BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Monday, December 23, 2013

Hanako Kappo - Japanese Restaurant at Thonglor Review

Hanako Kappo - Japanese Restaurant at Thonglor Soi 13 Review

ฮานาโกะ คัปโปะ - ร้านอาหารญี่ปุ่น ทองหล่อ ซอย 13



Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   3.5/5

Hanako Kappo - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



คำว่า Kappo นั้นเป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงร้านลักษณะนึงของร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งนิยามของร้านนี้แบบคร่าว ๆ ก็คือ 1) จะเป็นร้านที่เสิร์ฟอาหารหลากหลายประเภท และจะเสิร์ฟอาหารโดยอิงกับฤดูกาลเป็นหลัก เปลี่ยนอาหารไปเรื่อย ๆ ไม่ซ้ำกันในตลอดปี 2) อาหารจะมีการตกแต่งจานให้สวย ๆ กึ่ง ๆ งานศิลปะ ใช้แรงงานในการทำแต่ละจานค่อนข้างมาก แต่คือจะไม่เป็นทางการขนาด Kaiseki เท่าไรและไม่ได้เสิร์ฟเป็นอาหารชุดเหมือนกับ Kaiseki 3) ลูกค้าจะสามารถมองดูเชฟทำอาหารให้เรากินกันได้แบบสด ๆ คล้าย ๆ กับ Sushi Bar แต่ว่าอาหารจะหลากหลายกว่าทำให้ได้เห็นลีลาของเชฟเยอะกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นร้าน Kappo ช่วงหลัง ๆ จะเป็นร้านที่ใหญ่ ไม่ได้มีแค่เฉพาะส่วนบาร์อย่างเดียว ข้อนี้ก็เลยอาจจะไม่ชัดเจนเท่าไร (ส่วนคำว่า Hanako แปลว่า สาวดอกไม้)

ร้าน Kappo ในนบ้านเรานั้นเท่าที่ผมรู้ก็ยังมีไม่ค่อยเยอะเท่าไร (รู้จักอยู่แค่ 2 ร้าน) ซึ่งในรีวิวนี้เราจะไปรีวิวกันที่ร้าน rare item ประเภทนี้กันกับร้าน Hanako Kappo - ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบคัปโปะในซอยทองหล่อ 13 นั่นเอง ร้านนี้แม้ว่าจะอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าน่าจะค่อนข้าง prime มากที่สุดของทองหล่อก็ตาม คืออยู่ในซอยกลางของทองหล่อที่เชื่อมกับทุก ๆ ซอยเลย แต่ว่าทำเลของร้านนี้นั้นดันไปตั้งอยู่ในซอยย่อยของซอยทองหล่อ 13 อีกทีและเป็นซอยที่ไม่ค่อยมีคนขับรถผ่านสักเท่าไร ตัวผมเองแม้ว่าจะขับรถผ่านซอยนี้บ่อยก็เลยไม่ค่อยจะได้เห็นร้าน Hanako Kappo แห่งนี้สักเท่าไรนัก แม้ว่าร้านจะเปิดมาได้เนิ่นนานแล้ว (8 ปี)






คำว่า Hanako นั้นถ้าแปลตรงตัวเลยก็จะแปลได้ว่า เด็กดอกไม้ แต่ถ้าเอาจริง ๆ แล้วคำ ๆ นี้จะเป็นชื่อคนแบบโบราณ ๆ ของญี่ปุ่นอารมณ์ประมาณสมศรี, สมชาย ของบ้านเรา นั่นเอง บรรยากาศของร้านนี้มีความเป็นญี่ปุ่นแบบทุกกระเบียดนิ้วไล่กันไปตั้งแต่ทางเข้าที่เป็นสวนญี่ปุ่นขนาดย่อม ๆ ภายในร้านที่จะตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแบบขรึม ๆ มืด ๆ และแบ่งเป็นคอก เป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน โดยจะมีทั้งที่นั่งส่วนโต๊ะธรรมที่แบ่งเป็นคอกเล็ก ๆ และที่แบบไม่ได้อยู่ในคอก, ส่วน sushi bar, teppanyaki bar และไม่ได้มีแค่โต๊ะแบบธรรมดาเท่านั้นครับสำหรับร้านนี้ มีห้องส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่นบนเสื่อทาทามิ พร้อมของตกแต่งที่ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นเหลือเกินอีก 4 ห้องด้วย (ค่าใช้บริการคืนละ 400 บาท) เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นไม่กี่ร้านในกรุงเทพฯที่ผมเคยไปมาแล้วแบบมีห้องพร้อมสรรพ สวยงาม เป็นญี่ปุ่นจ๋าขนาดนี้เลยก็ว่าได้






อาหารของร้านนี้ก็ตามที่เกริ่น ๆ ไปจะเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบครบวงจร หลากหลาย ครบครัน มีให้เลือกกันจนแบบไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดี appetizer, sushi, sashimi, yakimono (ของย่าง), ของต้ม และอื่น ๆ สุดแต่ที่เราจะนึกถึงอาหารญี่ปุ่นในร้านอาหารญี่ปุ่นสักร้าน ที่นี้เค้ามีหมดเลยล่ะครับ และนอกจากอาหารแล้วแน่นอนว่าเครื่องดื่มของร้านนี้ก็ต้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแน่นอน เพราะว่าเอาจริง ๆ แล้วร้านแนว kappo นี่ก็จะเรียกว่าเป็น izakaya แบบมีระดับก็คงจะไม่ผิดนัก ก็เลยทำให้ลูกค้าญี่ปุ่นมักจะใช้ร้านประเภทนี้มาเป็นร้านไว้รับรองลูกค้า, รับรองแขกด้วยนั่นเอง เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ก็เลยต้งมีให้เลือกกันแบบครบครันตามประสา ราคาอาหารของร้านนี้ ผมว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ถ้ามากินกันจริง ๆ จัง ๆ ก็น่าจะอยู่ที่คนละ 600 - 1,000 บาทโดยประมาณ เท่า ๆ กับร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ทั้งในย่านทองหล่อแห่งนี้และในย่านอื่น ๆ ไม่หนีกันมาก แต่ว่าร้านนี้จะได้ความขลังแบบญี่ปุ่นคลาสสิคมาทดแทน












มื้อนี้เริ่มต้นกันด้วย "ข้าวปั้นรวมเชฟจัดให้ (Omakase Nigiri - 2,200 บาท)" ชุด Sushi ที่หรูหราอลังการที่สุดของทางร้านประกอบด้วย Otoro (เนื้อขาวเนียน มันอร่อย),  Agami (เนื้อเกือบ ๆ หวาน เนียน ๆ), Kohada (อร่อยได้มาตรฐาน), Hotate (หวานนุ่มกำลังดี), Botan Ebi (กุ้งตัวเล็กไปหน่อย แต่ก็เนื้อนุ่ม ๆ หวาน ๆ), Tai (หรือกระพงแดง อันนี้ก็ธรรมดา ๆ ครับ), Uni (หวานดี แต่ยังหวานไม่มากเท่าไรและก็เนื้อเละไปหน่อย), Ikura (เค็ม มัน อร่อยลงตัว), Spicy maguro roll (เผ็ดนิด ๆ มัน ๆ หน่อย กำลังดี), Hamachi (เป็นส่วนท้องครับ เนื้อจะเด้ง ๆ หยุ่น ๆ กว่าปกติ), Unagi (มาตรฐานครับ เนื้อเด้ง ๆ มัน ๆ)





สลัดผักปวยเล้ง (Horenesou Salad - 220 บาท): จานนี้โดดเด่นด้วยความแปลก กับการนำผักปวยเล้งมาทำเป็นสลัดหน้าตาดูดี สไตล์ ญี่ปุ่นผสมผสานกับตะวันตก และก็โรยด้านบนมาด้วยเบคอนและปลา shirao ตอนแรกผมก็นึกว่าตัวเบคอนกับชิราโอะจะเป็นตัวที่ทำให้จานนี้มีรสชาติโดดเด่นขึ้นมา แต่จริง ๆ แล้วแค่ผักปวยเล้งกับน้ำสลัดรสชาติกลมกล่อมในจานนี้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำเป็นสลัดชั้นดีจานนึง ผมชอบมากเลยครับไม่รู้ทำไม ผักปวยเล้งมันแบบนุ่มดี นุ่มกว่าคะน้า และน้ำสลัดก็ดึงรสชาติโดยรวมของจานออกมาได้ดีแท้





ปลากินดาระต้มซีอิ๊ว (GIndara Nitsuke - 600 บาท): ปลาจินดาระที่นึ่งมาจนเนื้อนุ่ม และชิ้นใหญ่คุ้มค่าคุ้มราคา มาพร้อมกับผักนึ่งในสไตล์ที่ผมไม่ค่อยพบเจอที่ร้านอื่นสักเท่าไร ไม่ว่าจะร้านจีน, ร้านญี่ปุ่นอื่น ๆ กับเม็ดแปะก๊วย, เต้าหู้, กระเจี๊ยบ และเห็ดนางฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ถือนึ่งมาจนนุ่มและซอสซีอิ๊วเข้าเนื้อดี จานนี้ก็กินกันได้เพลิน ๆ ครับ ร้อนดี โชยุหอมดี และเนื้อทุกอย่างก็นุ่มดี





ครีมไส้กุ้งชุบแป้งขนมปังทอด (Ebi Cream Age - 300 บาท): จานนี้เอาจริง ๆ ก็คือ โคร็อคเกะ นั่นแหละครับ แต่เปลี่ยนจากก้อนกลม ๆ ที่มีไส้ในเป็นครีมปูมาเป็นทำทั้งก้อนมาแบบมีตัวกุ้งติดมาด้วยเลยและก็ใช้ไส้ในเป็นครีมกุ้งแทน และก็ตกแต่งจานมาสวยงาม จานนี้ถ้าผู้หญิงเห็นนี่คงจะกรี๊ดในความน่ารักกันล่ะครับ ส่วนตัวผมนั้นก็กรี๊ดในความน่ากินแทน ไส้ในนั้น ร้อน ๆ มัน ๆ เละ ๆ ตามสไตล์โคร็อคเกะดี แต่ว่าไม่ค่อยต่างจากไส้ปูสักเท่าไร





มะเขือม่วงย่างราดซอสมิโซะ (Nasu Dengaku - 200 บาท): นุ่ม หวาน มันอร่อย และโดดเด่นที่เป็นการนำมะเขือม่วงลูกใหญ่บิ๊กเบิ้มทำมาแบบทั้งคำเลย โดยฝั่งนึงจะเป็นซอสมิโซะ ส่วนอีกฝั่งเหมือนจะเป็นซีอิ๊ว ใครที่ชื่นชอบมะเขือม่วง (ผมคนนึงล่ะ) ไม่น่าพลาดจานนี้เลยล่ะครับ





หอยเชลล์กับตับห่านสเต็ก (hotate Foie Gras Steak - 750 บาท): จานนี้เป็นอีกหนึ่งจานที่หน้าตาเก๋ไก๋ ออกแนวเป็น modern Japanese cuisine มาก ๆ เลย เป็ฯการประกอบร่างกันระหว่าง foie gras + hotate + แครอทแกะสลัก + ไข่กุ้ง + พริกหวานซอย รสชาติของแต่ละคำที่กินเข้าไปก็คือจะนุ่ม มัน กำลังดี ไม่ค่อยมีรสจัดจ้านสักเท่าไร และผมว่าถ้าตัว ตับห่านนั้นนุ่มมันกว่านี้ก็น่าจะทำให้จานนี้อรอ่ยกว่านี้ และก็ตัวแครอทถ้าต้มมานานกว่านี้ให้มันนุ่ม ๆ หน่อยก็คงจะดีกว่านี้ เพราะที่กินไปนั้นแครอทค่อนข้างแข็งมากเลย มันไปทำลายผิวสัมผัสนุ่ม ๆ โดยรวมของแต่ละคำไป





น้ำแข็งไสใส่ถั่วแดงราดชาเขียว (Uji Kintoki - 180 บาท): ปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์ญี่ปุ่น จานนี้ให้มาเยอะมากครับ แบ่งกันกิน 2-3 คนได้สบาย ๆ เสียดายที่ตัวน้ำแข็งใสไม่ได้มาเป็นแบบปุยเมฆ ปุยนุ่น เหมือนที่ญี่ปุ่นที่ผมเคยกินมาเพราะแบบนั้นมันจะแบบให้ feeling ในการกินดีกว่าแบบชัดเจนเลย ดีกว่าแบบแข็ง ๆ แบบไทย ๆ นี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จานนี้ก็อร่อยดีครับ หวานเย็นกำลังดี

สรุป ร้าน Hanako Kappo - ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์คัปโปะ แห่งนี้ก็สมกับเป็นร้านที่เปิดมายาวนาน 8 ปีล่ะครับ บรรยากาศร้านดีมาก เป็นญี่ปุ่นสุด ๆ (โดยเฉพาะห้องส่วนตัว) , อาหารของทางร้านก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย หน้าตาสวยงามสมกับฐานะของการเป็นร้าน Kappo, พนักงานของทางร้านก็บริการได้ดีมาก รสชาติอาหารก็อร่อยใช้ได้ กินกันได้เพลิน ๆ ไม่มีจานไหนทำให้ผิดหวัง ใครกำลังมองหาร้านญี่ปุ่นบรรยากาศญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น พร้อมอาหารมากหน้าหลายตา ร้าน ฮานาโก คัปโปะ แห่งนี้ น่าจะเป็นอะไรที่ใช่เลยล่ะครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...