BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Monday, May 6, 2013

Steve Cafe & Cuisine Review

Steve Cafe & Cuisine - Thai Restaurant by the River, Bangkok

สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ คูซีน - ร้านอาหารไทย ริมแม่น้ำ 





Overall Score  6.5/10
Taste   3/5
Ambiance  4/5
Service  3/5
Value   3/5

Steve Cafe & Cusine - Thai Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้าน Steve Cafe & Cuisine แห่งนี้เป็นร้านที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน (ถ้าจำไม่ผิดเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว) ร้านนี้ผมรู้จักจากตอนที่ไปเล่น ๆ เว็บ tripadvisor หาร้านท็อป ๆ ในกรุงเทพแล้วก็ไปเจอกับร้านนี้เข้า (รู้สึกว่าร้านนี้จะได้อันดับ 20 กว่า ๆ เลยมั้งตอนที่ค้น ๆ ดู) แล้วแบบพอไปอ่าน comment ที่ฝรั่งมาเขียนรีวิว, ดูรูปและข้อมูลร้านเพิ่มเติมจากตัว website ของทางร้าน ก็เลยกลายเป็นหนึ่งในร้านที่น่าจะไปลองดู ลองชิม แซงหน้าหลาย ๆ ร้านขึ้นมาในทันที

ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงแถว ๆ ท่าเรือเทเวศร์ คือถ้าขับรถไป ก็ขับไปจนสุดถนนศรีอยุธยาเลย (จริง ๆ คือต้นถนนศรีอยุธยามากกว่า) ผ่านสี่แยกหอสมุดแห่งชาติไป ขับเข้าไปในวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ที่อยู่สุดถนน แล้วก็จอดรถในตัววัดแล้วก็เดินไปทางท่าเรือของทางวัดก็จะเจอทางเข้าร้าน Steve Cafe & Cuisine แห่งนี้ตั้งอยู่ ร้านนี้จุดเด่นอย่างแรกนั้นคือบรรยากาศและทำเลของตัวร้าน คือร้านจะเป็นร้านเล็ก ๆ บ้าน ๆ ที่เป็นบ้านพักริมน้ำเอามาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ก่อนจะเข้าไปในร้านเราก็จะต้องถอดรองเท้าก่อน เพื่อทำตามธรรมเนียมของการขึ้นเรือนชานบ้านคนอื่นแบบไทย ๆ เรา พอเข้าไปในร้านก็จะเจอที่นั่ง 2 ส่วนคือส่วนด้านนอก ติดแม่น้ำ และ open air ที่ถ้ามาตอนเย็นบรรยากาศคงจะดีมาก ๆ เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามอาทิตย์อัสดง สีส้มอำพัน เห็นฝูงนกบิน และเสียงผิวปากเข้าเทียบเรือของเรือโดยสาร อะไรแบบนั้น (แต่ตอนที่ผมไปเป็นตอนเที่ยง ที่แดดเปรี้ยง ๆ ก็เลยไม่ได้ชิล ไม่ได้บรรยากาศดีอะไรมาก) หรือถ้าใครร้อน ทางร้านก็มีที่นั่งด้านใน ที่เป็นห้องแอร์ขนาดเล็ก ๆ ไว้บริการเช่นกัน เอาจริง ๆ ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมากจริง ๆ ครับ แต่ก็เป็นร้านเล็ก ๆ บ้าน ๆ ที่บรรยากาศดีไม่แพ้ร้านริมแม่น้ำร้านอื่น ๆ เลยล่ะ





พนักงานของร้านนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนลูกค้าฝรั่งมากินเองนี่จะสื่อสารกับลูกค้ากันรู้เรื่องมั้ย เพราะขนาดแค่พวกผมพูดภาษาไทยด้วย ถาม ๆ โน่นนี่ก็ยังดูไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาหารเลย รวมถึงแบบ การบริการรวม ๆ ก็ยังไม่ค่อยดี ต้องปรับปรุง ไม่มีเอาอุปกรณ์การกินมาให้ ต้องตาม, ถืออาหารมาก็ถือมาแบบเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ค่อยดูเป็นมืออาชีพ การบริการของร้านนี้ค่อนข้างแหม่ง ๆ อยู่ครับ (ไม่แน่ใจตอนเย็นนี่คุณ Steve เจ้าของร้านจะมาดูแลปูเสื่อต้อนรับลูกค้าเองรึเปล่า เพราะถ้าแบบให้น้อง ๆ พนักงานพวกนี้สื่อสารกับลูกค้าฝรั่ง, ลูกค้าชาวต่างชาติ ยังไง ๆ ก็ดูไม่น่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องจริง ๆ ล่ะครับ)

อาหารของร้านนี้ ก็จะเป็นอาหารไทย ๆ แบบไทยค่อนข้างจะไทยแท้เลย พยายามหาเมนูที่เป็นอาหาร fusion แล้วผมหาไม่เจอ แต่กลับเจอแต่อาหารไทย ๆ แทน เมนูบางจานนั้นเป็นเมนูที่ร้านอาหารไทยบางร้านก็ยังหากินยากเลยก็มี และรายการอาหารนั้นมีให้เลือกค่อนข้างเยอะมากครับ ตามประสาร้านอาหารไทยทั่วไป อาหารของร้านนี้เหมือนจะเน้นตัวกับข้าวมากกว่าอาหารจานเดียว ก็เหมือนกับอยากจะสนับสนุนให้ลูกค้าสั่งกับข้าวมากินกัน มาแชร์กันแบบที่คนไทยกินกันตามบ้านมากกว่า แต่ว่าเนื่องจากทางร้านมีเปิดบริการมื้อเที่ยงด้วย และแถวย่านนี้ก็มีหน่วยงานราชการเยอะ ก็เลยมีอาหารจานเดียว จานด่วน ไว้คอยรองรับลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ด้วย หลายเมนูเหมือนกัน ราคาอาหารของร้านนี้ ก็เป็นราคาที่ค่อนข้างจะกลาง ๆ ครับ main dishes หรืออาหารจานหลักหรือกับข้าวก็ประมาณ 150 - 300 บาท ส่วนพวกอาหารจานเดียวก็ประมาณ 100 กลาง ๆ ราคาก็อาจจะสูงสักหน่อยเมื่อเทียบกับร้านอาหารไทยในย่านนี้ แต่ก็เป็นราคาที่ถ้าลูกค้าชาวต่างชาติมากิน (ซึ่งเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งนึงของลูกค้าทั้งหมดที่มา) ก็ถือว่าเป็นราคาที่สบายกระเป๋ามากเลยล่ะครับ

มื้อนี้เริ่มต้นด้วย  ยำส้มโอ (Spicy pomelo salad - 150 บาท) : ยำรสชาติเบา ๆ ที่หลัง ๆ มานี่ผมเห็นเมนูนี้ในร้านอาหารเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน จานนี้รสชาติเบามาก ๆ ครับ แบบเบาจนแทบไม่มีรสชาติเลย เบาจนไม่น่าจะเรียกว่ายำเลยก็ว่าได้ เรียกว่าสลัดส้มโอน่าจะเหมาะสมกว่า ผักและส้มโอที่ให้มาในจานนี้รวม ๆ ก็สด และฉ่ำดีครับ เป็นจานเปิดประเดิมที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ






ส้มตำยอดมะพร้าวกุ้งลวก (Som tum top coconut with prawn - 140 บาท) : จานนี้แปลกดีในด้านความแปลกใหม่และความคิดสร้างสรรค์ คือใครจะไปคิดล่ะครับว่าจะเอายอดมะพร้าวมาทำเป็นส้มตำแทนมะละกอแบบนี้ได้ จานนี้รสชาติก็เบา ๆ อ่อน ๆ อีกแล้ว ไม่น่าจะตั้งชื่อว่าส้มตำสักเท่าไร น่าจะเป็นสลัดรสเปรี้ยวอะไรประมาณนั้นแทน รสชาติรวม ๆ ก็เบา ๆ อ่อน ๆ กินเพลิน ๆ คล้าย ๆ จานแรกครับ มีจุดเด่นตรง กุ้งที่ให้มาค่อนข้างเยอะ และก็ตัดหางมาด้วย (ทำให้น่ากินกว่าแบบหลาย ๆ ร้านที่ให้หางมา) และก็สดดี จานนี้ก็โอเคครับ

แกงเหลืองปลา (Southern style fish soup - 180 บาท) : ผมกินแกงเหลืองมาค่อนข้างเยอะ แต่กินมากี่เจ้า ๆ ทั้งที่ในกรุงเทพหรือร้านอาหารที่ภาคใต้เองเลยก็ตาม ก็ไม่ค่อยจะเจอที่อร่อย ๆ สักเท่าไร แต่กับแกงเหลืองปลา ของร้าน Steve Cafe & Cuisine ชามนี้นี่ต้องขอบอกเลยว่าของเค้าเด็ดดวงจริง ๆ ครับ รสชาติแบบ เปรี้ยว เผ็ด แซบ โดนใจมาก (ไม่ได้รสอ่อนเหมือน 2 จานก่อนหน้าแต่อย่างใดเลย) ตัวไหลบัวที่ใส่มาในแกงก็ให้มาเยอะและมันแบบกรอบอร่อยดีมาก ไม่ได้แบบเละ ๆ ยุ่ย ๆ เหมือนหลาย ๆ ที่ที่เคยกินมา ตัวเนื้อปลาที่ให้มาในชามก็ชิ้นใหญ่ และให้มาหลายชิ้น (แต่แอบมีก้างติดมาเยอะเหมือนกัน) เมนูนี้ แนะนำครับ ผมและเพื่อน 2 คนชอบกันมากเลย






