Signor Sassi - Italian Restaurant at Anantara Sahtorn, Bangkok
ซินญอร์ แซสซี่ - ร้านอาหารอิตาเลียน โรงแรม อนันตารา สาทร กรุงเทพ
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3/5
Signor Sassi - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน Signor Sassi ในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์ต้นตำรับ ดั้งเดิม ที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่ได้นาน (น่าจะประมาณปลาย ๆ ปีที่แล้วนี่เอง) ตัวร้านต้นตำรับนั้นจะอยู่ที่ London และเป็นร้านที่ขายดิบ ขายดี ค่อนข้างโด่งดังมากที่ London ส่วนสาขาในไทยสาขาแรกนี้ (ที่บอกว่าสาขาแรกก็เพราะว่าทางร้านบอกว่าจะมีการเปิดอีก 2-3 สาขาเร็ว ๆ นี้ ที่ Siam Paragon กับที่ไหนอีกผมไม่แน่ใจ) ตัวร้านนั้นจะตั้งอยู่ที่ชั้น 37 โรงแรม Anantara Sathorn โรงแรมขนาดกลาง ๆ ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อนี้ บริเวณถนนสาทรนั่นเอง
ร้าน Signor Sassi แห่งนี้ก็น่าจะเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่วิวดี, บรรยากาศดี ระดับท็อป ๆ ในบ้านเราก็คงไม่ผิดนักเพราะว่าร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 37 ของตัวโรงแรมเลย แม้ว่าตัววิวของทางร้านจะไม่ได้เป็นแบบ panoramic view เพราะว่าที่นั่งด้านในถูกกั้นด้วยที่นั่งแบบ al fresco dining ด้านนอก แต่ว่าที่นั่งด้านในก็ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราไฮโซ สไตล์ Italian Contemporary (มั่วสุด ๆ) ที่แบบใครมาเห็นใครได้มานั่งกินในร้านนี้ก็น่าจะชอบก็น่าจะหลงรักกันหมด (มีตรงทางเข้าที่ทางร้านทำเป็นป้ายโลโก้ร้านให้ถ่ายรูปเหมือนเราเป็น celeb กันด้วย สาว ๆ น่าจะชอบ) ส่วนที่นั่งด้านนอกนั้นก็จะเป็น al fresco dining ที่ view ดี วิวสวย สูงกำลังดี สูงกว่าตึกข้าง ๆ แทบจะทุกติด แต่ก็แน่นอน สู้พวก roof-top restaurant แท้ ๆ อย่างพวก Vertigo , Sirocco, Mezzaluna ไม่ได้แน่นอน แต่ก็ยากที่จะหาร้านที่วิวดี ๆ แบบนี้มาสู้ได้ล่ะครับ ส่วนเรื่องการบริการของร้านนี้ หายห่วง ตามประสาร้านระดับบน บริการดีทุกระดับประทับใจจริง ๆ เลยล่ะครับ
อาหารของทางร้าน Signor Sassi - Bangkok แห่งนี้ก็ตามที่บอกไว้ตอนต้นว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียนสไตล์ ดั้งเดิม Traditional ๆ หน่อย แต่ก็มีการตกแต่งจาน จัดจานมาค่อนข้างสวยงาม ไม่ใช่แค่ แบบวางหมก ๆ มาเหมือนร้าน Italian ยุคเก่าในบ้านเรา ตัวอาหารก็จะมีทั้ง set lunch ราคาประหยัด ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้ง แค่ Starters & Pasta (490 บาท) , Starters & Main Course (590 บาท) , Pasta & Main Course (650 บาท) หรือแค่ Main Course (450 บาท คือแบบมีให้เลือกได้ตามใจจริง ๆ สำหรับคนกินเยอะกินน้อย และตัว selection ของแต่ละหมวดหมู่นี่ก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะครับ อย่าง Main Course ก็มีให้เลือกถึง 5 แบบ Starters , Pasta อีกอย่างละ 10 และ 8 แบบตามลำดับเลย คือแบบเป็น set lunch ที่อลังการงานสร้าง สามารถมากินได้เรื่อย ๆ ไม่รู้เบื่อประมาณนั้นเลย
คือตัว set lunch ที่ว่าอลังการแล้ว อาหารแบบ a la carte หรือแบบ dinner นั้นกลับอลังการยิ่งกว่าอีก อาหารแต่ละหมวดหมู่ไม่ว่าจะ antipasti (appetizer) , salad , main course, seafood นั้นมีให้เลือกแบบหลากหลายมาก ๆ และส่วนใหญ่เป็นเมนูแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยพบเจอในร้านอาหารอิตาเลียนร้านอื่น ๆ สักเท่าไร เป็นแนวแบบ อิตาเลียนอะไรก็ไม่รู้ ผมอ่าน ๆ ดูแล้วเมนูหลายอย่างไม่คุ้นตา ไม่คุ้นหูเลย ตัว a la carte นั้นราคาจะค่อนข้างแพง ค่อนข้างโดดจากตัว set lunch เหมือนกับร้านอิตาเลียนอื่น ๆ คือถ้ามากินกันเต็มที่มื้อนึงก็น่าจะตกอยู่ที่คนละ 1,500 - 2,000 บาทได้อย่างไม่ยากเย็น (เมื่อเทียบกับ set lunch ที่ราคาถูกกว่ากันเกือบ 1 ใน 3) นอกเหนือจากนี้ทางร้าน Signor Sassi Bangkok ก็ยังมีอาหารพิเศษประจำเดือน ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างเดือนเมษาในช่วงที่ผมไปก็จะเป็นช่วงเทศกาลเนื้อแกะ ซึ่งจากที่ดูรูปก็จะเป็นการเอาพวก lamb chop มาทำโน่นทำนี่หลากหลายแบบดี อืม อาหารของร้านนี้เค้าครบครัน ครบถ้วยจริง ๆ เลยครับ
มื้อนี้เริ่มต้นด้วยขนมปังของทางร้าน ก็จะเป็นขนมปังที่ดูไม่ค่อยอลังการงานสร้างสักเท่าไร ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าขนมปังแต่ละแบบแต่ละชิ้นนั้นเรียกว่าอะไรบ้าง รวม ๆ แล้วขนมปังของร้านนี้ก็ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ ไม่แห้งไป, ไม่แข็งไป แต่จะแบบ นุ่ม ๆ ร้อน ๆ กำลังดี (บางร้านนี่แบบแข็งไปบ้าง แห้งไปบ้าง จนไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำมาให้ใครกิน ใครมันจะไปกินอะไรแห้ง ๆ แข็ง ๆ แบบนั้นได้ ทำมาประหนึ่งว่าจะไม่ให้กินขนมปัง เลยจะได้สั่งอาหารกันเยอะ ๆ ประมาณนั้น)
Prosciutto & Melone (Parma Ham & Melon - 420 บาท) : ปาร์มาแฮม เมล่อน จานนี้ก็เป็นจานที่ตกแต่งมาได้สวยงามน่ากินกว่า จานอื่น ๆ ของร้านอื่น ๆ ที่ผมเคยกินมานะครับ ตัวเมล่อนมีการฝานเอาเนื้อออกมาเพื่อเล่นสีทำเป็นกลีบดอกไม้ และก็เรียงมาเป็นดอกไม้สวยงาม ส่วนตัวแฮมก็กอง ๆ มาไว้อยู่ตรงกลางเหมือนเป็นบริเวณรังไข่ดอกไม้, ฐานดอกไม้แบบนั้น idea บรรเจิดดีครับ รสชาติของ จานนี้ก็ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ เมล่อนหวานฉ่ำ ปาร์มาแฮม เนื้อนุ่ม แน่น เค็มกำลังดี กินพร้อมกันรสตัดกันลงตัว fin เปิดประเดิมมื้ออาหารกันเลยทีเดียว
Mozzarella in Carrozza (Mozzarella in Deep Fried Bread with Garlic & Anchovy Sauce - 240 บาท) : อย่างที่ 2 เป็นอะไรที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ล่ะ คือก่อนหน้านี้ผมเคยกินเจ้าชีสมอสซาเรลล่าทอดนี่มาก็หลายที่นะครับ แต่ไม่เคยเจอที่ไหนที่ทำอร่อยเลย เอาใหม่ เจอแต่ที่ทำมาแล้ว "แหลกม่ายล่าย" ซะทั้งหมดเลย จนก่อนหน้านี้ผมก็งงว่าเจ้าเมนูนี้มันจะมีขึ้นมาในโลกนี้ทำไมถ้ามันไม่อร่อยแบบนี้ แต่คำถามที่ว่าก็มาโดนตอบเอาโดยเจ้า Mozzarella Cheese ทอดจานนี้นี่แหละครับ มันแบบ.. อร่อยมาก ๆ ตัวชีสทอดมาผิวนอกกรอบแต่ด้านในยังคงเยิ้ม ยังหนืด ยังคงความเป็นชีสอยู่ ตัวรสชาติชีสก็แบบเค็มกำลังดี ไม่เหม็นหืน กินแล้วเหมือนแบบกินอะไรหยุ่น ๆ กรอบ ๆ ที่ไม่พบเจอในอาหารแบบอื่น และทางร้านยังมีการเสิร์ฟพร้อมตัวขนมปังทอดที่ช่วยส่งเสริมความอร่อยและรสชาติเพิ่มเติมเข้าไปด้วย จานนี้แนะนำครับ ถูก และอร่อยจริง ๆ
Ravioli "Tino" (Homemade ravioli stuffed with ricotta cheese, spinach in cream & brandy sauce with prawns & rocket salad - 480 บาท) : จานนี้ก็เป็นอีกจานที่อร่อยมากครับ ๆ ตัวพาสต้า Ravioli นั้นยัดไส้ตัว ricotta cheese มา และก็ยัดมาแบบกำลังดี อวบ ๆ นูน ๆ กำลังดี และตัวซอสก็จะเป็นซอส สไตล์ ครีม ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ใช่ครีมข้นคลั่ก เหมือนเป็นครีมผสมกับน้ำซึ่งเป็นอะไรที่ผมชอบดีนะ รสชาติรวม ๆ ของซอสก็จะเป็นแบบยังไงดี บอกไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่า อร่อยมากครับจานนี้
Tornado "Rossini" (Fillet steak on crouton base topped with Pate & Madeira Sauce - 1080 บาท) : อาหารจานนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงมันเป็นอาหารของชาติใดกันแน่ เพราะบางทีไปกิน Steakhouse ก็จะเจอ , กินร้านอาหารฝรั่งเศสบางร้านก็ยังเจอ กับเจ้าเนื้อทอร์นาโด หรือเนื้อสันในเสิร์ฟคู่กับตับห่าน จานนี้ จานนี้ยอดเยี่ยมมากครับ ผมกับเพื่อน 2 คนชอบกันมาก เนื้อสันในมาแบบนุ่มสุด ๆ และก็ย่าง มาได้ดีมาก ๆ ผิวนอกเกรียม ๆ กำลังดี แต่ด้านในยังฉ่ำไปด้วยน้ำ ยังเป็นสีชมพูระเรื่อสวยงาม ส่วนตัวตับห่านที่ให้มาด้วยกันก็เป็นตับห่านชิ้นใหญ่ เนื้อนุ่ม ละมุน หอมหวาน และทั้งหมดนี้ยังมีการราดมาด้วย Madiera Sauce ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือซอสอะไรแต่ก็เป็นซอสที่ทำให้รสชาติรวม ๆ ของจานนี้อร่อยและลงตัวยิ่งขึ้นไปอีก โอว ฟินครับ
Spaghettini e Gamberoni Piccanti (Spaghetti with King prawns, chili, anchovies, capers, olives, fresh parsley & sanmazano tomato - 750 บาท) : พาสต้าจานนี้ก็เป็น Seafood Pasta ที่ทำมาได้ค่อนข้างอลังการดีครับ แต่กลายเป็นว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอมไปซะอย่างนั้นสำหรับจานนี้ คือตัว seafood อร่อยดี สดดี และก็ตัวใหญ่ดีอยู่หรอกล่ะครับ แต่ว่าตัวเส้นสปาเก็ตตี้นั้นมันแบบไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เหมือนลวกมา ผัดมายังไม่ค่อยโดนนัก และที่เลวร้ายสุดก็คือตัวซอสที่แบบเป็นซอสมะเขือเทศจ๋ามาก ๆ แบบกินแล้วมันได้แต่ความเป็นมะเขือเทศอย่างเดียวเพียว ๆ เลยไม่มีอะไรอย่างอื่นแทรก ซึ่งผมกับเพื่อนมีความเห็นตรงกันว่า โอเคใครชอบมะเขือเทศจริง ๆ ก็คงชอบจานนี้ แต่สำหรับคนทั่วไปอย่างผมกับเพื่อนแล้ว อยากได้รสอะไรมากกว่ามะเขือเทศเพิ่มเติมอีกหน่อย ตามนั้น
หมดของคาวก็ไปเข้าของหวานกันบ้าง อย่างแรกเป็น Tiramisu - 360 บาท : อันนี้ทางร้านบอกว่าเป็น Signature Dessert ของทางร้าน หน้าตาของมันแม้ว่าจะมาแบบธรรมดา ๆ ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมายเหมือนกับร้านอื่น ๆ เดี๋ยวนีี้ที่บางทีนำเสนอมาได้แบบ ไม่คิดว่าจะทำมาได้แบบนี้เลย ประมาณนั้น แต่จานนี้แม้ว่าจะหน้าตาธรรมดา ๆ แต่รสชาตินั้นคนละเรื่องครับ อร่อย ประทับใจมาก Mascarpone cheese ใช้ของแพง ของดีเยี่ยมแน่นอน เพราะหอม หวาน อร่อยสุด ๆ ตัวผงกาแฟ, ตัว Lady Finger ที่ใส่มาก็อร่อยหมด อืม เป็น Tiramisu ที่อร่อยมาก ๆ ที่ไม่เจออร่อย ๆ แบบนี้มานานแล้วครับ
Tiramisu Ice cream & Rose Ice cream - 2 scoops - 200 บาท จานนี้ก็เป็นอีกของหวานที่เจ๋งมากครับ คือแม้ว่าจริง ๆ แล้วตัวของหวานมันก็เป็นแค่ไอศครีมธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่แบบทางร้านก็นำเสนอมาได้แบบอลังการงานสร้างสุด ๆ (รบกวนดูรูปประกอบ) คือสวยจนไม่อยากกิน ไม่กล้ากินเลยประมาณนั้น ตัวไอศครีมรสชาติดีมาก ๆ ครับ ทั้ง Tiramisu ทั้ง Rose เลย หวาน อร่อย ลงตัว
Signor Sassi Special Pancakes (Homemade thin pancakes filled with chantilly cream topped with chocolate sauce & Vanilla ice cream - 340 บาท) : เจ้าของหวานที่เอาชื่อร้านมาตั้งจานนี้กลับทำได้ไม่ดีเท่าของหวานธรรมดา ๆ 2 อย่างก่อนหน้าน มันเป็นประมาณ pancakes ธรรมดา ๆ ที่ทอดออกมาหน้าตาไม่เหมือนกับ pancake ทั่วไปแล้วก็ราดช็อคโกแลตมาแค่นั้นเอง อืม จานนี้เฉย ๆ ครับ แพงก็แพง ไปสั่ง 2 อย่างก่อนหน้านี้คุ้มกว่ากันเยอะครับ
มื้อนี้มีปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มกันบ้าง อย่างแรกเป็น Caramel Latte - 115 บาท ที่อร่อยล้ำ หากินไม่ได้ตามร้านกาแฟทั่ว ๆ ไป (แม้แต่ starbucks ก็ทำไม่อร่อยเท่านี้) และ Il Limoncello - 200 บาท ที่แรงสะใจ แต่แบบผมชอบเสิร์ฟแบบเย็นเฉียบมากกว่า ซึ่งร้าน Signor Sassi เสิร์ฟมาแบบค่อนข้างจะอุ่นครับ เลยแอบผิดหวังเล็กน้อย
สรุป ร้าน Signor Sassi นี่พวกผมค่อนข้างจะประทับใจกันมาก ๆ เลย ทุก ๆ อย่างของร้านทำมาได้ในระดับ Top-notch ทั้งหมด ไม่ว่าจะบรรยากาศร้าน, การบริการ, รสชาติอาหาร และความหลากหลายของอาหาร และแน่นอนครับราคาก็ Top-notch ตามไปด้วยติด ๆ แต่ก็อย่างที่ผมพิมพ์ไว้หลายครั้งแล้วล่ะครับ ของดีแต่ถูก โอเคมันอาจจะมีอยู่ในโลกบ้างแต่ก็น้อยมาก ๆ ของแพงแต่ไม่ดีก็มีอยู่ถมไป ดังนั้นถ้าจ่ายแพงแล้วได้ของดีมา มันก็เป็นอะไรที่คนเราคาดหวังกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งร้าน Signor Sassi Bangkok @ Anantara Sathorn แห่งนี้ก็ทำได้ดีตามราคาจริง ๆ ใครกำลังมองหาร้านอาหารอิตาเลียน อร่อย ๆ บรรยากาศดี ๆ อิตาเลียนแท้ ๆ ก็มาลิ้มลองร้านนี้กันได้เลยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment