BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Friday, August 31, 2012

Up and Above Okura Bangkok Review

Up and Above - International (Buffet) Restaurant at Okura Prestige Bangkok Wireless Road, Bangkok





Overall Score 8/10
Taste   4/5
Ambiance  5/5
Service  4/5
Value   4/5

Up and Above - International Restaurant on BumRes.com



จริง ๆ แล้ว โรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพฯ นี่ผมว่ามันก็มีอยู่เยอะพอตัวแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม 2-3 ปีที่ผ่านมา โรงแรมระดับนี้ต่างเปิดตัวกันขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีละเจ้า 2 เจ้า และกับรีวิวฉบับนี้ก็เป็นของห้องอาหาร Up and Above ณ โรงแรม Okura Prestiage ถนนวิทยุโรงแรม 5 ดาวที่เพิ่งเปิดมาใหม่อีกหนึ่งโรง ตัวห้องอาหารนี้จะเป็น 1 ใน 3 ห้องอาหารหลักของทางโรงแรม จะเป็นเสมือนห้องอาหารรับแขก ๆ มีบริการอาหารเช้า, บุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยง และมื้อเย็น และวันอาทิตย์เร็ว ๆ นี้ก็จะเริ่มมี Sunday Brunch Buffet ให้บริการตามพิมพ์นิยมของโรงแรมในสมัยนี้ ซึ่งถ้าเอาจริง ๆ ก็คือโรงแรมในย่านนี้ ไล่เรียงกันไปเลย Plaza Athenee, Conrad, Siam Kempinski, Four Seasons, St. Regis หรือ Sheraton Grande สุขุมวิททุกโรงมีหมดและถ้าโรงแรมน้องใหม่แห่งนี้ไม่มีก็คงเหมือนกับโดนโรงแรมรุ่นพี่ตบหัวเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ว่าได้

ห้องอาหาร Up and Above นี่จากชื่อก็คงพอจะเดาได้ว่าเป็นห้องที่อยู่ชั้นบน ๆ ซึ่งก็เรียกได้ว่าบนจริงเหนือจริงอะไรจริงกับชั้น 24 ของตึก Park Venture บริเวณสี่แยกเพลินจิตแห่งนี้ คือจริง ๆ ตัวโรงแรม Okura Prestige Bangkok เนี่ยจะเริ่มนับพื้นที่ที่ชั้น 24 ขึ้นไปจนถึงชั้น 40 เท่านั้น โดยชั้น 1 ถึง 23 จะเป็น office สำนักงาน ก็เลยทำให้ทุกอย่างของโรงแรมแห่งนี้จริง ๆ ก็เป็นอะไรที่ Up and Above ในตัวมันเองอยู่แล้ว ตัวโรงแรม Okura นี่จากชื่อก็คงพอจะเดาได้ว่าเป็นโรงแรมที่มาจากญี่ปุ่น โดยที่ญี่ปุ่นโรงแรมนี้จะค่อนข้างดัง เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ขายดี มีชื่อเสียงเก่าแก่ ประมาณ Mandarin Oriental บ้านเรา (ผมเคยเกือบได้พักด้วยครับ ตอนนั้นเว็บ booking.com มีลดราคาเหลือคืนละ 5000 เองมั้ง แต่พอดีดันจำกัดเอาวันที่ไปไม่ได้) กับสาขาที่กรุงเทพ ที่มีพ่วงคำว่า Prestige เข้ามานั้นเนื่องจาก 23 สาขาก่อนหน้าที่เป็น Okura เฉย ๆ จะเป็นโรงแรมตกแต่งแนว Traditional Japanese Style แต่กับสาขาที่ 24 ที่กรุงเทพ และเป็นสาขาแรกที่มีคำว่า Prestige พ่วงท้ายชื่อ จะเป็นโรงแรมที่มีการตกแต่งแนว Modern Japanese Style แทน เช่นเดียวกันกับสาขาล่าสุดสาขาที่ 25 ที่ไต้หวันที่เพิ่งเปิดตัวพร้อม ๆ กับที่ไทยเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี่เองครับ











ตัวห้องอาหาร Up and Above นี้ตอนแรกจะไม่ได้มีบริการ Buffet ตอนเที่ยง แต่เนื่องจากเสียงเรียกร้องของแขก ทำให้ตอนนี้ห้องนี้ก็เริ่มเปิดให้บริการบุฟเฟ่ต์จนได้ ด้วยสนนราคา 980++ แลกกับอาหารแบบ International ที่เหมือน ๆ จะเน้นอาหารไทยเล็กน้อย ส่วนตัว Sunday Brunch ที่กำลังจะเปิดนั้นจะราคาอยู่ที่ประมาณ 1,800++ บาท ซึ่งถ้าราคาเท่านี้จริง ก็นับว่าเป็นหนึ่งใน Sunday Brunch ราคาคุ้มค่าของโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพเลยล่ะครับ อ้อ มื้อเช้ากับมื้อเย็นตัว Up and Above นี่จะไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์นะครับเป็นแบบ a la carte ซึ่งผมเดาว่าอีกไม่นานก็คงจะทนกระแสไม่ไหวเปิดบุฟเฟ่ต์ตามมาในที่สุด

ไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของที่นี่ก็จะแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นแบบตักเองกับแบบสั่งทำ แบบตักเองก็จะมีพวก cold seafood ที่ไม่ใหญ่โตอลังการแต่ก็มีสัตว์ทะเลให้เลือกหยิบครบครัน | อาหารไทย พวกแกง ๆ ผัด ๆ ต่าง ๆ | ผักสลัด และชีสแบบตะวันตก และ Main Course แบบตะวันตกซึ่งแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ คำจ้อย ๆ ตักสะดวก ลองได้หลายอย่าง โดยไม่ต้องไปแบ่งเองทีหลัง ส่วนแบบที่สั่งทำก็จะมี Sushi Bar ขนาดเล็กซึ่งผมไม่ได้สั่งเลยไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง (จะสั่งทีไร พ่อครัวไม่อยู่ซะที เลยไม่กินซะเลย) | Lambchop, Roast Meat ที่เดี๋ยวนี้ทุกห้องก็มีอะไรแบบนี้กันหมดแล้ว และ ก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีนแบบไทย ๆ ซึ่งอันหลังนี่แปลกดีครับ ห้องอาหารส่วนใหญ่จะเป็นพาสต้า ๆ (ที่รสชาติกินไม่ค่อยได้) ซึ่งถ้าเอาจริง ๆ ผมชอบนะ อยู่เมืองไทย ก็ต้องให้แขกบ้านแขกเมืองได้ลองอาหารเส้นแบบไทย ๆ กันบ้าง แทนที่จะไปทู่ซี้ทำพาสต้ารสชาติเฮง ๆ ซวย ๆ ออกมา






คือถ้าท่านไหนที่ติดตามอ่าน ๆ บทรีวิวของผมจะสังเกตว่าผมจะไม่ค่อยไปกินพวกไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม หรือร้านอาหารไหน ๆ สักเท่าไร เพราะเท่าที่กินมาในชีวิต อาหารพวกนี้มันจะไม่อร่อยเท่าแบบ a la carte และก็จะพยายามฝืนกินจนเสียสุขภาพ เพราะแบบอยากกินให้คุ้มอยากลองให้ครบ ซึ่งตอนนี้ตัวผมก็เริ่มแก่ล่ะ(จะขึ้นเลข 3 อีกปีนิด ๆ) กินมากก็จะเสียสุขภาพโดยใช่ที ซึ่งจะว่าไป ความคิดนี้แอบถูกทำให้สั่นคลอนลงไปเล็กน้อยจากอาหารของห้องอาหาร Up and Above @ Okura Prestige Bangkok แห่งนี้

มื้อนี้ผมพยายามกินไม่ค่อยเยอะเท่าไรเพราะมีนัดกับเพื่อนกินมื้อเย็นต่อ แต่โดยรวมแล้ว อาหารของห้องนี้อร่อยใช้ได้เลยครับ คือกินแล้วแบบ อืม หลาย ๆ อย่างเอาไปขายเป็น a la carte ได้เลย ไม่ได้มีรสชาติแบบต้องก้ำกลืนฝืนทนกินแบบบางห้องอาหาร ที่ผมชอบ ๆ ก็จะเป็นพวก Main Course คำจิ้ว ๆ สไตล์ตะวันตกของทางร้าน พวกปลาที่ทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปรุงรสมา ที่ชอบที่สุดก็เป็นปลาหิมะปรุงอะไรสักอย่างนี่แหละครับ, ตัว Lambchop กับ Roast meat ก็อร่อยดี อร่อยกว่าหลาย ๆ ห้องที่กินมา โดยเฉพาะ lamb นี่เป็นระดับขาย a la carte จานละหลายร้อยตามร้านอาหารฝรั่งทั่วไปได้เลย







อาหารแบบไทย ๆ ผมได้ลองแค่ก๋วยเตี๋ยวทะเล ซึ่งรสชาติดี น้ำซุปกลมกล่อมและให้เครื่องมาแบบล้นทะลักมา (รบกวนดูรูปประกอบครับ) จริง ๆ อยากลองอาหารไทยแบบอื่น แต่เนื่องจากมันตักยาก เป็นแกง ๆ ซะเยอะ และเท่าที่กิน ๆ ที่ร้านอื่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นรสชาติที่หากินได้ทั่วไปตามร้านอาหารไทยบ้าน ๆ ผมก็เลยไม่ได้ลองชิมครับ อาหารที่เหลือที่ได้ลองก็จะมีพวก cold seafood ซึ่งสดดี ตัวใหญ่ดี คุณภาพดี จะขาดก็แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ เผ็ด ๆ ทีทางห้องอาหารไม่มีให้นี่แหละครับ อ้อ พวกเนื้อดิบสไตล์ตะวันตก หรือ cold cut ห้องนี้เค้าก้มีให้เลือกพอสมควรครับ รสชาติใช้ได้เลย กินได้โดยไม่ต้องฝืนกินแบบบางร้านที่มาแบบเค็มปี๋ ๆ กระเดือกแทบไม่ลงพวกนั้น

ทีเด็ดของมื้อนี้จริง ๆ จะอยู่ที่ของหวานครับ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยพิศวาสของหวานสักเท่าไร และยิ่งเป็นของหวานบุฟเฟ่ต์แล้วนี่ โอย เป็นอ้อม สุนิสา เลยล่ะครับ (ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า) แต่แบบตอนเดิน ๆ ดูไลน์อาหารเห็นของหวานหลายอย่างของห้อง Up and Above นี่ทำมาดูดี ก็เลยคิดไว้แต่แรกว่าเหลือพื้นที่ในกระเพาะไว้ให้หน่อยก็น่าจะเป็นการดี ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ ที่ชอบที่สุดคือตัวไอศครีม Homemade ที่แม้จะมีให้เลือกแค่ 3 รส Vanilla, Strawberry และ Chocolate แต่ก็เป็น 3 รสที่เพียงพอเพราะว่ามันอร่อยมาก อร่อยระดับไอศครีมพรีเมียมติดแบรนด์เลยก็ว่าได้ครับไม่ได้ล้อเล่น ยิ่งมี marshmallow กับแคนตาลูปก้อนจิ๋วให้กินเคล้ากันไปด้วยนั้น ฟินสุด ๆ ของหวานอย่างอื่น ผมจำชื่อไม่ได้เป๊ะ ๆ แต่จะเป็นพวก pudding, castard, vanilla creme brulee ซึ่งทั้งหมดนี้ก็รสชาติดีเช่นกัน จริง ๆ มีของหวานในไลน์อาหารอีกเยอะครับ แต่พอดีอิ่มซะก่อนก็เลยไม่ได้ลองกัน









สรุป มื้อเที่ยงแบบเบา ๆ แม้จะกินบุฟเฟ่ต์ก็ตามของผมที่ห้องอาหาร Up and Above @ Okura Prestige Bangkok แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างประทับใจครับ ตัวร้านบรรยากาศดี โปร่ง โล่งสบาย พร้อมวิวสวย ๆ เห็นป่าคอนกรีตแบบ panorama จากชั้น 24 , พนักงานที่บริการดีได้ระดับโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ (แต่แอบมีหายตัวเป็นพัก ๆ ไม่รู้พนักงานน้อยหรือว่าอะไร) ส่วนตัวอาหาร ผมว่ารสชาติดีกว่าไลน์บุฟเฟ่ต์ช่วงหลัง ๆ ที่ผมกินมาเลย อาจจะยังไม่เทพเท่า Sunday Brunch ที่ราคาแพงกว่ากัน 3 เท่าของบางโรงแรม แต่กับราคา 980++ บาทและมีเฉพาะมื้อเที่ยงแบบในปัจจุบันนี้ ผมแอบคิดว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไรรึเปล่า เพราะคงยากที่จะหาใครมา enjoy มื้อเที่ยงแบบบุฟเฟ่ต์จัดหนักกันแบบนี้ แต่อันนี้ผมก็ไม่รู้อีกเช่นกัน เพราะเห็นโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ ก็มีบุฟเฟ่ต์ตอนเที่ยงกันแทบจะทุกที่ และราคาส่วนใหญ่ก็แพงกว่า 980++ นี่ด้วย ใครที่อยากจะเน้นความคุ้ม พร้อมชมวิวสวย ๆ แบบ Up and Above ก็มาจัดกันได้เลยครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

L'ulivo Italian Restaurant Bangkok Review

L'ulivo Italian Restaurant at Narathiwas soi 7, Bangkok ลูลิโว ร้านอาหารอิตาเลียน นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 7 Pasta, Seafood, Wine



Overall Score  8/10
Taste   3.5/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   4.5/5

L'ulivo - Italian Restaurant on BumRes.com



ร้านที่ชื่ออ่านแว่บแรกอาจจะอ่านไม่ค่อยถูกนามว่า L'ulivo หรือ Lulivo (แปลว่าต้นมะกอก) แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลียนระดับ Hi-end ที่ตั้งอยู่บริเวณ สาทร-นราธิวาส-สีลม ร้านนี้ผมเพิ่งอ่านเจอข้อมูลในนิตยสารสักเล่มนึง (จำไม่ได้ว่าเล่มอะไร) และเห็นเขาเขียนบรรยายถึงสรรพคุณของตัวเชฟใหญ่ของทางร้านไว้ค่อนข้างเลิศหรูดี ก็เลยชวนเพื่อนคู่กินมาลองโดนกันหน่อย ร้าน Lulivo หรือ ลูลิโว แห่งนี้ก็เปิดทำการมาได้ประมาณปีนิด ๆ แล้ว ตัวร้านตั้งอยู่ที่ปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 7 แบบ ปากซอยจริง ๆ ครับ ผมขับรถมาตอนแรกมีแอบเลย เข้าซอยไป 10 เมตรจะเจอร้านเลย เป็นบ้านหลังสีเหลือง ๆ มาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ส่วนที่จอดรถก็สามารถจอดที่ลานจอดรถของทางร้านซึ่งอยู่ติดกันด้านหลังร้าน หรือไม่ก็ใช้บริการ Valet Parking ได้ตามสะดวก

ร้าน L'ulivo แห่งนี้ก็เป็นดังเช่นร้านอิตาเลียนแทบจะทุกร้านในบ้านเราที่จะมี Set Lunch ไว้คอยให้บริการแขกผู้เร่งรีบ หรือแขกผู้ต้องการความประหยัด (ผมเป็นแบบหลัง แต่หลัง ๆ ไปกิน set lunch ร้านอิตาเลียนมาไม่เคยเจออร่อยเลย ก็เลยคิดว่าเลิกดีกว่าไปกินมื้อเย็นดีกว่า) set lunch ของร้านลูลิโวนี่จะมีให้บริการ 3 แบบ 1, 2 และ 3 Course ราคาก็ 310, 360, 430 บาทตามลำดับ เนื่องจากผมไปมื้อเย็น ก็เลยได้แต่มอง ๆ ดูเมนู set lunch ไปแบบพอเป็นพิธี แอบเห็นว่าเมนูของร้านนี้เค้ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะดีทีเดียว เยอะกว่าหลาย ๆ ร้านที่เคยเจอมาครับ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใครที่ทำงานแถว ๆ นี้และอยากแวะมากินอาหารอิตาเลียนเก๋ ๆ นะครับ ส่วนเมนูมื้อเย็น ก็จะคล้าย ๆ กับร้านอิตาเลียนอื่น ๆ มีให้เลือกอย่างละนิดอย่างละหน่อย มีครบทุกรูปแบบ จะยกเว้นก็ตัว Pizza ที่ทางร้านไม่มีให้บริการครับ ราคาอาหารมื้อเย็นก็ตามมาตรฐาน (อ่านว่าแพง) อยู่ที่ 300 - 500 บาทโดยเฉลี่ย

ที่ผมเขียนไว้ตอนต้นว่า สนใจร้าน L'ulivo @ Bangkok แห่งนี้เพราะตัวเชฟดูรัศมีเปล่งประกายดี ก็เพราะว่าตัวเชฟนั้นเคยเป็น Head-chef อยู่ที่ห้องอาหาร Biscotti @ Four Seasons Hotel Bangkok ห้องอาหารอิตาเลียนที่ผมไปมา 2 ทีแล้วก็ค่อนข้างชอบ และก่อนหน้านั้นก็เคยทำงานอยู่ที่อิตาลีกับร้านที่ได้ดาวมิชลิน 3 ดาว, 2 ดาว อย่างละร้าน ที่ฝรั่งเศส ร้าน 3 ดาวอีก 1 ร้าน และแบบอยู่ในครัวมาตั้งแต่เด็ก ได้เป็น head-chef ที่ Biscotti ตั้งแต่ตอนอายุเพียงแค่ 30 ปีเ เรียกได้ว่าเป็นเชฟที่ดูมีพรสวรรค์มาก ๆ และที่ผมเสียดายหนักคือ ก่อนหน้าผมไปแค่ไม่กี่วัน เพื่อนสนิทของเชฟ Danilo Aiassa ที่เคยฝึกงานอยู่ที่ร้านอิตาเลียน 3 ดาว และตอนนี้มีร้าน 1 ดาวของตัวเองแล้ว บินมาช่วยเชฟทำอาหาร Course พิเศษให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกัน ที่เสียดายคือราคาไม่แพง 5 Course และมี Wine paring ให้ 3 แก้ว และลูกค้าให้การตอบรับกันดีมาก (เต็มทุกวัน) แต่ก็เห็นพนักงานบอกว่าจะมีเชิญมาอีกซึ่งคราวหน้า ผมคิดว่าจะไม่ให้พลาดแน่นอน







อาหารของทางร้านลูลิโวนี่จะเป็นอาหารแบบ Traditional Italian (ตามที่เชฟมาคุย ๆ ด้วย) ซึ่งผมก็ไม่รู้สักเท่าไรหรอกครับว่า Modern, Traditional หรือ Contemporary มันแตกต่างกันยังไงบ้าง อาจจะเป็นเรื่องหน้าตาของอาหาร ซึ่งผมว่าอาหารในมื้อนี้ มันก็ดูหน้าตาสวยงาม เจิดจรัสดี ซึ่งนอกจากเรื่องหน้าตาแล้วผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเค้าเอาอะไรมาแบ่งเรื่องยุคสมัยของอาหาร

ของเรียกน้ำย่อยแบบฟรี ๆ ของร้านนี้มีมาให้ถึง 2 อย่าง อย่างแรกเป็นขนมปังที่หน้าตาดูดี รสชาติดีกว่าหลาย ๆ ร้านที่กินมา และให้มาเยอะมาก พอดีว่าผมอยากจะเก็บท้องไว้กินอาหารคาวอย่างอื่น ๆ ก็เลยกินไป 3-4 ชิ้น แต่ก็ 3-4 แบบก็อร่อยดีครับ ส่วนของกินเล่นอีกอย่างเป็นประมาณซุปเห็ด, แฮมเบอเกอร์จิ๋ว และก็แป้งอบอะไรสักอย่าง จานนี้ก็อร่อยอีกเช่นกัน โดยเฉพาะตัวคล้าย ๆ ซุปเห็ด เป็น 2 จานเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว

อาหารจริง ๆ จานแรกในมื้อนี้เริ่มต้นด้วยซุปเบา ๆ กับซุปฟักทอง ที่เสิร์ฟมาแบบอุ่น ๆ และมีกุ้งกับแผ้นแป้งและคล้าย ๆ เมนูพิเศษที่อยู่นอกเหนือจากในเมนูหลัก ผมก็เลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดเป๊ะ ๆ ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง ก็เป็นซุปที่รสชาติธรรมดา ๆ ครับ เบา ๆ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ชอบแบบเข้มข้น ๆ กินแล้วแบบสะใจ ๆ ในรสชาติแบบนั้นมากกว่า และที่สำคัญคือผมชอบซุปร้อน จานนี้มาเป็นซุปอุ่น ๆ ก็เลยเหมือนลดความอร่อยลงไปอีก







Main Course อย่างแรกเป็น อาหารทะเลหลากชนิดและปลาทะเลสด ๆ นำไปย่างจนหอม เสิร์ฟกับผักรวมย่าง (Assorted grilled crustaceans and fish with mixed vegetables - tiger prawns, river prawns, red snapper, sea bass, squid, rock lobster - 950 บาท) คือเป็นประมาณจานกินกันกับครอบครัว หรือเพื่อนฝูงน่ะครับ เพราะมาจานใหญ่มาก จานนี้เป็นอาหารพิเศษที่มีขายเฉพาะตอนเที่ยงวันเสาร์ ซึ่งทางร้าน L'ulivo นี่วันเสาร์ของทางร้านจะเหมือนวันอาทิตย์ เพราะวันอาทิตย์จะหยุด วันเสาร์เที่ยงก็เลยจะมี Long Lunch ไว้รองรับลูกค้าแทน จานนี้พนักงานบอกว่าเป็นจานที่คุ้มมาก ลูกค้าสั่งเยอะมากเพราะว่าให้ของมาคุ้มค่าเกินราคาจริง ๆ ซึ่งจากที่ผมได้กินแล้วมันก็เป็นตามนั้นจริง ๆ ครับ เพราะแค่กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ 2 ตัว กับกุ้งลายเสือ ตัวเบิ้ม 2 ตัวแค่นี้ ถ้าเอาจริง ๆ บางร้านก็ขายกัน 900 บาทล่ะ แต่นี้มีปลากระพงแดง, ปลากระพง, ปลาหมึก และกั้งมาอีก จานนี้ดีครับ อาหารทะเลทุกอย่างสดหมดและย่างมากำลังดีมาก ตัวผักทอดที่ให้มาด้วยก็ดีครับ แปลกดี ผมเพิ่งเคยกินผักย่างแบบฝรั่งกับอาหารทะเลที่ให้ความรู้สึกคล้ายกินอาหารทะเลเผาแบบไทย ๆ แบบนี้

Main Course อีกจานเป็น เนื้อนานาชนิด (เนื้อริบอายส์, เนื้อแทนเดอร์ลอย, ไก่อ่อน, อิตาเลียนซอสเสจ, เบคอน) นำไปย่างบนเตาถ่านหินจากภูเขาไฟเสิร์ฟกับผักรวมย่าง (Assorted grilled meat with mixed vegetables - grass fed rib eye, beef tenderloin, baby chicken, fresh sausages and bacon - 950 บาท) จานนี้จะคล้าย ๆ จานแรกที่มีขายเฉพาะ Long Lunch วันเสาร์ และมาแบบจัดเต็ม ครบครันความเป็นเนื้อ รสชาติโดยรวมถือว่าดีครับ แต่ยังไม่ได้แบบอร่อยแบบโดดเด่น จะมีดีที่สุดก็คงเป็นตัวไส้กรอก Homemade ที่อร่อยมาก ส่วนตัวเนื้อ 2 แบบกับหมูสามชั้น ผมว่ายังค่อนข้างเฉย ๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่ได้ใช้เนื้อเกรดดี เพราะราคาเท่านี้คงเอาเนื้อชั้นดีมาขายไม่ค่อยได้ แต่ก็ถือว่ายังโอเคครับ กินกับ Red Wine ได้เพลิน ๆ







อาหารคาวอีกอย่างเป็นพาสต้า สปาเก็ตตี้ชิทาร่าโฮมเมด ผัดกับเนื้อปูราชันย์ ปลาคิงฟิชหางเหลือง จากทะเลอเดรียติกที่อยู่ติดกับอิตาลีและผักอาติโช้คผัด (Homemade spaghetti chitarra with king crab, yellowtails and sauteed articokes - 450 บาท) จานนี้ความโดดเด่นคงเป็นที่เส้นสปาเก็ตตี้แบบโฮมเมด ที่ทางร้านทำเองที่ร้านเลย เส้นก็เลยจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ ๆ และให้ texture ที่โดดเด่นกว่ากินสปาเก็ตตี้ร้านอื่น คือมันจะมีความหนึบไม่เท่ากันในทุก ๆ จุดที่กัด แปลกดี แต่ว่าตัวรสชาติมันยังไม่ค่อยโดนเท่าไร คือเค็มไปสำหรับผม มีรสชาติเค็มอยู่รสเดียว ไม่ได้เป็นรสแบบ complex ๆ แบบพาสต้าเทพ ๆ ที่ผมกินมา ตัวปูกับปลาที่ให้มาก็ดีครับ สดอร่อยดี แต่ชิ้นเล็กไปนิด

ของหวานในมื้อนี้ก็จะมี แผ่นแป้งทอดสไตล์ซิซิเลี่ยน สอดไส้ด้วยดาร์คช็อตโกแลต ผลไม้รวมในน้ำเชื่อม ถั่วอบแห้ง และน้ำผึ้ง (Sicilian cannoli with dark chocolate and ricotta cheese, candit and dry fruit - 270 บาท) จานนี้เป็นของหวานที่แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน หรือได้กินมาก่อน รสชาติจะแปลก ๆ ประหนึ่งเป็นของคาวผสมของหวานครับ บรรยายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง ผมตื่นตาตื่นใจกับรสชาติประหลาด ๆ ตอนแรก แต่กินไปกินมาก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เพื่อนผมที่ไปด้วยกันบอกว่าแปลกดี และก็กิน ๆ จนหมด -*-








ของหวานอีกอย่างเป็น Chocolate Lava แบบหรูหรา ไฮโซ ดูดีน่ากิน และแน่นอนครับ ทำมาดูดีขนาดนี้ รสชาตินั้นก็เลยยอดเยี่ยมตามไปติด ๆ เป็น Chocolate Lava ที่ผมว่าอร่อยอันดับต้น ๆ หรืออร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย ตัวช็อคโกแลตอร่อยอยู่แล้ว เสริมรสชาติด้วยกล้วยหอมอร่อย ๆ และไอศครีมวานิลลาชั้นดี สุดยอดของหวานเลยครับจานนี้

สรุป ร้าน L'ulivo Italian Restaurant @ นราธิวาสซอย 7 Bangkok แห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนชั้นดีร้านนึงประจำเมืองกรุงเราเลยล่ะครับ การบริการนั้นเข้าขั้นไร้ที่ติ บรรยากาศร้านก็ยอดเยี่ยม (ผมชอบรูป paint ผนังสวย ๆ ที่กระจายอยู่ทั่ว ๆ ร้านมาก) และความคุ้มค่านั้นผมก็ว่าคุ้มจริง โดยเฉพาะพวกจานรวมมิตรจานใหญ่ 2 จานที่ผมสั่งไป รสชาติ อาหารแม้ว่าผมว่าจะยังไม่ค่อยโดนผมนัก เพราะมันเป็นรสชาติแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ซึ่งจะเป็นแบบรสไม่ค่อยจัดเท่าไร ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้กับทุกร้านที่ทำอาหารมารสชาติประมาณนี้ แต่ว่า ผมเห็นลูกค้าหลาย ๆ คนที่ค่อนข้างแน่นร้านในวันที่ไป ก็ดู enjoy อาหารดี อืม ก็คงจะมีคนที่ชอบอาหารรสชาติแท้ ๆ แบบนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะครับ แล้วคุณเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่า?





--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...