Cafe de Flores - ร้านกาแฟ, คาเฟ่ เค้ก ของหวาน อาหารจานเดียว พาสต้า ราชพฤกษ์ วงเวียนพระราม 5
Overall Score 7/10
Taste 3.5/5
Ambiance 4/5
Service 3/5
Value 4/5
Cafe de Flors - Cafe and Coffee Shop on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
Cafe de Flore - หรือแปลได้ว่าคาเฟ่แห่งต้นไม้แห่งนี้เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่แถว ๆ ชานเมืองของกรุงเทพในย่านวงเวียนพระราม 5 จากวงเวียนพระราม 5 เดินทางมาแค่นิดเดียวก็จะเจอป้ายร้านอันโดดเด่นเป็นสง่าตั้งอยู่ ร้านนี้เพียงแค่บรรยากาศหน้าร้านนั้นก็อิงตาม concept ของชื่อร้านได้อย่างเป๊ะ ๆ แล้วด้วยการนำต้นไม้, ไม้เลื้อยมาตกแต่งร้านกันตั้งแต่ทางเข้าหน้าร้าน, ภายในร้านก็มีการนำต้นไม้มาตกแต่งร้านในแทบจะทุกจุดที่เป็นไปได้ทำให้ได้ cafe ที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร เป็นอะไรที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อนในร้าน cafe ในกรุงเทพเลย ที่นั่งของร้านนี้สามารถแบ่งได้เป็นหลายโซนตั้งแต่โซน al fresco dining รับลมด้านหน้าร้าน ที่ถ้าไปตอนหน้าหนาวแบบนี้ก็จะเป็นอะไรที่ชิลมาก ๆ เหมาะมาก ๆ , ที่นั่งแบบ stool , ที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาและชั้น 2 ของร้านที่จะเป็นที่นั่งแนวโซฟา ๆ นั่งเอน นั่งพิงกันได้อย่างสบายตัวสบายใจ ก็เรียกได้ว่าการตกแต่ง, บรรยากาศของร้านนี้นี่คือทำมาได้แบบเหมาะกับเป็นร้าน cafe จริง ๆ ตัวผมเองนี่ถ้าจะให้มานั่งชิล นั่งทำงานหลาย ๆ ชั่วโมงก็คงนั่งได้อย่างสบายใจเลยล่ะ
เครื่องดื่มและอาหารของร้าน Cafe de Flore แห่งนี้ก็จะค่อนข้างคล้าย ๆ ร้านแนวคาเฟ่ร้านอื่น ๆ พอสมควรไล่กันไปตั้งแต่ตัวเครื่องดื่มที่จะเป็นพวกชา, กาแฟ, soft drink อะไรพวกนั้นเป็นหลัก ส่วนตัวอาหารก็จะเป็นอาหารแนวกินเล่น, ทานง่าย ๆ หรือจะจริงจังก็ได้แต่ก็เป็นอาหารจริงจังแบบง่าย ๆ โดยจะเน้นไปที่อาหารจานเดียวสไตล์ตะวันตก - ฟิวชั่น กับอาหารทานเล่นแนวตะวันตกเป็นหลัก และแม้ว่าบรรยากาศร้าน, การบริการ (มีน้ำเปล่าให้ฟรีด้วยนะครับ) และอะไรหลาย ๆ อย่างของร้านนี้ล้วนแต่บ่งชี้ความเป็น premium ของร้านอยู่พอตัวแต่อาจจะเพราะทำเลของร้านหรืออาจะจเพราะด้วยความจริงใจของทางเจ้าของร้าน ราคาอาหารและเครื่องดื่มของร้านนี้ก็เลยมีราคาที่ไม่ค่อยสูงนัก หรือพูดง่าย ๆ ก็คือถูกกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากเลยล่ะ เครื่องดื่มส่วนใหญ่แก้วล่ะแค่ 60 - 70 บาท
มื้อนี้ผมไปชิลกับแฟนกันแค่ 2 คนอาหารและเครื่องดื่มก็เลยมีไม่ค่อยเยอะเท่าไรแต่ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะ cover ตัวเมนูของทางร้านอยู่พอสมควรเป็นอาหาร 3 อย่าง, เค้ก 1 อย่างและเครื่องดื่มอย่างนึงมาไล่เรียงกันไปเลยละกันครับ
Caramel Macchiato - 70 บาท: ร้อน ๆ หอมคาราเมล และก็ไม่ค่อยหวานนัก เป็นอะไรที่ผมค่อนข้างชอบเลย เพราะว่าร้านกาแฟ/คาเฟ่เมืองไทยส่วนใหญ่มักจะทำเครื่องดื่มแนวนี้มาหวานมาก ๆ จนกินไปแค่ไม่กี่คำก็รู้สึกเลี่ยนแล้วอะไรงี้ แต่คือแก้วนี้คือละมุน ๆ ดีและก็ดื่มได้เพลิน ๆ จนหมดแก้วเลย
หอยลายอบกระเทียม (Baked clams with garlic - 120 บาท): เปิดประเดิมด้วยอาหารทานเล่นสไตล์ฝรั่งตัวขนมปังนี่ผมบอกตรง ๆ เห็นแว่บแรกนี่มันดูไม่ค่อยน่ากินเลยเพราะว่าดูเหมือนจะเป็นแค่ขนมปังเปล่า ๆ เอาไปปิ้งมาแค่นั้น ไม่ได้มีเอาไปทาเนย, ทากระเทียมมาให้ดูมีรสชาติน่ากินขึ้นมาสักเท่าไร แต่เหมือนกับว่าทางร้านจะจงใจให้ขนมปังเรียบ ๆ เพราะว่าตัวหอยลายอบกระเทียมนั้นรสชาติค่อนข้างจัดจ้านดีอยู่แล้ว พอเอามาประกบกับขนมปังที่ไม่ค่อยมีรสชาติสักเท่าไรก็เลยค่อนข้างจะลงตัวดีไม่หยอกเลยล่ะครับ
ข้าวกับไก่ผัดซอสนันบัง (Chicken Nanban with rice - 115 บาท): จานนี้เป็นของคาวที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้แล้วล่ะครับ ข้าวใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดีเป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก เพราะว่าบางร้านขายแพงกว่านี้แต่กลับใช้แค่ข้าวเกรดรอง ๆ ลงไป ส่วนตัวไก่ซอสนันบัง (อาหารชนิดนึงของญี่ปุ่นจัดว่าเป็นอาหารสไตล์ Yoshoku หรืออาหารญี่ปุ่นที่ได้อิทธิพลจากฝรั่ง ซึ่งไก่นันบังนี่ได้อิทธิพลจากประเทศไหนไม่ทราบเหมือนกันแต่เริ่มดังจากจังหวัด Miyazaki ของญี่ปุ่น ) นี่ก็จะอารมณ์คล้ายไก่คาราอาเกะแต่ว่าจะราดซอสเทอริยากิหวาน ๆ มา เคลือบเนื้อไก่มาจนทั่ว จานนี้ร่อยหมดทั้งข้าว ทั้งซอส ทั้งเนื้อไก่ และที่สำคัญคือแค่ 115 บาท โอวววว
สปาเก็ตตี้โบเลเนส (Spaghetti Bolognese - 160 บาท): สปาเก็ตตี้เนื้อสับแบบพื้น ๆ ให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับราคา คือราคาเท่านี้ไปสั่งบางร้านยังไม่ได้กินเลย แต่คือของร้าน Cafe de Flores แห่งนี้นี่คือให้มาสัก 130% ของ spaghetti bolognese ปกติที่ผมเคยพบเจอมาด้วยซ้ำมั้ง ตัวซอสนั้นค่อนข้างจะเต็มไปด้วยเนื้อสับดี ให้มาเยอะดี แต่ว่าตัวเส้นเหมือนผมรู้สึกว่าจะต้มมาไม่ค่อย al dante สักเท่าไร นุ่มไปหน่อยและก็เวลาม้วนกินแต่ละคำมันยังไม่ค่อยแบบติดกันเป็นก้อนใหญ่ ๆ ได้ง่าย ๆ แบบที่ควร
เครปเค้กชาไทย (Thai Tea Crape Cake - 89 บาท): เครปเค้กในรสชาติที่ไม่ค่อยจะเหมือนที่ไหนกับการผสมผสานความเป็นไทยกับเค้กสไตล์ฝรั่งแบบนี้ รสชาติเครปเค้ก แป้งนุ่ม ชั้นครีมไม่หนามาก ทานแล้วไม่เลี่ยน ซอสชาไทยเข้มข้น และที่สำคัญคือไม่หวานมากจนเกินไป เค้กก้อนนี้ช่วยปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
สรุป ร้าน Cafe de Flores - ร้านคาเฟ่แห่งต้นไม้อันแสนจะเก๋ไก๋ ในย่านวงเวียนพระรม 5 - ราชพฤกษ์แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่มีจุดเด่นในหลาย ๆ ด้านเลยจริง ๆ ไล่กันไปตั้งแต่บรรยากาศร้านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้, อาหารที่มีให้เลือกหลากหลายพอประมาณในราคาไม่แพงและรสชาติดีแบบฝากกระเพาะได้เลย ตัวเครื่องดื่มก็ราคาไม่แพงถูกกว่าร้านแบรนด์ดังที่มีสาขาทั่วโลกสักเกือบครึ่งนึงก็ว่าได้ ใครที่อยู่แถวนี้ หรือใครบังเอิญผ่านมาแถวนี้และอยากได้ร้านคาเฟ่ ง่าย ๆ ราคาคุ้มค่าไว้ฝากท้องสักมื้อนึง ลองมานั่งจิบกาแฟ กินอาหารท่ามกลางแมกไม้ที่ร้านนี้กันดูครับ อาจจะตกอยู่ในภวังค์ของคาเฟ่นี้เอาได้ไม่ยากเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Tuesday, December 31, 2013
Monday, December 30, 2013
The Chinese - Dusit Princess Srinakarin
The Chinese - Chinese Restaurant at Dusit Princess Srinakarin Hotel Bangkok Review
เดอะ ไชนีส - ร้านอาหารจีน บุฟเฟ่ต์ ติ่มซำ อาหารทะเล โรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงทเพ รีวิว
Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4.5/5
Service 4.5/5
Value 4.5/5
The Chinese - Chinese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน The Chinese ในรีวิวนี้เป็นร้านที่ผมเคยรู้จักมานานมากแล้ว เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความคุ้มค่าและความอร่อยของติ่มซำบุฟเฟ่ต์ของทางร้าน แต่เนื่องด้วยทำเลของร้านที่ตั้งอยู่ที่โรงแรม Dusit Princess Srinakarin ทำเลที่คงไม่ค่อยจะมีใครนึกถึงเท่าไรถ้าอยากจะกินติ่มซำเหลา ๆ ดี ๆ สักมื้อนึงก็เลยทำให้กว่าผมจะได้มากินก็หลังจากที่รู้จักร้านนี้เอานานมากแล้วนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่ได้มากินเอาป่านนี้ก็เป็นเรื่องดีเพราะว่าทางร้านเพิ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ จากเดิมที่ concept ของร้านจะเป็นอาหารแนว Cantonese เป็นหลังมี Szechuan เล็กน้อย ตอนนี้ทางร้านได้เน้นความเป็นเสฉวนมากขึ้น เพื่อฉีกหนีความซ้ำซากจำเจไม่ให้เหมือนกับร้านอาหารแนวกวางตุ้งที่มีกันอยู่เกลื่อนเมืองในปัจจุบัน
ร้าน The Chinese Restaurant แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น G ของโรงแรม Dusit Princess Srinakarin ตั้งอยู่ติดกับโซนสวนของทางโรงแรมทำให้บรรยากาศของโต๊ะที่นั่งริมหน้าตานี่จะค่อนข้างร่มรื่นย์ ไม่ค่อยเหมือนที่อื่นนักโดยโซนริมกระจกนี้โต๊ะจะเป็นโต๊ะแบบครอบครัวเล็ก ๆ 4 - 6 คนเป็นหลัก ถ้าใครมาเป็นครอบครัวใหญ่ทางร้านก็จะมีโต๊ะด้านในที่คล้าย ๆ กับเป็น function room ที่สามารถปิดเป็นห้องเดี่ยวแต่ละห้องหรือเปิดรวมเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวก็ได้ด้วย บรรยากาศร้านไม่ได้หรูหรามากนักเมื่อเทียบกับห้องอาหารจีนตามโรงแรม 5 ดาวที่ผมเคยไปมาแต่ก็ถือว่าหรูพอแล้วกับอาหารจีนดี ๆ สักมื้อนึง
อาหารของทางร้านนี้ก็จะให้บริการแบ่งเป็น 2 แบบช่วงเที่ยงจะเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ สนนราคา 590 บาทสุทธิ (All you can eat dim sum set @ 590 baht net) โดยตัวติ่มซำนั้นเราจะสามารถสั่งได้ไม่อั้นจาก 18 รายการของทางร้าน และก็จะมีซุป 4 อย่าง, ข้าวและก๋วยเตี๋ยว 4 อย่าง และของหวาน 5 อย่างที่ลูกค้าคนนึงสามารถเลือกมาได้คนละอย่างให้สั่งมากินเพิ่มเติมให้ครบเป็น full course แบบอาหารจีนอย่างงดงามกันได้อย่างลงตัว ส่วนมื้อเย็น (จริง ๆ มื้อเที่ยงด้วยก็ได้) นั้นก็จะเป็นอาหารจีน a la carte สไตล์ Cantonese ที่เน้นความเป็น Szechuan ที่มีรายการให้เลือกทั้งหมด 66 อย่าง (ถือว่าไม่ค่อยเยอะเมื่อเทียบกับที่อื่น แต่ก็อีกนั่นแหละ มีเยอะก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป มีให้เลือกกำลังดีนั้นเหมาะที่สุดล่ะครับ) อาหารแบบ a la carte ของร้าน The Chinese Restaurant แห่งนี้ผมว่าไม่ค่อยแพงนักเมื่อเทียบกับห้องอาหารจีนในโณงแรมอื่น ๆ ราคาอาหารส่วนใหญ่อยู่ที่จานละแค่ 200++ บาทแค่นั้นเอง ลูกค้าทั่วไปมากินกันอิ่ม ๆ ผมว่าเผลอ ๆ 500 บาทก็น่าจะอยู่ได้ง่าย ๆ เลยนะเนี่ยสำหรับร้านนี้
อาหารในมื้อนี้ก็ขอแบ่งเป็น 2 หมวดละกันนะครับ ติ่มซำ และ a la carte จะได้ไม่งงกัน
หมวดติ่มซำ (ราคาในวงเล็บคือราคาแบบถ้าสั่งแยก)
- ขนมผักกาด (Pan fried turnip cake - 80 บาท): เนื้อเละไปหน่อยครับ กินแล้วไม่ค่อยเหมือนกับขนมผักกาดของร้านอื่นสักเท่าไร แต่รสชาติที่ปรุงมานี่ก็ค่อนข้างโอเคเลย ราดซีอิ๊วหวานเพิ่มเติมแล้วกินคำใหญ่ ๆ หน่อยนี่รสชาติลงตัวดีมาก (ขาดแค่แบบมันเละไป ไม่ค่อยให้ feeling ในการเคี้ยวสักเท่าไร)
- ขนมจีบกุ้ง (Steamed shrimp dumpling - 90 บาท): ขนมจีบมาตรฐานโรงแรมครับ เนื้อแน่น โปะมาด้วยไข่กุ้ง กินกันได้เรื่อย ๆ 3-5 เข่งไม่มีเบื่อได้ง่าย ๆ เลย รสชาติประมาณนี้
- สาหร่ายห่อกุ้งน้ำแดง (Steamed seaweed roll with shrimp in brown sauce): จานนี้ถือว่านึ่งมาได้ดีครับ สาหร่ายังคงเป็นแผ่น ยังคงสมบูรณ์ดีอยู่ (บางร้านไม่รู้เหมือนกันนึ่งมายังไงสาหร่ายหลุดไปหมดแล้ว) ตัวเนื้อในก็แบบปั้นมาคำค่อนข้างใหญ่ครับ ใหญ่กว่าสาหร่ายติ่มซำแบบนี้ของหลาย ๆ ร้านเลยทำให้แต่ละคำที่กินนี่เต็มปากเต็มคำมาก ไข่กุ้งที่โรยมาก็ค่อนข้างเยอะช่วยเพิ่มความมันและอร่อยได้เป็นอย่างดี
- ฟองเต้าหู้กุ้งทอด (Deep fried bean curd skin with minced prawn - 90 บาท): จานนี้โดดเด่นที่ตัวไส้ในที่ให้เนื้อกุ้งมาจนฟองเต้าหู้บวมเป่งเลย ตัวฟองเต้าหู้ทอดมากรอบดีมาก ไม่ต้องปรุงรสอะไรมามากนักจิ้มกินกับน้ำจิ้มบ๊วยเจี๋ยก็ฟินกันได้ง่าย ๆ เพราะว่าเนื้อกุ้งบดที่ยัดมาจนบวมนั้นรสชาติดีโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
- ซุปเสฉวนรวมมิตรทะเล (Szechuan hot & sour seafood soup - 190 บาท): ซุปเสฉวนนี่ส่วนใหญ่ที่ผมกินมามักจะเปรี้ยวไปหรือไม่ก็จะจืดไปไม่ค่อยเผ็ดไม่ค่อยแสดงถึงความเป็นเสฉวนสักเท่าไร แต่กับเท่านี้นี่คือลงตัวมาก เปรี้ยว เผ็ด กำลังดีเลย เป็นรสชาติกลมกล่อมตามสไตล์เสฉวนเลยจริง ๆ ถ้วยนี้ขาดแค่เครื่อง พวกเนื้อสัตว์ seafood ที่ให้มาน้อยไปหน่อย แต่ก็นะ อยู่ในชุดบุฟเฟ่ต์ ไม่ใช่แบบ a la carte ได้เท่านี้ก็เยี่ยมล่ะครับ
- ลุกชิ้นกุ้งอัลมอนด์ (Stuffed prawn ball with sliced almond - 120 บาท): เป็นติ่มซำที่แปลกดีครับ ไส้ในจะเป็นลูกชิ้นกุ้งที่อัดเนื้อกุ้งมาเน้น ๆ และก็ทอดมา และก็เคลือบด้วยถั่วอัลมอนด์เพิ่มความกรอบและความมันเพิ่มเติมเข้าไป อร่อยดีครับ
- ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้งทอด (Our signature crispy rice noodle roll with shrimp - 190 บาท): เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ไม่เหมือนใครดี ส่วนใหญ่ที่กินมาไส้ของก๋วยเตี๋ยวหลอดมักจะเป็นแบบนุ่ม ๆ คล้อยตามกันไปกับตัวแป้งที่ห่อมา แต่อันนี้คือไส้ในจะกรอบนิด ๆ แต่ก็ไม่มา และก็อัดแน่นมาด้วยเนื้อกุ้งบดแบบเต็ม ๆ แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดไม่ได้นุ่มมากนัก ไม่แน่ใจว่าทดสอบมาแล้วว่าหนึบ ๆ ประมาณนี้จะดีกว่ารึเปล่า เพราะรู้สึกว่าผิวสัมผัสโดยรวมมันเข้ากันดีเหมือนกันนะครับ
- กรรเชียงปูซอสซีฟู้ด (Clab lag in seafood sauce): เป็นกรรเชียงปูที่นำเนื้อกุ้งบดมาปั้น, มาผสมด้วยจนกลายเป็นกรรเชียงปูชิ้นใหญ่ ๆ และก็ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวเผ็ดกำลังดีลงมาจนท่วม เสิร์ฟพร้อมบร็อคโคลี่ที่เข้ากันดี
A La Carte (Main Course)
- รากบัวเจี๋ยนซอสเทริยากิ (Pan fried lotus root stuffed with prawn paste in teriyaki sauce - 250 บาท): อาหารแบบ a la carte เริ่มต้นด้วยจานที่ไม่เหมือนใครจานนี้ กับการนำรากบัวมาประกบกันเป็นแฮมเบอร์เกอร์โดยมีไส้ในเป็นเนื้อกุ้งบดและทั้งหมดนี้ก็นำไปทอดมาจนกรอบ ๆ กำลังดีและราดซอสเทอริยากิหวาน ๆ มา รสชาติในการกินก็เลยจะออกหวาน ๆ หน่อย ได้ความกรอบจากตัวรากบัว ได้ความนุ่มและเป็นเนื้อจากตัวเนื้อกุ้งบดที่เป็นไส้ใน กินกันเพลินมากครับจานนี้
- บะหมี่เส้นงาดำเป็ดย่าง (Black sesame noodles with roasted duck): เส้นบะหมี่แปลกดี ไม่เหมือนที่ไหนด้วยการนำไปคลุกกับงาดำ ทำให้เส้นบะหมี่ค่อนข้างจะมีรสชาติมีความหอมในตัวมันเอง เนื้อเป็ดทางร้านเลือกเอาส่วนที่เนื้อค่อนข้างนุ่มมา(น่าจะเป็นส่วนสะโพก) ตัวเนื้อนุ่มดีแต่ว่าตัวหนังเป็ดยังไม่ค่อยกรอบสักเท่าไร ขาด feeling ของความเป็นเป็ดย่างไปเล็กน้อย น้ำซุปที่ใหมาซดด้วยก็เป็นน้ำซุปสไตล์ก๋วยเตี๋ยวจีนธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษมากนักครับ
- ปลากะพงน้ำแดง (Steamed sea bass with - 1,200 บาท): ปลากะพงตัวใหญ่มาก นำไปทอดมาจนกรอบกำลังดีและก็ราดมาด้วยซอสน้ำแดงที่จะเป็นอารมณ์ประมาณคล้าย ๆ ซอสมะเขือเทศแบบเจือจาง และก็ผสมซีอิ๊วขาวเล็กน้อย อะไรแบบนั้น ตัวเนื้อปลาสดดีครับ (เห็นทางร้านบอกว่ามีกระชังเลี้ยงอยู่ พอสั่งถึงจะตักขึ้นมาสด ๆ) และก็แบบตัวหนังกรอบดี และด้วยความที่ปลาสดมากเนื้อก็เลยนุ่มเนียนมาก ตัวซอสน้ำแดงผมว่าน่าจะทำรสจัดจ้านมากว่านี้อีกสักนิดนึงน่าจะอร่อยฟินกว่านี้และเข้ากับ concept อาหารสไตล์เสฉวนของทางร้านมากกว่านี้
- เต้าหู้สาหร่ายซอสเต้าซี่ (Beancurd topped with stir-fried seaweed with black pepper sauce): เป็นเมนูที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนเลย เป็นการเอาแผ่นสาหร่ายโปะลงมาบนเต้าหู้ นำไปทอดจนกรอบทั้งเต้าหู้และสาหร่ายและก็ราดซอสเต้าซี่มาจนท่วม รสชาติซอสเต้าซี่ค่อนข้างเบา ๆ นุ่ม ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่ากับพวกราดหน้าปลาเต้าซี่ที่ผมเคย ๆ กินมา แต่ว่าตัวผิวสัมผัสของเต้าหู้ทอดกับสาหร่ายนี่มันเป็นอะไรที่ใช่เลย ลงตัวดีมาก
- หอยเชลล์ราดซอสเอ็กซ์โอ (Scallop in X.O. sauce) - จานนี้เป็นจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เลยล่ะครับ หอยเชลล์ตัวใหญ่มาก (น่าจะเป็น US scallop นะครับตัวถึงใหญ่ขนาดนี้) นุ่มเนียน ไม่หวานมากนักแต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ซอส X.O. ที่ราดมาก็หอมกลิ่นทะเล และเผ็ดนิด ๆ เป็นซอสเอ็กซ์โอที่ค่อนข้างลงตัวดีมาก จานนี้มีให้บร็อคโคลี่มาอีกหลายก้าน เคี้ยวกันเพลิน ๆ สลับกับหอยเชลล์นุ่ม ๆ ได้อย่างลงตัว
สรุป ร้าน The Chinese - ห้องอาหารจีนของโรงแรม Dusit Princess Srinakarin แห่งนี้ก็สมกับเป็นห้องอาหารจีนที่โด่งดังแม้ว่าจะอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีคนเค้านึกถึงกันสักเท่าไรจริง ๆ ล่ะครับ อาหารราคาไม่ค่อยแพง แต่ความอร่อยและการบริการนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าร้านที่แพงกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว ใครกำลังมองหาร้านอาหารจีนที่มีทั้งบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ, ทั้งอาหาร a la carte รวมถึงเป็นอาหารจีนสไตล์เสฉวนที่หากินได้ไม่ค่อยง่ายนักในกรุงเทพ ร้าน เดอะ ไชนีส แห่งนี้ เป็นอะไรที่ใช่เลยล่ะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
เดอะ ไชนีส - ร้านอาหารจีน บุฟเฟ่ต์ ติ่มซำ อาหารทะเล โรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงทเพ รีวิว
Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4.5/5
Service 4.5/5
Value 4.5/5
The Chinese - Chinese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน The Chinese ในรีวิวนี้เป็นร้านที่ผมเคยรู้จักมานานมากแล้ว เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความคุ้มค่าและความอร่อยของติ่มซำบุฟเฟ่ต์ของทางร้าน แต่เนื่องด้วยทำเลของร้านที่ตั้งอยู่ที่โรงแรม Dusit Princess Srinakarin ทำเลที่คงไม่ค่อยจะมีใครนึกถึงเท่าไรถ้าอยากจะกินติ่มซำเหลา ๆ ดี ๆ สักมื้อนึงก็เลยทำให้กว่าผมจะได้มากินก็หลังจากที่รู้จักร้านนี้เอานานมากแล้วนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่ได้มากินเอาป่านนี้ก็เป็นเรื่องดีเพราะว่าทางร้านเพิ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ จากเดิมที่ concept ของร้านจะเป็นอาหารแนว Cantonese เป็นหลังมี Szechuan เล็กน้อย ตอนนี้ทางร้านได้เน้นความเป็นเสฉวนมากขึ้น เพื่อฉีกหนีความซ้ำซากจำเจไม่ให้เหมือนกับร้านอาหารแนวกวางตุ้งที่มีกันอยู่เกลื่อนเมืองในปัจจุบัน
ร้าน The Chinese Restaurant แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น G ของโรงแรม Dusit Princess Srinakarin ตั้งอยู่ติดกับโซนสวนของทางโรงแรมทำให้บรรยากาศของโต๊ะที่นั่งริมหน้าตานี่จะค่อนข้างร่มรื่นย์ ไม่ค่อยเหมือนที่อื่นนักโดยโซนริมกระจกนี้โต๊ะจะเป็นโต๊ะแบบครอบครัวเล็ก ๆ 4 - 6 คนเป็นหลัก ถ้าใครมาเป็นครอบครัวใหญ่ทางร้านก็จะมีโต๊ะด้านในที่คล้าย ๆ กับเป็น function room ที่สามารถปิดเป็นห้องเดี่ยวแต่ละห้องหรือเปิดรวมเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวก็ได้ด้วย บรรยากาศร้านไม่ได้หรูหรามากนักเมื่อเทียบกับห้องอาหารจีนตามโรงแรม 5 ดาวที่ผมเคยไปมาแต่ก็ถือว่าหรูพอแล้วกับอาหารจีนดี ๆ สักมื้อนึง
อาหารของทางร้านนี้ก็จะให้บริการแบ่งเป็น 2 แบบช่วงเที่ยงจะเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ สนนราคา 590 บาทสุทธิ (All you can eat dim sum set @ 590 baht net) โดยตัวติ่มซำนั้นเราจะสามารถสั่งได้ไม่อั้นจาก 18 รายการของทางร้าน และก็จะมีซุป 4 อย่าง, ข้าวและก๋วยเตี๋ยว 4 อย่าง และของหวาน 5 อย่างที่ลูกค้าคนนึงสามารถเลือกมาได้คนละอย่างให้สั่งมากินเพิ่มเติมให้ครบเป็น full course แบบอาหารจีนอย่างงดงามกันได้อย่างลงตัว ส่วนมื้อเย็น (จริง ๆ มื้อเที่ยงด้วยก็ได้) นั้นก็จะเป็นอาหารจีน a la carte สไตล์ Cantonese ที่เน้นความเป็น Szechuan ที่มีรายการให้เลือกทั้งหมด 66 อย่าง (ถือว่าไม่ค่อยเยอะเมื่อเทียบกับที่อื่น แต่ก็อีกนั่นแหละ มีเยอะก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป มีให้เลือกกำลังดีนั้นเหมาะที่สุดล่ะครับ) อาหารแบบ a la carte ของร้าน The Chinese Restaurant แห่งนี้ผมว่าไม่ค่อยแพงนักเมื่อเทียบกับห้องอาหารจีนในโณงแรมอื่น ๆ ราคาอาหารส่วนใหญ่อยู่ที่จานละแค่ 200++ บาทแค่นั้นเอง ลูกค้าทั่วไปมากินกันอิ่ม ๆ ผมว่าเผลอ ๆ 500 บาทก็น่าจะอยู่ได้ง่าย ๆ เลยนะเนี่ยสำหรับร้านนี้
อาหารในมื้อนี้ก็ขอแบ่งเป็น 2 หมวดละกันนะครับ ติ่มซำ และ a la carte จะได้ไม่งงกัน
หมวดติ่มซำ (ราคาในวงเล็บคือราคาแบบถ้าสั่งแยก)
- ขนมผักกาด (Pan fried turnip cake - 80 บาท): เนื้อเละไปหน่อยครับ กินแล้วไม่ค่อยเหมือนกับขนมผักกาดของร้านอื่นสักเท่าไร แต่รสชาติที่ปรุงมานี่ก็ค่อนข้างโอเคเลย ราดซีอิ๊วหวานเพิ่มเติมแล้วกินคำใหญ่ ๆ หน่อยนี่รสชาติลงตัวดีมาก (ขาดแค่แบบมันเละไป ไม่ค่อยให้ feeling ในการเคี้ยวสักเท่าไร)
- ขนมจีบกุ้ง (Steamed shrimp dumpling - 90 บาท): ขนมจีบมาตรฐานโรงแรมครับ เนื้อแน่น โปะมาด้วยไข่กุ้ง กินกันได้เรื่อย ๆ 3-5 เข่งไม่มีเบื่อได้ง่าย ๆ เลย รสชาติประมาณนี้
- สาหร่ายห่อกุ้งน้ำแดง (Steamed seaweed roll with shrimp in brown sauce): จานนี้ถือว่านึ่งมาได้ดีครับ สาหร่ายังคงเป็นแผ่น ยังคงสมบูรณ์ดีอยู่ (บางร้านไม่รู้เหมือนกันนึ่งมายังไงสาหร่ายหลุดไปหมดแล้ว) ตัวเนื้อในก็แบบปั้นมาคำค่อนข้างใหญ่ครับ ใหญ่กว่าสาหร่ายติ่มซำแบบนี้ของหลาย ๆ ร้านเลยทำให้แต่ละคำที่กินนี่เต็มปากเต็มคำมาก ไข่กุ้งที่โรยมาก็ค่อนข้างเยอะช่วยเพิ่มความมันและอร่อยได้เป็นอย่างดี
- ฟองเต้าหู้กุ้งทอด (Deep fried bean curd skin with minced prawn - 90 บาท): จานนี้โดดเด่นที่ตัวไส้ในที่ให้เนื้อกุ้งมาจนฟองเต้าหู้บวมเป่งเลย ตัวฟองเต้าหู้ทอดมากรอบดีมาก ไม่ต้องปรุงรสอะไรมามากนักจิ้มกินกับน้ำจิ้มบ๊วยเจี๋ยก็ฟินกันได้ง่าย ๆ เพราะว่าเนื้อกุ้งบดที่ยัดมาจนบวมนั้นรสชาติดีโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
- ซุปเสฉวนรวมมิตรทะเล (Szechuan hot & sour seafood soup - 190 บาท): ซุปเสฉวนนี่ส่วนใหญ่ที่ผมกินมามักจะเปรี้ยวไปหรือไม่ก็จะจืดไปไม่ค่อยเผ็ดไม่ค่อยแสดงถึงความเป็นเสฉวนสักเท่าไร แต่กับเท่านี้นี่คือลงตัวมาก เปรี้ยว เผ็ด กำลังดีเลย เป็นรสชาติกลมกล่อมตามสไตล์เสฉวนเลยจริง ๆ ถ้วยนี้ขาดแค่เครื่อง พวกเนื้อสัตว์ seafood ที่ให้มาน้อยไปหน่อย แต่ก็นะ อยู่ในชุดบุฟเฟ่ต์ ไม่ใช่แบบ a la carte ได้เท่านี้ก็เยี่ยมล่ะครับ
- ลุกชิ้นกุ้งอัลมอนด์ (Stuffed prawn ball with sliced almond - 120 บาท): เป็นติ่มซำที่แปลกดีครับ ไส้ในจะเป็นลูกชิ้นกุ้งที่อัดเนื้อกุ้งมาเน้น ๆ และก็ทอดมา และก็เคลือบด้วยถั่วอัลมอนด์เพิ่มความกรอบและความมันเพิ่มเติมเข้าไป อร่อยดีครับ
- ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้งทอด (Our signature crispy rice noodle roll with shrimp - 190 บาท): เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ไม่เหมือนใครดี ส่วนใหญ่ที่กินมาไส้ของก๋วยเตี๋ยวหลอดมักจะเป็นแบบนุ่ม ๆ คล้อยตามกันไปกับตัวแป้งที่ห่อมา แต่อันนี้คือไส้ในจะกรอบนิด ๆ แต่ก็ไม่มา และก็อัดแน่นมาด้วยเนื้อกุ้งบดแบบเต็ม ๆ แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดไม่ได้นุ่มมากนัก ไม่แน่ใจว่าทดสอบมาแล้วว่าหนึบ ๆ ประมาณนี้จะดีกว่ารึเปล่า เพราะรู้สึกว่าผิวสัมผัสโดยรวมมันเข้ากันดีเหมือนกันนะครับ
- กรรเชียงปูซอสซีฟู้ด (Clab lag in seafood sauce): เป็นกรรเชียงปูที่นำเนื้อกุ้งบดมาปั้น, มาผสมด้วยจนกลายเป็นกรรเชียงปูชิ้นใหญ่ ๆ และก็ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวเผ็ดกำลังดีลงมาจนท่วม เสิร์ฟพร้อมบร็อคโคลี่ที่เข้ากันดี
A La Carte (Main Course)
- รากบัวเจี๋ยนซอสเทริยากิ (Pan fried lotus root stuffed with prawn paste in teriyaki sauce - 250 บาท): อาหารแบบ a la carte เริ่มต้นด้วยจานที่ไม่เหมือนใครจานนี้ กับการนำรากบัวมาประกบกันเป็นแฮมเบอร์เกอร์โดยมีไส้ในเป็นเนื้อกุ้งบดและทั้งหมดนี้ก็นำไปทอดมาจนกรอบ ๆ กำลังดีและราดซอสเทอริยากิหวาน ๆ มา รสชาติในการกินก็เลยจะออกหวาน ๆ หน่อย ได้ความกรอบจากตัวรากบัว ได้ความนุ่มและเป็นเนื้อจากตัวเนื้อกุ้งบดที่เป็นไส้ใน กินกันเพลินมากครับจานนี้
- บะหมี่เส้นงาดำเป็ดย่าง (Black sesame noodles with roasted duck): เส้นบะหมี่แปลกดี ไม่เหมือนที่ไหนด้วยการนำไปคลุกกับงาดำ ทำให้เส้นบะหมี่ค่อนข้างจะมีรสชาติมีความหอมในตัวมันเอง เนื้อเป็ดทางร้านเลือกเอาส่วนที่เนื้อค่อนข้างนุ่มมา(น่าจะเป็นส่วนสะโพก) ตัวเนื้อนุ่มดีแต่ว่าตัวหนังเป็ดยังไม่ค่อยกรอบสักเท่าไร ขาด feeling ของความเป็นเป็ดย่างไปเล็กน้อย น้ำซุปที่ใหมาซดด้วยก็เป็นน้ำซุปสไตล์ก๋วยเตี๋ยวจีนธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษมากนักครับ
- ปลากะพงน้ำแดง (Steamed sea bass with - 1,200 บาท): ปลากะพงตัวใหญ่มาก นำไปทอดมาจนกรอบกำลังดีและก็ราดมาด้วยซอสน้ำแดงที่จะเป็นอารมณ์ประมาณคล้าย ๆ ซอสมะเขือเทศแบบเจือจาง และก็ผสมซีอิ๊วขาวเล็กน้อย อะไรแบบนั้น ตัวเนื้อปลาสดดีครับ (เห็นทางร้านบอกว่ามีกระชังเลี้ยงอยู่ พอสั่งถึงจะตักขึ้นมาสด ๆ) และก็แบบตัวหนังกรอบดี และด้วยความที่ปลาสดมากเนื้อก็เลยนุ่มเนียนมาก ตัวซอสน้ำแดงผมว่าน่าจะทำรสจัดจ้านมากว่านี้อีกสักนิดนึงน่าจะอร่อยฟินกว่านี้และเข้ากับ concept อาหารสไตล์เสฉวนของทางร้านมากกว่านี้
- เต้าหู้สาหร่ายซอสเต้าซี่ (Beancurd topped with stir-fried seaweed with black pepper sauce): เป็นเมนูที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนเลย เป็นการเอาแผ่นสาหร่ายโปะลงมาบนเต้าหู้ นำไปทอดจนกรอบทั้งเต้าหู้และสาหร่ายและก็ราดซอสเต้าซี่มาจนท่วม รสชาติซอสเต้าซี่ค่อนข้างเบา ๆ นุ่ม ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่ากับพวกราดหน้าปลาเต้าซี่ที่ผมเคย ๆ กินมา แต่ว่าตัวผิวสัมผัสของเต้าหู้ทอดกับสาหร่ายนี่มันเป็นอะไรที่ใช่เลย ลงตัวดีมาก
- หอยเชลล์ราดซอสเอ็กซ์โอ (Scallop in X.O. sauce) - จานนี้เป็นจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เลยล่ะครับ หอยเชลล์ตัวใหญ่มาก (น่าจะเป็น US scallop นะครับตัวถึงใหญ่ขนาดนี้) นุ่มเนียน ไม่หวานมากนักแต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ซอส X.O. ที่ราดมาก็หอมกลิ่นทะเล และเผ็ดนิด ๆ เป็นซอสเอ็กซ์โอที่ค่อนข้างลงตัวดีมาก จานนี้มีให้บร็อคโคลี่มาอีกหลายก้าน เคี้ยวกันเพลิน ๆ สลับกับหอยเชลล์นุ่ม ๆ ได้อย่างลงตัว
สรุป ร้าน The Chinese - ห้องอาหารจีนของโรงแรม Dusit Princess Srinakarin แห่งนี้ก็สมกับเป็นห้องอาหารจีนที่โด่งดังแม้ว่าจะอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีคนเค้านึกถึงกันสักเท่าไรจริง ๆ ล่ะครับ อาหารราคาไม่ค่อยแพง แต่ความอร่อยและการบริการนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าร้านที่แพงกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว ใครกำลังมองหาร้านอาหารจีนที่มีทั้งบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ, ทั้งอาหาร a la carte รวมถึงเป็นอาหารจีนสไตล์เสฉวนที่หากินได้ไม่ค่อยง่ายนักในกรุงเทพ ร้าน เดอะ ไชนีส แห่งนี้ เป็นอะไรที่ใช่เลยล่ะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)