BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Sunday, August 25, 2013

Sushi Hiro - Ramintra 57 Review

Sushi Hiro - Japanese Restaurant and Sushi Bar at Ramintra 57 Review

ซูชิ ฮิโระ ร้านอาหารญี่ปุ่น ซูชิบาร์ ปลาดิบ ซาซิมิ รามอินทรา 57




Overall Score  9.5/10
Taste   5/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   4.5/5

Sushi Hiro - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน Sushi ในกรุงเทพมหานครนั้นแม้ว่าในตอนนี้จะมีผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดมากมายแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะกระจุกตัวกันอยู่ในตัวเมือง หรือกรุงเทพฯ ชั้นในกันแทบทั้งนั้น แต่ถ้ามีร้านซูชิสักร้านนึงที่มาเปิดอยู่ที่ย่านชานเมืองบริเวณปากซอยรามอินทรา 57 และก็ไม่ได้เป็นร้านแฟรนไชส์ หรือเคยมีสาขาที่ไหนมาก่อนแต่อย่างใด แล้วล่ะก็ แสดงว่าทางเจ้าของร้านนั้นคงมีความมั่นใจในตัวอาหาร หรืออาจจะมีใจรักในอาหารมาก หรืออาจจะต้องมีจุดเด่นอะไรสักอย่างนึงที่จะทำให้คนในกรุงเทพฯ ชั้นในถ่อมากิน (หรือจริง ๆ เค้ากะจะเจาะกลุ่มคนที่อยู่แถวรามอินทราอย่างเดียวรึเปล่าก็ไม่รู้นะครับ ฮา) ซึ่งร้านที่ว่านี้ก็คือร้าน Sushi Hiro (ฮิโระแปลว่า Prosperity หรือความเจริญรุ่งเรือง) นั่นเอง

ร้าน Sushi Hiro แห่งนี้ตั้งอยู่ปากซอยรามอินทรา 57 และเป็นหนึ่งในเวิ้งร้านอาหารญี่ปุ่น 3 ร้าน ที่มีร้านเนื้อย่าง Niku King และร้าน Izakaya นามว่า Tetsuya มาประกอบกันเป็นหมู่บ้านอาหารญี่ปุ่นย่อม ๆ ในย่านรามอินทราแห่งนี้เลย (ร้าน Niku King และ Tetsuya เราจะมาเจาะลึกกันในรีวิวลำดับถัด ๆ ไปนะครับ) ร้าน Sushi Hiro แห่งนี้เนื่องจากเป็นการต่อเติมจากร้าน Niku King ก็เลยทำให้พื้นที่ร้านมีไม่ค่อยเยอะนัก แต่ถ้าถามว่าใหญ่เพียงพอมั้ยผมว่าก็ใหญ่อยู่นะ ใหญ่กว่าร้าน Sushi Bar ในกรุงเทพชั้นในหลาย ๆ ร้านด้วยซ้ำ บรรยากาศร้านนั้นจะแบ่งเป็น 2 zone คือโซน al fresco dining ด้านนอกที่จะเป็นโต๊ะคล้าย ๆ โต๊ะโรงอาหาร และปกคลุมไปด้วยกำแพงไม้ไผ่ และบ่อปลา ให้บรรยากาศที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และทำให้ความคิดที่ว่า Sushi ต้องกินในห้องแอร์อย่างเดียวเป็นอันตกไปได้ เพราะว่าทางร้านบอกว่ามีลูกค้ามานั่งกินด้านนอกนี่กันเยอะพอตัวเลย แต่ยังไงก็ตาม ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกด้านในที่เป็น Counter Sushi Bar ขนาดกำลังดี ประมาณ 12 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งอีก 4 โต๊ะอยู่ดี บรรยากาศด้านในก็จะคล้าย ๆ ด้านนอกเล็กน้อยครับ เน้นการตกแต่งด้วยไม้และประติมากรรมจากญี่ปุ่น ทั้งมีดซูชิ ตัวตุ๊กตาล้มลุก และอื่น ๆ








อาหารของทางร้าน Sushi Hiro นั้นก็ไม่ได้หนีจากร้านอาหารญี่ปุ่นแนว Sushi Bar อื่น ๆ สักเท่าไรนัก อาหารหลักจะเป็นพวกอาหารจากครัวเย็นหรือจาก Sushi Bar ทั้งหลายแหล่ Sushi, Sashimi, Roll, Chirashi Sushi (Donburi) นั้นมีครบหมด และก็มีเมนูจากครัวร้อนด้วยอีกนิดหน่อย อาหารของทางร้านนี้เท่าที่สังเกตคือจะเป็นลูกผสมระหว่าง traditional กับ contemporary (fusion) คือพวก sushi, sashimi แบบดั้งเดิม ที่ไม่ได้มีการดัดแปลงหน้านั้นก็มีให้เลือกสั่งเคียงคู่กันไปกับ sushi สมัยใหม่ที่มีการผสมหน้าหลาย ๆ อย่างเข้าไปในแต่ละคำ อาหารของร้านนี้อาจจะดูว่าแพง คือราคาเท่า ๆ กับร้านในเมืองเลย แต่ว่าราคาที่เขียนในเมนูนั้นเป็นราคา net แล้ว และทางร้านก็มีโปรโมชั่นต่าง ๆ มากมายมาช่วยเพิ่มความคุ้มเช่น จ่ายเงินสดลด 20% จ่ายบัตรเครดิตลด 10% และก็มี menu กุ้งมังกรจากแคนาดาที่คิดแค่ตัวละ 700 บาทแค่นั้น (ร้านอื่นนี่ขายกัน 3000 บาทได้ครับ ทางร้านบอกว่าเจ้ากุ้งมังกรนี่เป็นเมนูฮอตฮิตเลย)
อาหารของทางร้านก็มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะสักเท่าไร ส่วนนึงอาจจะเพราะร้านเล็ก และก็ไม่ได้เน้นครัวร้อนอะไรมากมายด้วย อ้อ เชฟหลักของทางร้านนั้นเคยประจำอยู่ที่ร้าน Maru Kaiseki มาเป็น 10 ปีนะครับ รับประกันความสามารถได้พอสมควรเลย

อาหารก็มาไล่เรียงกันไปเลยดีกว่า

Spicy Maguro Roll (450 บาท) : Roll ที่ทางร้านบอกว่าลูกค้านิยมสั่งกันมากเนื่องจากว่ารสชาติถูกปากคนไทย ซึ่งจากที่ได้กินรสชาตินั้นจะเผ็ด ๆ หน่อย และก็ได้ความมันจากตัวไข่ปลา ซึ่งทางร้านจะใช้เป็น Tobiko ล้วน ๆ และได้ความนุ่มจาก avocado ที่สอดไส้อยู่ ส่วนความเผ็ดนั้นได้จากตัวซอสที่ราดมาค่อนข้างได้สัดส่วนเหมาะสม ตัวข้าวของ roll นี้ปั้นมาค่อนข้างแข็งไปนิดครับ แอบรู้สึกว่าถ้าข้าวไม่อัดกันเป็นก้อนกว่านี้น่าจะอร่อยกว่านี้อีกเหมือนกันนะเนี่ย








Kisetsu Set + Chawan + Miso (450 บาท) : เป็น set สุดคุ้มของทางร้านที่ตัว Sushi นั้นจะให้มาทั้งหมด 7 คำ + 3 Roll ประกอบด้วย Shima Aji , Salmon , Kohada, Hotate, Tamago, Ebi, Maguro และ Salmon maki ครับ ตัวหน้าซูชิอาจจะไม่ได้เป็นหน้า premium อะไรมากทุกอย่างจัดว่าเป็นซูชิราคาประหยัดหมด (ก็เลยทำให้ราคาเมนูนี้ไม่ค่อยแพง) แต่จะหน้าประหยัดหรือไม่ประหยัดก็ไม่เกี่ยวครับ ถ้าปั้นซูชิมาขนาดพอดีคำ ข้าวกับปลาได้สัดส่วน , เนื้อปลาสดหมดทุกอย่าง แบบเห็นหน้าตาก็รู้แล้วว่าต้องอร่อย (ซึ่งกินแล้วก็อร่อยจริง) และปั้นซูชิมาดีมาก ส่วนซุปมิโซะก็รสชาติดีครับ รสชาติแบบพบเจอได้แต่เฉพาะในร้าน Premium ทั้งหลายแหล่ ส่วนไข่ตุ๋นนั้น แอบไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก รสชาติมาตรฐานทั่วไป

Unagi (Fresh Water Eel - 100 บาท) : ปลาไหลน้ำจืดอร่อยครับ เนื้อและข้าวจะแน่น ๆ หน่อย (ไม่แน่ใจว่าร้าน Sushi Hiro นี่เน้นความแน่นของ Sushi รึเปล่า ซึ่งก็ให้ texture ที่แตกต่างจากหลาย ๆ ร้านที่เคยกินมาครับ แต่ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะครับ อร่อยดีมาก ซอสรสชาติหวานกำลังดี ลงตัว








Salmon Foie Gras Roll (650 บาท) : Roll อันนี้มีแต่ความนุ่มและนุ่มครับ ความนุ่มอย่างแรกเกิดจากตัว Salmon ที่เอาไป aburi หรือไป sear มาเลยทำให้มันนุ่มกว่าเนื้อแซลมอนดิบ ๆ อยู่แล้ว (กินแล้วแทบจะละลายในปาก) ความนุ่มอย่างที่สองและ 3 ก็เกิดจากตัว avocado และตัวตับห่าน และข้าวของ roll นี้ก็ปั้นแตกต่างจากจานแรกครับข้าวไม่ได้อัดแน่นมาก อาจจะต้องการเพิ่มความนุ่มขึ้นไปอีก จานนี้ผมก็เลยอยากจะเปลี่ยนชื่อเป็น Super tender salmon foie gras roll ให้จริง ๆ

Salmon Tartare (480 บาท) : เมนูสุดแนวที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน (ไม่เคยแม้แต่จะเจออะไรที่คล้ายคลึงด้วยครับ) เป็นการนำแซลมอนไปสับจนละเอียดและก็ปรุงรสมานิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นรสเผ็ดนะครับ จะเป็นแนวผสมกับโชยุมากกว่า และก็เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ปลาแซลมอนปริมาณมาก และสาหร่าย Nori ทอดกรอบเป็นเทมปุระ เวลากินนั้นเราก็สามารถเอาเนื้อปลาแซลมอนบด + ไข่ปลาแซลมอนวางโปะลงบนสาหร่ายแล้วกินก็ได้ หรือจะกินตัวเนื้อกับไข่ปลาก็ดี ซึ่งผมแนะนำให้กินแบบแรกครับ เพราะมันได้สัมผัสที่ซับซ้อนดี ได้ทั้งความกรอบ ความเหนียว ความนุ่ม ระคนกันไปหมด อร่อยดีทีเดียว









Amaebi + Foie Gras (150 บาท) : ปิดท้ายกันด้วย Sushi แนวใหม่ ก็เป็นการนำกุ้งหวาน size มาตรฐานมาโปะด้วย foie gras ที่ sear มาแต่พอสุกนิดหน่อย (คือความสุกสมบูรณ์แบบสำหรับตับห่านน่ะครับ) ตัวกุ้งสดมากกินแล้วใช่เลย เนื้อหวาน นุ่ม อร่อย และได้ความมันความนุ่มเพิ่มเติมจากตับห่านอีก ปิดท้ายได้อย่างฟิน ๆ ดีครับคำนี้

สรุป ร้าน Sushi Hiro นี่พอกินจนจบมื้อก็ถึงเข้าใจครับว่าทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยเปิดร้านแนว Sushi Bar นี้ในย่านรามอินทราแบบนี้ ตัววัตถุดิบสดและหลากหลาย , เชฟมากประสบการณ์และทำอาหารรวดเร็วดี, พนักงานของทางร้านก็ถูกเทรนมาดีมาก, รสชาติอาหารแต่ละจานพิถีพิถันอร่อยดี และเมื่อบวกรวมทั้งหมดนี้เข้าไปกับราคาที่ถ้าเอาจริง ๆ หน้าเมนูอาจจะเท่ากับร้านในเมือง แต่ถ้าตัด vat + service charge ออก 17% บวกกับส่วนลดเงินสดอีก 20% ก็เหมือนกับว่าราคาของร้านนี้ถูกกว่าร้านในเมืองไป 30-40% โดยปริยาย นี่ก็เป็นข้อดีอย่างนึงของการที่เราไม่ต้องช่วยเจ้าของร้านจ่ายค่าที่แพง ๆ ในย่านกลางเมืองล่ะครับ ใครสนใจแวะกันไปได้เลย ร้านเปิดทั้งวัน 11.00 - 22.00 ทุกวัน

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...