ปลากะพงสองน้ำ (ผัดกระเทียมและพล่า) (Two ocean sea bass style (fried with garlic and spicy salad - 390 บาท) : จานนี้เรื่องหน้าตาและความบรรเจิดนี่เอาไปสิบกะโหลกเต็ม ๆ หน้าตามาแบบดูดีมาก อลังการและยั่วยวนความอยากอาหารไปพร้อม ๆ กัน แต่ว่าตัวรสชาตินั้นยังไม่ค่อยผ่านสักเท่าไร ปลายังทอดมาไม่ค่อยดีมาก กรอบน้อยไปหน่อย และตัวเนื้อปลาก็ไม่ค่อยสด ๆ เท่าไร เนื้อไม่ได้เนียนนุ่ม เหมือนปลากะพงสด ๆ หลาย ๆ ตัวที่ผมเพิ่งกินมาไม่นานนี้ในรีวิวก่อน ๆ หน้า ตัวซอสที่ฝั่งนึงเป็นซอสกระเทียมก็แบบหวานไปหน่อย รสชาติแปลก ๆ ส่วนอีกฝั่งที่เป็นพล่า ก็รสชาติยังไม่ค่อยจัดจ้าน ยังไม่ค่อยโดนเท่าไร จานนี้ได้แค่เรื่องหน้าตาและความอลังการ และความมีหลายรสชาติในจานเดียวแค่นั้นล่ะมั้งครับ

ข้าวผัดปลาทู (Fried rice with mackerel - 140 บาท) : จานนี้ผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่เห็นปลาทูเลย เนื้อปลาอาจจะเล็กมาก หรือซอยมาละเอียดมากจนตาผมไม่สามารถมองเห็น (-_-?) ตัวรสชาติก็เป็นข้าวผัดที่ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ ผัดมาแห้ง ๆ ร่วน ๆ ดี รสชาติรวม ๆ จะออกรสหวานไปหน่อย ซึ่งผมและเพื่อนเห็นตรงกันว่าข้าวผัดปลาทูแบบนี้มันควรจะมาเค็ม ๆ มากกว่า ไม่ควรมีความหวานแทรกเข้ามาแต่อย่างใด






ข้าวผัดคะน้าเนื้อเค็ม (Fried rice with Chinese broccoli & salty beef - 160 บาท) : อาหารจานสุดท้ายในมื้อนี้ จานนี้หน้าตาคล้าย ๆ กับจานก่อนหน้าครับ แต่พอทำลายก้อนข้าวที่ปั้นมาแล้ว ก็พบว่าข้าวผัดมาแบบค่อนข้างเละ ๆ ไปหน่อย น้ำเยอะไป ไม่ค่อยสมเป็นข้าวผัดสักเท่าไร ตัวเนื้อเค็มก็ให้มาไม่ค่อยเยอะ แต่ก็ยังพอมีให้เห็นเยอะกว่าตัวปลาทูของจานก่อนหน้า รสชาติก็มาแนวหวาน ๆ คล้าย ๆ จานที่แล้วอีกแล้ว พวกผม 3 คนก็ไม่ค่อยชอบรสข้าวผัดหวาน ๆ ของจานนี้อีกเช่นกัน

สรุป ร้าน Steve Cafe & Cuisine @ ท่าเรือเทเวศร์ แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารไทยที่ค่อนข้างจะโดดเด่นเรื่องบรรยกาศของทางร้านและความบ้าน ๆ ของทางร้านจริง ๆ คือแขกคนไหนมาจะคนไทยหรือเทศผมว่าก็น่าจะชอบบรรยากาศของร้านนี้กันทุกคน (ยิ่งมาตอนเย็น ๆ ด้วยนี่คงฟินสุด ๆ) ส่วนตัวอาหารนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายรายการ และแต่ละเมนูส่วนใหญ่ทำมาได้หน้าตาค่อนข้างสวยงาม สวยกว่าร้านอาหารไทยส่วนใหญ่ในท้องตลาดปัจจุบัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะลูกค้าของทางร้านเป็นคนต่างชาติเยอะ รสชาติอาหารหลาย ๆ จานที่กินในมื้อนี้มันก็เลยแบบเป็นรสที่พวกผมไม่ค่อยคุ้นกันสักเท่าไรรึเปล่าก็ไม่ทราบ คือมันไม่ได้เป็นรสแบบที่ควรจะเป็น ยำก็ไม่ได้เผ็ด, เปรี้ยว จัดจ้าน | ข้าวผัดก็ไม่ได้มัน ๆ เค็ม ๆ อะไรงี้ แต่อันนี้มันก็เข้าทำนองลางเนื้อชอบลางยาอีกแล้วล่ะครับ หลาย ๆ คนอาจจะชอบรสชาติแบบนี้กัน ไม่อย่างนั้นร้านนี้คงไม่ได้ rating สูงขนาดนี้หรอกเนอะ? ยังไงก็ไปลองพิสูจน์กันดูได้ครับ หรือจะไปสวีทกับคนพิเศษ ก็น่าสนใจเช่นกันนะครับเนี่ยร้านนี้




--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...