Basta - Italian Restaurant at Iowa City, Iowa
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3.5/5
หลังจากตะเลิดไป fail มาที่เมืองอื่น 2 ร้าน คราวนี้กลับมากันที่เมืองหลักของผม Iowa City กันต่อ กับร้านที่มีนามว่า Basta ร้าน Basta ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลียนระดับหรูหรา (ตามประสา Iowa City) ประจำเมือง ซึ่งเท่าที่แฟนผมบอกผมก็จะมีอยู่ 2 ร้านคือร้าน Baroncini ที่ผมมากินตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเมืองนี้กับร้าน Basta แห่งนี้นี่แหละ คำว่า Basta นั้นแปลว่าเพียงพอแล้ว หรือแบบ ได้แล้ว พอล่ะ พร้อมเสิร์ฟแล้ว อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็เป็นคำที่เชฟใช้เวลาปรุงอาหารพร้อมเสิร์ฟแล้วจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน ร้านนี้ก็ตั้งอยู่ใน Downtown ของเมือง ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วรีวิวสัญจรของผมแทบทุกร้านที่รีวิวก็อยู่ใน downtown ของเมืองแทบจะทั้งหมด คือ หลาย ๆ ท่านที่เคยอยู่เมืองนอกจะทราบดีว่าที่เมืองนอก ไม่ว่าจะเมืองกะโหลกกะลาขนาดไหนเค้าก็จะมีการวางผังเมือง, จัด zoning กันทั้งนั้นว่าตรงไหนควรจะเป็น park, recreational zone, residential zone, industrial zone หรือ commercial zone แต่บ้านเรานี่แบบกูอยากจะสร้างอะไรตรงไหนก็สร้าง เมืองกรุงของเรามันเลยเละตุ้มเป๊ะอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือไม่ต้องไปไหนไกลเลยครับ บริเวณรามคำแหงบ้านผม ในซอยผมมีโรงงานสีขนาดใหญ่อยู่โรง, ปากซอยมีห้างกระจัดกระจายอยู่ 4 ห้าง, มีสนามฟุตซอลกระจัดกระจายกันอยู่ในซอยและริมถนน และมีรถเข็นแผงลอยอยู่เต็มสองข้างถนน เยี่ยมไปเลยจอร์จ
อาหารของทางร้าน Basta นี้เค้าจะนิยามตัวเองว่าเป็น Modern Italian Cuisine ซึ่งก็เป็นอะไรที่ผมจะ prefer มากกว่าตัว traditional cuisine อยู่แล้ว ส่วนหนึ่งเพราะอาหารอิตาเลียนเวลาจัดจานออกมาดี ๆ มันจะสวยงาม สีสันฉูดฉาดจากวัตถุดิบอันหลากหลายบนจาน และความหลากหลายของวัตถุดิบที่ทำให้เล่นอะไรได้เยอะ ต่างกับแบบ traditional Italian ที่จะมากันแบบวางอะไรต่อมิอะไรเละ ๆ มาบนจานซึ่งโอเค กิน ๆ ไปรสชาติอาจไม่ต่างกันมาก แต่ first impression มันก็ต่างกันเยอะนะครับว่ามั้ย อาหารของร้าน Basta นี่ก็เรียกได้ว่ามีครบครันทุกหมวดหมู่ มีแม้กระทั่ง Pizza (ในร้านมีเตาอบพิซซ่าขนาดใหญ่อยู่ในร้าน) อาหารที่หลัง ๆ ร้าน Italian เปิดใหม่ในบ้านเราไม่ค่อยจะมีเสิร์ฟให้ลูกค้ากันแล้ว
มื้อนี้เปิดประเดิมด้วย.. Olive! (4$) หรือ มะกอกดองรวมมิตรสไตล์อิตาเลียนนั่นเอง คือผมไม่ได้คิดจะกินหรือจะสั่งหรอกครับ แต่แฟนผมคุณเธอชอบมาก มะกอกดองเนี่ย เห็นมีในเมนูก็เลยจัดซะ ซึ่งแบบถ้วยที่ยกมาให้ก็ค่อนข้างอลังการนะครับ 120 บาท แต่แบบได้มะกอกหลากสี หลายสิบลูกเยอะขนาดนี้ คุณเธอกินเพลินเลยล่ะครับ ส่วนอย่างที่ 2 นั้นเป็น Salsiccia Pizza - Basta Italian sausage, San Marzano tomatoes, mozzarella, basil 12.99$ พิซซ่าที่มองผ่าน ๆ อาจจะนึกว่าเป็นกระเพราหมูสับใส่เต้าหู้ แต่จริง ๆ มันคืออะไรที่ Italian กว่านั้น คือวัตถุดิบหลัก 3 อย่างเป็นอิตาเลียนจ๋าหมดเลย (ตามคำต่อท้ายข้างบน) พิซซ่านี่อร่อยมากครับ แฟนผมบอกเป็นหน้าโปรดของคุณเธอ มาทีไรก็จะสั่งมาแชร์กับเพื่อน ๆ ทุกที คือจะว่าไปแล้ว ไม่ใช่แค่หน้าตาที่เหมือนผัดกระเพราครับ กินแต่ละคำแล้วมันให้ความรู้สึกเหมือนกิน ผัดกระเพราจริง ๆ! มันจะเผ็ด ๆ มัน ๆ หอม ๆ ใบ basil แล้วก็มีชีสมาผสานรสชาติของทุกอย่างให้ลงตัวกัน โอยชอบกัน ตัวแป้งพิซซ่าก็อบมาดี สมกับที่มีเตาอบยักษ์อยู่ในร้าน
อาหารอย่างที่ 3 เป็น Colorado Lamb 29$ คือผมก็ไม่รู้หรอกว่า Colorado Lamb มันคือแกะพันธุ์พิเศษอะไรรึเปล่า แต่พอเห็นอะไรที่มันเป็น local ๆ ท้องถิ่น ๆ หากินได้แต่ที่อเมริกามันก็อยากจะสั่งอยู่ร่ำไป ตัว lamp chop นั้นผมสั่งไปแบบ Medium Rare แต่เหตุไฉนตอนที่ได้มาเหมือนมันจะ rare ก็ไม่ทราบ เนื้อมาสีแดงฉาน และเนื้อยังเหนียวมาก ไร้ความสุขโดยสิ้นเชิง ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้าเป็นฝรั่ง ก็คงเรียกเด็กเสิร์ฟมาให้เอาอาหารไปทำใหม่ แต่ผมมันก็ติดนิสัยคนไทย ได้มาอย่างไรก็ทนฝืนกล้ำกลืนกินไปแบบนั้น ซึ่งมาคิดดูทีหลังก็เสียดายครับ เพราะอาหารจานนี้ หน้าตางดงาม ผักหวาน สด อร่อย ไม่ว่าจะ zucchini, baby carrot หรือ มันฝรั่ง ตัวเนื้อแกะก็มาแบบติดมัน ๆ น่าจะเป็นเนื้อแกะที่มันเยอะที่สุดที่เคยกินมาก็ว่าได้ แต่ก็ตามที่พิมพ์ไปข้างต้นครับ เนื้อมันดิบไปหน่อย ความอร่อยเลยลดลงไปพอสมควร -_-'
ส่วนอาหารจานสุดท้ายเป็น Eggplant Parmesan Crispy breaded eggplant, melted mozzarella, Calabrian chile tomato sauce, house-made spaghetti, Parmesan cheese 14.99 จานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่อร่อยดีครับ เป็นพาสต้าที่มาแบบ ชีสเยิ้ม ๆ ทุกอย่างมัน ๆ เละ ๆ ไปทั้งจาน เป็นอาหารที่แบบกินไปคำแรกก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่มันคืออาหารแบบโคตรจะอิตาเลียน เป็นพาสต้าที่ดีครับ มาแบบร้อน ๆ , มะเขือม่วงก็กรอบนอกนุ่มใน และเสริมความอร่อยด้วย mozzarella ที่มันหลอมละลายเคลือบมา และมีรสเผ็ด ๆ จากพริกอะไรสักอย่างในจานด้วย จานนี้รสชาติล้ำลึกแบบอิตาเลียนดีแท้ครับ
มื้อนี้อาจจะดูเหมือนว่าสั่งไม่เห็นจะเยอะเลย 3 อย่างกับ 1 อย่างกินเล่น แต่เปล่าครับ โค ตะ ระ อิ่มเลยครับ คือปริมาณอาหารแต่ละอย่างนี่เยอะมาก ๆ เยอะกว่าร้านอิตาเลียนที่ไทยสัก 50% ได้ครับ มื้อนี้ค่าเสียหายไม่ค่อยแพง 80$ หรือประมาณเกือบ ๆ 3,000 บาทพอรวมทิป ราคาก็พอ ๆ กับร้านอิตาเลียนดี ๆ บ้านเราว่ามั้ยครับสำหรับร้าน Basta ณ Iowa City ร้านนี้ อ่ะสมมติตีเป็นราคามาตรฐานบ้านเราตัวมะกอกสัก 200 บาท, พิซซ่าสัก 350 บาท, Lamb Chop สัก 1,000 บาท , พาสต้าสัก 350 บาท, เบียร์อีก 400 บาท รวมกันทั้งหมดก็ 2,300 บาทพอดี บวก vat + service ก็ประมาณ 2,600 บาท ก็เท่า ๆ กันเลย กับค่าแรงขั้นต่ำที่ต่างกันร่วม ๆ 8 เท่า (ที่นี่ค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 10$ ล่ะครับวันนึงทำงาน 8 ชั่วโมง) ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ร้านอิตาเลียนบ้านเราขายแพง หรือว่าร้านอิตาเลียนที่ Iowa ขายถูก ผมรู้ว่าทุกท่านคิดว่าแบบไหน หึหึ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Friday, November 30, 2012
Drover Restaurant Omaha Review
Drover Restaurant & Lounge - Omaha, Nebraska Review
Overall Score 5/10
Taste 3/5
Ambiance 3/5
Service 1/5
Value 2/5
หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ที่ดีจาก Steak ไม่ว่าจะจาก Steakhouse หรือไม่ steakhouse ที่อเมริกามาหลายมื้อติด พอดีมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ Omaha มาผมก็เลยเล็ง ๆ ร้าน steak เอาไว้อีก 1 ร้านกับร้านที่มีนามว่า The Drover ร้านนี้ก็ตั้งอยู่ที่ไหนไม่รู้ของเมือง Omaha คือผมก็ขับ ๆ ตาม GPS ไปมันก็ถึงครับ ร้านนี้คะแนนรีวิวแบ่งออกเป็น 2 กระแสใน Yelp ดูคะแนนดีมาก แต่ใน Zagat และ Urbanspoon ดูคะแนนไม่ค่อยสูงเท่าไรแต่แบบหลังจากที่ดูรายการอาหารบนหน้าเว็บแล้วไปสะดุดกับรายการนึงที่มีนามว่า Berkshire Pork Chops ผมก็เลยตัดสินใจลากแฟนผมมากินร้านนี้ในทันที
คือที่สะดุดใจกับคำว่า Berkshire ก็เนื่องจากใครที่เล่นหุ้น ก็น่าจะรู้จักปู่อรหันต์แห่งหุ้นนามว่า Warren Buffet กัน ตัว Holding Company (บริษัทที่ไปถือหุ้นบริษัทอื่น ลงทุนผ่านบริษัทอื่น) ของปู่แกนั้นมีนามว่า Berkshire Hathaway ซึ่งปู่แกเป็นประมาณ Idol ของผมครับ ไม่ได้เข้าประชุมหุ้นกับปู่แกขอได้กิน Pork Chop ที่มีคำว่า Berkshire โพะอยู่ก็ยังดี (เกี่ยวมั้ย?) หลังจากที่ทำการค้นข้อมูลคำว่า Berkshire Pork ก็ได้ความว่ามันคือหมูพันธุ์เดียวกันกับหมูดำญี่ปุ่นหรือคุโรบูตะ ที่แบบเป็นหมูที่มีมันมาก ๆ นั่นเอง พอ 2 องค์ประกอบนี่รวมเข้าด้วยกันก็เลยตัดสินใจไปกินครับ
ร้าน The Drover นี่แบบเข้าไปในร้านแล้วมันให้ความเป็นอเมริกันจ๋ามากครับ ไม่ว่าจะตัวร้านที่ตกแต่งสไตล์ cowboy ๆ , pub อเมริกัน , ลูกค้าที่นั่งกันอยู่เต็มร้านและเป็นคนอเมริกันแทบจะทั้งหมด ซึ่งกำลังเชียร์ฟุตบอลกันอยู่ (ทีมฟุตบอลมหาลัยนามว่า Nebraska เป็นทีมเก่งในยุคนี้ครับ) คือแบบบรรยากาศร้านนี้ผ่านเลย ส่วนตัวอาหารนั้นร้านนี้ดูจะเน้นพวกเนื้อ ๆ ครับ มีสเต็กให้เลือกหลากหลายแบบ , เบอร์เกอร์ก็มีให้เลือก หรือถ้าใครอยากจะสั่งอะไรพวกกับแกล้มก็มีเช่นกัน ร้านนี้ถ้าเอาจริง ๆ อาจจะเป็นประหนึ่งร้าน Hangout ร้านเหล้าของคน Omaha ก็ว่าได้ แค่ว่าตัวกับแกล้มเค้ามันอลังการ, ให้เยอะกว่าบ้านเราก็แค่นั้น
แม้ว่ารายการอาหารจะน่าสนใจ, บรรยากาศร้านจะดี แต่องค์ประกอบที่เหลือแย่หมดเลยครับกับร้านนี้ ไม่ว่าจะตัวการบริการและรสชาติอาหาร การบริการของร้านนี้มันแบบทุเรศมากครับ รออาหารนานมาก ๆ , ออเดอร์ก็ไม่ยอมมารับ, ส้อมมีดก็ไม่เอามาให้ต้องตามอยู่หลายรอบ, สั่งเบียร์ก็ต้องสั่ง 2 รอบกว่าจะได้ อะไรก็ไม่รู้ครับร้านนี้ ส่วนเรื่องอาหาร มื้อนี้สั่งไป 2 อย่าง ผมกับแฟนคนละจาน แน่นอนจานหลักของผมเกริ่นมาขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องเป็น Berkshire Pork Chops 36.95$ คือบอกตรง ๆ ว่าเห็นราคาแล้วแอบช็อคครับ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งไปกิน Pork Chops ที่ร้าน Blackstone, Iowa City มาราคาแค่ 19$ แต่นี่แพงกว่ากันเกือบ 2 เท่า อืม แต่ก็ไม่ไรครับ เพราะว่าทางร้านให้ pork chops มา 2 ชิ้นเลย แต่สิ่งที่เซ็งนั้นคือตัวรสชาติครับ คือแบบมันไม่อร่อยอย่างที่คาดไว้ หรือพูดอีกนัยนึงคือ มันธรรมดามากกกก คือแบบรสชาติเหมือน pork chop เกรดกลาง ๆ ที่หากินได้ในบ้านเราทั่วไปอ่ะครับ ไม่มีความฉ่ำ, ไม่มีความมัน ความนุ่มของเนื้อ รสชาติที่ผิวก็แบบไร้รสชาติมาจืด ๆ เลย คือเทียบไม่ได้กับ pork chop ของร้าน Blackstone เลย
ส่วนอาหารของแฟนผมเป็น Roast Pepper Chicken Breast 19.95$ เป็นไก่ที่แบบไปย่าง ๆ กับพริกไทยมาและใส่พริกไทยมาค่อนข้างเยอะครับ เป็นไก่ทีรสชาติดีนะ กัดไปแต่ละคำนี่เผ็ดพริกไทยดี แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้อร่อยมากอยู่ดี มีหลาย ๆ ร้านที่ทำเสต็กไก่ได้ดีกว่าร้าน The Drover นี่ครับ อ้ออีกเรื่องคือตัว side dish, garnish ของทั้ง 2 จานในมื้อนี้มันแบบ.. ไร้ศิลปะมาก ๆ ครับวาง ๆ chips กับพริกหยวกมาลวก ๆ ไม่มีการแต่งจาน ไม่มีอะไรเลย ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเพราะตัวเตาย่างนั้นผมเห็นเป็นคนเม็กซิกันที่ดูกักขฬะทำกันอยู่ 2 คน อาหารมันก็เลยรสชาติ, หน้าตาออกมาแบบนี้ล่ะมั้งครับ เฮ้อ
สรุปร้าน The Drover นี่ผมไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ ผมนี่รู้สึกหลงผิดมากที่หลุดเข้าไปกิน พอกินร้านนี้เสร็จไป check-in ที่โรงแรม หยิบ ๆ guidebook มาอ่าน มีหลายร้าน steakhouse ที่ผมเล็ง ๆ ไว้จากเน็ท และเป็นร้านที่ทางไกด์บุ๊คแนะนำเอาไว้ว่าเป็นสุดยอดร้านที่ต้องไปประจำเมือง Omaha นี้ สรุปก็คือ.. ผมเลือกผิด ซวยไปครับ T_T
อ้อ มีอีกเรื่องนึงเพิ่งนึกได้ พอผมสั่ง Pork Chop ไปเด็กเสิร์ฟก็ถามผมว่าอยากได้ความสุขแบบไหน! งงเลยครับ ฮ่า ๆ
อ้อ มีอีกเรื่องนึงเพิ่งนึกได้ พอผมสั่ง Pork Chop ไปเด็กเสิร์ฟก็ถามผมว่าอยากได้ความสุขแบบไหน! งงเลยครับ ฮ่า ๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score 5/10
Taste 3/5
Ambiance 3/5
Service 1/5
Value 2/5
หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ที่ดีจาก Steak ไม่ว่าจะจาก Steakhouse หรือไม่ steakhouse ที่อเมริกามาหลายมื้อติด พอดีมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ Omaha มาผมก็เลยเล็ง ๆ ร้าน steak เอาไว้อีก 1 ร้านกับร้านที่มีนามว่า The Drover ร้านนี้ก็ตั้งอยู่ที่ไหนไม่รู้ของเมือง Omaha คือผมก็ขับ ๆ ตาม GPS ไปมันก็ถึงครับ ร้านนี้คะแนนรีวิวแบ่งออกเป็น 2 กระแสใน Yelp ดูคะแนนดีมาก แต่ใน Zagat และ Urbanspoon ดูคะแนนไม่ค่อยสูงเท่าไรแต่แบบหลังจากที่ดูรายการอาหารบนหน้าเว็บแล้วไปสะดุดกับรายการนึงที่มีนามว่า Berkshire Pork Chops ผมก็เลยตัดสินใจลากแฟนผมมากินร้านนี้ในทันที
คือที่สะดุดใจกับคำว่า Berkshire ก็เนื่องจากใครที่เล่นหุ้น ก็น่าจะรู้จักปู่อรหันต์แห่งหุ้นนามว่า Warren Buffet กัน ตัว Holding Company (บริษัทที่ไปถือหุ้นบริษัทอื่น ลงทุนผ่านบริษัทอื่น) ของปู่แกนั้นมีนามว่า Berkshire Hathaway ซึ่งปู่แกเป็นประมาณ Idol ของผมครับ ไม่ได้เข้าประชุมหุ้นกับปู่แกขอได้กิน Pork Chop ที่มีคำว่า Berkshire โพะอยู่ก็ยังดี (เกี่ยวมั้ย?) หลังจากที่ทำการค้นข้อมูลคำว่า Berkshire Pork ก็ได้ความว่ามันคือหมูพันธุ์เดียวกันกับหมูดำญี่ปุ่นหรือคุโรบูตะ ที่แบบเป็นหมูที่มีมันมาก ๆ นั่นเอง พอ 2 องค์ประกอบนี่รวมเข้าด้วยกันก็เลยตัดสินใจไปกินครับ
ร้าน The Drover นี่แบบเข้าไปในร้านแล้วมันให้ความเป็นอเมริกันจ๋ามากครับ ไม่ว่าจะตัวร้านที่ตกแต่งสไตล์ cowboy ๆ , pub อเมริกัน , ลูกค้าที่นั่งกันอยู่เต็มร้านและเป็นคนอเมริกันแทบจะทั้งหมด ซึ่งกำลังเชียร์ฟุตบอลกันอยู่ (ทีมฟุตบอลมหาลัยนามว่า Nebraska เป็นทีมเก่งในยุคนี้ครับ) คือแบบบรรยากาศร้านนี้ผ่านเลย ส่วนตัวอาหารนั้นร้านนี้ดูจะเน้นพวกเนื้อ ๆ ครับ มีสเต็กให้เลือกหลากหลายแบบ , เบอร์เกอร์ก็มีให้เลือก หรือถ้าใครอยากจะสั่งอะไรพวกกับแกล้มก็มีเช่นกัน ร้านนี้ถ้าเอาจริง ๆ อาจจะเป็นประหนึ่งร้าน Hangout ร้านเหล้าของคน Omaha ก็ว่าได้ แค่ว่าตัวกับแกล้มเค้ามันอลังการ, ให้เยอะกว่าบ้านเราก็แค่นั้น
แม้ว่ารายการอาหารจะน่าสนใจ, บรรยากาศร้านจะดี แต่องค์ประกอบที่เหลือแย่หมดเลยครับกับร้านนี้ ไม่ว่าจะตัวการบริการและรสชาติอาหาร การบริการของร้านนี้มันแบบทุเรศมากครับ รออาหารนานมาก ๆ , ออเดอร์ก็ไม่ยอมมารับ, ส้อมมีดก็ไม่เอามาให้ต้องตามอยู่หลายรอบ, สั่งเบียร์ก็ต้องสั่ง 2 รอบกว่าจะได้ อะไรก็ไม่รู้ครับร้านนี้ ส่วนเรื่องอาหาร มื้อนี้สั่งไป 2 อย่าง ผมกับแฟนคนละจาน แน่นอนจานหลักของผมเกริ่นมาขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องเป็น Berkshire Pork Chops 36.95$ คือบอกตรง ๆ ว่าเห็นราคาแล้วแอบช็อคครับ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งไปกิน Pork Chops ที่ร้าน Blackstone, Iowa City มาราคาแค่ 19$ แต่นี่แพงกว่ากันเกือบ 2 เท่า อืม แต่ก็ไม่ไรครับ เพราะว่าทางร้านให้ pork chops มา 2 ชิ้นเลย แต่สิ่งที่เซ็งนั้นคือตัวรสชาติครับ คือแบบมันไม่อร่อยอย่างที่คาดไว้ หรือพูดอีกนัยนึงคือ มันธรรมดามากกกก คือแบบรสชาติเหมือน pork chop เกรดกลาง ๆ ที่หากินได้ในบ้านเราทั่วไปอ่ะครับ ไม่มีความฉ่ำ, ไม่มีความมัน ความนุ่มของเนื้อ รสชาติที่ผิวก็แบบไร้รสชาติมาจืด ๆ เลย คือเทียบไม่ได้กับ pork chop ของร้าน Blackstone เลย
ส่วนอาหารของแฟนผมเป็น Roast Pepper Chicken Breast 19.95$ เป็นไก่ที่แบบไปย่าง ๆ กับพริกไทยมาและใส่พริกไทยมาค่อนข้างเยอะครับ เป็นไก่ทีรสชาติดีนะ กัดไปแต่ละคำนี่เผ็ดพริกไทยดี แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้อร่อยมากอยู่ดี มีหลาย ๆ ร้านที่ทำเสต็กไก่ได้ดีกว่าร้าน The Drover นี่ครับ อ้ออีกเรื่องคือตัว side dish, garnish ของทั้ง 2 จานในมื้อนี้มันแบบ.. ไร้ศิลปะมาก ๆ ครับวาง ๆ chips กับพริกหยวกมาลวก ๆ ไม่มีการแต่งจาน ไม่มีอะไรเลย ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเพราะตัวเตาย่างนั้นผมเห็นเป็นคนเม็กซิกันที่ดูกักขฬะทำกันอยู่ 2 คน อาหารมันก็เลยรสชาติ, หน้าตาออกมาแบบนี้ล่ะมั้งครับ เฮ้อ
สรุปร้าน The Drover นี่ผมไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ ผมนี่รู้สึกหลงผิดมากที่หลุดเข้าไปกิน พอกินร้านนี้เสร็จไป check-in ที่โรงแรม หยิบ ๆ guidebook มาอ่าน มีหลายร้าน steakhouse ที่ผมเล็ง ๆ ไว้จากเน็ท และเป็นร้านที่ทางไกด์บุ๊คแนะนำเอาไว้ว่าเป็นสุดยอดร้านที่ต้องไปประจำเมือง Omaha นี้ สรุปก็คือ.. ผมเลือกผิด ซวยไปครับ T_T
อ้อ มีอีกเรื่องนึงเพิ่งนึกได้ พอผมสั่ง Pork Chop ไปเด็กเสิร์ฟก็ถามผมว่าอยากได้ความสุขแบบไหน! งงเลยครับ ฮ่า ๆ
อ้อ มีอีกเรื่องนึงเพิ่งนึกได้ พอผมสั่ง Pork Chop ไปเด็กเสิร์ฟก็ถามผมว่าอยากได้ความสุขแบบไหน! งงเลยครับ ฮ่า ๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Thursday, November 29, 2012
La Mie Bakery - Des Moines, Iowa Review
La Mie Bakery - Des Moines, Iowa Review
Overall Score 6/10
Taste 2.5/5 (4 for dessert)
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 4/5
ร้าน La Mie Bakery ซึ่งไม่รู้ว่าเวลาอ่านออกเสียงจะอ่านว่า ลาเมีย หรือ ลาแมร์ เบเกอรี่ แห่งนี้ ก็เป็นร้านที่เราย้ายฐานการผลิตรีวิวจาก Iowa City มายังเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ Iowa นามว่า Des Moines กันครับ ร้านเป็นร้านที่อยู่ในระหว่างทางการเดินทางไป Omaha, Nebraska ของผม สาเหตุที่เลือกร้านนี้ก็เพราะว่าร้านได้คะแนนรีวิวสูงมาก และแบบอยู่ใกล้ ๆ Interstate พอดีเดินทางไปได้ง่าย ๆ ร้านนี้ถึงแม้ว่าชื่อจะฟังดูว่าจะขายแต่ Bakery แต่จริง ๆ แล้วทางร้านขาย Bakery กับอาหารเช้าอย่างละครึ่ง ๆ ก็ว่าได้ครับ ซึ่งร้านแบบนี้ผมนึกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่ามีที่ไทยรึเปล่า ถ้าแบบให้นึกแบบคร่าว ๆ ตอนนี้ก็คงนึกถึงร้าน Dean & Deluca แค่ร้านเดียวที่เข้าข่าย
ร้านนี้ไม่รู้ว่าเพราะผมไปตอนประมาณเกือบ ๆ เที่ยงวันเสาร์ หรือเพราะว่าร้านนี้เป็นร้านดังประจำเมือง Des Moines อยู่แล้วก็เลยแบบตอนไปนี่ลูกค้าล้นทะลักมากครับ ล้นทะลักขนาดต้องต่อคิวเป็นรูปตัว U อ้อมถาด Bakery อบสด ๆ ใหม่ ๆ หน้ากินกลางร้านกันประมาณนั้นแหละ (ร้านนี้เป็นร้านแรกก็ว่าได้ที่ผมต้องต่อคิวสั่งอาหารที่อเมริกา!) แต่ก็โชคดีครับที่แต่ละคิวสั่งกันไม่นาน รอประมาณสัก 10 นาทีก็ได้กินล่ะ แต่แบบระหว่างยืนต่อคิวอยู่ 10 นาทีก็เป็ฯอะไรที่ทรมานเหมือนกันครับ เพราะเบเกอรี่, มาการอง น่ากิน ๆ มันจ่ออยู่ตรงหน้าตลอดเวลาเลย!
มื้อนี้เนื่องจากผมกับแฟนกะจะไปกินอาหารจริงจังกัน ก็เลยสั่งอาหารเช้ากันไปคนละอย่าง แล้วก็สั่งของหวานกับซุปมาแชร์กัน ตัวของคาวของผมเป็น Albacore Tuna Sandwiches with carrots, almonds and currants 6$ คือสาเหตุที่สั่งเจ้าแซนด์วิชไส้นี้เพราะว่าเจ้าปลา Albacore Tuna หรือ ทูน่าขาว นี่บ้านเราไม่ค่อยมีขายกัน ผมเคยไปกิน Sushi หน้าปลา Albacore นี่ที่ร้าน Miyatake, Isetan จำได้คำละ 200 บาท! แล้วแบบก็อร่อยดี แต่ราคาก็แพงไปหน่อย ซึ่งเอาจริง ๆ Sushi หน้า White Tuna นี่ที่อเมริกามีเสิร์ฟแทบจะทุกร้านครับและราคาไม่ค่อยแพงด้วย เจ้าแซนด์วิชของผม หน้าตาก็ดูน่ากินดีไม่มีอะไรผิดเพี้ยนจากแซนด์วิชแบบที่ควรจะเป็นครับ แต่สิ่งนึงที่ผิดเพี้ยนไปคือรสชาติครับ มันเป็นแซนด์วิชที่.. ไม่อร่อยเลยครับ คือกินไปแต่ละคำเหมือนจะกินเอาแต่ของเย็นชืด, ของค้างคืน, ของไร้รสชาติเข้าปากไปอะไรแบบนั้นเลย เป็นแซนด์วิชที่.. ผมทำกินเองอร่อยกว่าสบาย ๆ คือบอกตรง ๆ ว่าก่อนจะกินนี่ผมหิวมาก แต่แบบพอกินเจ้าแซนด์วิชนี่ไปทีละคำ ๆ แล้วความหิวก็ลดลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายหายหิว และเบื่ออาหารไปแทน!
ส่วนของคาวของแฟนผมเป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกันจ๋า ๆ กับ Two eggs served with toast, bacon and spinach 5.95$ แฟนผมเลิกแบบ sunny side-up egg หรือที่บ้านเราเรียกว่าไข่ดาวไม่สุกนั่นเอง เท่าที่ถาม ๆ แฟนผมเรื่องรสชาติกับที่ผมแอบ ๆ ขโมยกิน มันก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษนะครับ เป็น American Breakfast แบบหากินได้ทั่วไปจริง ๆ เลย ส่วนซุปที่สั่งมาแชร์กันนั้นมีชื่อว่า Soupe Du Jour 3.5$ หรือแปลว่า soup of the day นั่นเอง เจ้าซุปนี่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าซุปอะไรเป็นประมาณใส่แครอทแล้วก็หัวหอมมาในซุปอ่ะครับ ตัวซุปรสชาติ หมาไม่แดกมากครับ ผมกับแฟนชิมกันไปคนละไม่กี่คำก็เป็นอันต้องถอนตัว วางช้อนนาบไว้ข้าง ๆ จานรองถ้วยซุปอย่างเรียบร้อย สรุปคือ ของคาว 3 อย่างของร้านนึง เฮงซวยไป 2 ธรรมดาไป 1 แล้วมันได้คะแนนรีวิวโคตรดีจากอะไร? ทำไมลูกค้าถึงมากันมืดฟ้ามัวดินแบบนี้? คำตอบคือ ของหวานของเค้าครับ!
ของหวานในมื้อนี้ผมสั่งไป 2 อย่าง อย่างแรกเป็น Fresh Fruit Tarts 3$ ซึ่งดูยังไง ๆ มันก็เรียกได้ว่าถูกมา ๆ คือที่บ้านเรา ถ้าเค้กหน้าตาแบบนี้ส่วนใหญ่ก็ราคา 100 กว่าบาทป่าวครับ? แต่ที่ร้าน La Mie Bakery นี่แบบ 3$ แล้วยิ่งเทียบเป็นค่าครองชีพอเมริกาอีก ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่ และรสชาติก็ดีมากครับ ตัว tart แบบ texture ดี ๆ แป้งร่วน ๆ กำลังดี และก็รสชาติแบบสากล ๆ (พูดไม่ถูกเหมือนกัน) ส่วนตัวผลไม้ที่วางโปะมาก็มีทั้ง เปรี้ยวและหวานตัดกันไปตัดกันมา กินแต่ละคำก็เลยได้ความสมดุลของรสชาติไป เยี่ยมมาก ส่วนของหวานอีกอย่างเป็น French Macarons 1.25$ อันนี้คือดูในรูปอาจจะคิดว่าเค้กมันก้อนเล็กเท่า Macaron แต่จริง ๆ แล้วเจ้า Macaron ต่างหากครับที่มันใหญ่ผิดมนุษย์มนา คือ Macaron ของร้าน La Mie Bakery นี่ใหญ่ประมาณสัก 3 เท่าของ Macaron ตามบ้านเราและที่ญี่ปุ่นก็ซ่าได้ครับ เหมือนเป็นคุกกี้ซะมากกว่า ผมเองก็สั่งมาแบบไม่ได้คาดหวังอะไร เห็นมันก้อนใหญ่ดี และร้านนี้มีให้เลือกหลายรสดี แต่ที่ไหนได้ กัดเข้าไปคำแรกนี่แทบจะร้องตะโกนออกมาว่า "อร่อยเหี้ย" คือแบบมันอร่อยมาก ๆ ครับ อร่อยกว่า macaron ที่เคยกินมาในไทยแทบทุกเจ้า (เช่นเคย แม้จะเคยกินมาไม่เยอะ) รสชาติมันแบบ โอ้วว้าว ไร้ที่ติครับ คือหลังจากกินเจ้า macaron นี่ผมก็ได้ไปลอง macaron ที่น่าจะเทพที่สุดในสามโลกที่ร้าน Pierre Hermes ที่ Tokyo มา ถ้าเทียบร้านปิแอร์กับร้านนี้ เอาเป็นว่าร้านปิแอร์เฉือนชนะไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปดแค่นั้นล่ะครับ!
สรุป มาร้าน La Mie Bakery นี่ผมคงจะผิดพลาดที่ไปสั่งอาหารคาวของทางร้านเค้า เพราะหลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ ผมเห็นลูกค้าที่นั่งแน่นเต็มร้าน มีแต่คนหยิบ bakery ไม่ก็สั่งของหวานมากินกัน ก็นะ ชื่อร้านเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าขาย Bakery ผมนี่ก็ดันโง่ไปสั่งของคาวซะอย่างนั้น เฮ้อออออออออออออ (เสียดายยย อยากกิน Macaron อีกกกก)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score 6/10
Taste 2.5/5 (4 for dessert)
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 4/5
ร้าน La Mie Bakery ซึ่งไม่รู้ว่าเวลาอ่านออกเสียงจะอ่านว่า ลาเมีย หรือ ลาแมร์ เบเกอรี่ แห่งนี้ ก็เป็นร้านที่เราย้ายฐานการผลิตรีวิวจาก Iowa City มายังเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ Iowa นามว่า Des Moines กันครับ ร้านเป็นร้านที่อยู่ในระหว่างทางการเดินทางไป Omaha, Nebraska ของผม สาเหตุที่เลือกร้านนี้ก็เพราะว่าร้านได้คะแนนรีวิวสูงมาก และแบบอยู่ใกล้ ๆ Interstate พอดีเดินทางไปได้ง่าย ๆ ร้านนี้ถึงแม้ว่าชื่อจะฟังดูว่าจะขายแต่ Bakery แต่จริง ๆ แล้วทางร้านขาย Bakery กับอาหารเช้าอย่างละครึ่ง ๆ ก็ว่าได้ครับ ซึ่งร้านแบบนี้ผมนึกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่ามีที่ไทยรึเปล่า ถ้าแบบให้นึกแบบคร่าว ๆ ตอนนี้ก็คงนึกถึงร้าน Dean & Deluca แค่ร้านเดียวที่เข้าข่าย
ร้านนี้ไม่รู้ว่าเพราะผมไปตอนประมาณเกือบ ๆ เที่ยงวันเสาร์ หรือเพราะว่าร้านนี้เป็นร้านดังประจำเมือง Des Moines อยู่แล้วก็เลยแบบตอนไปนี่ลูกค้าล้นทะลักมากครับ ล้นทะลักขนาดต้องต่อคิวเป็นรูปตัว U อ้อมถาด Bakery อบสด ๆ ใหม่ ๆ หน้ากินกลางร้านกันประมาณนั้นแหละ (ร้านนี้เป็นร้านแรกก็ว่าได้ที่ผมต้องต่อคิวสั่งอาหารที่อเมริกา!) แต่ก็โชคดีครับที่แต่ละคิวสั่งกันไม่นาน รอประมาณสัก 10 นาทีก็ได้กินล่ะ แต่แบบระหว่างยืนต่อคิวอยู่ 10 นาทีก็เป็ฯอะไรที่ทรมานเหมือนกันครับ เพราะเบเกอรี่, มาการอง น่ากิน ๆ มันจ่ออยู่ตรงหน้าตลอดเวลาเลย!
มื้อนี้เนื่องจากผมกับแฟนกะจะไปกินอาหารจริงจังกัน ก็เลยสั่งอาหารเช้ากันไปคนละอย่าง แล้วก็สั่งของหวานกับซุปมาแชร์กัน ตัวของคาวของผมเป็น Albacore Tuna Sandwiches with carrots, almonds and currants 6$ คือสาเหตุที่สั่งเจ้าแซนด์วิชไส้นี้เพราะว่าเจ้าปลา Albacore Tuna หรือ ทูน่าขาว นี่บ้านเราไม่ค่อยมีขายกัน ผมเคยไปกิน Sushi หน้าปลา Albacore นี่ที่ร้าน Miyatake, Isetan จำได้คำละ 200 บาท! แล้วแบบก็อร่อยดี แต่ราคาก็แพงไปหน่อย ซึ่งเอาจริง ๆ Sushi หน้า White Tuna นี่ที่อเมริกามีเสิร์ฟแทบจะทุกร้านครับและราคาไม่ค่อยแพงด้วย เจ้าแซนด์วิชของผม หน้าตาก็ดูน่ากินดีไม่มีอะไรผิดเพี้ยนจากแซนด์วิชแบบที่ควรจะเป็นครับ แต่สิ่งนึงที่ผิดเพี้ยนไปคือรสชาติครับ มันเป็นแซนด์วิชที่.. ไม่อร่อยเลยครับ คือกินไปแต่ละคำเหมือนจะกินเอาแต่ของเย็นชืด, ของค้างคืน, ของไร้รสชาติเข้าปากไปอะไรแบบนั้นเลย เป็นแซนด์วิชที่.. ผมทำกินเองอร่อยกว่าสบาย ๆ คือบอกตรง ๆ ว่าก่อนจะกินนี่ผมหิวมาก แต่แบบพอกินเจ้าแซนด์วิชนี่ไปทีละคำ ๆ แล้วความหิวก็ลดลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายหายหิว และเบื่ออาหารไปแทน!
ส่วนของคาวของแฟนผมเป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกันจ๋า ๆ กับ Two eggs served with toast, bacon and spinach 5.95$ แฟนผมเลิกแบบ sunny side-up egg หรือที่บ้านเราเรียกว่าไข่ดาวไม่สุกนั่นเอง เท่าที่ถาม ๆ แฟนผมเรื่องรสชาติกับที่ผมแอบ ๆ ขโมยกิน มันก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษนะครับ เป็น American Breakfast แบบหากินได้ทั่วไปจริง ๆ เลย ส่วนซุปที่สั่งมาแชร์กันนั้นมีชื่อว่า Soupe Du Jour 3.5$ หรือแปลว่า soup of the day นั่นเอง เจ้าซุปนี่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าซุปอะไรเป็นประมาณใส่แครอทแล้วก็หัวหอมมาในซุปอ่ะครับ ตัวซุปรสชาติ หมาไม่แดกมากครับ ผมกับแฟนชิมกันไปคนละไม่กี่คำก็เป็นอันต้องถอนตัว วางช้อนนาบไว้ข้าง ๆ จานรองถ้วยซุปอย่างเรียบร้อย สรุปคือ ของคาว 3 อย่างของร้านนึง เฮงซวยไป 2 ธรรมดาไป 1 แล้วมันได้คะแนนรีวิวโคตรดีจากอะไร? ทำไมลูกค้าถึงมากันมืดฟ้ามัวดินแบบนี้? คำตอบคือ ของหวานของเค้าครับ!
ของหวานในมื้อนี้ผมสั่งไป 2 อย่าง อย่างแรกเป็น Fresh Fruit Tarts 3$ ซึ่งดูยังไง ๆ มันก็เรียกได้ว่าถูกมา ๆ คือที่บ้านเรา ถ้าเค้กหน้าตาแบบนี้ส่วนใหญ่ก็ราคา 100 กว่าบาทป่าวครับ? แต่ที่ร้าน La Mie Bakery นี่แบบ 3$ แล้วยิ่งเทียบเป็นค่าครองชีพอเมริกาอีก ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่ และรสชาติก็ดีมากครับ ตัว tart แบบ texture ดี ๆ แป้งร่วน ๆ กำลังดี และก็รสชาติแบบสากล ๆ (พูดไม่ถูกเหมือนกัน) ส่วนตัวผลไม้ที่วางโปะมาก็มีทั้ง เปรี้ยวและหวานตัดกันไปตัดกันมา กินแต่ละคำก็เลยได้ความสมดุลของรสชาติไป เยี่ยมมาก ส่วนของหวานอีกอย่างเป็น French Macarons 1.25$ อันนี้คือดูในรูปอาจจะคิดว่าเค้กมันก้อนเล็กเท่า Macaron แต่จริง ๆ แล้วเจ้า Macaron ต่างหากครับที่มันใหญ่ผิดมนุษย์มนา คือ Macaron ของร้าน La Mie Bakery นี่ใหญ่ประมาณสัก 3 เท่าของ Macaron ตามบ้านเราและที่ญี่ปุ่นก็ซ่าได้ครับ เหมือนเป็นคุกกี้ซะมากกว่า ผมเองก็สั่งมาแบบไม่ได้คาดหวังอะไร เห็นมันก้อนใหญ่ดี และร้านนี้มีให้เลือกหลายรสดี แต่ที่ไหนได้ กัดเข้าไปคำแรกนี่แทบจะร้องตะโกนออกมาว่า "อร่อยเหี้ย" คือแบบมันอร่อยมาก ๆ ครับ อร่อยกว่า macaron ที่เคยกินมาในไทยแทบทุกเจ้า (เช่นเคย แม้จะเคยกินมาไม่เยอะ) รสชาติมันแบบ โอ้วว้าว ไร้ที่ติครับ คือหลังจากกินเจ้า macaron นี่ผมก็ได้ไปลอง macaron ที่น่าจะเทพที่สุดในสามโลกที่ร้าน Pierre Hermes ที่ Tokyo มา ถ้าเทียบร้านปิแอร์กับร้านนี้ เอาเป็นว่าร้านปิแอร์เฉือนชนะไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปดแค่นั้นล่ะครับ!
สรุป มาร้าน La Mie Bakery นี่ผมคงจะผิดพลาดที่ไปสั่งอาหารคาวของทางร้านเค้า เพราะหลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ ผมเห็นลูกค้าที่นั่งแน่นเต็มร้าน มีแต่คนหยิบ bakery ไม่ก็สั่งของหวานมากินกัน ก็นะ ชื่อร้านเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าขาย Bakery ผมนี่ก็ดันโง่ไปสั่งของคาวซะอย่างนั้น เฮ้อออออออออออออ (เสียดายยย อยากกิน Macaron อีกกกก)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Wednesday, November 28, 2012
Oasis Falafel Iowa City Review
Oasis Falafel - Middle Eastern Restaurant at Iowa City, Iowa
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 3.5/5
Service 3/5
Value 4/5
ตามที่ผมเคยเขียน ๆ ไปว่าอาหารแนว Mediterranean ที่อเมริกานั้นค่อนข้างเป็นที่นิยม และยิ่งเมื่อเทียบกับบ้านเราแล้วที่ร้านอาหารแนวนี้แทบจะนับหัวได้ ก็ยิ่งแสดงถึงความแตกต่าง ยิ่งขึ้นไปอีก คือแบบฝรั่งแทบทุกคนจะรู้จักคำว่า Hummas, Pita, Kebab, Gyro, Falafel, Kafta อะไรพวกนี้กันหมด แต่สำหรับคนไทย ผมว่าน้อยคนที่จะรู้จักอะไรพวกนี้ ตัวผมเอง ก็เพิ่งจะมาทำความรู้จักกับอาหารแนว Middle East พวกนี้เมื่อไม่นานมานี่เหมือนกันครับ ซึ่งบอกตรง ๆ ก่อนหน้านี้ที่เคยกินเจ้าอาหารพวกนี้แบบนับครั้งได้ที่ไทย ก็ไม่ค่อยชอบอะไรเท่าไร แต่พอได้มากินอาหารพวกนี้ที่อเมริกามากขึ้น ก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาครับว่าทำไมอาหารแนวนี้ถึงได้รับความนิยมที่นี่ (แล้วทำไมร้านที่ไทยทำให้อร่อยแบบที่นี่ไม่ได้?)
ส่วนร้านที่จะรีวิวในฉบับนี้ก็เป็นร้านที่แบบผมกะจะมากินตั้งแต่แรก ๆ ที่มาที่ Iowa City นี่แล้วล่ะครับ เพราะว่าร้านนี้แบบเวลาเปิดเว็บ Yelp/Iowa City ทีไรก็จะขึ้นเป็นอันดับ 1 อยู่ร่ำไปกับร้านที่มีนามว่า Oasis Falafel แห่งนี้ คิดดูเอาครับร้านอาหารแนว Middle East ได้คะแนนรีวิวอันดับ 1 ของเมือง มันจะต้องเจ๋งขนาดไหนกันนี่ ร้านนี้ก็เป็นร้านที่ตั้งอยู่ที่ downtown เลยครับ เดินทางสะดวก ทำเลดี ตัวร้านก็เป็นร้านแบบแนว Cafe ๆ หน่อยร้านเล็ก ๆ 1 คูหา ดู ๆ แล้วลูกค้าที่มากินก็จะมีทั้งแบบ takeaway กับแบบกินที่ร้านอย่างละครึ่ง ๆ ได้ครับ ระหว่างเวลา 1 ชั่วโมงที่ผมนั่งกินที่ร้านและคอยสังเกตอยู่
คือพูดถึงเรื่องธรรมเนียมการ Takeaway หรือ To Go ที่อเมริกานี่สักหน่อยครับ ผมรู้สึกว่าร้านอาหารแทบจะทุกร้าน ถ้าไม่หรูไป หรือไม่ได้เอาไว้กินในโอกาสพิเศษจริง ๆ ก็จะมีบริการสำหรับ Takeaway แทบทั้งนั้น คือแบบมี package เตรียมไว้, มีหน้าเว็บให้ดูเมนู เลือกสั่งได้ อะไรแบบนี้ ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างต่างกับบ้านเราที่แบบถ้าไปกินที่ร้านอาหาร ก็จะกินที่ร้าน อย่างมากก็จะห่อกลับ ไม่ค่อยมีที่แบบจะโทรไปสั่งแล้วไปเอามากินที่บ้าน ว่ามั้ยครับ? (ยกเว้นร้านห้องแถวบ้านเรา) คืออันนี้ผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าให้เดาก็คือ บ้านของคนอเมริกันเค้าจะมีอะไรค่อนข้างครบครันอ่ะครับ อาจจะกินไปดูทีวีไป กินเหล้ากินเบียร์ก็ถูกกว่ากินที่ร้าน แถมไม่ต้องห่วงเรื่องขับรถหลังกินข้าว และที่สำคัญคือไม่ต้องเสียค่า Tips อีก 15-20% จากราคาอาหารปกติครับ ซึ่งไอ้ข้อหลังเนี่ยผมว่าน่าจะเป็นเหตุผลหลักก็ว่าได้ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเหตุผลหลักสำหรับผมที่ทำให้ช่วงหลัง ๆ ร้านไหนที่ผมไปซ้ำ (จริง ๆ ก็มีแค่ 2 ร้าน) ผมก็จะสั่งแบบ Takeaway เอาแทน
เข้าถึงเรื่องอาหารของร้าน Oasis Falafel ตอนเข้าไปจะสั่งอาหารผมเห็นเมนูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับว่าอะไรคืออะไร ก็เลยถาม ๆ พนักงานที่รับออเดอร์ที่แคชเชียร์เอาไว้ อะไรเป็นอะไร อันไหนขายดี คนชอบกินอะไร ก็เลยได้อาหารมา 2 อย่างครับ ของผมนั้นเป็น Lamb Kebab Plate และสามารถเลือก side dish ได้ 2 อย่างเลยเลือก Red Cabbage Salad กับ Chick pea ไป ส่วนของแฟนผมสั่ง Falafel Pita ไป พอสั่งเสร็จก็เลือกโต๊ะนั่งแล้วรอสักพักอาหารก็มาครับ
หน้าตาตอนเห็นอาหารของผมทีแรกนี่บอกตรง ๆ ว่า เฮ้ย ทำไมมันดูไม่ค่อย friendly แบบนี้มันเป็นหน้าตาแบบ Middle East จ๋ามาก ๆ ครับ แต่สิ่งนึงที่โดดเด่นเลยคือปริมาณ คือแบบทางร้าน Oasis Falafel นี่ให้มาเยอะมากกก เผลอ ๆ ไปหาร้านที่ไทยสั่งราคาเท่ากัน ที่ 12$ นี่เผลอ ๆ จะไม่ได้ด้วยซ้ำ หลังจากทำความคุ้นเคยกับรูปลักษณ์สักพักก็เริ่มลองกินดูครับ ตัวเนื้อแกะที่ย่างมานั้นอร่อยดี ตอนแรกเห็นนึกว่าจะแห้ง ๆ เนื้อเละ ๆ แต่พอกินจริง ๆ แล้วก็เนื้อฉ่ำเล็ก ๆ กำลังดี รสชาติก็แบบเค็ม ๆ นิด ๆ ถูกปากอีกด้วย แต่แบบทางร้านย่างมาไหม้เกรียมเยอะไปหน่อย ผมต้องมานั่งเลาะ carcinogen ออกไปจากเนื้อเยอะเลยกว่าจะได้กินแต่ละคำ เสียดายเนื้อครับไม่ใช่อะไร แต่รวม ๆ แล้วเนื้อแกะ Kebab นี่ทำได้ดีครับ ดีกว่าแทบทุกร้านที่ไทยที่ผมเคยกินมาเลยก็ว่าได้ (แม้จะไม่เคยกินเยอะเท่าไรก็ตาม) ส่วนทีเด็ดจริง ๆ ผมว่าไม่ได้อยู่ที่เนื้อแกะ แต่เป็นเจ้า Side Dish 2 อย่างมากกว่าครับ เจ้า Chick Pea กับ Red Cabbage นี่แหละเป็นอะไรที่แบบแย่งซีนเนื้อแกะไปเต็ม ๆ ทั้ง 2 อย่างมันอร่อยมาก ๆ ครับ ตัวผักกาดแดงมันแบบหั่นซอยมาละเอียดกำลังดี, ตัวน้ำสลัดก็รสชาติแบบกลมกล่อม ไม่ได้เปรี้ยวจี๊ด ๆ แบบที่คนอเมริกันชอบกินกัน และผักสดมาก ส่วน Chick Pea นี่ก็เหมือนกับถั่วต้มปรุงรสที่แบบ เฮ้ย ทำไมมันอร่อยจังก็ไม่รู้ครับ ไป ๆ มา ๆ ผมกับแฟนมารุมแย่งกันกินเจ้า side dish 2 อันนี้เอาซะงั้นครับตอนหลัง
ส่วนเจ้า Falafel Pita (5$) ของแฟนผมผมก็แอบชิมไปคำนึง ก็อร่อยดีนะครับ เป็นเหมือนแป้งนุ่ม ๆ กินกับผักสด ๆ แล้วก็ลูกชิ้นกรอบ ๆ อะไรประมาณนั้น ก็แปลกดี คือกินแต่ละคำแล้วมันให้ความรู้สึกไม่ได้เป็นอาหารแบบที่เคย ๆ กินมาเลยอ่ะครับ กินแล้วแบบมันเป็นรสชาติแปลกใหม่จาก Middle East จริง ๆ
สรุปร้าน Oasis Falafel นี่เจ๋งมากครับ ไม่แปลกที่ได้เป็นอันดับ 1 ใน Yelp อาหารราคาไม่แพง รสชาติดี รอาอาหรไม่นาน ทำเลร้านก็ดี และอาหารที่ผมกินนี่แบบสร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิตผมมากด้วย เสียดายที่มีโอกาสได้มาร้านนี้แค่ครั้งเดียว T_T อยากไปกินอีกจังเลยยยย จะไปลองให้ครบทุกเมนู ๆๆๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 3.5/5
Service 3/5
Value 4/5
ตามที่ผมเคยเขียน ๆ ไปว่าอาหารแนว Mediterranean ที่อเมริกานั้นค่อนข้างเป็นที่นิยม และยิ่งเมื่อเทียบกับบ้านเราแล้วที่ร้านอาหารแนวนี้แทบจะนับหัวได้ ก็ยิ่งแสดงถึงความแตกต่าง ยิ่งขึ้นไปอีก คือแบบฝรั่งแทบทุกคนจะรู้จักคำว่า Hummas, Pita, Kebab, Gyro, Falafel, Kafta อะไรพวกนี้กันหมด แต่สำหรับคนไทย ผมว่าน้อยคนที่จะรู้จักอะไรพวกนี้ ตัวผมเอง ก็เพิ่งจะมาทำความรู้จักกับอาหารแนว Middle East พวกนี้เมื่อไม่นานมานี่เหมือนกันครับ ซึ่งบอกตรง ๆ ก่อนหน้านี้ที่เคยกินเจ้าอาหารพวกนี้แบบนับครั้งได้ที่ไทย ก็ไม่ค่อยชอบอะไรเท่าไร แต่พอได้มากินอาหารพวกนี้ที่อเมริกามากขึ้น ก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาครับว่าทำไมอาหารแนวนี้ถึงได้รับความนิยมที่นี่ (แล้วทำไมร้านที่ไทยทำให้อร่อยแบบที่นี่ไม่ได้?)
ส่วนร้านที่จะรีวิวในฉบับนี้ก็เป็นร้านที่แบบผมกะจะมากินตั้งแต่แรก ๆ ที่มาที่ Iowa City นี่แล้วล่ะครับ เพราะว่าร้านนี้แบบเวลาเปิดเว็บ Yelp/Iowa City ทีไรก็จะขึ้นเป็นอันดับ 1 อยู่ร่ำไปกับร้านที่มีนามว่า Oasis Falafel แห่งนี้ คิดดูเอาครับร้านอาหารแนว Middle East ได้คะแนนรีวิวอันดับ 1 ของเมือง มันจะต้องเจ๋งขนาดไหนกันนี่ ร้านนี้ก็เป็นร้านที่ตั้งอยู่ที่ downtown เลยครับ เดินทางสะดวก ทำเลดี ตัวร้านก็เป็นร้านแบบแนว Cafe ๆ หน่อยร้านเล็ก ๆ 1 คูหา ดู ๆ แล้วลูกค้าที่มากินก็จะมีทั้งแบบ takeaway กับแบบกินที่ร้านอย่างละครึ่ง ๆ ได้ครับ ระหว่างเวลา 1 ชั่วโมงที่ผมนั่งกินที่ร้านและคอยสังเกตอยู่
คือพูดถึงเรื่องธรรมเนียมการ Takeaway หรือ To Go ที่อเมริกานี่สักหน่อยครับ ผมรู้สึกว่าร้านอาหารแทบจะทุกร้าน ถ้าไม่หรูไป หรือไม่ได้เอาไว้กินในโอกาสพิเศษจริง ๆ ก็จะมีบริการสำหรับ Takeaway แทบทั้งนั้น คือแบบมี package เตรียมไว้, มีหน้าเว็บให้ดูเมนู เลือกสั่งได้ อะไรแบบนี้ ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างต่างกับบ้านเราที่แบบถ้าไปกินที่ร้านอาหาร ก็จะกินที่ร้าน อย่างมากก็จะห่อกลับ ไม่ค่อยมีที่แบบจะโทรไปสั่งแล้วไปเอามากินที่บ้าน ว่ามั้ยครับ? (ยกเว้นร้านห้องแถวบ้านเรา) คืออันนี้ผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าให้เดาก็คือ บ้านของคนอเมริกันเค้าจะมีอะไรค่อนข้างครบครันอ่ะครับ อาจจะกินไปดูทีวีไป กินเหล้ากินเบียร์ก็ถูกกว่ากินที่ร้าน แถมไม่ต้องห่วงเรื่องขับรถหลังกินข้าว และที่สำคัญคือไม่ต้องเสียค่า Tips อีก 15-20% จากราคาอาหารปกติครับ ซึ่งไอ้ข้อหลังเนี่ยผมว่าน่าจะเป็นเหตุผลหลักก็ว่าได้ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเหตุผลหลักสำหรับผมที่ทำให้ช่วงหลัง ๆ ร้านไหนที่ผมไปซ้ำ (จริง ๆ ก็มีแค่ 2 ร้าน) ผมก็จะสั่งแบบ Takeaway เอาแทน
เข้าถึงเรื่องอาหารของร้าน Oasis Falafel ตอนเข้าไปจะสั่งอาหารผมเห็นเมนูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับว่าอะไรคืออะไร ก็เลยถาม ๆ พนักงานที่รับออเดอร์ที่แคชเชียร์เอาไว้ อะไรเป็นอะไร อันไหนขายดี คนชอบกินอะไร ก็เลยได้อาหารมา 2 อย่างครับ ของผมนั้นเป็น Lamb Kebab Plate และสามารถเลือก side dish ได้ 2 อย่างเลยเลือก Red Cabbage Salad กับ Chick pea ไป ส่วนของแฟนผมสั่ง Falafel Pita ไป พอสั่งเสร็จก็เลือกโต๊ะนั่งแล้วรอสักพักอาหารก็มาครับ
หน้าตาตอนเห็นอาหารของผมทีแรกนี่บอกตรง ๆ ว่า เฮ้ย ทำไมมันดูไม่ค่อย friendly แบบนี้มันเป็นหน้าตาแบบ Middle East จ๋ามาก ๆ ครับ แต่สิ่งนึงที่โดดเด่นเลยคือปริมาณ คือแบบทางร้าน Oasis Falafel นี่ให้มาเยอะมากกก เผลอ ๆ ไปหาร้านที่ไทยสั่งราคาเท่ากัน ที่ 12$ นี่เผลอ ๆ จะไม่ได้ด้วยซ้ำ หลังจากทำความคุ้นเคยกับรูปลักษณ์สักพักก็เริ่มลองกินดูครับ ตัวเนื้อแกะที่ย่างมานั้นอร่อยดี ตอนแรกเห็นนึกว่าจะแห้ง ๆ เนื้อเละ ๆ แต่พอกินจริง ๆ แล้วก็เนื้อฉ่ำเล็ก ๆ กำลังดี รสชาติก็แบบเค็ม ๆ นิด ๆ ถูกปากอีกด้วย แต่แบบทางร้านย่างมาไหม้เกรียมเยอะไปหน่อย ผมต้องมานั่งเลาะ carcinogen ออกไปจากเนื้อเยอะเลยกว่าจะได้กินแต่ละคำ เสียดายเนื้อครับไม่ใช่อะไร แต่รวม ๆ แล้วเนื้อแกะ Kebab นี่ทำได้ดีครับ ดีกว่าแทบทุกร้านที่ไทยที่ผมเคยกินมาเลยก็ว่าได้ (แม้จะไม่เคยกินเยอะเท่าไรก็ตาม) ส่วนทีเด็ดจริง ๆ ผมว่าไม่ได้อยู่ที่เนื้อแกะ แต่เป็นเจ้า Side Dish 2 อย่างมากกว่าครับ เจ้า Chick Pea กับ Red Cabbage นี่แหละเป็นอะไรที่แบบแย่งซีนเนื้อแกะไปเต็ม ๆ ทั้ง 2 อย่างมันอร่อยมาก ๆ ครับ ตัวผักกาดแดงมันแบบหั่นซอยมาละเอียดกำลังดี, ตัวน้ำสลัดก็รสชาติแบบกลมกล่อม ไม่ได้เปรี้ยวจี๊ด ๆ แบบที่คนอเมริกันชอบกินกัน และผักสดมาก ส่วน Chick Pea นี่ก็เหมือนกับถั่วต้มปรุงรสที่แบบ เฮ้ย ทำไมมันอร่อยจังก็ไม่รู้ครับ ไป ๆ มา ๆ ผมกับแฟนมารุมแย่งกันกินเจ้า side dish 2 อันนี้เอาซะงั้นครับตอนหลัง
ส่วนเจ้า Falafel Pita (5$) ของแฟนผมผมก็แอบชิมไปคำนึง ก็อร่อยดีนะครับ เป็นเหมือนแป้งนุ่ม ๆ กินกับผักสด ๆ แล้วก็ลูกชิ้นกรอบ ๆ อะไรประมาณนั้น ก็แปลกดี คือกินแต่ละคำแล้วมันให้ความรู้สึกไม่ได้เป็นอาหารแบบที่เคย ๆ กินมาเลยอ่ะครับ กินแล้วแบบมันเป็นรสชาติแปลกใหม่จาก Middle East จริง ๆ
สรุปร้าน Oasis Falafel นี่เจ๋งมากครับ ไม่แปลกที่ได้เป็นอันดับ 1 ใน Yelp อาหารราคาไม่แพง รสชาติดี รอาอาหรไม่นาน ทำเลร้านก็ดี และอาหารที่ผมกินนี่แบบสร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิตผมมากด้วย เสียดายที่มีโอกาสได้มาร้านนี้แค่ครั้งเดียว T_T อยากไปกินอีกจังเลยยยย จะไปลองให้ครบทุกเมนู ๆๆๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)