ต้องตาปูดอง - ร้านข้าวต้ม อาหารไทย อาหารตามสั่ง มื้อดึก - ถนนศรีวรา Town in Town
Overall Score 6.5/10
Taste 3.5/5
Ambiance 2/5
Service 3/5
Value 3/5
ต้องตาปูดอง - ร้านข้าวต้ม อาหารไทย มื้อดึก on BumRes.com (For more pictures and menu)
ช่วงหลัง ๆ นี่ผมรู้สึกว่าจะได้กินร้านอาหารประเภทข้าวต้ม, ร้านมื้อดึก เยอะกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย จากที่เมื่อก่อนไม่เคยได้กินเลย ช่วงหลัง ๆ นี่ได้ตระเวณไปหลายร้านเหมือนกัน ร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านแนวนี้กับร้านที่มีชื่อว่า "ต้องตาปูดอง" ร้านนี้อาจจะไม่ได้เป็นร้านมื้อดึกอะไรมากมาย ไม่เหมือนร้านอื่น ๆ ที่เคยรีวิวมาเพราะว่าเปิดถึงแค่ตี 1 แต่ก็เป็นอะไรที่ดึกพอ ดึกกว่าหลาย ๆ ร้านในย่านถนนศรีวรานี่พอสมควรล่ะ ร้าน ต้องตาปูดอง แห่งนี้ ตั้งอยู่บนนถนนศรีวรา ถ้าขับมาจากทางฝั่งพระราม 9 เลี้ยวเข้าถนนศรีวรามาก็จะอยู่ก่อนถึงทางเข้า town in town เล็กน้อย หรือพูดอีกนัยนึงคือเกือบจะเยื้อง ๆ กับ town in town ก็ว่าได้ หาไม่ยากครับ แต่ประเด็นคือจะมีที่จอดรถรึเปล่าแค่นั้น โชคดีตอนผมไปเป็นช่วงยังไม่ดึกมาก ก็เลยยังพอมีที่จอดรถอยู่ แต่แบบ พอผมยิ่งกินก็ยิ่งมีลูกค้ามาเรื่อย ๆ จนตอนหลัง หน้าร้านนี้ไม่มีที่จอดรถกันเลยทีเดียว
ร้าน ต้องตาปูดองแห่งนี้ก็เป็นร้านแบบบ้าน ๆ ห้องแถว ๆ เพิง ๆ ตามประสาร้านข้าวต้มข้างถนนที่พบเจอกันได้ทั่ว ๆ ไป บรรยากาศของร้านออกแนวเป็นเพิง ๆ มากกว่าห้องแถวด้วยซ้ำ และก็ออกแนวซกมก ๆ กว่าร้านข้าวต้มร้านอื่น ๆ ที่ผมเคยกินมาก็ว่าได้ อืม แต่ความสกปรก ความซกมก ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการกินอาหารแนว ๆ นี้กันสักเท่าไรสำหรับผม (หรืออาจจะทุก ๆ ท่านด้วย?) มันจะออกแนวยิ่งซกมก ก็ยิ่งจะทำให้ร้านแนวนี้ดูขลังกว่าเดิมก็คงไม่ผิดนัก อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นอาหารประเภท อาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ตามกรรมวิธีการทำ เช่นอาหารหมวด ยำ, อาหารรสจัด, อาหารหมวดผัด หรืออาหารพวกต้ม ๆ อะไรพวกนี้ ราคาอาหารของร้านนี้ผมก็ไม่รู้ว่าแพงรึเปล่าคืออยู่ที่อย่างละประมาณ 100 บาทโดยประมาณ ซึ่งเมื่อเทียบกับร้านข้าวต้มแนว ๆ นี้มันก็อาจจะไม่แพง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมื้อนี้กิน ๆ ไปกินมาก็ซัดไป 1,200 บาทสำหรับคน 4 ได้เหมือนกัน อาจจะเพราะว่าอาหารของเค้าจานไม่ค่อยใหญ่เท่าไร หรืออาจจะเพราะพวกผมกินเยอะ แต่ว่านะ ทุก ๆ ทีกินร้านแนว ๆ นี้มาก็มักจะไม่เคยจะเคยเกิน 200 บาทต่อคนเลย อืม ก็แล้วแต่ละกันสำหรับเรื่องราคาสำหรับร้านนี้
อาหารของร้านนี้ก็ไม่เร็วไม่ช้าสักเท่าไร สั่ง ๆ ไปก็มีรอบ้างตามสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับช้าแบบบางร้าน ก็โอเคละครับสำหรับร้านนี้ มื้อนี้เริ่มต้นด้วยอาหารของชื่อร้าน หรืออาหารที่เป็นอาหารจานเด่นที่จะใช้วัดว่าร้านแนวร้านข้าวต้ม, ร้านปูดอง ร้านไหนอร่อยไม่อร่อยก็ด้วยเมนู ปูดองนี้นี่เอง จานแรก ปูม้าดอง - 120 บาท จานนี้ก็เป็นปูม้าตัวเล็ก ๆ ขนาดมาตรฐาน (อ่านว่าเล็กเมื่อเทียบกับร้าน seafood แต่ก็เรียกว่าโอเคสำหรับร้านปูดองทั่ว ๆ ไป) ปูดองของร้านนี้รสชาติน้ำจิ้มแซ่บดี แต่ว่าตัวปูนั้นเหมือนจะแช่แข็งมาแล้วยัง thaw มายังไม่หายแข็งดี กินไปแต่ละคำยังเป็นเกล็ด ๆ หิมะ อยู่เลย คืออันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นสไตล์ของร้าน ต้องตาปูดองเค้ารึเปล่า แต่แบบพวกผมไม่ค่อยชอบกันเลย ซึ่งแบบเสียดายเนื้อปูครับ เพราะว่าตัวน้ำยำนั้นอร่อยดีมาก รสชาติแซ่บโดนใจสุด ๆ เลย
ผักหวานผัดหนำเลี๊ยบ - 80 บาท - อาหารอย่างที่ 2 ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกดีเหมือนกันครับ ไม่ค่อยเจอใครมีเมนูผักหวานอยู่ในเมนูสักเท่าไร จานนี้ทางร้านผัดมาแบบผักยังแข็ง ๆ อยู่ กินแล้วพวกผมไม่ค่อยชอบกันสักเท่าไร เพราะมันเหมือนกินผักไม่สุก ส่วนตัวรสชาติโดยรวมนั้นก็พอโอเค หนำเลี๊ยบ ๆ เค็ม ๆ กำลังดี แล้วก็ให้เนื้อหมูมาเยอะดี ตัวน้ำซอสที่ผัด ๆ มาก็อร่อยดี แต่รวม ๆ ตัวพระเอกหลัก หรือตัวผักหวาน มันยังไม่ค่อยนุ่มสักเท่าไรนี่สิครับ อืม
ขาไก่ซุปเปอร์หม้อไฟ - 120 บาท - อาหารอย่างที่ 3 จานนี้ก็เป็นอีกจานที่ทำรสชาติมาได้แซ่บมาก ตัวน้ำซุปเปอร์ขาไก่ออกมาแนว ใส ๆ ไม่ได้ข้นคลั่กเหมือนหลาย ๆ ร้าน ซึ่งพวกผมค่อนข้างชอบกัน ออกแนวเป็นน้ำต้มยำกินลื่น ๆ คล่อง ๆ ปากมากกว่า แต่ว่าตัวขาไก่ของร้านนี้ไม่รู้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านอีกแล้วรึเปล่าคือมาแบบขาเล็กมาก ๆ เหมือนแบบเป็นขาไก่เด็ก หรือตีนลูกไก่ อะไรประมาณนี้ กินแล้วแบบยังแทะเนื้อไม่ค่อยมันส์เลยก็หมดก่อนซะแล้ว ชอบแบบตีนใหญ่ ๆ แทะสะใจ ๆ มากกว่าอ่ะครับ
ไส้พะโล้ทอด - 70 บาท - อันนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ ครับ อร่อย ไม่มีอะไรต้องโต้แย้ง ไส้พะโล้ก็ให้มาเยอะ ทอดมาได้แบบกรอบมาก ๆ เหมือนกินแบบขนมขบเคี้ยวแต่ได้ feeling ของอาหารคาวอะไรประมาณนั้น เยี่ยมเลยครับจานนี้
ยำสามกรอบ - 80 บาท - เจ้ายำสามกรอบนี่บอกตรง ๆ ว่าผมกินมากี่ร้านต่อกี่ร้าน กี่เจ้าต่อกี่เจ้าก็ไม่เคยจะอร่อยสักกะทีเพราะว่ามัน แบบเป็นยำบ้าอะไรก็ไม่รู้ มีแต่อะไรที่มาผสมผสานกันไม่ค่อยลงตัวเลย จานนี้ผมเฉย ๆ แต่ตัวเพื่อนผมที่ชอบเจ้าเมนูนี้ แล้วเป็นคนสั่งไป ก็ดูจะชอบดีนะครับ อันนี้ก็ลางเนื้อชอบลางยาละกัน
กระเพาะปลาผัดแห้ง - 100 บาท - อาหารแนวจีน ๆ ที่ไม่รู้ว่าคิดถูกคดผิดรึเปล่าที่สั่งไปที่ร้าน ต้องตาปูดอง - ศรีวรา แห่งนี้ เหมือนทางร้านจะทำมาไม่เหมือนกับกระเพาะปลาผัดแห้งตามร้านอาหารจีนสักเท่าไร คือมาแบบแฉะ ๆ เละ ๆ เหมือนออกแนว เป็นผัดซีอิ๊ว ๆ แต่เปลี่ยนเป็นกระเพาะปลาแทนเส้นใหญ่แทน อืม ตัวรสชาติก็พอโอเคครับ พอจะเรียกได้ว่าเป็นกระเพาะปลาผัดแห้งอยู่ พอกล้อมแกล้มไปได้
ปลาหมึกไข่ผัดพริกเกลือ - 130 บาท - จานนี้หน้าตาน่ากินมากครับ ในแง่ของกระเทียม, พริก และตัวปลาหมึกที่ให้มาในจาน แต่เมื่อพิจารณาถึงเมนูที่บอกว่าเป็นปลาหมึกไข่แล้ว มันก็แอบจะเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคเหมือนกันเพราะว่ามันเหมือนเป็นปลาหมึกธรรมดา ๆ ไม่ใช่หมึกไข่ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะทางร้านหั่นตัวปลาหมึกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตัวไข่ก็เลยหลุดไปหมด รวม ๆ จานนี้อร่อยครับ แต่แค่ถ้าตัวหมึกไข่มันมาเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ไข่เต็ม ๆ ชิ้นอูม ๆ จริง ๆ จานนี้ก็คงจะเทพกว่านี้อีกเยอะเลย
ไส้หมูพะโล้ - 50 บาท - จานนี้ออกแนว fail ครับ ไส้พะโล้เหม็น และก็มาแบบเนื้อเละ ๆ เหนียว ๆ เคี้ยวยาก ๆ ตัวน้ำพะโล้ก็เหมือนจะเค็ม ๆ ไปหน่อย และก็น้ำเหนียวไป ไป ๆ มาจานนี้เหมือนจะกิน..อะไรดีอ่ะ ไม่ใช่เนื้อหรืออวัยวะเอาไปทำพะโล้อ่ะครับ พวกผมทั้ง 4 คนไม่ชอบกันหมดเลย
แกงส้มชะอม ปลาช่อนทอด - 120 บาท จานนี้อร่อยครับ ให้มาเยอะดีด้วย ให้ชะอมมาเต็ม ๆ ให้ปลาช่อนมาเต็ม ๆ น้ำซุปเข้มข้นอร่อย เผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ กำลังดี ตัวปลาช่อนก็ทอดมากรอบ ๆ กำลังดี โอย โดยรวมอร่อยดีเลยครับจานนี้ สมกับที่เป็นอาหารแนะนำของทางร้าน
อาหารจานสุดท้ายเป็น หอยจ๊อ - 80 บาท - จานนี้ก็อร่อย หอยจ้อทอดมาได้ดีมาก กรอบ ๆ เนื้อด้านในก็เนียน ๆ นุ่ม ๆ แต่ว่าแบบหอยจ้อชิ้นเล็กไปหน่อย กินแต่ละคำยังไม่ค่อยสะใจ ซึ่งยังดีที่ทางร้านต้องตาปูดองให้มาค่อนข้างเยอะ ก็แก้ขัดด้านความใหญ่ด้วยปริมาณไปได้ อืม เป็นจานปิดท้ายที่ดีครับ กินเล่น ๆ เพลิน ๆ เติมเต็มกระเพาะจนอิ่มพอดี
มื้อนี้ค่าเสียหาย 1,265 บาทโดยประมาณ มีเบียร์ลีโอ 2 ขวดหรือ 3 ขวดไม่แน่ใจ ก็รวม ๆ แล้วไปกัน 4 คนก็อยู่ที่ที่คนละ 300 กว่าบาท ร้านต้องตาปูดอง - ศรีวรา แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านข้าวต้ม - อาหารตามสั่ง - อาหารมื้อดึก ที่ค่อนข้างจะธรรมดา ๆ สำหรับผมเหมือนกัน กิน ๆ ไปกินมาเหมือนกับว่าร้านนี้จะมีจุดเด่นอยู่อย่างเดียวคือตัว ความหลากหลายของเมนู และความแปลกของเมนูที่มีหลาย ๆ เมนูหากินที่ไหนไม่ได้ และก็เรื่องทำเลของทางร้านที่ค่อนข้างจะอยู่ในเมืองพอสมควรเลย อืม ก็ ถ้าใครมาแถวศรีวรา แล้วอยากหาอาหารง่าย ๆ บ้าน ๆ ไม่แพงนักกิน ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Sunday, March 31, 2013
Saturday, March 30, 2013
Hokkaido Gateway Ekkamai Review
Hokkaido - Japanese Restaurant at Gateway Ekkamai, Bangkok - BTS Ekkamai
ฮอกไกโด - ร้านอาหารญี่ปุ่น ซูชิ ซาซิมิ ปูทาราบะ เบียร์สด เกทเวย์ เอกมัย BTS เอกมัย
Overall Score 7.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 3/5
Value 4/5
Hokkaido - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้าน Hokkaido ในรีวิวฉบับนี้ ถ้าจะเอาจริง ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านสาขาที่ 2 ของร้านสาขาแรก สาขาต้นตำรับที่บริเวณต้น ๆ ถนนสุรวงศ์ ที่เปิดทำการมาได้ 2-3 ปีแล้ว ซึ่งที่ผมใช้คำว่า "ถ้าเอาจริง ๆ" ก็เพราะว่า 2 ร้านนี้แม้ว่าชื่อร้านจะเหมือนกัน, มีปูยักษ์ (แต่ไม่ยักษ์เท่ากับร้านปูยักษ์ที่ฮอกไกโด) ตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้านเหมือนกัน และก็ขายอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ว่าร้าน Hokkaido สาขา Gateway Ekamai ในรีวิวฉบับนี้นั้น รายการอาหารและราคาอาหารจะสบายกระเป๋ากว่าที่สาขาสุรวงศ์พอสมควร เนื่องจากว่าเป็นร้านที่อยู่ในห้าง ต้องแบบให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเข้าถึงได้ง่าย ๆ หน่อย ไม่เหมือนกับร้าน Standalone ที่เน้นลูกค้าที่จะถ่อไปกินถึงที่มากกว่า เลยตั้งราคาได้ premium กว่า ขายอาหารได้ premium กว่าอะไรงี้
ร้าน Hokkaido แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดา ๆ ร้านนึง ที่โอเค อาจจะ positioning ตัวเองอยู่เหนือพวกร้าน Mainstream อย่างพวกร้าน Fuji หรือ ZEN บ้างเล็กน้อย แต่อาหารโดยรวม ๆ ของร้านนี้ก็ไม่ได้หนีจากร้านส่วนใหญ่ที่พบเจอมาสักเท่าไร ทั้งในแง่ราคาอาหาร และความหลากหลาย, ความ rare ของเมนูอาหารอะไรประมาณนี้ ก็คือต้องคง concept ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างให้ได้สักเล็กน้อย จุดเด่นจริง ๆ ของร้านนี้ และเป็นจุดเด่นมานานแล้วก็คือ ทางร้านจะมีปูทาราบะยักษ์สด ๆ เป็น ๆ (รึเปล่า?) มาขายอยู่ทุก ๆ วัน และก็จะมักจะมีลูกค้าขาประจำแวะเวียนมากินอยู่เสมอ (ที่สาขา Gateway Ekamai ตอนที่ผมนั่งกินอยู่ก็มีคนสั่งไปกิน 2 ตัวนะคุณขา ตัวละ 3500 บาทนะคะคุณขา) ซึ่งเจ้าปูทาราบะ หรือประมาณ ญาติฝ่ายพี่ของปูอลาสก้านี่ บอกตรง ๆ ว่าตัวผมเองไม่ค่อยรู้สึกอยากจะเสียเงินกินมันสักเท่าไร คือมันแพงโอเว่อร์ไป เนื้อก็ไม่ได้อร่อยเลิศเลออะไรมาก เนื้อปูม้า, ปูทะเล สด ๆ ดี ๆ บ้านเราอร่อยกว่าด้วยซ้ำ คือแบบถ้าขายตัวละสัก 500 - 1000 บาทอันนี้ก็จะโอเคขึ้นมาหน่อยน่าสั่ง
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ค่านิยมของคนญี่ปุ่น เค้าให้ความสำคัญกับอาหารดี ๆ ของดี ๆ กันจนสามารถตั้งราคาออกมาโอเว่อร์ได้ เราคนไทย เบี้ยน้อยหอยน้อย ถ้าอยากจะกินก็ต้องทุบกระปุกกินกันเอา ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกหน่อยบ้านเราจะทำแบบญี่ปุ่นได้มั้ยที่แบบการขายรถคันนึงนั้นราคาถูกกว่าการขาย Blue Fin Tuna ตัวนึง , การขายมะม่วงโคตร Premium ลูกนึงนั้นราคาเท่า ๆ กับการซื้อ หูฟังดี ๆ คู่นึง คือ เทียบง่าย ๆ คือ รัฐบาลญี่ปุ่นเค้าให้ความสำคัญกับเกษตรกร, ชาวประมงของพวกเค้ามาก ไม่อยากให้มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ก็เลยแบบเป็นข้อกำหนด, ค่านิยม, ประเพณี ไปแล้วว่า อาหารดี ๆ ตั้งราคาแพงได้ ก็เลยทำให้เกษตรกรของพวกเขา มีเงิน, มีการศึกษา มีชีวิตที่สุขสบาย แต่พอมาเทียบกับ เกษตรกร, ชาวประมงเราที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากทุก ๆ ด้าน, ถูกนักการเมืองหน้าเหี้ยซื้อเสียงเพื่อไปเลือกพวกมันเพื่อให้มาหลอกแดกจากเกษตรกรใหม่แบบเป็นกงกรรมกงเกวียน, ไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ที่จะไปพัฒนาตัวเอง พัฒนาสินค้าตัวเอง หรือไม่ให้ตัวเองโดนซื้อเสียง ฯลฯ คือแบบ คนละเรื่องอ่ะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ชาตินี้ผมจะได้เห็นเกษตรกรบ้านเราลืมตาอ้าปากได้เหมือนประเทศพัฒนาแล้วบ้างมั้ย (แล้วทำไมมึงไม่ไปเป็นเกษตรกรเองคุณถาม? แล้วทำไมคุณไม่ไปเป็นล่ะครับ ฮ่า ๆ )
ทำไมมันออกนอกเรื่องไปขนาดนี้ได้เนี่ย กลับมาเรื่องรีวิวกันต่อ ร้าน Hokkaido @ Gateway Ekamai แห่งนี้ ณ เวลาเที่ยงจะมีเมนู Set Lunch ที่มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่จะเน้นความคุ้มค่าไว้ขาย (ก็เป็นพวก sushi set, soba, udon, tempura, ข้าวหน้าต่าง ๆ ไรงี้) ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นเมนู a la carte ที่มีให้เลือกค่อนข้างครบครัน ปลาย่าง, Sushi, Sashimi, Sukiyaki, Shabu, Donburi อะไรต่าง ๆ ก็มีให้เลือกครบหมด สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างมื้อเย็นกับมื้อเที่ยงอีกอย่างคือ มื้อเที่ยงจะไม่คิด vat + service charge แต่พอหลัง 17.00 น.ไปปุ๊บก็จะคิดเพิ่มเข้ามา อืม ก็แปลกดีนะ ราคาอาหารของร้านนี้ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ แพงกว่าร้าน mainstream 2 ร้านที่ว่าเล็กน้อย หรือเท่า ๆ กันรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้ไปกิน 2 ร้านที่ว่านานแล้ว
มื้อนี้เนื่องจากพวกผมไปตอนเที่ยงและไปกันแค่ 2 คนก็เลยสั่ง set lunch กันมาคนละ set แค่นั้น
set แรกนั้นเป็น ชุดอุด้งเย็นกับเทมปุระ (Ten Zaru Udon - 280 บาท) : set นี้ก็เป็นเซ็ทที่ค่อนข้างจะมาตรฐาน ครับ แต่ทำออกมาได้น่ากินดีคือแยกอุด้งเป็น 2 ส่วน ใส่สาหร่ายโปะหน้ามาส่วนนึง กับไม่ใส่ส่วนนึง ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวเส้นอุด้งก็เหมือนกันทุกประการแค่ทำให้มันดูแตกต่างกันเท่านั้น ส่วนตัว tempura ที่ให้มานี่ผมชอบมาก เพราะแบบทอดมาได้กรอบ ๆ กำลังดีและแป้งก็ไม่หนาเกินไป และกุ้งที่ใช้ก็เป็นกุ้งลายเสือ ตัวโตเนื้อแน่นแบบ อืม เมื่อเทียบกับราคา 280 บาทที่จ่ายไปแล้ว เอาจริง ๆ มันก็คุ้มมากเลยนะเนี่ย (บางร้านสั่ง tempura รวม ยังไม่ได้เลย 280 บาทนี่)
set ที่สองเป็น ชุดข้าวปั้นหน้าปลาดิบพิเศษ (Hokkai Sushi Set - 1,000 บาท) : set นี้แว่บแรกที่เห็นนั้นแอบมีเคืองครับ เพราะว่าตัวหน้าตาในเมนูกับของจริงที่ได้นั้นมันไม่ตรงกัน แต่เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่แน่ใจในตอนนั้นว่ามันเหมือนกับในเมนูจริง ๆ หรือไม่เหมือนก็เลยไม่ได้โวยไป เพราะเอาจริง ๆ แล้วในเมนูจะมีตัว otoro หรือ chutoro มาให้ด้วย 2 ชิ้น และก็จะมี sushi ทั้งหมด 12 ชิ้น แต่นี่... ไม่มี และก็ได้มาแค่ 10 ชิ้นเท่านั้น ม่ายยย นี่มันเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคนี่น่า อืม แต่ก็ช่างมัน ผ่านไปแล้ว เข้าถึงเรื่องรสชาติดีกว่า ตัวไข่ตุ๋นที่ให้มาใน set นี้อร่อยดีครับ ออกแนวอร่อยกว่าร้านทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย แต่ก็ให้พวกเครื่อง, พวกเนื้อสัตว์มาน้อยไปหน่อย | ตัวสลัดใน set ทางร้านบอกจะเป็นผักจากฟาร์มที่ปลูกเอง ก็เลยแบบ อืม อร่อยกว่าปกติเล็กน้อย | ส่วนตัวพระเอกหลักหรือตัว Sushi โดยรวม ๆ ก็รสชาติดี ปั้นมาดีนะครับ ยังไม่ถึงกับดีจนน่าใจหาย , ดีจนประทับใจ แต่ชัดเจนว่าทำได้ดีกว่าร้าน Mainstream ทั่วไปแน่นอน แต่ก็นะ ผมโดนหลอกกกกก ม่ายยยยยยยย
มื้อนี้ปิดท้ายด้วยไอศครีมถ้วยเล็ก ๆ 2 ถ้วย เป็นไอศครีมนมสด ซึ่งตอนก่อนจะกินก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก แต่พอได้กินแล้วมันแบบ เฮ้ย อร่อยจังวะ มันแบบเป็นไอศครีมนมสดที่เข้มข้นมาก น่าจะทำเอง และก็น่าจะใช้นมฮอกไกโดมาทำ โอย สั่ง set อาหาร set นึงมากินเจ้าไอศครีมนี่แค่นี้ก็คุ้มแล้วล่ะครับผมว่า ฮ่า ๆ
สรุป ร้านอาหารญี่ปุ่น Hokkaido @ Gateway Ekamai แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างจะมาตรฐาน ค่อนไปทางดีกว่ามาตรฐานเล็กน้อยล่ะครับ พนักงานของทางร้านแม้ว่าจะดูไม่ค่อยรู้เรื่อง โก๊ะ ๆ งง ๆ ตามประสาพนักงานที่ไม่ค่อยได้เทรนอะไรมามากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาอาหาร, คุณภาพอาหาร หรือภาพโดยรวมแล้ว ร้านนี้ก็โอเคในระดับนึงล่ะ กินร้านสาขานี้เสร็จแล้ว ทำเอาผมอยากจะไปลองสาขาต้นตำรับที่สุรวงศ์ดูจังเลย อยากรู้ถึงความแตกต่าง , ความ premium ของร้านนี้ว่ามันจะดีกว่ากันได้ขนาดไหน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
ฮอกไกโด - ร้านอาหารญี่ปุ่น ซูชิ ซาซิมิ ปูทาราบะ เบียร์สด เกทเวย์ เอกมัย BTS เอกมัย
Overall Score 7.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 3/5
Value 4/5
Hokkaido - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้าน Hokkaido ในรีวิวฉบับนี้ ถ้าจะเอาจริง ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านสาขาที่ 2 ของร้านสาขาแรก สาขาต้นตำรับที่บริเวณต้น ๆ ถนนสุรวงศ์ ที่เปิดทำการมาได้ 2-3 ปีแล้ว ซึ่งที่ผมใช้คำว่า "ถ้าเอาจริง ๆ" ก็เพราะว่า 2 ร้านนี้แม้ว่าชื่อร้านจะเหมือนกัน, มีปูยักษ์ (แต่ไม่ยักษ์เท่ากับร้านปูยักษ์ที่ฮอกไกโด) ตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้านเหมือนกัน และก็ขายอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ว่าร้าน Hokkaido สาขา Gateway Ekamai ในรีวิวฉบับนี้นั้น รายการอาหารและราคาอาหารจะสบายกระเป๋ากว่าที่สาขาสุรวงศ์พอสมควร เนื่องจากว่าเป็นร้านที่อยู่ในห้าง ต้องแบบให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเข้าถึงได้ง่าย ๆ หน่อย ไม่เหมือนกับร้าน Standalone ที่เน้นลูกค้าที่จะถ่อไปกินถึงที่มากกว่า เลยตั้งราคาได้ premium กว่า ขายอาหารได้ premium กว่าอะไรงี้
ร้าน Hokkaido แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดา ๆ ร้านนึง ที่โอเค อาจจะ positioning ตัวเองอยู่เหนือพวกร้าน Mainstream อย่างพวกร้าน Fuji หรือ ZEN บ้างเล็กน้อย แต่อาหารโดยรวม ๆ ของร้านนี้ก็ไม่ได้หนีจากร้านส่วนใหญ่ที่พบเจอมาสักเท่าไร ทั้งในแง่ราคาอาหาร และความหลากหลาย, ความ rare ของเมนูอาหารอะไรประมาณนี้ ก็คือต้องคง concept ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างให้ได้สักเล็กน้อย จุดเด่นจริง ๆ ของร้านนี้ และเป็นจุดเด่นมานานแล้วก็คือ ทางร้านจะมีปูทาราบะยักษ์สด ๆ เป็น ๆ (รึเปล่า?) มาขายอยู่ทุก ๆ วัน และก็จะมักจะมีลูกค้าขาประจำแวะเวียนมากินอยู่เสมอ (ที่สาขา Gateway Ekamai ตอนที่ผมนั่งกินอยู่ก็มีคนสั่งไปกิน 2 ตัวนะคุณขา ตัวละ 3500 บาทนะคะคุณขา) ซึ่งเจ้าปูทาราบะ หรือประมาณ ญาติฝ่ายพี่ของปูอลาสก้านี่ บอกตรง ๆ ว่าตัวผมเองไม่ค่อยรู้สึกอยากจะเสียเงินกินมันสักเท่าไร คือมันแพงโอเว่อร์ไป เนื้อก็ไม่ได้อร่อยเลิศเลออะไรมาก เนื้อปูม้า, ปูทะเล สด ๆ ดี ๆ บ้านเราอร่อยกว่าด้วยซ้ำ คือแบบถ้าขายตัวละสัก 500 - 1000 บาทอันนี้ก็จะโอเคขึ้นมาหน่อยน่าสั่ง
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ค่านิยมของคนญี่ปุ่น เค้าให้ความสำคัญกับอาหารดี ๆ ของดี ๆ กันจนสามารถตั้งราคาออกมาโอเว่อร์ได้ เราคนไทย เบี้ยน้อยหอยน้อย ถ้าอยากจะกินก็ต้องทุบกระปุกกินกันเอา ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกหน่อยบ้านเราจะทำแบบญี่ปุ่นได้มั้ยที่แบบการขายรถคันนึงนั้นราคาถูกกว่าการขาย Blue Fin Tuna ตัวนึง , การขายมะม่วงโคตร Premium ลูกนึงนั้นราคาเท่า ๆ กับการซื้อ หูฟังดี ๆ คู่นึง คือ เทียบง่าย ๆ คือ รัฐบาลญี่ปุ่นเค้าให้ความสำคัญกับเกษตรกร, ชาวประมงของพวกเค้ามาก ไม่อยากให้มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ก็เลยแบบเป็นข้อกำหนด, ค่านิยม, ประเพณี ไปแล้วว่า อาหารดี ๆ ตั้งราคาแพงได้ ก็เลยทำให้เกษตรกรของพวกเขา มีเงิน, มีการศึกษา มีชีวิตที่สุขสบาย แต่พอมาเทียบกับ เกษตรกร, ชาวประมงเราที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากทุก ๆ ด้าน, ถูกนักการเมืองหน้าเหี้ยซื้อเสียงเพื่อไปเลือกพวกมันเพื่อให้มาหลอกแดกจากเกษตรกรใหม่แบบเป็นกงกรรมกงเกวียน, ไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ที่จะไปพัฒนาตัวเอง พัฒนาสินค้าตัวเอง หรือไม่ให้ตัวเองโดนซื้อเสียง ฯลฯ คือแบบ คนละเรื่องอ่ะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ชาตินี้ผมจะได้เห็นเกษตรกรบ้านเราลืมตาอ้าปากได้เหมือนประเทศพัฒนาแล้วบ้างมั้ย (แล้วทำไมมึงไม่ไปเป็นเกษตรกรเองคุณถาม? แล้วทำไมคุณไม่ไปเป็นล่ะครับ ฮ่า ๆ )
ทำไมมันออกนอกเรื่องไปขนาดนี้ได้เนี่ย กลับมาเรื่องรีวิวกันต่อ ร้าน Hokkaido @ Gateway Ekamai แห่งนี้ ณ เวลาเที่ยงจะมีเมนู Set Lunch ที่มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่จะเน้นความคุ้มค่าไว้ขาย (ก็เป็นพวก sushi set, soba, udon, tempura, ข้าวหน้าต่าง ๆ ไรงี้) ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นเมนู a la carte ที่มีให้เลือกค่อนข้างครบครัน ปลาย่าง, Sushi, Sashimi, Sukiyaki, Shabu, Donburi อะไรต่าง ๆ ก็มีให้เลือกครบหมด สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างมื้อเย็นกับมื้อเที่ยงอีกอย่างคือ มื้อเที่ยงจะไม่คิด vat + service charge แต่พอหลัง 17.00 น.ไปปุ๊บก็จะคิดเพิ่มเข้ามา อืม ก็แปลกดีนะ ราคาอาหารของร้านนี้ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ แพงกว่าร้าน mainstream 2 ร้านที่ว่าเล็กน้อย หรือเท่า ๆ กันรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้ไปกิน 2 ร้านที่ว่านานแล้ว
มื้อนี้เนื่องจากพวกผมไปตอนเที่ยงและไปกันแค่ 2 คนก็เลยสั่ง set lunch กันมาคนละ set แค่นั้น
set แรกนั้นเป็น ชุดอุด้งเย็นกับเทมปุระ (Ten Zaru Udon - 280 บาท) : set นี้ก็เป็นเซ็ทที่ค่อนข้างจะมาตรฐาน ครับ แต่ทำออกมาได้น่ากินดีคือแยกอุด้งเป็น 2 ส่วน ใส่สาหร่ายโปะหน้ามาส่วนนึง กับไม่ใส่ส่วนนึง ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวเส้นอุด้งก็เหมือนกันทุกประการแค่ทำให้มันดูแตกต่างกันเท่านั้น ส่วนตัว tempura ที่ให้มานี่ผมชอบมาก เพราะแบบทอดมาได้กรอบ ๆ กำลังดีและแป้งก็ไม่หนาเกินไป และกุ้งที่ใช้ก็เป็นกุ้งลายเสือ ตัวโตเนื้อแน่นแบบ อืม เมื่อเทียบกับราคา 280 บาทที่จ่ายไปแล้ว เอาจริง ๆ มันก็คุ้มมากเลยนะเนี่ย (บางร้านสั่ง tempura รวม ยังไม่ได้เลย 280 บาทนี่)
set ที่สองเป็น ชุดข้าวปั้นหน้าปลาดิบพิเศษ (Hokkai Sushi Set - 1,000 บาท) : set นี้แว่บแรกที่เห็นนั้นแอบมีเคืองครับ เพราะว่าตัวหน้าตาในเมนูกับของจริงที่ได้นั้นมันไม่ตรงกัน แต่เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่แน่ใจในตอนนั้นว่ามันเหมือนกับในเมนูจริง ๆ หรือไม่เหมือนก็เลยไม่ได้โวยไป เพราะเอาจริง ๆ แล้วในเมนูจะมีตัว otoro หรือ chutoro มาให้ด้วย 2 ชิ้น และก็จะมี sushi ทั้งหมด 12 ชิ้น แต่นี่... ไม่มี และก็ได้มาแค่ 10 ชิ้นเท่านั้น ม่ายยย นี่มันเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคนี่น่า อืม แต่ก็ช่างมัน ผ่านไปแล้ว เข้าถึงเรื่องรสชาติดีกว่า ตัวไข่ตุ๋นที่ให้มาใน set นี้อร่อยดีครับ ออกแนวอร่อยกว่าร้านทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย แต่ก็ให้พวกเครื่อง, พวกเนื้อสัตว์มาน้อยไปหน่อย | ตัวสลัดใน set ทางร้านบอกจะเป็นผักจากฟาร์มที่ปลูกเอง ก็เลยแบบ อืม อร่อยกว่าปกติเล็กน้อย | ส่วนตัวพระเอกหลักหรือตัว Sushi โดยรวม ๆ ก็รสชาติดี ปั้นมาดีนะครับ ยังไม่ถึงกับดีจนน่าใจหาย , ดีจนประทับใจ แต่ชัดเจนว่าทำได้ดีกว่าร้าน Mainstream ทั่วไปแน่นอน แต่ก็นะ ผมโดนหลอกกกกก ม่ายยยยยยยย
มื้อนี้ปิดท้ายด้วยไอศครีมถ้วยเล็ก ๆ 2 ถ้วย เป็นไอศครีมนมสด ซึ่งตอนก่อนจะกินก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก แต่พอได้กินแล้วมันแบบ เฮ้ย อร่อยจังวะ มันแบบเป็นไอศครีมนมสดที่เข้มข้นมาก น่าจะทำเอง และก็น่าจะใช้นมฮอกไกโดมาทำ โอย สั่ง set อาหาร set นึงมากินเจ้าไอศครีมนี่แค่นี้ก็คุ้มแล้วล่ะครับผมว่า ฮ่า ๆ
สรุป ร้านอาหารญี่ปุ่น Hokkaido @ Gateway Ekamai แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างจะมาตรฐาน ค่อนไปทางดีกว่ามาตรฐานเล็กน้อยล่ะครับ พนักงานของทางร้านแม้ว่าจะดูไม่ค่อยรู้เรื่อง โก๊ะ ๆ งง ๆ ตามประสาพนักงานที่ไม่ค่อยได้เทรนอะไรมามากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาอาหาร, คุณภาพอาหาร หรือภาพโดยรวมแล้ว ร้านนี้ก็โอเคในระดับนึงล่ะ กินร้านสาขานี้เสร็จแล้ว ทำเอาผมอยากจะไปลองสาขาต้นตำรับที่สุรวงศ์ดูจังเลย อยากรู้ถึงความแตกต่าง , ความ premium ของร้านนี้ว่ามันจะดีกว่ากันได้ขนาดไหน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Sheep Village Bangkok Review
Sheep Village - ร้านอาหารไทย ริมน้ำ Pub & Restaurant ดนตรีสด เบียร์สด แกะ
Overall Score /10
Taste /5
Ambiance /5
Service /5
Value /5
Sheep Village - Thai Pub and Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้าน Sheep Village หรือหมู่บ้านแกะ แห่งนี้ก็เป็นร้านอาหารแนว Pub & Restaurant & Karaoke ขนาดค่อนข้างใหญ่ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน (รู้สึกจะช่วงปลาย ๆ ปี 2012 ที่ผ่านมานี่เอง) ที่ตั้งของร้านนี้ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมบอกว่ามันเคยเป็นร้านอาหารอะไรสักอย่างมาก่อน แล้วก็เจ๊งไป หรือหมดสัญญาไป หรืออะไรไปก็แล้วแต่ ก็เลยได้เจ้าของร้านอาหาร เด็กเลี้ยงแกะ ร้าน Pub & Restaurant ชื่อดังบริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา มาบริหารจัดการเองแทน และจากความสำเร็จของร้านก่อนหน้า ก็เลยเหมือนจะแบบคง ๆ concept เดิม แต่มีการดัดแปลงเล็กน้อย ก็เลยออกมาเป็นร้าน Sheep Village แห่งนี้ นี่เอง
ตัวผมเองก็เคยไปกินที่ร้านเด็กเลี้ยงแกะมาแล้ว (แต่ไม่ได้เขียนรีวิวเพราะวันนั้นไม่ได้เอากล้องไป กะเมาเต็มที่ ฮ่า ๆ) มางวดนี้ก็ถ่ายรูปมานิดเดียวอีก เพราะหลัง ๆ เริ่มพริ้ว เริ่มเมา ขี้เกียจถ่ายรูปแล้ว อะไรงี้ เอาเป็นว่าร้าน Sheep Village นี่ก็เป็นประมาณสวนอาหาร - Pub & Restaurant แบบที่ว่านี่แหละครับ ทางร้านมีดนตรีสดเล่นอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั่งกินนั่งดื่มอยู่ที่ร้านตั้งแต่ 2 ทุ่มยันเกือบ ๆ ตี 2 ตัวเพลงเล่นไม่ค่อยดังมากนัก ไม่ค่อยมีปัญหาต่อการสนทนากับเพื่อนฝูงร่วมโต๊ะสักเท่าไร แต่เนื่องด้วยวันที่ผมไปนั้นเป็นวันเสาร์กลางคืน ลูกค้าของทางร้านก็เลยแบบแน่นมาก ๆ การบริการก็เลยหละหลวม ขาดตอน มีปัญหาตลอดทั้งคืนเลย คือเด็กเสิร์ฟที่ดูแลโต๊ะผม มีอยู่แค่คนเดียว และนางก็ยังต้องดูแลโต๊ะอื่น ๆ อีกหลายโต๊ะ ก็เลยแบบกว่าจะเรียกได้ กว่าจะได้อาหาร กว่าจะได้ของแต่ละอย่างก็เลยค่อนข้างนาน และขาดช่วงจริง ๆ แต่ว่าพนักงานที่ดูแลผมเค้าก็ดีนะครับ พูดจาดี ยิ้มแย้ม และสั่งอะไรก็เอามาให้ มันเสียแค่ว่าทางร้านไม่เตรียมพนักงานให้พอดีกับความหนาแน่นของลูกค้าก็แค่นั้นแหละ
ส่วนอาหารของร้านนี้ผมจำไม่ได้ว่ามันเหมือนกับร้านเด็กเลี้ยงแกะทุกประการรึเปล่า แต่เห็นเพื่อนผมบอกว่าเหมือนกันเด๊ะ ๆ เมนูเล่มเดียวกันเลย คือจะเหมือนหรือไม่เหมือนเป๊ะก็ช่างมันละกันนะครับ เอาเป็นว่าอาหารของร้านนี้ก็เป็นอารมณ์อาหารไทยแกล้มเหล้า อาหารไทยทั่ว ๆ ไปอะไรประมาณนั้น ราคาพวกจานธรรมดา, แกล้มเหล้าก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ส่วนพวกอลังการ ๆ หน่อยเช่นพวกปลา , พวกต้มต่าง ๆ นา ๆ ก็จะ 200 - 300 บาทประมาณนี้ ราคามาตรฐาน ๆ นั่นเอง ส่วนพวกเครื่องดื่มก็แน่นอนครับ เป็น Pub & Restaurant ขนาดนี้เครื่องดื่มมีให้เลือกครบครัน เมาปลิ้นได้หลากหลายรูปแบบแน่นอน Whiskey, Beer, Draft beer, Wine, Cocktail ทางร้านมีครบหมดเลยครับ ราคาพวกเครื่องดื่มก็ไม่ค่อยแพงเท่าไร mixer ก็จะอยู่ที่ 30 บาท ส่วนพวกเบียร์ก็จะราคามาตรฐาน Hoegaarden 220 บาท, Heineken Tower 550 บาทไรงี้ แต่ร้าน Sheep Village แห่งนี้เหมือนจะเจ๋งกว่าร้านอื่นหน่อยตรงที่จะมีเบียร์สด Est. 33 ไว้คอยบริการด้วย และมีแบบครบหมดเลยทั้ง Black, Copper และ Lager และราคาก็ถูกกว่าที่ร้าน ต้นตำรับอีกด้วย เนื่องด้วยไม่มี vat + service charge มาบวกเพิ่ม (190 บาทถ้วน)
ก็รวม ๆ ร้านนี้ก็โอเคหมดนะครับ บรรยากาศดี พนักงานขาดแคลนบ้างแต่ก็บริการด้วยใจ อาหารเครื่องดื่มก็มีให้เลือกครบครัน แต่ร้านนี้มาตกม้าตายก็ตรงตัวอาหารนี่แหละครับ คือมื้อนี้เนื่องจากพวกผมไปกันประมาณ 12 คน อาหารที่สั่งก็เลยสั่งกันมาเยอะมาก สั่งกันมาแทบจะหมดเมนูเลยก็ว่าได้ และก็ได้ข้อสรุปอย่างนึงสำหรับอาหารของร้านนี้คือ พวกกับแกล้ม ของกินเล่น ที่ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงอะไรมากนั้น อร่อย และสั่งได้หมด เช่น ออร์เดิร์ฟเบียร์ (120 บาท) , แหนมซี่โครง (110 บาท) , ทอดมันกุ้ง (130 บาท) อะไรพวกนี้ รสชาติ โอเคมาตรฐานเลย แต่พอเป็นอะไรที่แบบต้องกินร้อน ๆ ถึงจะอร่อย, เป็นอะไรที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงนิดนึง หรือมากหน่อย ก็จะกลายเป็นอาหารห่วยแตก แหลกม่ายล่าย ขึ้นมาแทนครับ เช่น ปลากะพงนึ่งบ๊วย (300 บาท) , ขออีกจาน (ถามจริงรสชาติแบบนี้ใครจะขออีกจาน) ( 130 บาท), คอหมูย่างกระทะร้อน (170 บาท), หมึกไข่นึ่งมะนาว (200 บาท) อะไรประมาณนี้ fail หมดเลย คือไอ้ที่ไม่ร้อนก็เข้าใจนะครับ เหมือนแบบพอครัวทำอาหารเสร็จก็จะเอาไปวางทิ้งไว้รอเด็กมายกไปเสิร์ฟ และเนื่องจากเด็กมันน้อยก็เลยทำให้เสิร์ฟช้าแล้วอาหารมันเย็น แต่ว่าไอ้ที่ไม่อร่อยโดยตัวมันเองมันก็เยอะอยู่ ก็ไม่รู้เพราะว่าแม่ครัว, พ่อครัว ยุ่งจัดจนลิ้นเพี้ยน , มือไม่เที่ยง หรือว่าอะไรก็ตามรึเปล่า คืออาหารส่วนใหญ่ แหลก ม่าย ล่าย จริง ๆ นะครับไม่ได้ล้อเล่น
สรุป ร้าน Sheep Village @ สุดซอยจรัญสนิทวงศ์ 86/1 แห่งนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมลูกค้าถึงมากันเยอะ โอเคบรรยากาศร้านอาจจะดี ติดริมน้ำ และก็ลมโกรกเย็นสบาย ร้านก็ตกแต่งได้สวยน่ารักดี แต่ว่าสำหรับตัวผมแล้ว การจะเลือกไปกินร้านอาหารร้านนึง รสชาติอาหารมันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว ก็ถ้าต่อไปอยากจะหาร้าน Pub & Restaurant ริมน้ำ ผมก็คงจะไม่ค่อยอยากจะนึกถึงร้านนี้สักเท่าไรล่ะ ยกเว้นว่าหมดมุขจริง ๆ อะไรจริง หรืออยากมาถ่ายรูปกับแกะ เล่นกับแกะ แค่นั้นจริง ๆ ถึงจะมา เฮ้อ เซ็ง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score /10
Taste /5
Ambiance /5
Service /5
Value /5
Sheep Village - Thai Pub and Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้าน Sheep Village หรือหมู่บ้านแกะ แห่งนี้ก็เป็นร้านอาหารแนว Pub & Restaurant & Karaoke ขนาดค่อนข้างใหญ่ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน (รู้สึกจะช่วงปลาย ๆ ปี 2012 ที่ผ่านมานี่เอง) ที่ตั้งของร้านนี้ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมบอกว่ามันเคยเป็นร้านอาหารอะไรสักอย่างมาก่อน แล้วก็เจ๊งไป หรือหมดสัญญาไป หรืออะไรไปก็แล้วแต่ ก็เลยได้เจ้าของร้านอาหาร เด็กเลี้ยงแกะ ร้าน Pub & Restaurant ชื่อดังบริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา มาบริหารจัดการเองแทน และจากความสำเร็จของร้านก่อนหน้า ก็เลยเหมือนจะแบบคง ๆ concept เดิม แต่มีการดัดแปลงเล็กน้อย ก็เลยออกมาเป็นร้าน Sheep Village แห่งนี้ นี่เอง
ตัวผมเองก็เคยไปกินที่ร้านเด็กเลี้ยงแกะมาแล้ว (แต่ไม่ได้เขียนรีวิวเพราะวันนั้นไม่ได้เอากล้องไป กะเมาเต็มที่ ฮ่า ๆ) มางวดนี้ก็ถ่ายรูปมานิดเดียวอีก เพราะหลัง ๆ เริ่มพริ้ว เริ่มเมา ขี้เกียจถ่ายรูปแล้ว อะไรงี้ เอาเป็นว่าร้าน Sheep Village นี่ก็เป็นประมาณสวนอาหาร - Pub & Restaurant แบบที่ว่านี่แหละครับ ทางร้านมีดนตรีสดเล่นอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั่งกินนั่งดื่มอยู่ที่ร้านตั้งแต่ 2 ทุ่มยันเกือบ ๆ ตี 2 ตัวเพลงเล่นไม่ค่อยดังมากนัก ไม่ค่อยมีปัญหาต่อการสนทนากับเพื่อนฝูงร่วมโต๊ะสักเท่าไร แต่เนื่องด้วยวันที่ผมไปนั้นเป็นวันเสาร์กลางคืน ลูกค้าของทางร้านก็เลยแบบแน่นมาก ๆ การบริการก็เลยหละหลวม ขาดตอน มีปัญหาตลอดทั้งคืนเลย คือเด็กเสิร์ฟที่ดูแลโต๊ะผม มีอยู่แค่คนเดียว และนางก็ยังต้องดูแลโต๊ะอื่น ๆ อีกหลายโต๊ะ ก็เลยแบบกว่าจะเรียกได้ กว่าจะได้อาหาร กว่าจะได้ของแต่ละอย่างก็เลยค่อนข้างนาน และขาดช่วงจริง ๆ แต่ว่าพนักงานที่ดูแลผมเค้าก็ดีนะครับ พูดจาดี ยิ้มแย้ม และสั่งอะไรก็เอามาให้ มันเสียแค่ว่าทางร้านไม่เตรียมพนักงานให้พอดีกับความหนาแน่นของลูกค้าก็แค่นั้นแหละ
ส่วนอาหารของร้านนี้ผมจำไม่ได้ว่ามันเหมือนกับร้านเด็กเลี้ยงแกะทุกประการรึเปล่า แต่เห็นเพื่อนผมบอกว่าเหมือนกันเด๊ะ ๆ เมนูเล่มเดียวกันเลย คือจะเหมือนหรือไม่เหมือนเป๊ะก็ช่างมันละกันนะครับ เอาเป็นว่าอาหารของร้านนี้ก็เป็นอารมณ์อาหารไทยแกล้มเหล้า อาหารไทยทั่ว ๆ ไปอะไรประมาณนั้น ราคาพวกจานธรรมดา, แกล้มเหล้าก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ส่วนพวกอลังการ ๆ หน่อยเช่นพวกปลา , พวกต้มต่าง ๆ นา ๆ ก็จะ 200 - 300 บาทประมาณนี้ ราคามาตรฐาน ๆ นั่นเอง ส่วนพวกเครื่องดื่มก็แน่นอนครับ เป็น Pub & Restaurant ขนาดนี้เครื่องดื่มมีให้เลือกครบครัน เมาปลิ้นได้หลากหลายรูปแบบแน่นอน Whiskey, Beer, Draft beer, Wine, Cocktail ทางร้านมีครบหมดเลยครับ ราคาพวกเครื่องดื่มก็ไม่ค่อยแพงเท่าไร mixer ก็จะอยู่ที่ 30 บาท ส่วนพวกเบียร์ก็จะราคามาตรฐาน Hoegaarden 220 บาท, Heineken Tower 550 บาทไรงี้ แต่ร้าน Sheep Village แห่งนี้เหมือนจะเจ๋งกว่าร้านอื่นหน่อยตรงที่จะมีเบียร์สด Est. 33 ไว้คอยบริการด้วย และมีแบบครบหมดเลยทั้ง Black, Copper และ Lager และราคาก็ถูกกว่าที่ร้าน ต้นตำรับอีกด้วย เนื่องด้วยไม่มี vat + service charge มาบวกเพิ่ม (190 บาทถ้วน)
ก็รวม ๆ ร้านนี้ก็โอเคหมดนะครับ บรรยากาศดี พนักงานขาดแคลนบ้างแต่ก็บริการด้วยใจ อาหารเครื่องดื่มก็มีให้เลือกครบครัน แต่ร้านนี้มาตกม้าตายก็ตรงตัวอาหารนี่แหละครับ คือมื้อนี้เนื่องจากพวกผมไปกันประมาณ 12 คน อาหารที่สั่งก็เลยสั่งกันมาเยอะมาก สั่งกันมาแทบจะหมดเมนูเลยก็ว่าได้ และก็ได้ข้อสรุปอย่างนึงสำหรับอาหารของร้านนี้คือ พวกกับแกล้ม ของกินเล่น ที่ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงอะไรมากนั้น อร่อย และสั่งได้หมด เช่น ออร์เดิร์ฟเบียร์ (120 บาท) , แหนมซี่โครง (110 บาท) , ทอดมันกุ้ง (130 บาท) อะไรพวกนี้ รสชาติ โอเคมาตรฐานเลย แต่พอเป็นอะไรที่แบบต้องกินร้อน ๆ ถึงจะอร่อย, เป็นอะไรที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงนิดนึง หรือมากหน่อย ก็จะกลายเป็นอาหารห่วยแตก แหลกม่ายล่าย ขึ้นมาแทนครับ เช่น ปลากะพงนึ่งบ๊วย (300 บาท) , ขออีกจาน (ถามจริงรสชาติแบบนี้ใครจะขออีกจาน) ( 130 บาท), คอหมูย่างกระทะร้อน (170 บาท), หมึกไข่นึ่งมะนาว (200 บาท) อะไรประมาณนี้ fail หมดเลย คือไอ้ที่ไม่ร้อนก็เข้าใจนะครับ เหมือนแบบพอครัวทำอาหารเสร็จก็จะเอาไปวางทิ้งไว้รอเด็กมายกไปเสิร์ฟ และเนื่องจากเด็กมันน้อยก็เลยทำให้เสิร์ฟช้าแล้วอาหารมันเย็น แต่ว่าไอ้ที่ไม่อร่อยโดยตัวมันเองมันก็เยอะอยู่ ก็ไม่รู้เพราะว่าแม่ครัว, พ่อครัว ยุ่งจัดจนลิ้นเพี้ยน , มือไม่เที่ยง หรือว่าอะไรก็ตามรึเปล่า คืออาหารส่วนใหญ่ แหลก ม่าย ล่าย จริง ๆ นะครับไม่ได้ล้อเล่น
สรุป ร้าน Sheep Village @ สุดซอยจรัญสนิทวงศ์ 86/1 แห่งนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมลูกค้าถึงมากันเยอะ โอเคบรรยากาศร้านอาจจะดี ติดริมน้ำ และก็ลมโกรกเย็นสบาย ร้านก็ตกแต่งได้สวยน่ารักดี แต่ว่าสำหรับตัวผมแล้ว การจะเลือกไปกินร้านอาหารร้านนึง รสชาติอาหารมันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว ก็ถ้าต่อไปอยากจะหาร้าน Pub & Restaurant ริมน้ำ ผมก็คงจะไม่ค่อยอยากจะนึกถึงร้านนี้สักเท่าไรล่ะ ยกเว้นว่าหมดมุขจริง ๆ อะไรจริง หรืออยากมาถ่ายรูปกับแกะ เล่นกับแกะ แค่นั้นจริง ๆ ถึงจะมา เฮ้อ เซ็ง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Friday, March 29, 2013
Kourakuen Ramen Gateway Ekkamai Review
Kourakuen Ramen - Ramen Shop at Gateway Ekamai, BTS Ekkamai, Bangkok
โกรัคคุเอ็น ราเมน - ร้านราเมน ร้านอาหารญี่ปุ่น เกทเวย์ เอกมัย
Overall Score /10
Taste /5
Ambiance /5
Service /5
Value /5
รีวิวร้าน Kourakuen Ramen ฉบับนี้ก็ขอสั้น ๆ ละกันนะครับ เนื่องจากเคยรีวิวอย่างละเอียดเอาไว้เมื่อสัก 7 เดือนที่แล้วแล้ว ไปกินร้านนี้งวดนี้ ต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อยตรงที่ไม่มีคน ไม่มีคิว เหมือนตอนนั้นแล้ว แต่ว่าทุก ๆ อย่างของทางร้านก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ว่าจะตัวเมนู, ตัวร้านบรรยากาศร้าน อาจจะมีเปลี่ยนไปบ้างตรงที่ตอนนี้เด็กเสิร์ฟเป็นคนไทยหมดแล้ว ตอนนั้นที่มาจำได้ว่าเป็นคนญี่ปุ่นสักครึ่งนึง (เหมือนจะส่งมาให้ควบคุมงาน ควบคุมคุณภาพก่อน พออยู่ตัวก็จะกลับประเทศไป อะไรงี้)
คราวที่แล้วที่มากินจำได้ว่าผมกินราเมนซอสโชยุ ซึ่งเป็นซอสดั้งเดิม ต้นตำรับของทางร้านไป และก็สั่งราเมนแห้งมาอีกอย่างนึง จำได้ว่าครั้งก่อนค่อนข้างจะพอใจกับรสชาติราเมนของร้านนี้เลย มางวดนี้ จากการที่ผมชอบถือคติว่าต้องไม่กินอะไรซ้ำ ๆ เดิม ต้องลองไปเรื่อย ๆ ก็เลยสั่งราเมนอีก 2 น้ำซุปไป เป็นมิโซะ กับ ชิโอะ มาแทน (คือเอาจริง ๆ ร้านนี้มีขายน้ำซุปครบ 3 แบบ 3 สไตล์เลย ไม่มีแค่น้ำซุปกระดูกหมูหรือทงคตสึแค่นั้น)
ตัว Shio Negi Ramen (Salt flavor with chopped onion - 159 บาท) นั้นเป็นราเมนชามหลักของผม และผมได้สั่งเพิ่ม ชาชู + ไข่ต้ม - 70 บาท เพิ่มเข้าไป แล้วก็ราด ๆ ตกแต่งราเมนให้ดูมีเนื้อหนังมังสา มีโปรตีนมากขึ้น น่ากินมากขึ้นเอง เบ็ดเสร็จราเมนชามนี้ก็อยู่ที่ 239 บาทนั่นเอง น้ำซุปของราเมนชามนี้ค่อนข้างจะแบบจืด ๆ เบา ๆ ตามสไตล์ Shio Ramen ที่มันจะเข้มข้นน้อยที่สุดในบรรดาน้ำซุปราเมนทั้งหลายแหล่อยู่แล้ว ส่วนตัวหัวหอม กับพริกที่ใส่มาก็ให้มาค่อนข้างเยอะดี ช่วยทำให้ราเมนชามนี้มีความจัดจ้านมากขึ้น อร่อยมากขึ้น ส่วนตัวเนื้อหมูกับไข่ที่ผมสั่งมาใส่เพิ่มเข้าไปเอง ก็เป็นอะไรที่เข้ากันดี กับตัวราเมน รวม ๆ แล้วราเมนชามนี้ผมค่อนข้างชอบนะ
Miso Ramen - 139 บาท : อันนี้เป็นของเพื่อนผมที่ไปด้วยกัน อย่างแรกที่สะดุดเลยคือตัวน้ำซุปราเมนมันเค็มมากกกกก และก็ไม่ค่อยมีความเผ็ด ความหอม(แบบเหม็น ๆ) ของตัวมิโซะสักเท่าไร แต่แบบอะไรอย่างอื่นในชามก็เหมือนกับชามของผมหมด ไม่ว่าจะเส้น, ชาชู หรือไข่ต้ม แต่เนื่องด้วยแค่น้ำซุปที่เค็มปี๋ เค็มเกินไปแค่นี้นี่แหละครับ ก็เลยทำให้ราเมนชามนี้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างแย่ ค่อนข้าง down ลงไปเลย
Gyoza 80 บาท : เกี๊ยวซ่าของร้าน โกรักคุเอ็น ราเมน นี่ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ ไม่ได้โดดเด่น พบเจอได้ตามร้านราเมนทั่วไป แต่เจ้าน้ำจิ้มเกี๊ยวซ่าของทางร้านนี่สิคือตัวปัญหา เพราะว่ามันเค็มปี๋เอามาก ๆ เค็มจนทำให้เกี๊ยวซ่าอร่อยน้องลงไป จนชิ้นหลัง ๆ ผมกินเปล่า ๆ ไม่จิ้มเอาแทนเลย เฮ้อ ไม่รู้ว่าร้านนี้เป็นอะไรกับความเค็มมากมั้ยเนี่ยมื้อนี้ เหมือนกะจะให้คนเมากินแล้วชอบ กินแล้วพริ้วประมาณนั้นแน่เลย
สรุป มางวดที่ 2 ครั้งนี้ รู้สึกประทับใจในตัวราเมนของทางร้านน้อยลงไปเล็กน้อย คือรวม ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านราเมนที่พอโอเคมากินได้อยู่เรื่อย ๆ อยู่ แต่แค่แบบความรู้สึกในการกินมื้อนี้มันกลายเป็นการกินราเมน franchise ไปมากกว่าเดิมแล้ว ออกแนวเหมือนกินฮะจิบัง ราเมน อะไรงี้ คือ อร่อย กินได้ แต่ไม่เกิดความประทับใจหลังกิน ประมาณนั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
โกรัคคุเอ็น ราเมน - ร้านราเมน ร้านอาหารญี่ปุ่น เกทเวย์ เอกมัย
Overall Score /10
Taste /5
Ambiance /5
Service /5
Value /5
รีวิวร้าน Kourakuen Ramen ฉบับนี้ก็ขอสั้น ๆ ละกันนะครับ เนื่องจากเคยรีวิวอย่างละเอียดเอาไว้เมื่อสัก 7 เดือนที่แล้วแล้ว ไปกินร้านนี้งวดนี้ ต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อยตรงที่ไม่มีคน ไม่มีคิว เหมือนตอนนั้นแล้ว แต่ว่าทุก ๆ อย่างของทางร้านก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ว่าจะตัวเมนู, ตัวร้านบรรยากาศร้าน อาจจะมีเปลี่ยนไปบ้างตรงที่ตอนนี้เด็กเสิร์ฟเป็นคนไทยหมดแล้ว ตอนนั้นที่มาจำได้ว่าเป็นคนญี่ปุ่นสักครึ่งนึง (เหมือนจะส่งมาให้ควบคุมงาน ควบคุมคุณภาพก่อน พออยู่ตัวก็จะกลับประเทศไป อะไรงี้)
คราวที่แล้วที่มากินจำได้ว่าผมกินราเมนซอสโชยุ ซึ่งเป็นซอสดั้งเดิม ต้นตำรับของทางร้านไป และก็สั่งราเมนแห้งมาอีกอย่างนึง จำได้ว่าครั้งก่อนค่อนข้างจะพอใจกับรสชาติราเมนของร้านนี้เลย มางวดนี้ จากการที่ผมชอบถือคติว่าต้องไม่กินอะไรซ้ำ ๆ เดิม ต้องลองไปเรื่อย ๆ ก็เลยสั่งราเมนอีก 2 น้ำซุปไป เป็นมิโซะ กับ ชิโอะ มาแทน (คือเอาจริง ๆ ร้านนี้มีขายน้ำซุปครบ 3 แบบ 3 สไตล์เลย ไม่มีแค่น้ำซุปกระดูกหมูหรือทงคตสึแค่นั้น)
ตัว Shio Negi Ramen (Salt flavor with chopped onion - 159 บาท) นั้นเป็นราเมนชามหลักของผม และผมได้สั่งเพิ่ม ชาชู + ไข่ต้ม - 70 บาท เพิ่มเข้าไป แล้วก็ราด ๆ ตกแต่งราเมนให้ดูมีเนื้อหนังมังสา มีโปรตีนมากขึ้น น่ากินมากขึ้นเอง เบ็ดเสร็จราเมนชามนี้ก็อยู่ที่ 239 บาทนั่นเอง น้ำซุปของราเมนชามนี้ค่อนข้างจะแบบจืด ๆ เบา ๆ ตามสไตล์ Shio Ramen ที่มันจะเข้มข้นน้อยที่สุดในบรรดาน้ำซุปราเมนทั้งหลายแหล่อยู่แล้ว ส่วนตัวหัวหอม กับพริกที่ใส่มาก็ให้มาค่อนข้างเยอะดี ช่วยทำให้ราเมนชามนี้มีความจัดจ้านมากขึ้น อร่อยมากขึ้น ส่วนตัวเนื้อหมูกับไข่ที่ผมสั่งมาใส่เพิ่มเข้าไปเอง ก็เป็นอะไรที่เข้ากันดี กับตัวราเมน รวม ๆ แล้วราเมนชามนี้ผมค่อนข้างชอบนะ
Miso Ramen - 139 บาท : อันนี้เป็นของเพื่อนผมที่ไปด้วยกัน อย่างแรกที่สะดุดเลยคือตัวน้ำซุปราเมนมันเค็มมากกกกก และก็ไม่ค่อยมีความเผ็ด ความหอม(แบบเหม็น ๆ) ของตัวมิโซะสักเท่าไร แต่แบบอะไรอย่างอื่นในชามก็เหมือนกับชามของผมหมด ไม่ว่าจะเส้น, ชาชู หรือไข่ต้ม แต่เนื่องด้วยแค่น้ำซุปที่เค็มปี๋ เค็มเกินไปแค่นี้นี่แหละครับ ก็เลยทำให้ราเมนชามนี้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างแย่ ค่อนข้าง down ลงไปเลย
Gyoza 80 บาท : เกี๊ยวซ่าของร้าน โกรักคุเอ็น ราเมน นี่ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ ไม่ได้โดดเด่น พบเจอได้ตามร้านราเมนทั่วไป แต่เจ้าน้ำจิ้มเกี๊ยวซ่าของทางร้านนี่สิคือตัวปัญหา เพราะว่ามันเค็มปี๋เอามาก ๆ เค็มจนทำให้เกี๊ยวซ่าอร่อยน้องลงไป จนชิ้นหลัง ๆ ผมกินเปล่า ๆ ไม่จิ้มเอาแทนเลย เฮ้อ ไม่รู้ว่าร้านนี้เป็นอะไรกับความเค็มมากมั้ยเนี่ยมื้อนี้ เหมือนกะจะให้คนเมากินแล้วชอบ กินแล้วพริ้วประมาณนั้นแน่เลย
สรุป มางวดที่ 2 ครั้งนี้ รู้สึกประทับใจในตัวราเมนของทางร้านน้อยลงไปเล็กน้อย คือรวม ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านราเมนที่พอโอเคมากินได้อยู่เรื่อย ๆ อยู่ แต่แค่แบบความรู้สึกในการกินมื้อนี้มันกลายเป็นการกินราเมน franchise ไปมากกว่าเดิมแล้ว ออกแนวเหมือนกินฮะจิบัง ราเมน อะไรงี้ คือ อร่อย กินได้ แต่ไม่เกิดความประทับใจหลังกิน ประมาณนั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)