คิทเช่น เทเบิ้ล - ห้องอาหารนานาชาติ โรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพ
Overall Score 7/10
Taste 3/5
Ambiance 5/5
Service 3.5/5
Value 3/5
The Kitchen Table - International Restaurant on BuMRes.com (For more pictures, menu and info)
โรงแรมสมัยใหม่, เปิดใหม่สมัยนี้ไม่รู้เป็นอะไรนะครับ มักจะมีห้องอาหารกันไม่กี่ห้อง ส่วนใหญ่อย่างมากก็จะมีกันแค่ 2-3 ห้อง ไม่ได้มีแบบ 6-7 ห้องแบบสมัยก่อน มีครบครันทุกสัญชาติอาหาร หรือมีให้เลือกหลากหลายประเภทเยอะ ๆ ชนิดที่ว่าแขกที่มาพักโรงแรมกินได้ไม่ครบห้องในช่วงเวลาที่มาพัก หรือว่าคนภายนอกจะมากินหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งจุดนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่รู้เพราะว่ากำไรจากห้องอาหารมันน้อยเมื่อเทียบกับการขายแค่ห้องพักหรือทำสปา หรือว่าต้องมาเหนื่อยกับการบริหาร การจัดการห้องอาหารแต่ละห้องที่เหมือนแบบเป็นร้านอาหารร้านนึง ที่รายละเอียดของแต่ละห้องมันจะแตกต่างกันออกไปมาก ใช้กฏตายตัว กฏเดียวกันกับทุก ๆ ห้องไม่ได้ ซึ่งร้านใน Review ฉบับนี้ก็เข้าข่ายที่ว่าคือเป็นห้องอาหารในโรงแรม W Bangkok โรงแรมหรูหราไฮโซ เปิดใหม่ประจำกรุงเทพเมืองฟ้าอมรของเรา แต่คือแบบ 2-3 ห้องอาหารต่อโรงแรมนี่ก็ว่าหนักแล้ว โรงแรม W Bangkok นี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เพราะมีแค่ห้องเดียวกับร้าน The Kitchen Table แห่งนี้
คือห้องอาหาร The Kitchen Table ของโรงแรม W Bangkok นี่แบบเป็นห้องอาหารเดียวจริง ๆ ของทางโรงแรม คือเอาไว้รองรับลูกค้าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมื้อเช้าที่จะทำตัวเองเป็นห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ อาหารเช้านานาชาติ ไว้รองรับแขกที่มาพักของโรงแรม , มื้อเที่ยงและมื้อเย็นที่จะเป็นอาหารแบบ a la carte (ไม่แน่ใจว่ามี set lunch ด้วยรึเปล่า) ไว้รองรับแขกของโรงแรมหรือลูกค้าจากภายนอก ก็เป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกันเพราะ โรงแรม W Bangkok นี่ผมก็ว่าเค้าเป็นโรงแรมที่ใหญ่โตดี ชื่อเสียงโด่งดัง จริง ๆ ก็น่าจะมีห้องอาหารอีกสัก 1-2 ห้อง หลากหลายแนวหน่อยก็น่าจะโอเค ซึ่งจุดนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำมาแค่ห้องเดียวและเนื่องจากว่าที่นี่มีแค่ห้องเดียว อาหารในมื้อเย็นของห้องอาหารนี้ที่ผมไปกินและนำมารีวิวนี้จึงกลายเป็นอาหารที่แบบมีทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตกรวมอยู่ในเมนูเดียวเลย ประมาณว่ากะเอาไว้รองรับหมดทั้งลูกค้าที่อยากกินอาหารไทย อาหารเทศ ประมาณนั้น ซึ่งก็เป็น concept แบบที่ผมเพิ่งเคยพบเจอเหมือนกันในห้องอาหารโรงแรม อืม ไม่คุ้นจริง ๆ ครับ
ตัวอาหารตะวันตกของที่ The Kitchen Table นี้ก็จะเป็นอาหารแนวแบบมาครบหมดทั้งฝรั่งเศส, อิตาเลียน และอเมริกัน (โดยจะเน้นไปที่อิตาเลียนหน่อย) ส่วนอาหารไทยก็จะเป็นอาหารไทยแบบค่อนข้างจะ traditional แต่อาจจะมีการ twist เล็กน้อย, fusion เล็กน้อยเพื่อให้ดู modern ขึ้นมีความเป็นตะวันตกขึ้น ลูกค้าชาวต่างชาติที่เป็นชาวตะวันตกจะได้กินได้ง่ายขึ้น คุ้นเคยมากขึ้นประมาณนั้น ราคาอาหารก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของโรงแรมหรู 5 ดาวคือก็จะตกอยู่ที่คนละ 1,000 - 1,500 บาทโดยประมาณ ถ้าไม่ได้สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันเยอะ ประมาณนั้น
ก่อนจะเข้ารีวิวอาหาร ผมขอกล่าวถึงตัวบรรยากาศของทางโรงแรมนี้กับห้องอาหารนี้สักหน่อย ตัวห้องอาหาร The Kitchen Table นี่แบบตกแต่งได้สวยงามและแนวมาก ๆ ครับ เป็นบรรยากาศ และการตกแต่งที่เจ๋งและแนวที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเจอมาในช่วงหลัง ๆ นี้ของร้านอาหาร/ห้องอาหารนึงเลยก็ว่าได้ โดยตัวร้านจะแบ่งเป็น indoor dining ขนาดใหญ่ แบ่งโต๊ะเป็นหลากหลายแบบ ทั้งแบบขยับไม่ได้เป็นเบาะหนัง และแบบโต๊ะไม้ธรรมดา ๆ ไว้ขยับขยายเป็นโต๊ะใหญ่, โต๊ะย่อยอะไรก็ว่าไป ส่วนที่นั่งด้านนอกหรือ Al Fresco Dining ก็มีจำนวนโต๊ะที่ค่อนข้างจะมีพอประมาณลูกค้าที่อยากนั่งอาบลมร้อน ๆ ของกรุงเทพ และสามารถดูดบุหรี่ พร้อมดูวิวสวย ๆ ตึก ๆ บนถนนสาทรของกรุงเทพได้ด้วย อะไรประมาณนั้น
การบริการของพนักงานของที่นี่แม้ว่าทุกคนจะดูค่อนข้างจะ professional ทั้งด้านมารยาท, การแต่งตัว และความรู้ในเรื่องอาหารของทางร้าน แต่ไม่รู้เพราะจำนวนพนักงานที่น้อยเกินไปรึเปล่า ก็เลยแบบการบริการก็เลยยังไม่ค่อยประทับใจพวกผมเท่าไรนัก กว่าจะเรียกพนักงานแต่ละคนได้, กว่าจะเอาเมนูมาให้, บางทีก็ลืมเอาโน่นเอานี่มาให้ คือแบบ การบริการยังไม่ค่อยคุ้มกับเงินที่เสียไปสักเท่าไรเลย ร้านอาหารดี ๆ บางร้านในกรุงเทพยังทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนเลย อืม อันนี้เป็นอะไรที่น่าจะปรับปรุงหน่อยครับ
อาหารในมื้อนี้ก็จะมีพอสมควรเพราะว่าไปกัน 4 คน คือเอาจริง ๆ พวกผมกะสั่งกันมากกว่านี้ แต่เพราะว่าเมนูอาหารของร้านนี้เนื่องจากว่าต้องมีทั้งไทยและเทศ ก็เลยจะมีอาหารแปลก ๆ signature ๆ มากก็ไม่ได้ โดยเฉพาะอาหารไทยที่หลาย ๆ เมนูเป็นอะไรที่พบเจอได้ทั่วไปตามร้านอาหารไทยทั่ว ๆ ไปในบ้านเรา
หมวดอาหารคาว
- ปลาหมึกย่างซอสโยเกิร์ต เสิร์ฟพร้อมสลัดควินิว พริกหวาน (Yoghurt marinated grilled squid : Quinoa Salad : Charred Peppers - 320 บาท) สลัดจานนี้แม้ว่าหน้าตาจะดูบ้าน ๆ แต่ว่ารสชาตินั้นมาแบบ hi-class คนละเรื่องกับหน้าตาเลยครับปลาหมึกที่ให้มาชิ้นใหญ่ และมีการบั้งมาให้น่ากินยิ่งขึ้น และกินแล้วแบบได้สัมผัสขรุขระ ๆ มากกว่ากินปลาหมึกเรียบ ๆ แบบธรรมดา, ผักที่ให้มาก็สด แม้ว่าจะไม่ได้หลากหลายแต่ว่าแต่ละอันนี่สดฉ่ำคุณภาพมาก ๆ ทีเด็ดที่สุดนั้นคงเป็นตัวน้ำสลัด น้ำสลัดเป็นอะไรทีรสชาติดีมาก ๆ เปรี้ยว หวาน มัน เค็มมาครบ คือแบบ ผมอยากได้น้ำสลัดของจานนี้ไปขายเลยล่ะ น่าจะขายดีมาก ๆ แน่ ๆ
- พิซซ่าไส้กรอกชอริโซ่ มะเขือเทศอบแห้ง มะกอกคารามาต้าและชีส (Spiced Chorizo - Oven dried tomato | Kalamata olives | cheese - Pizza - 460 บาท) พิซซ่าถาดนี้ราคาออกจะแรงไปหน่อย เพราะว่าหน้าตาพิซซ่าตอนยกมานั้นแทบจะไม่มีเครื่องอะไรเลยใส่แฮมมานิด ๆ หน่อย มีชีสเยิ้ม ๆ หน่อยแค่นั้น พิซซ่าถาดนี้ก็เป็นพิซซ่าบางกรอบ ที่ปิ้งมาได้ค่อนข้างอร่อยดีเลย แม้ว่าเครื่องจะไม่เยอะ รสชาติจะไม่จัดจ้าน แต่ก็เป็นพิซซ่าแบบที่อืม กินแล้วมันก็อร่อยเพลินไปอีกแบบครับ คือราคาเท่านี้ มันควรจะได้เครื่องเยอะกว่านี้นะซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นได้นี่คือฟินสุด ๆ ครับ
- ข้าวริซอตโต้ ชีสทาเลจิโอ้ เรดิสชิโอ น้ำส้มไวน์แดง (Risotto - Taleggio | Raddicchio | Red Wine Vinegar - 420 บาท) : จานนี้ fail ไปหมดทุกอย่างครับไม่ว่าจะหน้าตาที่มาแบบเป็นข้าวต้มเละ ๆ โจ๊กเละ ๆ ไม่น่ากินเลย , ตัวรสชาติก็แบบเค็มมาก ๆ ไม่รู้ว่าตัวคนที่ปรุงจานนี้มานี่ลิ้นเพี้ยน ลิ้นไม่ได้รับรู้รสชาติหรือว่ายังไง คือมันเค็มเกินกว่าจะจงใจให้มันเป็นรสชาติของอาหารจานนึงแน่ ๆ , ตัวข้าวก็แบบแหยะ ๆ เกินไป ไม่ค่อยเหมือนกับ risotto ที่เคยกินมา จานนี้ fail จนแบบกินไปคนละไม่กี่คำก็เขี่ยจานไปไกล ๆ อย่างสวย ๆ ได้เลย
- คิตเช่นเทเบิ้ล เบอร์เกอร์ เนื้อแบล็คแองกัส หอมทอด มะเขือเทศอบ ผักโรแมน ซูคินี่ดอง ชีสเซตต้า และมันฝรั่ง (Kitchen Table Burger - minced beef | lettuce | tomato | cornichon | fries - 490 บาท) : หน้าตาจานนี้น่ากินมาก ตกแต่งจานมาอย่างอลังการด้วย การนำทุก ๆ อย่างใส่มาในถาดขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะตัวผักดอง, ซอส, เฟรนฟรายด์ และผัก (ช่วงหลังเห็นหลาย ๆ ร้านเสิร์ฟแบบนี้เยอะเหมือนกัน มันทำให้เบอร์เกอร์ดูอลังการน่ากินดีนะครับ) แต่ว่าหน้าตาก็เป็นแค่เปลือกนอกครับ เพราะรสชาติของจานนี้มันตะติ๊งโหน่งมาก ๆ แป้ง bun ไม่รู้ทำมาอีท่าไหน แข็งโป๊ก สุด ๆ ใช้มีดตัดแต่ละคำนี่หลุดออกมาเป็นขุยเล็ก ๆ จะกินโดยใช้ปากก็ลำบากเพราะแข็งบีบให้กินเป็นคำ ๆ ไม่ได้ และก็ไม่มีการทาซอสอะไรมาที่ bun ซักเท่าไรเลย, ตัว patty ก็แบบดูหนาน่ากินดี แต่รสชาตินั้นไม่ค่อยเวิร์คครับ กินแล้วไม่มีความเป็นเนื้อวัว เหมือนกินแป้ง ๆ มากกว่า น่าจะใช้เนื้อวัวผสมมาน้อยมาก ๆ fail ครับ
- Burrata Mozzarella & Heirloom Tomato Salad with Extra Virgin Olive Oil (สลัดผักมะเขือเทศเฮอรูม และชีส บูลลาต้ามอสซาเรล่า เสิร์ฟพร้อมน้ำมันมะกอก - 460 บาท) : จานนี้อร่อยครับ ผักให้มาแบบสีจัดจ้านตัดกันสวยงามลงตัว ทั้งมะเขือเทศแดง, พริกหยวกเขียว, พริกหยวกเหลือง แต่ทีเด็ดจริง ๆ ของจานนี้นั้นอยู่ที่ตัว Burrata Mozzarella หรือชีสมอสซาเรลลาแบบเยิ้ม ๆ เละ ๆ หน่อย อารมณ์ประมาณกินมูส กันครีมอะไรพวกนั้น อร่อยมาก ๆ ครับชีส อ๊าาาาา
- มัสมั่นแกะ เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ (Massaman Nong Gae - Lamb Shank curry | Jasmine rice - 540 บาท) อาหารไทยจานเดียวในมื้อนี้ จานนี้ก็ไม่ผ่านอีกเช่นกัน น้ำมัสมั่นมาแบบกลายเป็นน้ำสะเต๊ะไป น้ำหวานเกิน ไร้ซึ่งความเป็นมัสมั่นโดยสิ้นเชิง ยังดีที่ตัวขาแกะนั้นให้มาเยอะ และชิ้นใหญ่ และเนื้อก็ตุ๋นมานาน เนื้อเปื่อย ๆ ลุ่ย ๆ นุ่ม ๆ อร่อยดี อืม แต่ก็มีดีแค่นั้นครับ คือแม้ว่าทางร้านจะให้ข้าวสวยมากินด้วยกัน แต่การเอาน้ำสะเต๊ะมากินกับข้าวสวย มันก็เป็นอะไรที่ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย
หมวดอาหารหวาน ของหวานของร้าน The Kitchen Table @ W Bangkok นี่ค่อนข้าง Work ครับ แม้ว่าราคาจะแพง (แพงกว่าอาหารคาวของร้านตะวันตกส่วนใหญ่ในบ้านเราอีกฮ่า ๆ) แต่ว่าแต่ละจานนั้นมาแบบสวยงามอลังการงานสร้าง ตกแต่งมาอย่างปราณีตและบรรจง และรสชาติดี อร่อยหมดทุกจานด้วย อืม ไม่รู้จะเขียนอะไรเกี่ยวกับของหวานแต่ละจานมากครับ เอาเป็นว่าทุกจานเป็นไปตามที่เขียนเลย สวย, อร่อย, หากินที่ไหนไม่ได้ ตามนั้น
- Peach Melba : caramelized poached peach | peach jelly | raspberry coulis - 350 บาท
- Valrhona 70% Guanaja Dark Chocolate & Caramel : caramel ice cream | candied hazelnut | chocolate tuilie - 350 บาท
- Strawberry cheesecake mousse : strawberry pearl | balsamic reduction - 350 บาท
- Cherry Compote : apricot gel | crystallized pistachio - 350 บาท
สรุป ร้าน The Kitchen Table @ W Bangkok แห่งนี้ ผมว่าก็มีอะไรดีที่แบบค่อนข้างชัดเจนเป็นด้าน ๆ ไปนะครับ สิ่งดี ๆ ที่ผมชอบก็คือ บรรยากาศของทางร้าน เจ๋งและแนวมาก , ตัวของหวานที่สวย อร่อย (แต่อาจจะแพงไปหน่อย ส่วนอาหารคาวนี่ก็แล้วแต่เมนูที่เลือก ตาดีได้ตาร้ายเสีย ประมาณนั้น เช่นเดียวกันกับการบริการ เจอพนักงานให้เรียกก็จะได้รับการบริการดี ๆ แต่ปัญหาคือไม่มีให้เรียกนี่สิ ฮ่า ๆ ร้านนี้โดยรวมก็เป็นร้านที่สามารถมากินเป็นมื้อพิเศษ หรือจะมานั่งชิล นั่งกินอาหารคุยกับเพื่อน ๆ ก็ได้ คือแบบเป็นร้านที่ตอบโจทย์ได้สำหรับกลุ่มลุกค้าทุกกลุ่มเลย ประมาณนั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นอะไรที่ตรงกับ concept ของทางร้านเพราะ ทั้งโรงแรมมีห้องอาหารนี้อยู่แค่ห้องเดียวเท่านั้น!
ปล. ผมได้ไปนอนพักที่นี่ด้วยคืนนึง ชอบมากครับ ห้องสวยงาม chic และ trendy สุด ๆ องค์ประกอบ สิ่งตกแต่งทุกอย่างนี่แบบ เน้นวัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่มันเคอะเขิน ไม่เข้ากับ concept เลย พอได้พักที่นี่เสร็จคืนนี้ เลยคิดว่าต่อไปถ้าไปเมืองนอก หรือไปต่างจังหวัด จะพยายามเลือกโรงแรมในเครือ W นี่เป็นหลักล่ะ แหม่ มันโดนใจผมจริง ๆ chic & trendy & modern เนี่ย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment