Millet Bistro & Bar - Fusion Food - Pub & Restaurant at Vibhavadhi Soi 30, Bangkok
มิลเล็ท บิสโทร แอนด์ บาร์ - ร้านอาหารฟิวชั่น ดนตรีสด เบียร์สด วิภาวดีรังสิต 30, กรุงเทพ
Overall Score 8/10
Taste 3.5/5
Ambiance 4.5/5
Service 4.5/5
Value 3.5/5
Millet Bistro & Bar on BumRes.com (For more pictures and menu)
แม้ว่าร้านแนวนั่งชิล นั่งดื่ม นั่งคุยเล่น เฮฮากับเพื่อนฝูง ในบ้านเรามันจะมีกันค่อนข้างเยอะแล้ว แต่ส่วนใหญ่ร้านแนว ๆ นี้ก็จะไปกระจุกตัวกันอยู่แถว ๆ ทองหล่อ, อารีย์ หรือไม่ก็เลียบทางด่วนรามอินทรา (อันนี้คือย่านที่ผมรู้จักและคุ้นเคยนะครับ จริง ๆ น่าจะมีอีกหลายย่านนอกเหนือจากนี้) แต่ว่ากับย่านอื่น ๆ ในกรุงเทพ ร้านแนว ๆ นี้กลับจะไม่ค่อยมีสักเท่าไร จะมีก็คงเป็นร้านห้องแถวบ้าน ๆ อะไรพวกนั้นแทน ซึ่งร้านใน Review ฉบับนี้ก็เป็นร้านแนวที่ว่าที่มาตั้งตัวเองอยู่ในทำเลที่ยังไม่ค่อยมีร้านแนวนี้เท่าไร กับร้าน Millet Bar & Bistro ร้านแนวนั่งชิล นั่งดื่มกับเพื่อน ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณ ซอยวิภาวดีรังสิต 30 แห่งนี้ ร้านนี้สามารถเข้ามาได้ทั้งจากทางถนนวิภาวดีรังสิตเอง หรือว่าจะเข้ามาจากทางฝั่งพหลโยธินก็ได้เพราะว่าเป็นซอยที่ทะลุถึงกัน ส่วนที่จอดรถก็มีเป็นที่จอดรถของทางร้านเอง สะดวกสบาย (พร้อมเด็กโบกรถด้วย)
สิ่งแรกที่สะดุดตาก่อนเลยก็คือบรรยากาศของทางร้านนี้ เป็นร้านที่แบบบรรยากาศชิลมาก ๆ ผมและเพื่อนเห็นแว่บแรกก็แบบ "เฮ้ย เจ๋งจัง อยากมานั่งชิลแล้ว" อะไรงี้ คือด้านหน้าร้านจะตกแต่งเป็นแนวสนามหญ้า (หญ้าจริงไม่ใช่หญ้าเทียม) และการจัดโต๊ะก็จะจัดวางกันแบบห่าง เน้นความปลอดโปร่ง โล่งสบายเป็นส่วนโต๊ะ ซึ่งหาไม่ค่อยได้ในร้านอาหารสมัยนี้ที่จะวางกันแบบ ชิด ๆ ติด ๆ กันเพื่อเพิ่มจำนวนโตีะให้มากที่สุดมากกว่าอะไรงี้ ส่วนถ้าใครไม่ชอบนั่งร้อน ๆ ด้านในของทางร้านก็จะเป็นที่นั่งส่วนติดแอร์ ที่ตกแต่งสไตล์ เรียบ ๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก แต่ก็ได้ความดิบ ความเท่ไปอีกแบบ รวมถึงทางร้าน Millet Bar & Bistro ยังมีโต๊ะพูลไว้คอยบริการลูกค้าอีก และก็ตั้งแบบเป็นเอกเทศ ๆ เป็นสัดเป็นส่วนไม่ได้ มากองกระจุกอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะอาหารแบบนี้ คือรวม ๆ แล้วบรรยากาศร้านนี้ทำได้ดีมากครับ คือคำนึงถึงความรู้สึกของลูกค้าเป็นหลัก มากกว่าจะแบบจับยัด ๆ ทุกอย่างมาใส่ในร้าน เพื่อให้ได้พื้นที่เยอะสุด, ได้โต๊ะเยอะสุดอะไรแบบนั้น
อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นแนว อาหาร ไทย-อาหารฝรั่งแบบ Modern, Fusion ตามสไตล์ร้าน Bistro & Bar เก๋ ๆ ในสมัยนี้ แม้ว่าอาหารของทางร้านจะไม่ได้มีเยอะแยะอะไร แต่สำหรับร้านแนวเน้นให้ลูกค้ามานั่งดื่มนั่งชิลมากกว่าแบบนี้ จำนวนอาหารเท่านี้ก็เรียกได้ว่าเพียงพอแล้วล่ะครับ อาหารของทางร้านนี้เอาจริง ๆ จะเป็นพวกอาหารฝรั่งซะมากกว่า แต่จะมีการมา fusion กับอาหารพวก Asian จนออกมาเป็นจานอาหารที่ไม่เหมือนใคร หากินที่ร้านอื่นไม่ได้ โดยพวกอาหารแบบไทย ๆ นั้นจะมีให้เลือกน้อยมาก ๆ แต่รวม ๆ แล้วเท่าที่ผมกิน มันก็รู้สึกว่ายังไงอาหารร้านนี้มันก็คืออาหาร Asian อยู่ดีล่ะ ส่วนราคาอาหารก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาทเป็นหลัก ถูกกว่าร้าน Bar & Bistro แบบเดียวกันอยู่พอสมควร (ทางร้านมี vat + service charge ตามพิมพ์นิยมปัจจุบัน) ส่วนพวกเครื่องดื่มของทางร้านก็จะมีให้เลือกครบครัน โดยจุดเด่นจะเน้นไปที่เบียร์เป็นหลัก คือจะมีเบียร์สดอยู่ยี่ห้อเดียวคือ Weihenstephaner เบียร์เยอรมันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และก็พวกเบียร์ขวดนำเข้าหลากหลายยี่ห้อ ส่วนพวกเครื่องดื่มอื่น ๆ ผมรู้สึกว่ายังไม่ค่อยโดดเด่นอะไรมาก หากินที่ร้านไหนก็ได้เช่นพวก เหล้าขวด, พวก classic cocktail ต่าง ๆ เครื่องดื่มของร้านนี้ก็จัดได้ว่าค่อนข้างถูกกว่าร้านอื่น ๆ แนวเดียวกันอีกเช่นกัน ถูกกว่าซัก 20% ได้ ประมาณนั้น
อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านนี้ก็คือการบริการของเด็กเสิร์ฟครับ บริการดีมาก ๆ บริการดีกว่าร้านแนว ๆ นี้แบบคนละระดับเลย พวกผมประทับใจจริง ๆ เจ้าของร้านบอกว่าเด็กเสิร์ฟของทางร้านจะมีการ train , การติว อยู่เรื่อย ๆ เพราะแบบอยากให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับค่า Service Charge ที่บวกเพิ่มเข้าไป อืม ถ้าเจ้าของร้านทุกคนคิดได้แบบนี้ก็โอเค เพราะว่าหลัง ๆ มีหลายร้านเหมือนกันที่เจอคิดค่า service charge แต่ดันบริการเหมือนแบบไม่มี อะไรงี้
อาหารอย่างแรกในมื้อนี้นั้นเป็น สปาเก็ตตี้ซอสต้มยำกุ้ง (Tom-Yum Sauce with prawns spaghetti - 200 บาท) อาหารจานเด่นของทางร้านที่เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัวสุด ๆ จานนี้หน้าตาน่ากิน รสชาติยอดเยี่ยมครับ คือผมเคยกินมาหลายทีล่ะ ไอ้พวกพาสต้าที่พยายามยัดเอาความเป็นไทย ยัดเอาความเป็นตะวันออกลงไปเยอะ ๆ แบบนี้ แต่กินมากี่ทีก็ Fail ทุกที แต่ของร้าน Millet Bar & Bistro นี่ไม่เลยครับ ผสมผสานกันอย่างลงตัว ได้ความเป็นต้มยำกุ้ง และความเป็นพาสต้า แบบไม่น้อยหน้ากัน และกุ้งที่ให้มาก็เป็นกุ้งตัวใหญ่ดีด้วยชอบ ๆ
หอยแมลงภู่อบเบียร์ไวท์เบียร์ (Baked NZ mussels in white beer - 260 บาท) : อันนี้หอยแมลงภู่แอบตัวเล็กไปหน่อย และก็ยังไม่ค่อยสดดีนัก บางชิ้นเหมือนจะมีกลิ่นเหม็น ๆ กลิ่นคาว ๆ ล่ะ แต่ก็ยังดีที่ได้ตัวซอสไวท์เบียร์ของทางร้านมาช่วยกลบ และช่วยเพิ่มรสชาติเข้าไป จานนี้เลยกลายเป็นจานที่ค่อนข้างจะโอเคขึ้นมาหน่อย รวม ๆ ก็เป็นจานเบา ๆ เป็น appetizer ที่ดีล่ะครับ
