Enoteca - Italian Restaurant at Sukhumvit 31, Bangkok
อีโนเตก้า ร้านอาหารอิตาเลียน สุขุมวิท 31 กรุงเทพ
Overall Score 9/10
Taste 4.5/5
Ambiance 4.5/5
Service 5/5
Value 2/5
Enoteca - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน Enoteca ในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ผมได้ยินชื่อเสียงมาค่อนข้างนานแล้วว่าเป็นร้านที่แพงและอร่อย มีเพื่อนนักกินของผมเคยไปกินกันมาหลายคน, เพื่อนผม 2-3 คนที่เปิดร้านอาหารยุโรปก็แนะนำร้านนี้ว่าควรต้องไปลอง อย่างโน้นอย่างนี้ แต่กว่าจะได้ไปกิน หลังจากที่ได้รู้จักร้านนี้ เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปเกือบ 3 ปีได้แล้ว ร้าน Enoteca หรือแปลได้ว่า ห้องเก็บไวน์ แห่งนี้ ก็เป็นร้านอิตาเลียนเล็ก ๆ ในซอยย่อยของซอยสุขุมวิท 31 อีกที ก็ถ้าจะเดินทางมาก็แนะนำให้ขับรถมาน่าจะ work ที่สุดเพราะอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ และก็ทางร้านมีพนักงานรับรถ ที่จะกึ่ง ๆ คล้าย ๆ Valet Parking คือจะมาคอยช่วยเราถอยรถและรับรถให้ และถ้าจะให้ดีก็โทรมาจองหน่อยก็ดีครับ ตอนที่ผมไปเป็นช่วงสงกรานต์ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีคนสักเท่าไร แต่ที่ไหนได้ ลูกค้าค่อนข้างจะเต็มร้านเลยล่ะครับ (ส่วนนึงเพราะร้านขนาดไม่ใหญ่มาก) และก็ขนาดผมไปสองทุ่มและกลับประมาณ 4 ทุ่ม ตอนประมาณเกือบ ๆ 4 ทุ่มก็ยังมีลูกค้ามาที่ร้านอยู่เลยล่ะครับ
ร้าน Enoteca หรือห้องเก็บไวน์แห่งนี้ พอเข้าไปในร้านก็จะเจอบรรยากาศร้านสไตล์อิตาเลียน คล้าย ๆ กับร้านช่วงหลัง ๆ ที่ผมไปกินมาเช่น L'Opera และ Rossano's คือบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคือยังไง แต่พอได้เข้าไปในร้าน มันก็แบบเป็นอะไรที่ใช้เลย อิตาเลียนชัวร์เลย สิ่งนึงที่โดดเด่นคือผนังฝั่งนึงของร้านนี้จะทำเป็น wine cellar ไว้และเป็นชั้นเก็บไวน์ที่ค่อนข้างจะอลังการอยู่ คือสูงเต็มผนังเลย และไวน์แต่ละขวดเราก็สามารถไปเดินดูและสั่งมาชิมได้เลยด้วย ก็เป็นไอเดียที่ค่อนข้างดีเหมือนกัน และก็ไวน์ของทางร้านนี้ก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะมาก ๆ สมกับชื่อร้าน และที่โดดเด่น (อีกแล้ว) จากร้านอื่นคือตัวไวน์ของทางร้านจะมีการให้ rating โดย Mr. อะไรสักอย่าง Nicholas ด้วย (น่าจะเป็นเชฟใหญ๋ประจำร้าน) คือแบบ มีทั้งคะแนนดาวความอร่อย และความคุ้มค่า คือคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องไวน์แบบผมนี่สบายเลย เลือกไวน์ได้ง่ายขึ้นเยอะ อืม (ร้านอื่น ๆ น่าจะทำตามบ้างนะ ผมว่ามีคนกินไวน์ไม่กี่คนหรอกที่จะรู้จักไวน์ที่ทางร้านมีอยู่ใน list) ส่วนตัวอาหารของร้าน Enoteca Bangkok แห่งนี้ก็จะเป็นอาหารอิตาเลียนขนานแท้ หรือ ไม่แท้รึเปล่าผมก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นอาหารอิตาเลียนที่หน้าตา และการนำเสนอค่อนข้างจะ modern กว่าหลาย ๆ ร้านที่กินมาช่วงหลังพอสมควร และตัวรายการอาหารก็มีให้เลือกไม่่ค่อยเยอะ น่าจะมีการปรับเปลี่ยนเรื่อย ๆ และนอกจากตัวเมนู a la carte แล้วก็จะมีตัว Degustation Menu หรือ Course menu ไว้บริการอีกด้วย ก็ตัว Course Menu นี่ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นในร้านอิตาเลียนแท้ ๆ ในกรุงเทพร้านแรกนะเนี่ย เท่าที่เจอมาคือเจอแต่ร้านอาหารฝรั่งเศส ไม่ก็อาหาร Modern European อะไรแนวนั้นมากกว่า อืม
อีกสิ่งที่ผมประทับใจมาก ๆ เกี่ยวกับร้าน Enoteca Bangkok แห่งนี้ก็คือเรื่องการบริการครับ พนักงานบริการดีมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ดีมากจนน่าจะดีที่สุดในร้านอาหารที่ไม่ใช่ห้องอาหารในโรงแรมช่วงหลังที่เคยกินมาเลย (รู้สึกจะมีแค่ที่ Lord Jim ที่เดียวที่ผมรู้สึกว่าบริการดีกว่า) อืม ใครมาก็น่าจะติดใจการบริการของเค้านะ ก่อนจะรีวิวตัวอาหารก็ขอรีวิวตัวขนมปังของทางร้านก่อนละกันนะครับ ทางร้าน Enoteca นี้ก็ให้ขนมปังแบบค่อนข้างหลากหลาย แต่ก็ไม่อลังการมาก และก็ไม่ค่อยร้อนสักเท่าไร และก็ไม่ได้ให้เนยมา (แต่ถ้าขอก็น่าจะได้) มีแค่น้ำมันมะกอกกับ balsamic แค่นั้น อืม ขนมปังก็ผ่านเกณฑ์มานิดเดียวล่ะนะถ้าจะให้คะแนน
อาหารอย่างแรกนั้นเป็น Signature ของทางร้านที่พนักงานบอกว่าลูกค้าแทบทุกโต๊ะจะสั่งกันหมด Cappuccino al Nero di Massimifiano Alaimo - Black Ink Capuccino : 580 บาท - ตัวนี้มันก็เป็นประมาณครีมชีส, มูส ที่ใส่ซอสหมึกดำลงไป บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร มันจะคล้าย ๆ กินเยลลี่ กันครีมชีสอะไรประมาณนั้นอ่ะครับ คือหน้าตา, การกินนั้นเหมือนกินของหวานเลย แต่ว่ารสชาตินั้นมาแบบอาหารคาวสุด ๆ ครับ อร่อยมาก แปลก อร่อย ประทับใจ แนะนำเลย (จริง ๆ สั่งไปที่เดียว แต่ทางร้านบอกว่าแบ่งครึ่งมาให้สำหรับ 2 คนได้ แต่จะเสียเงินเพิ่ม 100 บาท พวกผมก็เลยเอาแบบแบ่งมา)
Nicoise Salad - 390 บาท : ตัวอาหารอย่างที่ 2 นั้นตอนแรกคิดว่าจะเอา Soup แต่ไป ๆ มา ๆ Soup ของร้าน Enoteca นี่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร และก็ไม่ค่อยมีให้เลือก ก็เลยมาลงเอยที่สลัด ตัวสลัดก็ธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรให้เลือกมากอีกเช่นกัน ก็เลยมาลงเอยกับเจ้า นิซัวส์ สลัด นี่ ก็เป็นสลัดมาตรฐานที่พบเจอได้ทั้งร้านอาหารฝรั่งเศสและร้านอาหารอิตาเลียน ตอนแรกนั้นสลัดมาแบบเปล่า ๆ มาก ไม่มีน้ำสลัด ไม่มีรสชาติใด ๆ เลย ผมกับแฟนกินกันไปก็แบบไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่พอ ใส่ balsamic ลงไป ใส่ olive oil ลงไปเพิ่มแล้วก็คลุก ๆ กิน อืม คราวนี้อร่อยล้ำเลย เพราะว่าตัวผักนั้นมันสดอยู่แล้ว
Franziskainer Waiss Beer 500 ml - 290 บาท : มื้อนี้ตอนแรกว่าจะไม่ดื่ม alcohol ครับ (ส่วนนึงเพราะไวน์ร้านนี้แพงมาก ฮ่า ๆ) แต่แบบกินอาหารอร่อย ๆ แล้วมันก็อยากมีอะไรดื่มหน่อย ก็เลยมาลงเอยกับเบียร์ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้นี่ครับ (เบียร์เยอรมันสักเจ้า) เจ้าเบียร์ขวดนี้คล้าย ๆ เป็นเบียร์ ale + lager และก็เสิร์ฟใส่มาในแก้วไวน์ทรงสูง รสชาติดีมากครับ น่าจะเป็นเบียร์ที่ทาง Mr. Nicholas คัดเลือกมาให้กินกับอาหารของเค้าก็เป็นได้ แนะนำอีกเช่นกัน
Ravioli al Foie Gras con Salsa al Tartufo Nero - Ravioli filled with Foie Gras with Black Truffle Sauce : 690 บาท - พาสต้า Signature ของทางร้าน ที่หน้าตากับราคานั้นไม่สอดคล้องกันอย่างแรง ปริมาณที่ได้นั้นน้อยมาก ๆ แต่ก็นะ เล่นใช้ของแพงซะเต็มจานแบบนี้ รสชาติจานนี้ อร่อยมากครับ Foie Gras แน่นอน อร่อยสมกับเป็นตับห่าน a la carte อยู่แล้ว (แปลว่า พวกไลน์บุฟเฟ่ต์สู้ไม่ได้) ตัว Ravioli ยังยัดไส้ตับห่านเพิ่มเติมมาอีก แค่นั้นยังไม่พอยังราดซอสเห็ดทรัฟเฟิลที่แบบ หอม มัน เค็ม กำลังดีมาให้ด้วย แต่ละคำนั้นกิน พร้อมกันรวดเดียวแล้ว โอว ฟินครับ
ตัว Main Course ในมื้อนี้นั้นเป็น Guancia Brasata al Vino Rosso con Purea di Sedano Rapa e Mele - Veal Cheek Braised in Red Wine with Mushed Celery Root and Mushed Apple : 840 บาท - หรือแปลง่าย ๆ ก็คือแก้ววัวตุ๋นไวน์แดงนั่นเอง จานก่อนหน้านี้ 3 จานหน้าตาค่อนข้างสวยงามกว่าปกติ พอมาจานนี้ก็เป็นการ Return to Retro หรือย้อนกลับไปสู่ความเรียบง่าย ความดิบ เล็กน้อย เพราะทั้งจานนั้นมีแค่ก้อนแก้มวัว 2 ก้อนกับ Garnish เล็ก ๆ น้อย ๆ อีก 2 อย่างแค่นั้น จานนี้ บอกตรง ๆ ตัวแก้มวัวกับซอสอร่อยมากครับ ซอสมาแบบเค็ม ๆ กำลังดี ตัวแก้มวัวก็นุ่มมาก ๆ แทบจะละลายในปาก แต่ตัว garnish นี่สงสัยว่าทางร้านจะกลัวลูกค้าเลี่ยนกับความเค็ม ก็เลยทำมาแบบ เปรี้ยว ๆ อัน และก็ mash potato สุดหวานอันนึง ซึ่งผมกับแฟนไม่ค่อยชอบเท่าไร รสชาติมันตัดกับตัวแก้มวัวเกินไป
Panna Cotta all Anice Stellato - Panna Cotta with Star Anice - 260 บาท : จานที่แล้วว่าดิบแล้ว ว่า Return to Retro แล้ว จานนี้ยิ่งแล้วใหญ่ครับ ตัว Panna Cotta เสิร์ฟมาเป็นเต้าหู้เลย คือแบบ มั่นใจสุด ๆ ถึงนำเสนอมาแบบนี้ เหอ เหอ ส่วนซอสนั้นเราก็เอามาราดเอง ก่อนจะกินก็ราดซอสที่เหมือนจะใส่ passion fruit เยอะ ๆ ลงไป แล้วก็กินตัวเต้าหู้ เอ๊ย Panna Cotta พร้อมกันกับซอส รสชาติก็อร่อยดีนะครับ แต่ก็ไม่มากมายเท่าไร เหมือนจะเคยกิน Panna Cotta อร่อย ๆ กว่านี้มาเยอะพอสมควร สำหรับตัวผม
สรุป ร้าน Enoteca Bangkok แห่งนี้ ก็ไม่น่าแปลกล่ะครับที่ทำไมถึงเป็นร้านที่หลาย ๆ คนชื่นชมและซูฮกกัน องค์ประกอบแต่ละด้านนั้นทำมาได้อยู่ในระดับสุดยอดหมด ไม่ว่าจะ รสชาติอาหาร บรรยากาศ การบริการ ความหลากหลายของไวน์ และแน่นอนราคาอาหารก็สูงระยับเช่นเดียวกัน ใครกำลังมองหาร้านอาหารอิตาเลียนแบบ Fine Dining ดี ๆ มากินมื้อพิเศษกับคนพิเศษ ร้านนี้ ผมว่าพามาแล้วโดนแน่ ๆ (ส่วนโดนอะไรก็แล้วแต่อยากจะจัดละกันครับ ฮ่า ๆ)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment