BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Friday, May 31, 2013

103+ Factory Review

103+ Factory - Dessert & Ice Cream Cafe at Aree Soi 4, Bangkok

103+ Factory - ร้านขนมหวาน ไอศครีม เค้ก มาการง อารีย์(ฝั่งเหนือ) ซอย 4




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  3/5
Value   3/5

103+ Factory - Dessert Shop on BumRes.com (For more pictures, menu and info)











ร้านขนมหวาน + เครื่องดื่ม สไตล์ร้านเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หรือร้านคาเฟ่ ๆ นี่เดี๋ยวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มีร้านแนว ๆ นี้เปิดตัวกันมาค่อนข้างเยอะเลย แต่ว่าร้านพวกนี้เท่าที่ผมสังเกต มักจะไปอยู่แถว ๆ ชานเมือง หรือไม่ก็ย่านชุมชน, ในหมู่บ้าน, หรือใน community mall อะไรประมาณนี้ ไม่ค่อยมีร้าน cafe แนว ๆ นี้มาตั้งตัวเองเป็นเอกเทศในย่านต่าง ๆ สักเท่าไร แต่กับร้าน 103+ Factory แห่งนี้ก็เป็นร้านในแบบที่ว่าครับ ตั้งอยู่เป็นเอกเทศ สันโดษจากอะไรต่าง ๆ นา ๆ แต่อย่างน้อยก็ตั้งอยู่ในย่านอารีย์-ราชครู ย่านที่ตอนนี้กลายเป็น Gourmet Street ไปเรียบร้อยโรงแรมอารีย์แล้ว สำหรับร้าน 103+ Factory นี่บอกตรง ๆ ว่าผมกับเพื่อนหลงทางกันสักพักนึงเลยกว่าจะหาเจอ เนื่องด้วยตัวซอยอารีย์นี่เค้ามาแบ่งเป็นอารีย์ 4 ฝั่งเหนือกับอารีย์ธรรมดา พวกผมก็ไปวนหาร้านนี้ในอารีย์ 4 ธรรมดา ๆ อยู่นาน ไม่นึกว่าจริง ๆ แล้วมันคือคนละซอยกัน ยังไงก็ดูแผนที่ร้านประกอบการเดินทางละกันนะครับ ส่วนเรื่องที่จอดรถ ก็หาเอาตามมีตามเกิดริมถนนได้เลย ตามนั้น

ชื่อร้าน 103+ Factory นี่บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกผมนึกว่าร้านตั้งอยู่แถว ๆ สุขุมวิท 103 หรือลาดพร้าว 103 อะไรแบบนี้ แต่หลังจากไปอ่าน ๆ มาถึงได้รู้ว่าชื่อร้านนั้นมาจากอายุของหุ้นส่วน 4 คนบวกกันแล้วได้ 103 ปีตอนเปิดร้าน ส่วน  + นั้นก็คือตัวเลขหลังจากเปิดไปเรื่อย ๆ อืมก็เป็นชื่อร้านที่ create ดีเหมือนกันนะถ้าถามผม ตัวหุ้นส่วนของร้านนี้นั้นแต่ละคนก็จะเป็นคนรัก +  ชอบทำ ของหวาน เป็นการพิเศษอยู่แล้ว และจะมีคนนึงที่จบ Le Cordon Bleu ด้านของหวานมาโดยเฉพาะ และสูตรขนม + ของหวานของร้านนี้ก็จะเป็นสูตรจากหุ้นส่วนคนนี้แล้วก็มีการนำมาปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม สูตรเพิ่มเติมจากหุ้นส่วนที่เหลืออีกที ก่อนจะมาเป็นเค้ก และ ของหวานที่วางขายอยู่ในร้านนี้นั่นเอง





ร้าน 103+ Factory นี้ก็จะคล้าย ๆ ร้าน Cafe เล็ก ๆ น่ารัก ๆ ร้านอื่น ๆ ตรงที่ตัวอาหารจะไม่ได้มีแค่ของหวานอย่างเดียว แต่จะมีพวกอาหารจานเดียว เบา ๆ กินเล่น ๆ ให้สั่งด้วย ประมาณว่าก็ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่มาร้านนี้อยากจะกินแต่ของหวาน (เหมือนผมและเพื่อน ที่เอาจริง ๆ ชอบของคาวมากกว่า) แต่แน่นอนว่าตัวอาหารหลัก ๆ ก็คือของหวานนี่แหละ ของหวานของร้านนี้ก็จะเป็นแนวคล้าย ๆ ร้าน Afteryou หรือร้านของหวานทั่ว ๆ ไปคือจะมีทั้งแบบเค้ก (ชีสเค้ก) เป็นก้อน ๆ ไป รวมทั้งตัวของหวานแบบจัดจานมาด้วย แต่พิเศษกว่าหน่อย คือ จะมี Macaron ขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อยหลากหลายรสชาติ ไว้บริการด้วย (คือเอาจริง ๆ แล้วของหวานของร้าน 103+ Factory นี่เค้ามีเยอะมากอ่ะครับ เยอะกว่า เด่นกว่า ร้าน Cafe หลาย ๆ ร้านที่ผมเคยเจอมาจริง ๆ ตามนั้น

เข้าเรื่องตัวของหวานและเครื่องดื่มละกันนะครับ

เครื่องดื่มอย่างแรกนั้นเป็น Italian Soda - 65 บาท อันนี้รสชาติมาตรฐาน ๆ ไม่มีอะไรมาก เหมือนจริง ๆ ทางร้านน่าจะให้ช้อนคนมาด้วย เพราะตัวน้ำเชื่อม, น้ำหวาน ที่มันอยู่ด้านล่างพอจะคนเพื่อให้มันกระจายเข้ากันโดยใช้หลอดแล้วมันคนยากมากเลย




Capuccino - 60 บาท : อันนี้ถ้าเทียบกับร้านกาแฟอร่อย ๆ ก็อาจจะอยู่ในระดับเดียวกัน คืออร่อย กินแล้วประทับใจกว่าพวกร้านกาแฟตามห้าง หรือร้านบ้าน ๆ แบบชัดเจน แต่เมื่อพิจารณาเพิ่มเติมถึงตัวราคาที่แก้วละแค่ 60 บาทด้วยแล้วล่ะก็ อันนี้สุดยอดไปเลยครับ (ส่วนใหญ่ หน้าตาแบบนี้ รสชาติแบบนี้ที่ผมเคยเจอจะประมาณ 120++ ขึ้นไป)

Vanilla Crape Cake with Strawberry Sauce - 120 บาท : อันนี้สุดยอดเลย เครปเค้ก มาแบบนุ่มมาก ๆ เพราะว่าชั้นมาแบบน้อย ๆ หน่อยเพราะว่าใช้ครีมเยอะ ก็เลยแบบนุ่มกว่าพวกร้านที่ใช้ครีมน้อย ๆ แต่ชั้นเยอะ ๆ ไปโดยปริยาย ส่วนตัวน้ำราดก็มาแบบหวาน ๆ กำลังดี ไม่ได้เปรี้ยว ๆ เหมือนที่ผมเคยพบเจอ ซึ่งเอาจริง ๆ ตัวรสน้ำซอสนี่ก็แล้วแต่คนชอบ แต่ผมกับเพื่อนตัวอ้วนแน่นอนว่าชอบแบบหวาน ๆ แบบนี้ครับ








Chocolate Lava serve with whip-cream and ice-cream - 130 บาท : ตัว Chocolate Lava อบมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ด้านนอกสุกส่วนด้านในก็แบบไม่สุก และเยิ้ม ๆ ร้อน ๆ กำลังดี ตามประสา Chocolate Lava ที่อบมาได้อย่างลงตัว (ไม่เหมือนบางร้านที่อบมาจนสุกทั่วกันไปหมด ซึ่งเจอแบบนี้บ่อยกว่า ฮ่า ๆ) ส่วนตัวไอศครีมรู้สึกจะเป็นของ Ete' หรือโฮมเมดก็ไม่ทราบ ผมลืมถาม (พอดีเห็นตู้ Ete' วางอยู่ในร้าน) ก็อร่อยครับ ไม่รู้เพราะส่วนตัวผมชอบไอศครีมวานิลลาอยู่แล้วด้วยรึเปล่าเลยชอบเป็นพิเศษ

Macaron ชิ้นละ 45 บาท ในมื้อนี้ก็ได้มาทั้งหมด 8 ชิ้นครับ สีขาวคือตัว  Cream Cheese | สีน้ำตาลคือ กาแฟ  | สีอิฐคือ Caramel | สีส้ม คือ ส้ม (นั่นสิเนอะ!?) | สีเหลืองคือมะนาว | สีแดงคือ Raspberry | สีม่วงคือ Mix berry | สีน้ำเงินคือ Pineapple คือตัวผมเองก็ไม่ได้กินครบทุกรสหรอกนะครับเพราะว่ากินไม่ไหว แต่รวม  ๆ แล้ว Macaron ร้านน 103+ Factory ร้านนี้อร่อยหมดนะครับ ส่วนนึงเพราะชิ้นมันใหญ่กว่าปกติด้วย กินแล้วได้เนื้อได้หนังดี (หนังอะไร?) และก็ไส้ก็มาแบบเป็นไส้ตามแต่ละรสจริง ๆ ทั้งตัวไส้ด้วย ทั้งตัวแป้งด้วย อืม









White Chocolate Cheesecake - 120 บาท : อันนี้ไม่รู้เพราะว่าเป็นเค้กชิ้นสุดท้ายด้วยรึเปล่า ผมกับเพื่อนเลยแบบเลี่ยน ๆ กินแล้วแบบมันหวาน ๆ ไปหน่อย แต่ก็น่าจะอร่อยอยู่เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็กินกันจนหมดอยู่ดี เค้กชิ้นนี้เป็นเค้กที่ค่อนข้างจะเป็น Cheesecake มาตรฐานน่ะครับ ตามนั้น

สรุปแล้วร้าน 103+ Factory ณ ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือแห่งนี้ก็เป็นร้าน Dessert Cafe ที่ดีทีเดียวเลยร้านนึง ตัวของหวานมีให้เลือกเยอะและหลากหลาย ราคาก็ไม่ค่อยแพง คืออยู่ที่ประมาณ 100 ต้น ๆ บาทแค่นั้น (หลาย ๆ ร้านนี่เกือบ ๆ 200 บาทไปแล้ว) ใครที่เป็นคอของหวานก็ไม่น่าพลาดร้านนี้ครับ ไปกินที่ร้านก็ได้ หรือจะซื้อกลับบ้านก็ดีเลย ส่วนตัวผมและเพื่อนอ้วนหลังจบมื้อนี้แล้ว อยากจะไปตรวจน้ำตาลในเลือดมากเลย เฮ้อ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Thursday, May 30, 2013

Ghetto Bar & Bistro - The Nine

The Ghetto - Bar & Bistro : Pub & Restaurant (Live Music) at The Nine, Bangkok

เดอะ เก็ทโต้ - บาร์แอนด์ บิสโทร : ร้านเหล้า ดนตรีสด เบียร์สด อาหารฟิวชั่น เดอะไนน์ พระราม 9




Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4.5/5
Service  4/5
Value   4/5

The Ghetto Bar & Bistro - Pub & Restaurant on BumRes.com (For more picture, menu and info)



ย่านพระราม 9 ตัดใหม่ หรือพระราม 9 ตอนปลายที่เชื่อมกับถนนมอเตอร์เวย์ ในปัจจุบันนี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นย่านที่มีร้านอาหารอยู่กันอย่างคับคั่งมาก ๆ ก็คงไม่ผิดนัก ร้านอาหารในย่านนี้มีหลากหลายรูปแบบมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้าน cafe น่ารัก ๆ , ร้านอาหารอีสาน, ร้านห้องแถว อาหารตามสั่งอาหารจานเดียว และแม้แต่ pub & restaurant ทั้งขนาดย่อมและขนาดกลาง ๆ (ย่านนี้จะขาดก็มีแต่ตัวสวนอาหารนี่แหละครับที่ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่ามีมั้ย) ซึ่งตรงจุดนี้ไม่รู้เพราะว่ามีกลุ่มลูกค้าจากหมู่บ้านเสรีมาเยอะ หรือว่าหมู่บ้านเกิดใหม่ ๆ แถวมอเตอร์เวย์, ศรีนครินทร์ก็เยอะ และเป็นทางผ่านกลับบ้านพอดี ก็แวะกินข้าวกันได้ ก็เลยทำให้ ร้านในละแวกนี้ ค่อย ๆ เพิ่มกันขึ้นมาเรื่อย ๆ เลย ซึ่งร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านในย่านนี้ ไม่สิเป็นอีกหนึ่ง pub & restaurant ในย่านนี้ กับร้านที่มีนามว่า The Ghetto แห่งนี้นี่เอง

ร้าน  Ghetto หรือ สลัม แห่งนี้ ผมก็งงเหมือนกันว่าทำไมถึงตั้งชื่อร้านแบบนี้ เพราะว่าเอาจริง ๆ แล้วร้านนี้ถ้าเป็นสลัมก็คงเป็นสลัมไฮโซ ไฮซ้อ เลยล่ะ เพราะไม่ว่าจะ โต๊ะ, จานชามช้อนส้อม, บรรยากาศร้าน ทุกอย่างนั้นอยู่ในระดับดูดีหมด จะมีก็แค่ตัว graffiti ตรงเวทีนักร้องแค่นั้นที่บ่งชี้ถึงความเป็นสลัม ซึ่งจุดนี้ผมก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าถ้าอยากจะแต่งร้านให้เป็นสลัมก็น่าจะแต่งให้มันสลัม ๆ กว่านี้ ให้โดนกว่านี้ได้อีกหน่อยนะ ตัวร้านนั้นตั้งอยู่ในห้าง The Nine  ซึ่งถ้านับรวมร้านนี้แล้ว ในห้างนี้ตอนนี้ก็มี pub & restaurant 3 ร้านแล้วนะเนี่ย และแต่ละร้านก็ไม่ใช่ร้านเล็ก ๆ ซะด้วยนะ






ร้าน Ghetto Bar & Bistro แห่งนี้หลาย ๆ อย่างก็เรียกได้ว่าเป็น typical pub & restaurant ในกรุงเทพพอสมควรครับ ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ตัวพนักงานของทางร้าน ที่มีทั้งพนักงานทั่วไปและพริตตี้น่ารักน่าชังอีกประมาณ 3 นางไว้คอยเรียกลูกค้า, วงดนตรีสดที่ขับร้องทั้งเพลง acoustic , rock เบา ๆ ทั้งไทยและเทศ (วงดนตรีตอนที่ผมไปนี่เด็ดมาก ๆ ครับร้องเพราะ เล่นเครื่องดนตรีดี และก็เล่นได้หลากหลายแนวมาก เสียดายผมลืมถามว่าชื่อวงชื่ออะไร) และดนตรีสดของร้านนี้ก็จะมีเล่นทุกวัน 19.00 - 21.00 และ 22.00 - 24.00 โดยประมาณ ก็เรียกได้ว่ามาเมื่อไรก็มีเพลงฟังกันตลอดเบย (เลย) , เครื่องดื่มของทางร้านที่มีเบียร์สดให้เลือก 4 ยี่ห้อ พร้อม cocktail ทั้งแบบ traditional และที่ร้านคิดขึ้นเองอีกเล็กน้อย ก็ทุก ๆ อย่างนี้ก็ครบครัน ครบถ้วน ตรงตามที่ pub & restaurant ดี ๆ ที่นึงควรจะมีล่ะครับ ซึ่งบอกตรง ๆ ผมว่าร้าน Ghetto Bar & Bistro แห่งนี้ เผลอ ๆ ทำได้ดีกว่าส่วนใหญ่ที่เคยเจอมาด้วยนะ ไม่ว่าจะตัว เด็กเสิร์ฟที่บริการดี และพริตตี้ก็น่ารักดี (!?) , วงดนตรีสดที่เด็ดจริง ๆ และเครื่องดื่มที่ราคาไม่แพง และมีเมนูให้เลือกเยอะดีด้วย

มาว่ากันถึงตัวอาหารกันต่อ ร้านนี้ตัวอาหารก็จะคล้าย ๆ ร้านอื่นอีกแล้วคือจะเป็นพวกอาหารฟิวชั่น ๆ ทานเล่น / จัดหนัก อะไรแบบนั้น อะไรที่ร้านอื่น ๆ มีร้านนี้ก็พอจะมีอยู่บ้าง (เช่น เอ็นข้อไก่ทอด, หมูมะนาว) และก็มีเมนูที่แบบทางร้านรังสรรค์ขึ้นมาเองพอสมควร ราคาอาหารของร้านนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 120 -  250 บาทโดยประมาณ ก็เรียกได้ว่าเป็นราคาอาหารที่ไม่แพงเลยถ้าคิดว่า Ghetto Bar & Bistro แห่งนี้เป็น pub & restaurant ที่อยู่ในห้าง และบรรยากาศร้านค่อนข้างจะดูดีแบบนี้ (รายละเอียดเมนูคลิกดูเพิ่มเติมได้ในเว็บเลยครับ)

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมื้อนี้ก็จะมี Cocktail 3 แก้ว และ Hoegaarden (ซื้อ 2 แก้วใหญ่ แถม 1 แก้วเล็ก) ครับ คือพวก cocktail พวกนี้ผมไม่รู้ส่วนประกอบเลยอ่ะครับ เอาเป็นว่าแค่อร่อยหรือไม่อร่อยละกัน (ซึ่งอร่อยหมด ฮ่า ๆ)

  • Pink Lady - 180 บาท : อันนี้ค่อนข้างเบา ๆ เหมาะกับผู้หญิงทั้งรสชาติและสีสัน เหมือนจะใส่สตรอเบอรี่มา ก็อร่อยอีกเช่นกัน ครับ
  • Blue Hawaii - 180 บาท : อันนี้ก็สีฟ้า ๆ มาตามชื่อ น่าจะมีใส่ malibu มาเล็กน้อย กินแล้วฮาวาย ๆ ดี อร่อยดีครับ
  • Gin Fitzz - 180 บาท : อันนี้คล้าย ๆ gin tonic ไม่แรงมาก แต่จะเย็น ๆ กินแล้วสดชื่น ๆ คล้าย ๆ กินน้ำอัดลม แต่ไม่มีแก๊สแต่ได้ alcohol มา kick-in แทน ประมาณนั้น







อาหาร ในมื้อนี้ก็จะมี 4 อย่าง
  • แซลมอนจี๊ดจ๊าด (Fresh salmon with wasabi chili dressing - 180 บาท) : อันนี้จะเรียกว่า sashimi แบบไทย ๆ ก็คงไม่ผิดนักครับ ตัวแซลมอนนั้นมาระดับ sashimi เลย คือเนื้อสด หวาน อร่อยมาก แต่พอกินกับมะเขือเทศฝานมาพอดีชิ้นปลา และก็กินกับซอสเผ็ด ๆ ผสมวาซาบิ ก็ อืม อร่อยดีครับ กินเพลินมาก เป็น appetizer รสจัดจ้าน ที่ลงตัวมากจริง ๆ





  • สปาเก็ตตี้ไส้กรอกอีสาน (Spaghetti with E-sarn sausages - 220  บาท) : เป็นสปาเก็ตตี้แบบแห้ง ๆ ที่ให้ไส้กรอกอีสานมาเยอะมาก ๆ แล้วก็โรย parmesan cheese มาอีกพอสมควร พร้อมพริกตากแห้ง ก็ไม่คิดเลยนะครับว่าทั้งหมดนี้มันจะผสมผสานกันอย่างลงตัวออกมาเปนสปาเก็ตตี้แบบไทย ๆ รสชาติเผ็ดร้อน มีความเป็นอีสานแบบนี้ อืม ผ่านครับ
  • พิซซ่าลาบหมูทอดสมุนไพร (Pizza spicy pork with herbs - 260 บาท) : พิซซ่ามาขนาดมาตรฐานประมาณไซส์ใหญ่ของพวกร้าน Pizza franchise ทั่ว ๆ ไป รสชาติก็แบบมาจัดจ้าน ๆ เหมือนจานอื่น ๆ อีกแล้ว ก็อร่อยดีครับ แต่ก็ไม่ได้มากมายเท่าไรเมื่อเทียบกับ 2 จานก่อนหน้า ก็กินได้เพลิน ๆ คุ้มดี 260 บาท สั่งมากินคนเดียวก็เต็มกระเพาะได้ประมาณนั้น






  • สเต็กเนื้อสันนอกออสเตรเลียกับมันฝรั่งอบ (Australian sirloin steak with baked potato - 380 บาท) : จานนี้ล้ำอีกเช่นกันครับ นำเสนอได้ค่อนข้างแหวกแนวกว่าร้านอื่น ๆ เล็กน้อย (ดูรูปประกอบนะครับ) ตัวหอมทอดที่ให้มาด้วยกัน อร่อยดี , ตัวมันฝรั่งอบก็พอใช้ได้ ตัวเนื้อก็โอเค medium rare มากำลังดี และก็มีติดมัน ๆ มาเล็กน้อย แต่เจ้าตัวซอสเกรวี่ที่ทางร้านให้มาด้วยนี่สิ ไม่น่าให้มาเลยครับ มันไม่ค่อยอร่อย ไม่ได้ช่วยเพิ่มความอร่อยให้ตัวเนื้อเลย กินเนื้อเปล่า ๆ ยังอร่อยกว่าเลย ตามนั้น
สรุปแล้วร้าน Ghetto Bar & Bistro แห่งนี้ค่อนข้างจะถูกใจผมและเพื่อนมาก ๆ ครับ จุดเด่นของร้านนี้ที่ผมกับเพื่อนเห็นตรงกันคือ อาหารราคาไม่แพง และก็รสชาติดี ให้ปริมาณเยอะดีด้วย | วงดนตรีสดก็เล่นดี และมีเล่นแทบจะตลอดคืน (ไม่ใช่มาวงเดียวเหมือนหลาย ๆ ร้าน) ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานร้าน pub & restaurant ดี ๆ ทั่ว ๆ ไป ก็ถ้าใครแบบบ้านอยู่แถวพระราม 9 ศรีนครินทร์ แล้วอยากหาร้านมานั่งจิบเบียร์ กินอาหาร ฟังเพลงก่อนกลับบ้านแล้วละก็ ร้าน The Ghetto Bar & Bistro @ The Nine แห่งนี้ผมว่าโดนครับ (ผมคนนึงแหละที่จะมาอีกหลายครั้งแน่นอน หึหึ)



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Wednesday, May 29, 2013

Radi - Cupcake Cafe Review

Radi - Thonglor 11 Review




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   4/5

Radi - Bakery and Cupcake shop on BumRes.com (For more pictures, info and menu)



สำหรับ Cupcake แล้ว ในเมืองไทยอาจจะยังไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไร เมื่อเทียบกับที่อเมริกาที่ผมเคยไปใช้ชีวิตอยู่มาสักพักนึง (ล่าสุดที่ไปนี่มาสังเกตจริง ๆ แล้ว ร้าน Cupcake นี่น่าจะเป็นร้านของหวาน, ร้านเค้ก ที่มีเยอะที่สุดในเมืองที่ผมไปอยู่ก็คงไม่ผิดนัก) ตัวของหวานหรือเค้กที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยจะเป็นพวกเค้กสไตล์ยุโรป พวกชีสเค้ก, chocolate lava อะไรพวกนั้นมากกว่า ก็เลยทำให้การจะหาร้าน Cupcake ดี ๆ สักร้านในกรุงเทพนั้นก็เลยอาจจะยากสักหน่อยเมื่อเทียบกับร้านของหวานแบบอื่น ๆ ซึ่งในรีวิวฉบับนี้ผมก็ขอรีวิวร้าน Cupcake ร้านเล็ก ๆ น่ารัก ร้านนึงในย่านทองหล่อ ที่หลาย ๆ ท่านที่เป็นคอของหวานอาจจะรู้จักกันอยู่แล้วกับร้าน Radi นั่นเอง

ร้าน Radi แห่งนี้บริหารโดยเจ้าของสาวคนสวยนามว่า คุณฟิน (Suparadi) ซึ่งคำว่า Radi ชื่อร้านนั้นก็มาจากสองพยางค์หลังของชื่อคุณฟินเจ้าของร้านนี้นี่เอง ตัวร้าน Radi แห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 11 จากปากซอยก็เข้าร้านมาประมาณ 20 เมตรก็จะเจอหน้าร้านเล็ก ๆ สีขาว ๆ อยู่ด้านซ้ายมือ (ไม่มีป้ายร้าน) แล้ว ร้านหาไม่ยาก แต่ถ้าใครที่กะจะมองหาร้านจากป้ายร้าน (แบบผมและเพื่อน) ก็อาจจะหากันไม่เจอเอาได้ง่าย ๆ (พวกผมขับเลยไปรอบนึง) ส่วนถ้าใครขับรถมาก็จอดได้ริมถนนในซอยทองหล่อ 11 แห่งนี้ได้เลยครับ





ตัว Cupcake ของทางร้าน Radi แห่งนี้ก็จะมีหนักหลักที่มีขายอยู่เรื่อย 16 หน้า และก็จะมีหน้าพิเศษทำออกมาอยู่เรื่อย ๆ และนอกเหนือจากตัว Cupcake ก็จะมีตัว Soft Baked Cookies อีกอย่างที่ขายดี และมีลูกค้าชอบกันเยอะ ซึ่งร้าน Radi แห่งนี้ถ้าเอาจริง ๆ ก็สามารถมาสั่ง Cupcake แล้วนั่งกินที่ร้านได้เลย เพราะที่ร้านก็มีโต๊ะเล็ก ๆ 3-4 โต๊ะให้นั่งละเมียด และก็มีเครื่องดื่มให้สั่งกินเคล้ากับเค้กค่อนข้างจะหลากหลายประเภท (มาตรฐาน ๆ) ด้วย แต่เท่าที่คุณฟินบอกมาคือลูกค้าส่วนใหญ่จะโทรมาสั่งจองกันไว้แล้วก็มารับของกลับบ้านไป หรือไม่ก็จะเป็นแบบ Takeaway มากว่านั่งกินที่ร้าน ตัว Cupcake ของที่ร้านนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีขายแยกชิ้นรึเปล่า แต่คือถ้าสั่งเป็นกล่องก็จะเริ่มที่ 5 ชิ้น / 250 บาท สำหรับกล่องเล็ก ส่วนถ้ากล่องใหญ่ก็จะเป็น 20 ชิ้น / 950 บาทประมาณนี้

ตัว Cupcake ที่ผมได้ลองในวันนี้ก็จะมี 5 รสขายดีของทางร้านไล่เรียงกันไป

1. Red Velvet (cream cheese frosting and white chocolate button)
2. Salted Caramel 
3. Goldie (chocolate butter scotch)
4. Kalua Cream (vanilla chiffon cupcake with Khalua cream frosting and cocoa dust)
5. Peanut Butter Jelly (Chef Fin's Favorite)









ซึ่งทั้ง 5 อันนี้ ผมกับเพื่อนตัวอ้วนก็แบ่งกันกินคนละครึ่งชิ้นทั้ง 5 อันเลย ทั้ง 5 อันนี้ก็หน้าตาน่ากิน และก็รสชาติอร่อยดีหมดเลยครับ ตัว Cupcake ของร้าน Radi นี่เค้าจะทำมาแบบไม่ได้หวานมาก และก็ขนาดจะใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย และหน้าตา cupcake แต่ละอันก็จะสวยงามน่ากินหมด สำหรับ 5 หน้านี้ตัวที่ผมชอบที่สุดจะเป็นตัว Goldie ส่วนที่เพื่อนตัวอ้วนของผมชอบจะเป็น Kalua ตามนั้น

แต่ทีเด็ดจริง ๆ ในมื้อนี้นั้นผมขอยกให้ Soft bake cookie chocolate chip (35 บาท/ชิ้น) ละกัน อันนี้ก็ตามชื่อครับ เป็น cookie ที่จะแบบอบมาแล้วจะนุ่ม ๆ ไม่ได้กรอบเหมือน cookie ตามท้องตลาดทั่วไป ตอนแรกที่ผมกิน ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรในรสชาติมากนักหรอกครับ แต่โอว พอกัดเข้าไปคำแรกแล้วมันแบบ นุ่ม ละมุน หวานกำลังดี ขมกำลังดี อร่อยดีมาก อ๊ากกก ชอบจริง ๆ (เพื่อนตัวอ้วนผมก็ชอบมากเช่นกัน)

ส่วนเครื่องดื่มในมื้อนี้ก็มี 2 อย่างเป็นกาแฟเย็นสูตรเฉพาะของทางร้านแก้วนึง (ผมจำชื่อไม่ได้ คล้าย ๆ คาปูชิโน่เย็นนี่แหละครับ ใส่นมเยอะ ๆ หน่อย โรยผงโกโก้นิด ๆ อร่อยดีครับ) และคาปูชิโนร้อน ที่รสชาติมาแบบเข้ม ๆ ขม ๆ ไม่ได้ใส่น้ำตาลมาก ๆ เหมือนร้านกาแฟทั่วไป ก็อร่อยไปอีกแบบ

ก็สรุปแล้ว ร้าน Radi ร้าน Cupcake น่ารัก ๆ แห่งนี้ก็เป็นร้านที่เหมาะแก่การจะมานั่งกินของหวาน + เครื่องดื่ม ยามบ่ายก็ได้ หรือว่าจะแวะซื้อเค้กไปฝากคนอื่น ๆ ก็ได้ ยังไงก็ตามถ้าจะไปกิน หรือจะสั่งของของร้านนี้ก็แนะนำให้โทรไปจองกันไว้ก่อนจะเป็นการดีมาก เพราะอย่างวันที่ผมไปนั้น เค้กหมดตั้งแต่ตอนบ่าย 3 ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วร้านเปิดถึงหนึ่งทุ่ม อ้อ และก็นอกเหนือจากตัว cupcake และ cookies ในรีวิวฉบับนี้แล้ว ทางร้าน Radi ยังมีบริการ catering รับจัดพวก snack box ไปส่ง และก็ยังมี cupcake ยักษ์สำหรับเอาไปกินแบ่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ด้วย







--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...