Up and Above - International (Buffet) Restaurant at Okura Prestige Bangkok Wireless Road, Bangkok
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 5/5
Service 4/5
Value 4/5
Up and Above - International Restaurant on BumRes.com
จริง ๆ แล้ว โรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพฯ นี่ผมว่ามันก็มีอยู่เยอะพอตัวแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม 2-3 ปีที่ผ่านมา โรงแรมระดับนี้ต่างเปิดตัวกันขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีละเจ้า 2 เจ้า และกับรีวิวฉบับนี้ก็เป็นของห้องอาหาร Up and Above ณ โรงแรม Okura Prestiage ถนนวิทยุโรงแรม 5 ดาวที่เพิ่งเปิดมาใหม่อีกหนึ่งโรง ตัวห้องอาหารนี้จะเป็น 1 ใน 3 ห้องอาหารหลักของทางโรงแรม จะเป็นเสมือนห้องอาหารรับแขก ๆ มีบริการอาหารเช้า, บุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยง และมื้อเย็น และวันอาทิตย์เร็ว ๆ นี้ก็จะเริ่มมี Sunday Brunch Buffet ให้บริการตามพิมพ์นิยมของโรงแรมในสมัยนี้ ซึ่งถ้าเอาจริง ๆ ก็คือโรงแรมในย่านนี้ ไล่เรียงกันไปเลย Plaza Athenee, Conrad, Siam Kempinski, Four Seasons, St. Regis หรือ Sheraton Grande สุขุมวิททุกโรงมีหมดและถ้าโรงแรมน้องใหม่แห่งนี้ไม่มีก็คงเหมือนกับโดนโรงแรมรุ่นพี่ตบหัวเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ว่าได้
ห้องอาหาร Up and Above นี่จากชื่อก็คงพอจะเดาได้ว่าเป็นห้องที่อยู่ชั้นบน ๆ ซึ่งก็เรียกได้ว่าบนจริงเหนือจริงอะไรจริงกับชั้น 24 ของตึก Park Venture บริเวณสี่แยกเพลินจิตแห่งนี้ คือจริง ๆ ตัวโรงแรม Okura Prestige Bangkok เนี่ยจะเริ่มนับพื้นที่ที่ชั้น 24 ขึ้นไปจนถึงชั้น 40 เท่านั้น โดยชั้น 1 ถึง 23 จะเป็น office สำนักงาน ก็เลยทำให้ทุกอย่างของโรงแรมแห่งนี้จริง ๆ ก็เป็นอะไรที่ Up and Above ในตัวมันเองอยู่แล้ว ตัวโรงแรม Okura นี่จากชื่อก็คงพอจะเดาได้ว่าเป็นโรงแรมที่มาจากญี่ปุ่น โดยที่ญี่ปุ่นโรงแรมนี้จะค่อนข้างดัง เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ขายดี มีชื่อเสียงเก่าแก่ ประมาณ Mandarin Oriental บ้านเรา (ผมเคยเกือบได้พักด้วยครับ ตอนนั้นเว็บ booking.com มีลดราคาเหลือคืนละ 5000 เองมั้ง แต่พอดีดันจำกัดเอาวันที่ไปไม่ได้) กับสาขาที่กรุงเทพ ที่มีพ่วงคำว่า Prestige เข้ามานั้นเนื่องจาก 23 สาขาก่อนหน้าที่เป็น Okura เฉย ๆ จะเป็นโรงแรมตกแต่งแนว Traditional Japanese Style แต่กับสาขาที่ 24 ที่กรุงเทพ และเป็นสาขาแรกที่มีคำว่า Prestige พ่วงท้ายชื่อ จะเป็นโรงแรมที่มีการตกแต่งแนว Modern Japanese Style แทน เช่นเดียวกันกับสาขาล่าสุดสาขาที่ 25 ที่ไต้หวันที่เพิ่งเปิดตัวพร้อม ๆ กับที่ไทยเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี่เองครับ
ตัวห้องอาหาร Up and Above นี้ตอนแรกจะไม่ได้มีบริการ Buffet ตอนเที่ยง แต่เนื่องจากเสียงเรียกร้องของแขก ทำให้ตอนนี้ห้องนี้ก็เริ่มเปิดให้บริการบุฟเฟ่ต์จนได้ ด้วยสนนราคา 980++ แลกกับอาหารแบบ International ที่เหมือน ๆ จะเน้นอาหารไทยเล็กน้อย ส่วนตัว Sunday Brunch ที่กำลังจะเปิดนั้นจะราคาอยู่ที่ประมาณ 1,800++ บาท ซึ่งถ้าราคาเท่านี้จริง ก็นับว่าเป็นหนึ่งใน Sunday Brunch ราคาคุ้มค่าของโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพเลยล่ะครับ อ้อ มื้อเช้ากับมื้อเย็นตัว Up and Above นี่จะไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์นะครับเป็นแบบ a la carte ซึ่งผมเดาว่าอีกไม่นานก็คงจะทนกระแสไม่ไหวเปิดบุฟเฟ่ต์ตามมาในที่สุด
ไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของที่นี่ก็จะแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นแบบตักเองกับแบบสั่งทำ แบบตักเองก็จะมีพวก cold seafood ที่ไม่ใหญ่โตอลังการแต่ก็มีสัตว์ทะเลให้เลือกหยิบครบครัน | อาหารไทย พวกแกง ๆ ผัด ๆ ต่าง ๆ | ผักสลัด และชีสแบบตะวันตก และ Main Course แบบตะวันตกซึ่งแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ คำจ้อย ๆ ตักสะดวก ลองได้หลายอย่าง โดยไม่ต้องไปแบ่งเองทีหลัง ส่วนแบบที่สั่งทำก็จะมี Sushi Bar ขนาดเล็กซึ่งผมไม่ได้สั่งเลยไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง (จะสั่งทีไร พ่อครัวไม่อยู่ซะที เลยไม่กินซะเลย) | Lambchop, Roast Meat ที่เดี๋ยวนี้ทุกห้องก็มีอะไรแบบนี้กันหมดแล้ว และ ก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีนแบบไทย ๆ ซึ่งอันหลังนี่แปลกดีครับ ห้องอาหารส่วนใหญ่จะเป็นพาสต้า ๆ (ที่รสชาติกินไม่ค่อยได้) ซึ่งถ้าเอาจริง ๆ ผมชอบนะ อยู่เมืองไทย ก็ต้องให้แขกบ้านแขกเมืองได้ลองอาหารเส้นแบบไทย ๆ กันบ้าง แทนที่จะไปทู่ซี้ทำพาสต้ารสชาติเฮง ๆ ซวย ๆ ออกมา
คือถ้าท่านไหนที่ติดตามอ่าน ๆ บทรีวิวของผมจะสังเกตว่าผมจะไม่ค่อยไปกินพวกไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม หรือร้านอาหารไหน ๆ สักเท่าไร เพราะเท่าที่กินมาในชีวิต อาหารพวกนี้มันจะไม่อร่อยเท่าแบบ a la carte และก็จะพยายามฝืนกินจนเสียสุขภาพ เพราะแบบอยากกินให้คุ้มอยากลองให้ครบ ซึ่งตอนนี้ตัวผมก็เริ่มแก่ล่ะ(จะขึ้นเลข 3 อีกปีนิด ๆ) กินมากก็จะเสียสุขภาพโดยใช่ที ซึ่งจะว่าไป ความคิดนี้แอบถูกทำให้สั่นคลอนลงไปเล็กน้อยจากอาหารของห้องอาหาร Up and Above @ Okura Prestige Bangkok แห่งนี้
มื้อนี้ผมพยายามกินไม่ค่อยเยอะเท่าไรเพราะมีนัดกับเพื่อนกินมื้อเย็นต่อ แต่โดยรวมแล้ว อาหารของห้องนี้อร่อยใช้ได้เลยครับ คือกินแล้วแบบ อืม หลาย ๆ อย่างเอาไปขายเป็น a la carte ได้เลย ไม่ได้มีรสชาติแบบต้องก้ำกลืนฝืนทนกินแบบบางห้องอาหาร ที่ผมชอบ ๆ ก็จะเป็นพวก Main Course คำจิ้ว ๆ สไตล์ตะวันตกของทางร้าน พวกปลาที่ทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปรุงรสมา ที่ชอบที่สุดก็เป็นปลาหิมะปรุงอะไรสักอย่างนี่แหละครับ, ตัว Lambchop กับ Roast meat ก็อร่อยดี อร่อยกว่าหลาย ๆ ห้องที่กินมา โดยเฉพาะ lamb นี่เป็นระดับขาย a la carte จานละหลายร้อยตามร้านอาหารฝรั่งทั่วไปได้เลย
อาหารแบบไทย ๆ ผมได้ลองแค่ก๋วยเตี๋ยวทะเล ซึ่งรสชาติดี น้ำซุปกลมกล่อมและให้เครื่องมาแบบล้นทะลักมา (รบกวนดูรูปประกอบครับ) จริง ๆ อยากลองอาหารไทยแบบอื่น แต่เนื่องจากมันตักยาก เป็นแกง ๆ ซะเยอะ และเท่าที่กิน ๆ ที่ร้านอื่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นรสชาติที่หากินได้ทั่วไปตามร้านอาหารไทยบ้าน ๆ ผมก็เลยไม่ได้ลองชิมครับ อาหารที่เหลือที่ได้ลองก็จะมีพวก cold seafood ซึ่งสดดี ตัวใหญ่ดี คุณภาพดี จะขาดก็แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ เผ็ด ๆ ทีทางห้องอาหารไม่มีให้นี่แหละครับ อ้อ พวกเนื้อดิบสไตล์ตะวันตก หรือ cold cut ห้องนี้เค้าก้มีให้เลือกพอสมควรครับ รสชาติใช้ได้เลย กินได้โดยไม่ต้องฝืนกินแบบบางร้านที่มาแบบเค็มปี๋ ๆ กระเดือกแทบไม่ลงพวกนั้น
ทีเด็ดของมื้อนี้จริง ๆ จะอยู่ที่ของหวานครับ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยพิศวาสของหวานสักเท่าไร และยิ่งเป็นของหวานบุฟเฟ่ต์แล้วนี่ โอย เป็นอ้อม สุนิสา เลยล่ะครับ (ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า) แต่แบบตอนเดิน ๆ ดูไลน์อาหารเห็นของหวานหลายอย่างของห้อง Up and Above นี่ทำมาดูดี ก็เลยคิดไว้แต่แรกว่าเหลือพื้นที่ในกระเพาะไว้ให้หน่อยก็น่าจะเป็นการดี ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ ที่ชอบที่สุดคือตัวไอศครีม Homemade ที่แม้จะมีให้เลือกแค่ 3 รส Vanilla, Strawberry และ Chocolate แต่ก็เป็น 3 รสที่เพียงพอเพราะว่ามันอร่อยมาก อร่อยระดับไอศครีมพรีเมียมติดแบรนด์เลยก็ว่าได้ครับไม่ได้ล้อเล่น ยิ่งมี marshmallow กับแคนตาลูปก้อนจิ๋วให้กินเคล้ากันไปด้วยนั้น ฟินสุด ๆ ของหวานอย่างอื่น ผมจำชื่อไม่ได้เป๊ะ ๆ แต่จะเป็นพวก pudding, castard, vanilla creme brulee ซึ่งทั้งหมดนี้ก็รสชาติดีเช่นกัน จริง ๆ มีของหวานในไลน์อาหารอีกเยอะครับ แต่พอดีอิ่มซะก่อนก็เลยไม่ได้ลองกัน
สรุป มื้อเที่ยงแบบเบา ๆ แม้จะกินบุฟเฟ่ต์ก็ตามของผมที่ห้องอาหาร Up and Above @ Okura Prestige Bangkok แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างประทับใจครับ ตัวร้านบรรยากาศดี โปร่ง โล่งสบาย พร้อมวิวสวย ๆ เห็นป่าคอนกรีตแบบ panorama จากชั้น 24 , พนักงานที่บริการดีได้ระดับโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ (แต่แอบมีหายตัวเป็นพัก ๆ ไม่รู้พนักงานน้อยหรือว่าอะไร) ส่วนตัวอาหาร ผมว่ารสชาติดีกว่าไลน์บุฟเฟ่ต์ช่วงหลัง ๆ ที่ผมกินมาเลย อาจจะยังไม่เทพเท่า Sunday Brunch ที่ราคาแพงกว่ากัน 3 เท่าของบางโรงแรม แต่กับราคา 980++ บาทและมีเฉพาะมื้อเที่ยงแบบในปัจจุบันนี้ ผมแอบคิดว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไรรึเปล่า เพราะคงยากที่จะหาใครมา enjoy มื้อเที่ยงแบบบุฟเฟ่ต์จัดหนักกันแบบนี้ แต่อันนี้ผมก็ไม่รู้อีกเช่นกัน เพราะเห็นโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ ก็มีบุฟเฟ่ต์ตอนเที่ยงกันแทบจะทุกที่ และราคาส่วนใหญ่ก็แพงกว่า 980++ นี่ด้วย ใครที่อยากจะเน้นความคุ้ม พร้อมชมวิวสวย ๆ แบบ Up and Above ก็มาจัดกันได้เลยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Friday, August 31, 2012
L'ulivo Italian Restaurant Bangkok Review
L'ulivo Italian Restaurant at Narathiwas soi 7, Bangkok ลูลิโว ร้านอาหารอิตาเลียน นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 7 Pasta, Seafood, Wine
Overall Score 8/10
Taste 3.5/5
Ambiance 5/5
Service 5/5
Value 4.5/5
L'ulivo - Italian Restaurant on BumRes.com
ร้านที่ชื่ออ่านแว่บแรกอาจจะอ่านไม่ค่อยถูกนามว่า L'ulivo หรือ Lulivo (แปลว่าต้นมะกอก) แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลียนระดับ Hi-end ที่ตั้งอยู่บริเวณ สาทร-นราธิวาส-สีลม ร้านนี้ผมเพิ่งอ่านเจอข้อมูลในนิตยสารสักเล่มนึง (จำไม่ได้ว่าเล่มอะไร) และเห็นเขาเขียนบรรยายถึงสรรพคุณของตัวเชฟใหญ่ของทางร้านไว้ค่อนข้างเลิศหรูดี ก็เลยชวนเพื่อนคู่กินมาลองโดนกันหน่อย ร้าน Lulivo หรือ ลูลิโว แห่งนี้ก็เปิดทำการมาได้ประมาณปีนิด ๆ แล้ว ตัวร้านตั้งอยู่ที่ปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 7 แบบ ปากซอยจริง ๆ ครับ ผมขับรถมาตอนแรกมีแอบเลย เข้าซอยไป 10 เมตรจะเจอร้านเลย เป็นบ้านหลังสีเหลือง ๆ มาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ส่วนที่จอดรถก็สามารถจอดที่ลานจอดรถของทางร้านซึ่งอยู่ติดกันด้านหลังร้าน หรือไม่ก็ใช้บริการ Valet Parking ได้ตามสะดวก
ร้าน L'ulivo แห่งนี้ก็เป็นดังเช่นร้านอิตาเลียนแทบจะทุกร้านในบ้านเราที่จะมี Set Lunch ไว้คอยให้บริการแขกผู้เร่งรีบ หรือแขกผู้ต้องการความประหยัด (ผมเป็นแบบหลัง แต่หลัง ๆ ไปกิน set lunch ร้านอิตาเลียนมาไม่เคยเจออร่อยเลย ก็เลยคิดว่าเลิกดีกว่าไปกินมื้อเย็นดีกว่า) set lunch ของร้านลูลิโวนี่จะมีให้บริการ 3 แบบ 1, 2 และ 3 Course ราคาก็ 310, 360, 430 บาทตามลำดับ เนื่องจากผมไปมื้อเย็น ก็เลยได้แต่มอง ๆ ดูเมนู set lunch ไปแบบพอเป็นพิธี แอบเห็นว่าเมนูของร้านนี้เค้ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะดีทีเดียว เยอะกว่าหลาย ๆ ร้านที่เคยเจอมาครับ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใครที่ทำงานแถว ๆ นี้และอยากแวะมากินอาหารอิตาเลียนเก๋ ๆ นะครับ ส่วนเมนูมื้อเย็น ก็จะคล้าย ๆ กับร้านอิตาเลียนอื่น ๆ มีให้เลือกอย่างละนิดอย่างละหน่อย มีครบทุกรูปแบบ จะยกเว้นก็ตัว Pizza ที่ทางร้านไม่มีให้บริการครับ ราคาอาหารมื้อเย็นก็ตามมาตรฐาน (อ่านว่าแพง) อยู่ที่ 300 - 500 บาทโดยเฉลี่ย
ที่ผมเขียนไว้ตอนต้นว่า สนใจร้าน L'ulivo @ Bangkok แห่งนี้เพราะตัวเชฟดูรัศมีเปล่งประกายดี ก็เพราะว่าตัวเชฟนั้นเคยเป็น Head-chef อยู่ที่ห้องอาหาร Biscotti @ Four Seasons Hotel Bangkok ห้องอาหารอิตาเลียนที่ผมไปมา 2 ทีแล้วก็ค่อนข้างชอบ และก่อนหน้านั้นก็เคยทำงานอยู่ที่อิตาลีกับร้านที่ได้ดาวมิชลิน 3 ดาว, 2 ดาว อย่างละร้าน ที่ฝรั่งเศส ร้าน 3 ดาวอีก 1 ร้าน และแบบอยู่ในครัวมาตั้งแต่เด็ก ได้เป็น head-chef ที่ Biscotti ตั้งแต่ตอนอายุเพียงแค่ 30 ปีเ เรียกได้ว่าเป็นเชฟที่ดูมีพรสวรรค์มาก ๆ และที่ผมเสียดายหนักคือ ก่อนหน้าผมไปแค่ไม่กี่วัน เพื่อนสนิทของเชฟ Danilo Aiassa ที่เคยฝึกงานอยู่ที่ร้านอิตาเลียน 3 ดาว และตอนนี้มีร้าน 1 ดาวของตัวเองแล้ว บินมาช่วยเชฟทำอาหาร Course พิเศษให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกัน ที่เสียดายคือราคาไม่แพง 5 Course และมี Wine paring ให้ 3 แก้ว และลูกค้าให้การตอบรับกันดีมาก (เต็มทุกวัน) แต่ก็เห็นพนักงานบอกว่าจะมีเชิญมาอีกซึ่งคราวหน้า ผมคิดว่าจะไม่ให้พลาดแน่นอน
อาหารของทางร้านลูลิโวนี่จะเป็นอาหารแบบ Traditional Italian (ตามที่เชฟมาคุย ๆ ด้วย) ซึ่งผมก็ไม่รู้สักเท่าไรหรอกครับว่า Modern, Traditional หรือ Contemporary มันแตกต่างกันยังไงบ้าง อาจจะเป็นเรื่องหน้าตาของอาหาร ซึ่งผมว่าอาหารในมื้อนี้ มันก็ดูหน้าตาสวยงาม เจิดจรัสดี ซึ่งนอกจากเรื่องหน้าตาแล้วผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเค้าเอาอะไรมาแบ่งเรื่องยุคสมัยของอาหาร
ของเรียกน้ำย่อยแบบฟรี ๆ ของร้านนี้มีมาให้ถึง 2 อย่าง อย่างแรกเป็นขนมปังที่หน้าตาดูดี รสชาติดีกว่าหลาย ๆ ร้านที่กินมา และให้มาเยอะมาก พอดีว่าผมอยากจะเก็บท้องไว้กินอาหารคาวอย่างอื่น ๆ ก็เลยกินไป 3-4 ชิ้น แต่ก็ 3-4 แบบก็อร่อยดีครับ ส่วนของกินเล่นอีกอย่างเป็นประมาณซุปเห็ด, แฮมเบอเกอร์จิ๋ว และก็แป้งอบอะไรสักอย่าง จานนี้ก็อร่อยอีกเช่นกัน โดยเฉพาะตัวคล้าย ๆ ซุปเห็ด เป็น 2 จานเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว
อาหารจริง ๆ จานแรกในมื้อนี้เริ่มต้นด้วยซุปเบา ๆ กับซุปฟักทอง ที่เสิร์ฟมาแบบอุ่น ๆ และมีกุ้งกับแผ้นแป้งและคล้าย ๆ เมนูพิเศษที่อยู่นอกเหนือจากในเมนูหลัก ผมก็เลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดเป๊ะ ๆ ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง ก็เป็นซุปที่รสชาติธรรมดา ๆ ครับ เบา ๆ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ชอบแบบเข้มข้น ๆ กินแล้วแบบสะใจ ๆ ในรสชาติแบบนั้นมากกว่า และที่สำคัญคือผมชอบซุปร้อน จานนี้มาเป็นซุปอุ่น ๆ ก็เลยเหมือนลดความอร่อยลงไปอีก
Main Course อย่างแรกเป็น อาหารทะเลหลากชนิดและปลาทะเลสด ๆ นำไปย่างจนหอม เสิร์ฟกับผักรวมย่าง (Assorted grilled crustaceans and fish with mixed vegetables - tiger prawns, river prawns, red snapper, sea bass, squid, rock lobster - 950 บาท) คือเป็นประมาณจานกินกันกับครอบครัว หรือเพื่อนฝูงน่ะครับ เพราะมาจานใหญ่มาก จานนี้เป็นอาหารพิเศษที่มีขายเฉพาะตอนเที่ยงวันเสาร์ ซึ่งทางร้าน L'ulivo นี่วันเสาร์ของทางร้านจะเหมือนวันอาทิตย์ เพราะวันอาทิตย์จะหยุด วันเสาร์เที่ยงก็เลยจะมี Long Lunch ไว้รองรับลูกค้าแทน จานนี้พนักงานบอกว่าเป็นจานที่คุ้มมาก ลูกค้าสั่งเยอะมากเพราะว่าให้ของมาคุ้มค่าเกินราคาจริง ๆ ซึ่งจากที่ผมได้กินแล้วมันก็เป็นตามนั้นจริง ๆ ครับ เพราะแค่กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ 2 ตัว กับกุ้งลายเสือ ตัวเบิ้ม 2 ตัวแค่นี้ ถ้าเอาจริง ๆ บางร้านก็ขายกัน 900 บาทล่ะ แต่นี้มีปลากระพงแดง, ปลากระพง, ปลาหมึก และกั้งมาอีก จานนี้ดีครับ อาหารทะเลทุกอย่างสดหมดและย่างมากำลังดีมาก ตัวผักทอดที่ให้มาด้วยก็ดีครับ แปลกดี ผมเพิ่งเคยกินผักย่างแบบฝรั่งกับอาหารทะเลที่ให้ความรู้สึกคล้ายกินอาหารทะเลเผาแบบไทย ๆ แบบนี้
Main Course อีกจานเป็น เนื้อนานาชนิด (เนื้อริบอายส์, เนื้อแทนเดอร์ลอย, ไก่อ่อน, อิตาเลียนซอสเสจ, เบคอน) นำไปย่างบนเตาถ่านหินจากภูเขาไฟเสิร์ฟกับผักรวมย่าง (Assorted grilled meat with mixed vegetables - grass fed rib eye, beef tenderloin, baby chicken, fresh sausages and bacon - 950 บาท) จานนี้จะคล้าย ๆ จานแรกที่มีขายเฉพาะ Long Lunch วันเสาร์ และมาแบบจัดเต็ม ครบครันความเป็นเนื้อ รสชาติโดยรวมถือว่าดีครับ แต่ยังไม่ได้แบบอร่อยแบบโดดเด่น จะมีดีที่สุดก็คงเป็นตัวไส้กรอก Homemade ที่อร่อยมาก ส่วนตัวเนื้อ 2 แบบกับหมูสามชั้น ผมว่ายังค่อนข้างเฉย ๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่ได้ใช้เนื้อเกรดดี เพราะราคาเท่านี้คงเอาเนื้อชั้นดีมาขายไม่ค่อยได้ แต่ก็ถือว่ายังโอเคครับ กินกับ Red Wine ได้เพลิน ๆ
อาหารคาวอีกอย่างเป็นพาสต้า สปาเก็ตตี้ชิทาร่าโฮมเมด ผัดกับเนื้อปูราชันย์ ปลาคิงฟิชหางเหลือง จากทะเลอเดรียติกที่อยู่ติดกับอิตาลีและผักอาติโช้คผัด (Homemade spaghetti chitarra with king crab, yellowtails and sauteed articokes - 450 บาท) จานนี้ความโดดเด่นคงเป็นที่เส้นสปาเก็ตตี้แบบโฮมเมด ที่ทางร้านทำเองที่ร้านเลย เส้นก็เลยจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ ๆ และให้ texture ที่โดดเด่นกว่ากินสปาเก็ตตี้ร้านอื่น คือมันจะมีความหนึบไม่เท่ากันในทุก ๆ จุดที่กัด แปลกดี แต่ว่าตัวรสชาติมันยังไม่ค่อยโดนเท่าไร คือเค็มไปสำหรับผม มีรสชาติเค็มอยู่รสเดียว ไม่ได้เป็นรสแบบ complex ๆ แบบพาสต้าเทพ ๆ ที่ผมกินมา ตัวปูกับปลาที่ให้มาก็ดีครับ สดอร่อยดี แต่ชิ้นเล็กไปนิด
ของหวานในมื้อนี้ก็จะมี แผ่นแป้งทอดสไตล์ซิซิเลี่ยน สอดไส้ด้วยดาร์คช็อตโกแลต ผลไม้รวมในน้ำเชื่อม ถั่วอบแห้ง และน้ำผึ้ง (Sicilian cannoli with dark chocolate and ricotta cheese, candit and dry fruit - 270 บาท) จานนี้เป็นของหวานที่แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน หรือได้กินมาก่อน รสชาติจะแปลก ๆ ประหนึ่งเป็นของคาวผสมของหวานครับ บรรยายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง ผมตื่นตาตื่นใจกับรสชาติประหลาด ๆ ตอนแรก แต่กินไปกินมาก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เพื่อนผมที่ไปด้วยกันบอกว่าแปลกดี และก็กิน ๆ จนหมด -*-
ของหวานอีกอย่างเป็น Chocolate Lava แบบหรูหรา ไฮโซ ดูดีน่ากิน และแน่นอนครับ ทำมาดูดีขนาดนี้ รสชาตินั้นก็เลยยอดเยี่ยมตามไปติด ๆ เป็น Chocolate Lava ที่ผมว่าอร่อยอันดับต้น ๆ หรืออร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย ตัวช็อคโกแลตอร่อยอยู่แล้ว เสริมรสชาติด้วยกล้วยหอมอร่อย ๆ และไอศครีมวานิลลาชั้นดี สุดยอดของหวานเลยครับจานนี้
สรุป ร้าน L'ulivo Italian Restaurant @ นราธิวาสซอย 7 Bangkok แห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนชั้นดีร้านนึงประจำเมืองกรุงเราเลยล่ะครับ การบริการนั้นเข้าขั้นไร้ที่ติ บรรยากาศร้านก็ยอดเยี่ยม (ผมชอบรูป paint ผนังสวย ๆ ที่กระจายอยู่ทั่ว ๆ ร้านมาก) และความคุ้มค่านั้นผมก็ว่าคุ้มจริง โดยเฉพาะพวกจานรวมมิตรจานใหญ่ 2 จานที่ผมสั่งไป รสชาติ อาหารแม้ว่าผมว่าจะยังไม่ค่อยโดนผมนัก เพราะมันเป็นรสชาติแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ซึ่งจะเป็นแบบรสไม่ค่อยจัดเท่าไร ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้กับทุกร้านที่ทำอาหารมารสชาติประมาณนี้ แต่ว่า ผมเห็นลูกค้าหลาย ๆ คนที่ค่อนข้างแน่นร้านในวันที่ไป ก็ดู enjoy อาหารดี อืม ก็คงจะมีคนที่ชอบอาหารรสชาติแท้ ๆ แบบนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะครับ แล้วคุณเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่า?
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score 8/10
Taste 3.5/5
Ambiance 5/5
Service 5/5
Value 4.5/5
L'ulivo - Italian Restaurant on BumRes.com
ร้านที่ชื่ออ่านแว่บแรกอาจจะอ่านไม่ค่อยถูกนามว่า L'ulivo หรือ Lulivo (แปลว่าต้นมะกอก) แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลียนระดับ Hi-end ที่ตั้งอยู่บริเวณ สาทร-นราธิวาส-สีลม ร้านนี้ผมเพิ่งอ่านเจอข้อมูลในนิตยสารสักเล่มนึง (จำไม่ได้ว่าเล่มอะไร) และเห็นเขาเขียนบรรยายถึงสรรพคุณของตัวเชฟใหญ่ของทางร้านไว้ค่อนข้างเลิศหรูดี ก็เลยชวนเพื่อนคู่กินมาลองโดนกันหน่อย ร้าน Lulivo หรือ ลูลิโว แห่งนี้ก็เปิดทำการมาได้ประมาณปีนิด ๆ แล้ว ตัวร้านตั้งอยู่ที่ปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 7 แบบ ปากซอยจริง ๆ ครับ ผมขับรถมาตอนแรกมีแอบเลย เข้าซอยไป 10 เมตรจะเจอร้านเลย เป็นบ้านหลังสีเหลือง ๆ มาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ส่วนที่จอดรถก็สามารถจอดที่ลานจอดรถของทางร้านซึ่งอยู่ติดกันด้านหลังร้าน หรือไม่ก็ใช้บริการ Valet Parking ได้ตามสะดวก
ร้าน L'ulivo แห่งนี้ก็เป็นดังเช่นร้านอิตาเลียนแทบจะทุกร้านในบ้านเราที่จะมี Set Lunch ไว้คอยให้บริการแขกผู้เร่งรีบ หรือแขกผู้ต้องการความประหยัด (ผมเป็นแบบหลัง แต่หลัง ๆ ไปกิน set lunch ร้านอิตาเลียนมาไม่เคยเจออร่อยเลย ก็เลยคิดว่าเลิกดีกว่าไปกินมื้อเย็นดีกว่า) set lunch ของร้านลูลิโวนี่จะมีให้บริการ 3 แบบ 1, 2 และ 3 Course ราคาก็ 310, 360, 430 บาทตามลำดับ เนื่องจากผมไปมื้อเย็น ก็เลยได้แต่มอง ๆ ดูเมนู set lunch ไปแบบพอเป็นพิธี แอบเห็นว่าเมนูของร้านนี้เค้ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะดีทีเดียว เยอะกว่าหลาย ๆ ร้านที่เคยเจอมาครับ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใครที่ทำงานแถว ๆ นี้และอยากแวะมากินอาหารอิตาเลียนเก๋ ๆ นะครับ ส่วนเมนูมื้อเย็น ก็จะคล้าย ๆ กับร้านอิตาเลียนอื่น ๆ มีให้เลือกอย่างละนิดอย่างละหน่อย มีครบทุกรูปแบบ จะยกเว้นก็ตัว Pizza ที่ทางร้านไม่มีให้บริการครับ ราคาอาหารมื้อเย็นก็ตามมาตรฐาน (อ่านว่าแพง) อยู่ที่ 300 - 500 บาทโดยเฉลี่ย
ที่ผมเขียนไว้ตอนต้นว่า สนใจร้าน L'ulivo @ Bangkok แห่งนี้เพราะตัวเชฟดูรัศมีเปล่งประกายดี ก็เพราะว่าตัวเชฟนั้นเคยเป็น Head-chef อยู่ที่ห้องอาหาร Biscotti @ Four Seasons Hotel Bangkok ห้องอาหารอิตาเลียนที่ผมไปมา 2 ทีแล้วก็ค่อนข้างชอบ และก่อนหน้านั้นก็เคยทำงานอยู่ที่อิตาลีกับร้านที่ได้ดาวมิชลิน 3 ดาว, 2 ดาว อย่างละร้าน ที่ฝรั่งเศส ร้าน 3 ดาวอีก 1 ร้าน และแบบอยู่ในครัวมาตั้งแต่เด็ก ได้เป็น head-chef ที่ Biscotti ตั้งแต่ตอนอายุเพียงแค่ 30 ปีเ เรียกได้ว่าเป็นเชฟที่ดูมีพรสวรรค์มาก ๆ และที่ผมเสียดายหนักคือ ก่อนหน้าผมไปแค่ไม่กี่วัน เพื่อนสนิทของเชฟ Danilo Aiassa ที่เคยฝึกงานอยู่ที่ร้านอิตาเลียน 3 ดาว และตอนนี้มีร้าน 1 ดาวของตัวเองแล้ว บินมาช่วยเชฟทำอาหาร Course พิเศษให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกัน ที่เสียดายคือราคาไม่แพง 5 Course และมี Wine paring ให้ 3 แก้ว และลูกค้าให้การตอบรับกันดีมาก (เต็มทุกวัน) แต่ก็เห็นพนักงานบอกว่าจะมีเชิญมาอีกซึ่งคราวหน้า ผมคิดว่าจะไม่ให้พลาดแน่นอน
อาหารของทางร้านลูลิโวนี่จะเป็นอาหารแบบ Traditional Italian (ตามที่เชฟมาคุย ๆ ด้วย) ซึ่งผมก็ไม่รู้สักเท่าไรหรอกครับว่า Modern, Traditional หรือ Contemporary มันแตกต่างกันยังไงบ้าง อาจจะเป็นเรื่องหน้าตาของอาหาร ซึ่งผมว่าอาหารในมื้อนี้ มันก็ดูหน้าตาสวยงาม เจิดจรัสดี ซึ่งนอกจากเรื่องหน้าตาแล้วผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเค้าเอาอะไรมาแบ่งเรื่องยุคสมัยของอาหาร
ของเรียกน้ำย่อยแบบฟรี ๆ ของร้านนี้มีมาให้ถึง 2 อย่าง อย่างแรกเป็นขนมปังที่หน้าตาดูดี รสชาติดีกว่าหลาย ๆ ร้านที่กินมา และให้มาเยอะมาก พอดีว่าผมอยากจะเก็บท้องไว้กินอาหารคาวอย่างอื่น ๆ ก็เลยกินไป 3-4 ชิ้น แต่ก็ 3-4 แบบก็อร่อยดีครับ ส่วนของกินเล่นอีกอย่างเป็นประมาณซุปเห็ด, แฮมเบอเกอร์จิ๋ว และก็แป้งอบอะไรสักอย่าง จานนี้ก็อร่อยอีกเช่นกัน โดยเฉพาะตัวคล้าย ๆ ซุปเห็ด เป็น 2 จานเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว
อาหารจริง ๆ จานแรกในมื้อนี้เริ่มต้นด้วยซุปเบา ๆ กับซุปฟักทอง ที่เสิร์ฟมาแบบอุ่น ๆ และมีกุ้งกับแผ้นแป้งและคล้าย ๆ เมนูพิเศษที่อยู่นอกเหนือจากในเมนูหลัก ผมก็เลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดเป๊ะ ๆ ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง ก็เป็นซุปที่รสชาติธรรมดา ๆ ครับ เบา ๆ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ชอบแบบเข้มข้น ๆ กินแล้วแบบสะใจ ๆ ในรสชาติแบบนั้นมากกว่า และที่สำคัญคือผมชอบซุปร้อน จานนี้มาเป็นซุปอุ่น ๆ ก็เลยเหมือนลดความอร่อยลงไปอีก
Main Course อย่างแรกเป็น อาหารทะเลหลากชนิดและปลาทะเลสด ๆ นำไปย่างจนหอม เสิร์ฟกับผักรวมย่าง (Assorted grilled crustaceans and fish with mixed vegetables - tiger prawns, river prawns, red snapper, sea bass, squid, rock lobster - 950 บาท) คือเป็นประมาณจานกินกันกับครอบครัว หรือเพื่อนฝูงน่ะครับ เพราะมาจานใหญ่มาก จานนี้เป็นอาหารพิเศษที่มีขายเฉพาะตอนเที่ยงวันเสาร์ ซึ่งทางร้าน L'ulivo นี่วันเสาร์ของทางร้านจะเหมือนวันอาทิตย์ เพราะวันอาทิตย์จะหยุด วันเสาร์เที่ยงก็เลยจะมี Long Lunch ไว้รองรับลูกค้าแทน จานนี้พนักงานบอกว่าเป็นจานที่คุ้มมาก ลูกค้าสั่งเยอะมากเพราะว่าให้ของมาคุ้มค่าเกินราคาจริง ๆ ซึ่งจากที่ผมได้กินแล้วมันก็เป็นตามนั้นจริง ๆ ครับ เพราะแค่กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ 2 ตัว กับกุ้งลายเสือ ตัวเบิ้ม 2 ตัวแค่นี้ ถ้าเอาจริง ๆ บางร้านก็ขายกัน 900 บาทล่ะ แต่นี้มีปลากระพงแดง, ปลากระพง, ปลาหมึก และกั้งมาอีก จานนี้ดีครับ อาหารทะเลทุกอย่างสดหมดและย่างมากำลังดีมาก ตัวผักทอดที่ให้มาด้วยก็ดีครับ แปลกดี ผมเพิ่งเคยกินผักย่างแบบฝรั่งกับอาหารทะเลที่ให้ความรู้สึกคล้ายกินอาหารทะเลเผาแบบไทย ๆ แบบนี้
Main Course อีกจานเป็น เนื้อนานาชนิด (เนื้อริบอายส์, เนื้อแทนเดอร์ลอย, ไก่อ่อน, อิตาเลียนซอสเสจ, เบคอน) นำไปย่างบนเตาถ่านหินจากภูเขาไฟเสิร์ฟกับผักรวมย่าง (Assorted grilled meat with mixed vegetables - grass fed rib eye, beef tenderloin, baby chicken, fresh sausages and bacon - 950 บาท) จานนี้จะคล้าย ๆ จานแรกที่มีขายเฉพาะ Long Lunch วันเสาร์ และมาแบบจัดเต็ม ครบครันความเป็นเนื้อ รสชาติโดยรวมถือว่าดีครับ แต่ยังไม่ได้แบบอร่อยแบบโดดเด่น จะมีดีที่สุดก็คงเป็นตัวไส้กรอก Homemade ที่อร่อยมาก ส่วนตัวเนื้อ 2 แบบกับหมูสามชั้น ผมว่ายังค่อนข้างเฉย ๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่ได้ใช้เนื้อเกรดดี เพราะราคาเท่านี้คงเอาเนื้อชั้นดีมาขายไม่ค่อยได้ แต่ก็ถือว่ายังโอเคครับ กินกับ Red Wine ได้เพลิน ๆ
อาหารคาวอีกอย่างเป็นพาสต้า สปาเก็ตตี้ชิทาร่าโฮมเมด ผัดกับเนื้อปูราชันย์ ปลาคิงฟิชหางเหลือง จากทะเลอเดรียติกที่อยู่ติดกับอิตาลีและผักอาติโช้คผัด (Homemade spaghetti chitarra with king crab, yellowtails and sauteed articokes - 450 บาท) จานนี้ความโดดเด่นคงเป็นที่เส้นสปาเก็ตตี้แบบโฮมเมด ที่ทางร้านทำเองที่ร้านเลย เส้นก็เลยจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ ๆ และให้ texture ที่โดดเด่นกว่ากินสปาเก็ตตี้ร้านอื่น คือมันจะมีความหนึบไม่เท่ากันในทุก ๆ จุดที่กัด แปลกดี แต่ว่าตัวรสชาติมันยังไม่ค่อยโดนเท่าไร คือเค็มไปสำหรับผม มีรสชาติเค็มอยู่รสเดียว ไม่ได้เป็นรสแบบ complex ๆ แบบพาสต้าเทพ ๆ ที่ผมกินมา ตัวปูกับปลาที่ให้มาก็ดีครับ สดอร่อยดี แต่ชิ้นเล็กไปนิด
ของหวานในมื้อนี้ก็จะมี แผ่นแป้งทอดสไตล์ซิซิเลี่ยน สอดไส้ด้วยดาร์คช็อตโกแลต ผลไม้รวมในน้ำเชื่อม ถั่วอบแห้ง และน้ำผึ้ง (Sicilian cannoli with dark chocolate and ricotta cheese, candit and dry fruit - 270 บาท) จานนี้เป็นของหวานที่แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน หรือได้กินมาก่อน รสชาติจะแปลก ๆ ประหนึ่งเป็นของคาวผสมของหวานครับ บรรยายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง ผมตื่นตาตื่นใจกับรสชาติประหลาด ๆ ตอนแรก แต่กินไปกินมาก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เพื่อนผมที่ไปด้วยกันบอกว่าแปลกดี และก็กิน ๆ จนหมด -*-
ของหวานอีกอย่างเป็น Chocolate Lava แบบหรูหรา ไฮโซ ดูดีน่ากิน และแน่นอนครับ ทำมาดูดีขนาดนี้ รสชาตินั้นก็เลยยอดเยี่ยมตามไปติด ๆ เป็น Chocolate Lava ที่ผมว่าอร่อยอันดับต้น ๆ หรืออร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย ตัวช็อคโกแลตอร่อยอยู่แล้ว เสริมรสชาติด้วยกล้วยหอมอร่อย ๆ และไอศครีมวานิลลาชั้นดี สุดยอดของหวานเลยครับจานนี้
สรุป ร้าน L'ulivo Italian Restaurant @ นราธิวาสซอย 7 Bangkok แห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนชั้นดีร้านนึงประจำเมืองกรุงเราเลยล่ะครับ การบริการนั้นเข้าขั้นไร้ที่ติ บรรยากาศร้านก็ยอดเยี่ยม (ผมชอบรูป paint ผนังสวย ๆ ที่กระจายอยู่ทั่ว ๆ ร้านมาก) และความคุ้มค่านั้นผมก็ว่าคุ้มจริง โดยเฉพาะพวกจานรวมมิตรจานใหญ่ 2 จานที่ผมสั่งไป รสชาติ อาหารแม้ว่าผมว่าจะยังไม่ค่อยโดนผมนัก เพราะมันเป็นรสชาติแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ซึ่งจะเป็นแบบรสไม่ค่อยจัดเท่าไร ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้กับทุกร้านที่ทำอาหารมารสชาติประมาณนี้ แต่ว่า ผมเห็นลูกค้าหลาย ๆ คนที่ค่อนข้างแน่นร้านในวันที่ไป ก็ดู enjoy อาหารดี อืม ก็คงจะมีคนที่ชอบอาหารรสชาติแท้ ๆ แบบนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะครับ แล้วคุณเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่า?
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)