรถของ Spa ในซอยข้างร้านได้เลย ไม่มีปัญหา บรรยากาศของร้านนี้ก็จะตกแต่งเป็นแนว modern ๆ หน่อยให้เข้ากับทางอาหารของทางร้าน ร้านมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีบาร์เล็ก ๆ กับโต๊ะนั่งรับประทานอาหารอีกประมาณ 10 โต๊ะ






อาหารของทางร้าน Oops!! Sushi แห่งนี้ก็ตามที่เกริ่นมาเนิ่นนาน จะเน้นไปที่ roll หรือ ข้าวปั้นแนวญี่ปุ่น-อเมริกันเป็นหลัก เคียงคู่ไปกับอาหารญี่ปุ่นแบบ appetizer แนวใหม่, อาหารญ๊่ปุ่นแบบดั้งเดิมด้วย ก็เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างจะครบครันครบเครื่องอยู่พอสมควรล่ะครับ ตัวเครื่องดื่มของร้านนี้ก็มีให้เลือกเยอะไม่แพ้ตัวรายการอาหารของทางร้านเช่นเดียวกัน เครื่องดื่มนั้นจะเน้นไปที่เครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น คือเบียร์สด, สาเก นั้นมีให้เลือกครบครันหมด แต่ถ้าใครอยากจะดื่มด่ำกำซาบแบบอาหาร pairing กับไวน์ร้านนี้เค้าก็มีให้เลือกด้วยเช่นกัน อาหารในมื้อนี้มีค่อนข้างเยอะครับมาไล่เรียงกันไปทีละอย่างเลยละกัน





ก่อนจะเข้าถึงอาหาร ผมขอพูดถึงเครื่องดื่มของร้านนี้หน่อยละกัน วันนี้ผมได้ลอง Sparkling Jelly Sake (280 บาท) ซึ่งราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับร้านอื่น และเป็นอะไรที่เข้าคู่กันดีกับ roll เป็นอย่างมาก, เบียร์ Asahi สด (50 บาท) ถูกมาก แก้วละ 50 บาท ทำไปได้ และ Sake Bomb (80 บาท) ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยกินมาก่อนเลย เคยกินแต่เบียร์บอมบ์กับ vodka ซึ่งพอมาเป็นสาเกแล้วรู้สึกว่ารสชาติมันละมุนกว่า vodka แบบชัดเจนเลยนะ และที่สำคัญคือราคาถูกมาก 80 บาทเอง ร้านอื่น ๆ นี่ขายกัน 200 - 300 บาทได้




Hama Peno (Premium slice of yellowtail top with garlic, jalapeno and cilantro in yuzu sauce -380 บาท): หรือปลาฮามาจิแล่บางแล้วราดมาด้วยซอส yuzu และโรยตัวพริกเฮลาพินโญ่กับกระเทียมมาอีกเล็กน้อย จานนี้จะค่อนข้างแตกต่างจากจานดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า usuzukuri เล็กน้อย เพราะว่าตัวเนื้อปลาจะไม่ได้บางเฉียบขนาดนั้น ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าที่กิน ๆ uzusukuri มาผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไร เพราะว่ามันบางเกินไปกินแล้วไม่ค่อยได้ texture ของปลามากนะ แต่จานนี้คือความหนานี่คือเกือบ ๆ เป็น sashimi เลยทำให้ได้ผิวสัมผัสในการกินดี ส่วนซอสและ topping ที่ให้มาก็ผสมผสานกันอย่างลงตัว เผ็ด, เปรี้ยว กำลังดี





Tic Tac Toe (Baked scallop with dynamite sauce over lightly battered california roll tempura and eel sauce - 380 บาท): จานนี้พวกผมชอบกันที่สุดในมื้อนี้แล้วล่ะครับ เป็นการนำเอา hotate ชิ้นใหญ่ ๆ จับรวมกันกับตัวเนยทีเผามาจน crusty และก็ผสมมากับ roll ที่นำไปทอดมาจนกรอบแนว tempura และทั้งหมดนี้เสิร์ฟมาเป็นคำโต ๆ แบบกินคำเดียวได้ไม่หมดและจัดเรียงมาเป็นสไตล์ tic tac toe หรือแนวตาราง ๆ นั่นเอง นอกจากความคุ้ม, ความแปลก ไม่เหมือนใครแล้ว จานนี้ยังโดดเด่นด้วยรสชาติที่แบบอร่อยจนใครกินก็น่าจะประทับใจกันทั้งนั้นด้วยอีกเช่นกัน hotate อร่อยมาก นุ่มมาก ส่วนตัว เนยแบบ crusty ๆ ก็แบบเพิ่มผิวสัมผัสเพิ่มความอร่อยได้เป็นอย่างดี





Full Moon Party (Chef choice of premium quality sashimi light up with spicy special sauce served in martini glass - 280 บาท): จานนี้เก๋ไก๋ด้วยการเสิร์ฟมาแก้ว martini ที่อาหารเม็กซิกันแบบ ceviche ชอบทำ ๆ กัน เก๋ไก๋ดี ตัววัตถุดิบก็จะมีตัว salmon ดิบเป็นหลัก และก็ปรุงรสมาด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน รสชาติจานนี้เป็นประมาณสลัดแบบยุโรปผสมเม็กซิกันดีครับ กินแล้วแบบได้เนื้อมากกว่าได้ผัก กินเพลินดีมาก




M' Special (340 บาท): จานนี้เป็นปลาจินดาระ (ปลาหิมะ) นำมาแล่บาง ๆ เล็กน้อยและก็เสิร์ฟมากับผักหลากหลายสไตล์ คือหน้าตาจานนี้ตอนเห็นทีแรกนี่ผมนึกว่าเป็น ยำทวายแบบไทย ๆ เลยล่ะครับบอกตรง ๆ จานนี้ผมยังค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่าทางร้านต้องการให้กินยังไง เพราะกินแบบเนื้อปลาอย่างเดียวแล้วตามด้วยผักที่ให้มาก็แล้ว หรือกินแบบผักพร้อมเนื้อปลาด้วยกันแล้ว ก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยอร่อยโดนใจสักเท่าไรนัก




Candy Roll (inside stuffed with shrimp tempura, avocado, and cucumber on the top come with spicy crab salad sprinkle with spinach tempura flake, eel sauce and chili oil - 320 บาท): จานนี้เก๋ไก่ด้วยผงเทมปุระที่เป็นการนำผักโขมมาทำเลยทำให้ได้สีเขียวไม่เหมือนผงเทมปุระแบบปกติ ส่วนตัว roll ก็เป็นการนำกุ้งเทมปุระยัดไส้มากับ แตงกวา และด้านบนก็เป็นตัวเนื้อปูอัดปรุงรสเผ็ดมา รวม ๆ แล้วก็เป็น roll ที่อร่อยใช้ได้จานนึงครับสำหรับจานนี้ แต่ที่เด่นเลยผมว่าน่าจะเป็นตัวหน้าตาที่แบบเก๋ไก๋ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนจริง ๆ




Crispy eggplant sandwich (Lightly fried eggplant with spicy tuna and avocado - 320 บาท): จานนี้ทำมาอารมณ์ประมาณ sandwich โดยจะใช้ตัวมะเขือม่วงทอดกรอบเป็นเหมือนขนมปัง ส่วนไส้แซนด์วิชก็จะเป็นทูน่ากับอโวคาโด จานนี้ รสชาติกินแล้วมันไม่ค่อยเป็นเนื้อสักเท่าไรครับ และก็แบบนุ่มไปซะทั้งหมด ไม่มีความหลากหลายของ texture เหมือน ๆ จานอื่น ตัวซอสก็จะออกแนวเป็นซอสแบบรสชาติเบา ๆ ซอสผักด้วย รวม ๆ แล้วผมว่า roll จานอื่นในมื้อนี้ทำได้อร่อยกว่านะ








Sashimi Special (990 บาท): อาหารญี่ปุ่นแบบแท้ ๆ หนึ่งเดียวในมื้อนี้ ประกอบด้วยปลาดิบที่ค่อนข้างจะมาตรฐานที่พบเจอได้บ่อยในบ้านเราก็จะมี salmon (ที่ลายสวย เนื้อมัน นุ่ม อร่อยมาก, Hamachi (คุณภาพดี อร่อย), Hotate (ที่หั่นมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ หน่อยแต่หวานอร่อยดีมาก), Akami (ไม่ถึงกับอร่อยที่สุด แต่ก็อร่อยดีครับ), Tako (มาตรบาน ๆ), Ikura (ที่ผมว่ามันน้อยไปนิด) ซึ่งรวม ๆ แล้วจานนี้ก็เป็น Sashimi ที่อร่อย และคุ้มค่าคุ้มราคาดีครับ





Sear Pepper Tuna (420 บาท): จานนี้เป็นการนำเอาเนื้อ bluefin tuna ส่วน akami ชิ้นใหญ่ ๆ ไป sear มาแค่สุกที่ผิวแล้วก็เอาผิวไปเคลือบด้วยพริกไทยดำ และก็นำมาเสิร์ฟ จานนี้ก็ได้ความแปลกใหม่ในด้านรสชาติที่แตกต่างจากกิน akami แบบเปล่า ๆ พอสมควรได้กลิ่นพริกไทย, ความเผ็ดน้อย ๆ จากพริกไทย และก็ความมันกรอบจากหอมเจียวที่โรยลงมา กินสลับ ๆ กับกิน sashimi แบบดิบ ๆ แล้วก็กินเพลินดีครับ



Trick or Treat (Halloween - 180 บาท): เมนูนี้เป็นเมนูพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาล Halloween ซึ่งทางร้นาบอกว่าเมนูนี้มีร้านนึงที่อเมริกาให้บริการเป็นประจำและคนชอบกันมาก ส่วนตัวผม .. ผมไม่กล้ากินครับ ให้น้องที่ไปด้วยกันกิน ซึ่งนางก็บอกว่าก็อร่อยดี อร่อยกว่าพวกตามรถเข็นทั่ว ๆ ไป เมนูนี้ทางร้านบอกจริง ๆ ราคา 180 บาท แต่ว่าถ้าใครกล้าสั่งมากิน ทางร้าน Oops! Sushi ก็พร้อมให้กินฟรีเช่นเดียวกัน

ใครเบื่อร้าน Sushi แบบญี่ปุ่น(ที่ไม่ค่อยแท้สักเท่าไร) ที่มีกันเยอะแยะมากมายเหลือเกินในตอนนี้ แต่ก็ยังคงติดใจในความอร่อยของปลาดิบอยู่แต่อยากลองอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ หน่อย ก็น่าจะมาลอง Roll หรืออาหารญี่ปุ่นแนวอเมริกันของร้าน Oops Sushi แห่งนี้กันนะครับ บอกตรง ๆ ว่าแรก ๆ ผมก็ไม่ค่อยชอบอาหารแนว roll, american-roll นี่สักเท่าไรหรอกครับ แต่ก็เพิ่งมารู้ว่าที่ผมไม่ค่อยชอบนั้นเพราะเจอแต่ร้านที่ทำได้ไม่อร่อยมากกว่า เพราะแบบ roll หลาย ๆ จานในมื้อนี้ที่ Oops!! Sushi แห่งนี้นี่คือแบบผมชอบมาก กินแล้วติดใจสุด ๆ และยิ่งมีเครื่องดื่ม alcohol หลากหลาย ๆ ราคาประหยัดให้ดื่มควบคู่กันไปด้วยแบบนี้แล้วล่ะก็ โอย ไม่น่าพลาดครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...