แซลมอนแช่น้ำปลา (Fresh salmon served with spicy seafood sauce - 180 บาท) : อีกหนึ่งอาหาร Fusion ในมื้อนี้ เมนูนี้ผมเริ่มเห็นหลาย ๆ ร้านทำออกมาขายกันเยอะแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะรสชาติคล้าย ๆ กันจะมาวัดความแตกต่างกันที่น้ำยำว่าใครแซ่บมากแซ่บน้อย และตัวเนื้อแซลมอนว่าสดมากสดนักต่างกันแค่ไหน ซึ่งของร้าน Millet Bistro & Bar แห่งนี้ก็ทำได้ดี แต่ก็ยังไม่ได้แบบกินแล้วประทับใจอะไรมากครับ Salmon เหมือนจะยังไม่ใช่เกรด Sashimi เป็นประมาณเกรดไว้เอาไว้ทอดทำ fillet อะไรพวกนั้นมากกว่า
ลาบเห็ดชิเมจิเผา (Mixed mushroom mint leaves salad - 120 บาท) : จานนี้แน่นอนความบรรเจิดของไอเดียเอาเป็น 5 กะโหลก แต่รสชาติที่ได้รับเอาไป 2 กะโหลกพอ ไม่ค่อยอร่อยครับ รสชาติมันแปลก ๆ มั่ว ๆ เหมือนกับความเป็นลาบ, ข้าวคั่ว, สมุนไพร ต่าง ๆ นา ๆ มันดูไม่เข้ากับเห็ดชิเมจิสักเท่าไร พวกผม 4 คนไม่มีใครชอบจานนี้กันเลยสักคน
แองเจิ้ลแฮร์วาซาบิครีมซอสแซลมอนและไข่กุ้ง (Wasabi Cream Sauce Angel Hair - 240 บาท) : จานนี้พวกผมคงเลือกเส้นผิดไป คือดันไปเลือกเส้นแองเจิ้ลแฮร์ซึ่งเป็นเส้นเล็ก มากินกับครีมซอสที่แบบข้นคลั่ก มันก็เลยแบบทำให้แต่ละคำที่ตักขึ้นมากินนั้นเส้นมาก็โหบเอาครีมซอสขึ้นมาด้วยเยอะเกินไป คือตัวซอสนั้นอร่อย โอเคเลย ตัวแซลมอนที่ให้มาก็มีการไปทอดจนเกรียม ๆ นิด ๆ อร่อยดีมาด้วย แต่แบบตัวเส้นพาสต้ามันแค่ไม่เข้ากับครีมซอสนี่เอง ตัวเส้นน่าจะเป็นเส้นใหญ่กว่านี้ หุ้มซอสน้อยกว่านี้จานนี้ก็น่าจะอร่อยกว่า
ข้าวหมูคุโรบูตะอบครีมซอสเห็ด (Baked kurobuta with rice - 180 บาท) : จานนี้หน้าตาอาจจะดูไม่ค่อยน่ากิน เพราะเป็นอะไรที่ดูธรรมดา ๆ มาก แต่เอาจริง ๆ ตัวซอสเห็ด ที่ให้มาคู่กับหมูคุโรบูตะที่แล่มาเป็นชิ้นกำลังดีนี่มันเป็นอะไรที่กินเข้าคู่กับข้าวสวยเป็นอย่างดีเลยนะ อร่อยดีทีเดียวเลยจานนี้
ยำแปอเปิ้ลปูนิ่มทอดกรอบ (Soft shell crab with green apple salad - 240 บาท) : จานนี้ก็เป็นอีกจานที่อร่อยครับ ตัวปูนิ่มให้มาตัวค่อนข้างใหญ่ แต่ไม่รู้เหมือนกันช่วงหลังที่ไปกิน ๆ มานี่ 240 บาทจะได้ตัวใหญ่กว่านี้แทบทั้งนั้น ซึ่งผมก็เคยเขียน ๆ ไปล่ะว่า่ส่วนใหญ่ 240 บาทมันก็จะได้ประมาณนี้กัน ตัวปูนิ่มทอดมาดี ปรุงรสมาดี และก็ตัวยำแอปเปิ้ลที่ให้มาด้วยกันก็รสชาติดีครับ กินแยกกัน หรือกินพร้อมกันก็อร่อยหมดทุกอย่างเลยจานนี้
ไส้กรอกเยอรมันย่างเสิร์ฟกับมันบด (Mixed grilled German Sausage - 350 บาท) - ไส้กรอกจานนี้หน้าตาน่ากินมากกก มีมาให้ 5 แบบ 5 สไตล์ ผมไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้างหลัก ๆ ก็จะเป็น vienna สอดไส้ชีส, smoked, pepper และก็ไส้กรอกแท่งใหญ่ ๆ ผมจำชื่อมไ่ได้ล่ะว่ามันสะกดยังไง ไส้กรอกก็เป็นของ premium ครับ อร่อยทุกชิ้น , อันที่มีชีสก็ชีสเยิ้ม อันที่เป็นเนื้อก็เนื้อแน่น ๆ มัน ๆ อร่อย จานนี้ work มาก แต่พอดูราคาแล้วก็แอบแพงไปนิด (รึเปล่า?)
อกไก่เสิร์ฟกับโรสแมรี่ซอส (Roasted chicken breast rosemary sauce - 230 บาท) จานนี้หน้าตาดูดี แต่รสชาติไม่ได้เรื่องเลย อย่างแรกเลยคือตัวเนื้อไก่ที่เป็นส่วนอกไก่ ที่มาแบบแห้งแก๋แด๋มาก ไม่อร่อยเลยสักนิดเดียว ตัวซอสที่ราดมาที่ควรจะช่วยเพิ่มความอร่อย ก็ดูไม่ค่อยจะช่วยสักเท่าไร เพราะซอสมันยังไม่ได้ซึมเข้าเนื้อเลย และตัวซอสเองก็ไม่ได้อร่อยเท่าไรด้วย
ฟิลโลบานานา (Phyllo wrapped bananas with camembert cheese - 150 บาท) : ของหวาน Signature ของทางร้าน ที่ทางร้านบอกว่าทำยากมากเพราะตัวแป้งฟิลโลนั้นแบบจะทำยากสุด ๆ ทิ้งไว้แปบเดียวก็แห้งแล้ว แข็งแล้วอะไรงี้ และก็แบบหากินที่อื่นไม่ค่อยได้ สำหรับพวกผม จานนี้มันก็คือประมาณเปาะเปี๊ยะหวาน ๆ นั่นเอง คือแป้งจะกรอบน้อยกว่าตัวเปาะเปี๊ยะหน่อย ยัดไส้ในมาด้วยกล้วย และก็เสิร์ฟพร้อมตัว camembert cheese มา อืม ตัวชีสนี่อร่อยครับ เข้มข้นดีมาก ชอบ ๆ จริง ๆ ไม่ต้องมีตัวปอเปี๊ยะจานนี้ก็อาจจะ work แค่ตัว cheese โดยตัวมันเองก็ได้นะเนี่ย
Vanilla tartufo ice-cream (วานิลลา ทรัฟเฟิลไอศครีม - 140 บาท) : จานนี้อร่อยมากครับ ไอศครีมเป็นไอศครีมวานิลลาที่แบบแช่เย็นมาจนแข็งโป๊ก แล้วก็ราดซอสบลูเบอรี่มาเพิ่มเติม อร่อยครับ พวกผมชอบกันทุกคนเลยจานนี้ แนะนำ ๆ
จะมีอีกอย่างนึงที่ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ซึ่งก็คือตัวเบียร์สดของทางร้าน Weihenstephaner (Hefeweissbier, German 5.4% - 200 บาท) เบียร์สดยี่ห้อนี้ก็เป็นเบียร์สดที่ หากินไม่ค่อยได้สักเท่าไรในกรุงเทพฯ มีน้อยร้านที่ขาย ซึ่งมันก็เป็นเบียร์ wheat ที่อร่อยดี (wheat รึเปล่าไม่แน่ใจนะแต่ผมว่าน่าจะใช่) ใครเป็นคอเบียร์สดยี่ห้อนี้ แก้วนี้ก็ไม่น่าจะผิดหวังครับ ซึ่งทางร้าน Millet Bar & Bistro ก็มีโปรโมชั่นประมาณว่าสมัครสมาชิก จ่ายกี่บาทก็ไม่แน่ใจ แล้วจะได้เบียร์ 10 แก้ว พร้อม french fries ฟรี 1 ถาด แล้วเบียร์จะราคาลดลงมาเหลือแก้วละ 160 บาทแค่นั้น ก็ถ้าแบบไปกันกับเพื่อนสักกลุ่มนึง ซื้อเจ้าตัว package นี้มากินครั้งเดียวก็หมดก็คุ้มล่ะครับผมว่า
สรุป ร้าน Millet Bar & Bistro @ วิภาวดีรังสิต ซอย 30 แห่งนี้ ก็เป็นร้านที่ผมและเพื่อน ๆ ค่อนข้างชอบกันมากเลยนะครับ บรรยากาศร้านแนว ชิล ปลอดโปร่งโล่งสบาย อาหารส่วนใหญ่ก็รสชาติค่อนข้างดี พร้อมยังได้รับการบริการอันแสนจะเลิศเลออีกต่างหาก ใครกำลังมองหาร้านนั่งชิล ๆ อาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพง และไม่อยากเดินทางฝ่ารถติดไปยังย่านที่มีร้านแนว ๆ นี้เยอะ ก็จัดร้านนี้ได้เลยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment