Phuket Town - Southern Thai Restaurant at Thonglor, Bangkok ภูเก็ต ทาวน์ ร้านอาหารไทย อาหารใต้ ทองหล่อ
Overall Score 6.5/10
Taste 3/5
Ambiance 3/5
Service 2/5
Value 4/5
Phuket Town - Southern Thai Restaurant on BuMRes.com
ถ้านึกถึงร้านอาหารใต้ในกรุงเทพแบบ เน้นขายอาหารใต้เลยอย่างเดียว ผมก็นึกออกอยู่ไม่กี่ร้านนะครับ เท่าที่นึกได้ก็จะมีร้าน มัลลิการ์ ในซอยรางน้ำ กับร้าน ตะไคร้หอม - ถนนพระราม 9 แล้วก็ร้านโปรดของผม ร้าน จันทน์หอม - รามคำแหง 21 (นวศรี) ที่ผมว่าเป็นร้านอาหารใต้ที่อร่อยที่สุด(ในกรุงเทพ) ที่ผมเคยกินมา ส่วนร้าน Phuket Town หรือ ภูเก็ต ทาวน์ ที่กำลังจะรีวิวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารใต้ที่ผมคงไม่มีทางรู้จักร้านนี้ได้ถ้าเพื่อนผมไม่ได้แนะนำมา เพราะว่าแม้ร้านนี้จะตั้งอยู่ริมถนนทองหล่อ (ปากซอยทองหล่อ 6 เลย) แต่ว่าด้วยความที่ป้ายร้านไม่เด่น, ร้านเป็นห้องแถวคูหาเดียว เลยทำให้แม้ว่าผมจะขับรถผ่านร้านนี้มาหลายร้อยรอบแล้วก็ยังไม่รู้จักร้านนี้เลย -*- แต่ร้านนี้ก็น่าจะขายดีในระดับนึงครับเพราะว่าเปิดมานาน และก็เพื่อน ๆ นักกินผมก็ล้วนรู้จักร้านนี้กันหมด (ผมไปอยู่หลังเขาที่ไหนไม่ทราบ) และก็ร้านนี้มีสาขา 2 ด้วยที่ Navamin Festival Walk ใครสะดวกสาขาไหนก็ไปสาขานั้นได้เลยครับ
ร้าน Phutket Town - ภูเก็ต ทาวน์ นี่ก็ตามที่พิมพ์ไว้ครับ เป็นร้านเล็ก ๆ ห้องแถวเดียว ที่ตกแต่งร้านให้อารมณ์เหมือนยกภูเก็ตมาพอสมควร ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามีชั้น 2 ด้วยรึเปล่า แต่ว่าถ้ามีโต๊ะแค่ชั้น 1 ที่มีโต๊ะอยู่ 6 ตัวแบบนี้ ร้านนี้น่าจะรองรับลูกค้าได้น้อยมาก ๆ เลยทีเดียว ถ้าใครไปช่วง prime time นี่ผมแนะนำให้จองโต๊ะไว้ก่อนถ้าจะดีกว่า อาหารของร้าน Phuket Town นี่ตอนแรกผมก็คิดว่าจะราคาแพงเพราะว่าตั้งอยู่ในย่านร้านอาหารแพง แต่เปล่าครับ ราคาค่อนข้างถูกเลย เผลอ ๆ จะถูกกว่าร้านจันทน์หอมร้านโปรดของผมอีกด้วยซ้ำ รายการอาหารมีให้เลือกเยอะดีครับ และเป็นอาหารไทย อาหารใต้ แทบจะทุกเมนูเลย รายละเอียดดูได้ที่ tab menu เช่นเคยครับ
มื้อนี้ผมไปกับพี่ 2 คนอาหารเลยมีไม่ค่อยเยอะเท่าไร อาหารจานแรกเป็น ขนมจีนน้ำยาปู (Fermented-rice noodles and vegetables served with steamed crab meat curry - 180 บาท) ก็เป็นขนมจีนที่ราคาค่อนข้างแพง แต่ก็ให้เนื้อปูมาค่อนข้างเยอะในน้ำยา (แต่ก็ยังไม่เยอะเท่าไร) มีผักต่าง ๆ จัดมาเต็มคู่กับขนมจีน มีผักแปลก ๆ คล้าย ๆ เป็นถั่วงอกหัวโตด้วย อืม จานนี้ก็รสชาติธรรมดา ๆ ครับ กินได้เรื่อย ๆ ผมว่าถ้าทางร้าน Phuket Town เอาน้ำยาราดเส้นมาเลยน่จะอร่อยกว่า เพราะแบบจานที่ให้มาก็ไม่ใช่จานแบบเป็นหลุมลึก ราดน้ำแกงได้ไม่เยอะ เดี๋ยวมันล้น และเส้นขนมจีนมันก็ติด ๆ กันเป็นแผง กินยากครับ แต่ละคำ อืม แต่ผักเค้าก็สดดี รสชาติน้ำยาก็ดี ก็แค่ถ้าราดมาจะเยี่ยมเลย ประมาณนั้นครับ อาหารจานที่ 2 เป็นข้าวคั่วกลิ้งหมูสับ + น้ำซุป (Stir-fried spicy curry paste with pork on rice served with clear soup - 95 บาท) จานนี้แอบคาดหวังเอาไว้ครับ เพราะผมชอบคั่วกลิ้งมาก แต่พอได้กินแล้วเซ็งครับ สั้น ๆ ง่าย ๆ คั่วกลิ้งไม่อร่อยเลย มันแห้ง ๆ และก็หมูเป็นชิ้นเล็กเกินไป กินแล้วมันไม่ได้ feel เหมือนกินคั่วกลิ้งร้านอื่น ๆ ที่จะแฉะ ๆ หน่อย หมูชิ้นโต ๆ หน่อยเคี้ยวมัน ๆ เฮ้อ
ส่วนจานที่ 3 เป็น ผักเหมียงผัดไข่ (Stir-fried Pak-Miang (Local southern green leaves vegetable) with egg topped with crispy onion and dries shrimp - 120 บาท) จานนี้เป็นอะไรที่อร่อยที่สุดในมื้อนี้ล่ะครับ ส่วนตัว ผมชอบอาหารใต้จานนี้มากอยู่แล้ว ไปภาคใต้ทีไรกินทุกที ร้าน ภูเก็ต ทาวน์ ทำมาได้อร่อยเหมือนไปกินที่ภาคใต้เลยล่ะครับ จานต่อมาเป็น ทอดมันปลาภูเก็ต (Deep-fried phuket fish cake - 140 บาท) จานนี้แอบ Fail ครับ ไม่อร่อย สู้ทอดมันปลา หลาย ๆ ร้านไม่ได้ (เช่นร้าน นิยมโภชนา ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นต้น) แต่นี่คงเป็นสไตล์ภาคใต้เค้ามั้งครับ ไม่รู้เหมือนกัน
ส่วน 2 จานสุดท้ายเป็น ผัดหมี่ฮกเกี้ยนซีฟู้ด (Stir-fried egg noodles with pork or seafood in Phuket Town style - 150 บาท) กับ ไก่ทอดขมิ้น (Deep-fried chicken wings with cumin - 125 บาท) ตัวผัดหมี่ฮกเกี้ยน ค่อนข้างเฉย ๆ สู้แบบไปกินถึงถิ่นภาคใต้ไม่ค่อยได้ ส่วนไก่ทอดนี่ทำมาได้อร่อยดีครับ อร่อยแบบ อร่อยกว่าบางร้านที่เอาเมนูนี่เป็นเมนูแนะนำ หรือบางร้านอีสานที่ควรจะเก่งเรื่องทอดไก่ด้วยซ้ำ เป็นจานที่ผมชอบรองจากผักเหมียงเลย กินเพลินดี ยิ่งได้จิบกับเบียร์นี่น่าจะ fin ครับ
สรุป ร้าน Phuket Town นี่ก็คงเป็นเหมือนร้านไว้เปลี่ยนบรรยากาศสำหรับผมมากกว่าที่จะถ่อไปกินถึงทองหล่อ รสชาติอาหารก็พอไหว แต่แบบร้านจันทน์หอมที่อยู่ใกล้บ้านผมอร่อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และ service, บรรยากาศก็ดีกว่า แต่ก็นะ ใครที่ไปแถวทองหล่อแล้วเบื่อ ๆ กับอาหารญี่ปุ่นและอิตาเลียนที่แทบจะครองย่านไฮไซแห่งนี้ ก็จัดร้านภูเก็ตทาวน์แห่งนี้ก็ไม่เสียหายครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Friday, June 29, 2012
Grand Palace ร้านอาหารจีน Review
Grand Palace - Chinese Restaurant Central Rama IX, Bangkok แกรนด์ พาเลซ ร้านอาหารจีน เซ็นทรัล พระราม 9
Overall Score 6.5/10
Taste 3/5
Ambiance 2/5
Service 2.5/5
Value 4/5
Grand Palace - Chinese Restaurant on BumRes.com
ร้าน Grand Palace เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ชั้น 7 ห้างเซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 7 ของห้างนี้ก็จะคล้าย ๆ กับชั้น 7 ของห้าง Central World ที่จะเป็นชั้นที่รวมร้านอาหารต่าง ๆ มากมายเอาไว้ ผมก็ไม่รู้หลักการเรื่องการ positioning ร้านค้าของห้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นคือชั้นกลาง ๆ จะเป็นชั้นพวกเสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย, อุปกรณ์กีฬา ส่วนพวก IT กับ supermarket นี่ก็ค่อนข้างมั่ว ๆ ดูไม่มีหลักการเห็นบางห้างเอา super ไปไว้ชั้นล่างสุด บางห้างไว้ชั้น 7 ไม่ใช่ไรครับ อยากรู้หลักการเหมือนกันว่า ร้านอาหารเนี่ยควรจะวางไว้ที่ชั้นไหนถึงจะเหมาะสมดี เข้าเรื่องต่อ ร้านแกรนด์ พาเลซ นี่ก็เป็นร้านอาหารจีนที่ผมก็ไม่รู้ว่าดังหรือไม่ดัง แต่ร้านนี้ก็มีสาขาอยู่อีก 2 ที่ ที่ถนนมเหสักข์ สีลม สาขานึง และก็สาขาที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานที่ The Crystal Park เลียบทางด่วนรามอินทา ร้านนี้ตั้งชื่อคล้าย ๆ กับร้านอาหารจีนโปรดของผม China Palace - สี่พระยา ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องทะเลาะกันแล้วแยกวงรึเปล่า ก็สุดแต่จะคาดเดา
อาหารของร้าน Grand Palace ณ เซ็นทรัลพระราม 9 นี่ก็เหมือน ๆ กับอาหารจีนร้านอื่น ๆ ครับ จะแปลกหน่อยก็ตรงที่จะมีติ่มซำให้สั่งค่อนข้างเยอะ (เป็นพิเศษ) และสั่งได้ทั้งวันไม่จำกัดมื้อเที่ยง อาหารประเภทอื่นก็มีครบครัน ๆ อาหารทะเล, อาหารจานเดียว, ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว ครบครันจริง ๆ ครับมีอยู่ 100 กว่าอย่าง นอกจากอาหารแบบ a la carte แล้วก็มีอาหาร set โต๊ะจีนอีกหลายแบบ ราคาก็มีตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงเป็นหมื่นตามประสาราคาโต๊ะจีนทั่ว ๆ ไปครับ ก็แปลกดีครับ ร้านอาหารจีนแบบเต็มสตรีมขนาดนี้ในห้างสรรพสินค้า .. ถ้าให้ผมนึกนี่ผมก็นึกไม่ค่อยจะออกเหมือนกันแฮะ ส่วนใหญ่ร้านจีนพวกนี้จะเปิดอยู่เป็นเอกเทศมากกว่าว่ามั้ยครับ?
อาหารในมื้อนี้ก็มี 6 อย่างครับ แต่ละอย่างจะไม่ค่อยแพงเท่าไร เพราะเน้นราคาประหยัด (จริง ๆ เมนูแพง ๆ ของร้านนี้ก็มีครับ เป๋าฮื้อ 8 ตัวกระทะร้อน 5000 บาทอะไรนี่แหละ -*-) อาหารจานแรกเป็น บะหมี่กุ้งซอสเซี่ยงไฮ้ (130 บาท) คือตัวเส้นบะหมี่แห้งและติดกันเป็นก้อน, กุ้งตัวเล็ก, ผักกวางตุ้งก็ไม่ค่อยสด ดีที่น้ำซอสรสชาติค่อนข้างอร่อย สรุปคือผมว่าถ้าคลุกบะหมี่กับน้ำซอสมาเลย จะทำให้บะหมี่ชามนี้อร่อยขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญเลยล่ะ จานที่ 2 เป็น เนื้อปลาทอดพริกเกลือ (160 บาท) จานนี้ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ ปลาทอดมาดี เนื้อกรอบนอกนุ่มใน อร่อย แต่ถ้าเพิ่มเจ้าตัวพริกเกลือให้จัดจ้านมากยิ่งขึ้นกว่านี้คงถูกปากผมยิ่งขึ้นไปอีก จานที่ 3 เป็น หมูนิ่มกระเพรากรอบ (85 บาท) จานนี้ดูเป็นอาหารไท๊ย อาหารไทย ไม่รู้มามีอยู่ในเมนูได้ยังไง รสชาติก็อร่อยแบบกระเพรา ๆ ล่ะครับ กินได้เพลิน ๆ เนื้อหมูนิ่มสมชื่อดีด้วย
จานที่ 4 เป็นข้าวราดเนื้อปูผงกะหรี่ (130 บาท) จานนี้ไม่อร่อยเลย มัน fail ๆ ไปหมดทั้งปริมาณเนื้อปูที่แทบจะไม่มีเลย + ข้าวที่ให้มาก็ไม่ร้อน + รสชาติของผงกะหรี่ที่ผัด ๆ มามันก็แหม่ง ๆ ครับ จานที่ 5 เป็นห่อหมกทะเล (85 บาท) จานนี้ก็เป็นจานที่แปลกดี คล้าย ๆ เหมือนเอาผงกะหรี่ไปอบ ๆ ให้ออกมาเป็นห่อหมก รสชาติจะค่อนข้างเผ็ด ๆ หน่อย ก็อร่อยดีครับ (ถูกดีด้วย) ส่วนจานสุดท้ายเป็น หัวปลาต้มเผือก (250 บาท) ที่ผมค่อนข้างชอบ น้ำซุปรสชาติดี ให้หัวปลามาเยอะมาก มีเนื้อปลาเยอะสุด ๆ อีกด้วย กินเพลิน แบ่งใส่ถ้วยหลายทีกว่าจะหมดครับ ชอบ ๆ
สรุป ร้านอาหารจีน Grand Palace นี่ก็เป็นร้านอาหารจีนที่ค่อนข้างจะ standard ร้านนึงล่ะครับ รสชาติอาหารนั้นอยู่ในระดับร้านอาหารจีนทั่ว ๆ ไป ที่หากินได้ทั้งตามห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านแบบภัตตาคารเอกเทศ ผมแอบไปอ่าน ๆ รีวิวที่เว็บอื่น เหมือนกับว่าร้านนี้จะดังเรื่องติ่มซำ อืม .. พลาดล่ะผม ไว้เดี๋ยวจะไปลองติ่มซำที่สาขาต้นตำรับที่สีลมดูบ้างละกันครับ เผื่อว่าจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีของผมต่อร้านนี้ขึ้นมาอีกสักหน่อย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score 6.5/10
Taste 3/5
Ambiance 2/5
Service 2.5/5
Value 4/5
Grand Palace - Chinese Restaurant on BumRes.com
ร้าน Grand Palace เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ชั้น 7 ห้างเซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 7 ของห้างนี้ก็จะคล้าย ๆ กับชั้น 7 ของห้าง Central World ที่จะเป็นชั้นที่รวมร้านอาหารต่าง ๆ มากมายเอาไว้ ผมก็ไม่รู้หลักการเรื่องการ positioning ร้านค้าของห้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นคือชั้นกลาง ๆ จะเป็นชั้นพวกเสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย, อุปกรณ์กีฬา ส่วนพวก IT กับ supermarket นี่ก็ค่อนข้างมั่ว ๆ ดูไม่มีหลักการเห็นบางห้างเอา super ไปไว้ชั้นล่างสุด บางห้างไว้ชั้น 7 ไม่ใช่ไรครับ อยากรู้หลักการเหมือนกันว่า ร้านอาหารเนี่ยควรจะวางไว้ที่ชั้นไหนถึงจะเหมาะสมดี เข้าเรื่องต่อ ร้านแกรนด์ พาเลซ นี่ก็เป็นร้านอาหารจีนที่ผมก็ไม่รู้ว่าดังหรือไม่ดัง แต่ร้านนี้ก็มีสาขาอยู่อีก 2 ที่ ที่ถนนมเหสักข์ สีลม สาขานึง และก็สาขาที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานที่ The Crystal Park เลียบทางด่วนรามอินทา ร้านนี้ตั้งชื่อคล้าย ๆ กับร้านอาหารจีนโปรดของผม China Palace - สี่พระยา ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องทะเลาะกันแล้วแยกวงรึเปล่า ก็สุดแต่จะคาดเดา
อาหารของร้าน Grand Palace ณ เซ็นทรัลพระราม 9 นี่ก็เหมือน ๆ กับอาหารจีนร้านอื่น ๆ ครับ จะแปลกหน่อยก็ตรงที่จะมีติ่มซำให้สั่งค่อนข้างเยอะ (เป็นพิเศษ) และสั่งได้ทั้งวันไม่จำกัดมื้อเที่ยง อาหารประเภทอื่นก็มีครบครัน ๆ อาหารทะเล, อาหารจานเดียว, ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว ครบครันจริง ๆ ครับมีอยู่ 100 กว่าอย่าง นอกจากอาหารแบบ a la carte แล้วก็มีอาหาร set โต๊ะจีนอีกหลายแบบ ราคาก็มีตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงเป็นหมื่นตามประสาราคาโต๊ะจีนทั่ว ๆ ไปครับ ก็แปลกดีครับ ร้านอาหารจีนแบบเต็มสตรีมขนาดนี้ในห้างสรรพสินค้า .. ถ้าให้ผมนึกนี่ผมก็นึกไม่ค่อยจะออกเหมือนกันแฮะ ส่วนใหญ่ร้านจีนพวกนี้จะเปิดอยู่เป็นเอกเทศมากกว่าว่ามั้ยครับ?
อาหารในมื้อนี้ก็มี 6 อย่างครับ แต่ละอย่างจะไม่ค่อยแพงเท่าไร เพราะเน้นราคาประหยัด (จริง ๆ เมนูแพง ๆ ของร้านนี้ก็มีครับ เป๋าฮื้อ 8 ตัวกระทะร้อน 5000 บาทอะไรนี่แหละ -*-) อาหารจานแรกเป็น บะหมี่กุ้งซอสเซี่ยงไฮ้ (130 บาท) คือตัวเส้นบะหมี่แห้งและติดกันเป็นก้อน, กุ้งตัวเล็ก, ผักกวางตุ้งก็ไม่ค่อยสด ดีที่น้ำซอสรสชาติค่อนข้างอร่อย สรุปคือผมว่าถ้าคลุกบะหมี่กับน้ำซอสมาเลย จะทำให้บะหมี่ชามนี้อร่อยขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญเลยล่ะ จานที่ 2 เป็น เนื้อปลาทอดพริกเกลือ (160 บาท) จานนี้ทำมาได้ค่อนข้างดีครับ ปลาทอดมาดี เนื้อกรอบนอกนุ่มใน อร่อย แต่ถ้าเพิ่มเจ้าตัวพริกเกลือให้จัดจ้านมากยิ่งขึ้นกว่านี้คงถูกปากผมยิ่งขึ้นไปอีก จานที่ 3 เป็น หมูนิ่มกระเพรากรอบ (85 บาท) จานนี้ดูเป็นอาหารไท๊ย อาหารไทย ไม่รู้มามีอยู่ในเมนูได้ยังไง รสชาติก็อร่อยแบบกระเพรา ๆ ล่ะครับ กินได้เพลิน ๆ เนื้อหมูนิ่มสมชื่อดีด้วย
จานที่ 4 เป็นข้าวราดเนื้อปูผงกะหรี่ (130 บาท) จานนี้ไม่อร่อยเลย มัน fail ๆ ไปหมดทั้งปริมาณเนื้อปูที่แทบจะไม่มีเลย + ข้าวที่ให้มาก็ไม่ร้อน + รสชาติของผงกะหรี่ที่ผัด ๆ มามันก็แหม่ง ๆ ครับ จานที่ 5 เป็นห่อหมกทะเล (85 บาท) จานนี้ก็เป็นจานที่แปลกดี คล้าย ๆ เหมือนเอาผงกะหรี่ไปอบ ๆ ให้ออกมาเป็นห่อหมก รสชาติจะค่อนข้างเผ็ด ๆ หน่อย ก็อร่อยดีครับ (ถูกดีด้วย) ส่วนจานสุดท้ายเป็น หัวปลาต้มเผือก (250 บาท) ที่ผมค่อนข้างชอบ น้ำซุปรสชาติดี ให้หัวปลามาเยอะมาก มีเนื้อปลาเยอะสุด ๆ อีกด้วย กินเพลิน แบ่งใส่ถ้วยหลายทีกว่าจะหมดครับ ชอบ ๆ
สรุป ร้านอาหารจีน Grand Palace นี่ก็เป็นร้านอาหารจีนที่ค่อนข้างจะ standard ร้านนึงล่ะครับ รสชาติอาหารนั้นอยู่ในระดับร้านอาหารจีนทั่ว ๆ ไป ที่หากินได้ทั้งตามห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านแบบภัตตาคารเอกเทศ ผมแอบไปอ่าน ๆ รีวิวที่เว็บอื่น เหมือนกับว่าร้านนี้จะดังเรื่องติ่มซำ อืม .. พลาดล่ะผม ไว้เดี๋ยวจะไปลองติ่มซำที่สาขาต้นตำรับที่สีลมดูบ้างละกันครับ เผื่อว่าจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีของผมต่อร้านนี้ขึ้นมาอีกสักหน่อย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Thursday, June 28, 2012
Ashibi - Japanese Izakaya Restaurant Review
Ashibi - Japanese Izakaya Restaurant Thonglor soi 18, Bangkok อาชิบิ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น ทองหล่อ
Overall Score 9.5/10
Taste 5/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3.5/5
Ashibi - Japanese Izakaya Restaurant on BumRes.com
ร้าน Izakaya หรือร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น นี่ผมเพิ่งจะมาตรัสรู้เอาช่วง ๆ นี่แหละครับว่ากรุงเทพนี่มีร้านพวกนี้เยอะจริง ๆ ร้านโปรด ๆ ของผมก็จะมีร้าน Torijiro สุขุมวิท 39 , Nagiya ทองหล่อ 13 และร้านอื่น ๆ อีกมากมาย แต่หลังจากที่วันนี้ได้มากินร้าน Ashibi ที่ตั้งตัวอยู่ที่บริเวณท้ายซอยทองหล่อ 18 แล้ว ร้านนี้ก็ได้เบียดแซงทุก ๆ ร้านที่ผมเคยกินมาในกรุงเทพขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในทันทีครับ เพราะร้านนี้อาหารเค้าแบบอร่อย, หน้าตาดี บริการก็ดี อาหารก็เร็ว โอย ครบครัน ครับ ครบครัน ร้าน Ashibi นี่แม้ว่าทำเลจะไม่ได้ดีเด่อะไร คืออยู่ค่อนข้างจะนอกรัศมีการเดินทางไปมาของผู้คน ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอยที่ทะลุไปโน่นมานี่ได้ (ซอยทองหล่อ 18 เป็นซอยตัน) แต่ว่าผมว่าด้วยปัจจัยข้างต้นที่ผมชอบ ทำให้แม้ว่าร้านนี้จะเปิดมาแล้ว 5 ปี ทุก ๆ วันลูกค้าก็ยังคงแน่นเต็มร้านอยู่ไม่เสื่อมคลาย น้องพนักงานบอกว่าร้านนี้มีห้องส่วนตัวอยู่ 9 ห้อง ขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ราคาค่าห้องเริ่มต้นที่ 500 บาทและส่วนใหญ่ห้องส่วนตัวจะเต็มต้องจองไว้ก่อน รวมถึงร้านนี้มีที่นั่งทั้งแบบสูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ ยิ่งไปกว่านั้น พอเข้าไปในร้าน เห็นแต่ลูกค้าญี่ปุ่น ไม่เห็นคนไทยเลยสักโต๊ะ (ถามพนักงาน น้องเค้าบอกว่ามีคนไทยมาประมาณสัก 5%) ก็ยิ่งทำให้เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในร้านญี่ปุ่นขนานแท้อะไรแบบนั้นเลยล่ะครับ กับร้าน Ashibi แห่งนี้
อาหารของร้าน Ashibi - ทองหล่อ 18 นี่ ก็จะเหมือน ๆ กับร้าน Izakaya ร้านอื่น ๆ ล่ะครับ มีครบครันหมด กับแกล้ม, ปลาดิบ, ของทอด, ปิ้งย่าง ฯลฯ ครบตำหรับอาหารญี่ปุ่นเลย ราคาอาหารของร้านนี้ดูเมนูแว่บแรกอาจจะรู้สึกว่าแพงไปหน่อยเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาตอนสุดท้ายที่ไม่มี + vat + service charge แถมถ้าจ่ายเงินสดลดอีก 10% ด้วยแล้ว เผลอ ๆ ราคาอาหารของร้านนี้อาจจะถูกกว่าร้านที่ราคาในเมนูถูกกว่าก็เป็นได้ด้วยซ้ำ รายละเอียดอาหารของร้าน อาชิบิ Ashibi เชิญดูได้ที่ tab menu เลยนะครับ
ก่อนจะเข้าเรื่องรสชาติอาหาร ผมเห็นหลาย ๆ ร้านบางทีจะนำภาชนะที่ไม่ค่อยจะเข้ากันกับอาหารสักเท่าไรมาเสิร์ฟให้ลูกค้า ซึ่งคนที่ไม่พิถีพิถันในเรื่องอาหารก็คงทำกันแบบนั้น แต่ร้านเทพ ๆ แม้แต่ภาชนะก็จะต้องคิดก่อนว่า อาหารออกมาแบบนี้ ควรจะใส่ภาชนะแบบไหนเพื่อให้มันเหมาะสม เพื่อให้คงรสชาติอาหารได้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้ากินอาหารได้อร่อยที่สุด ซึ่งร้าน Ashibi นี่ก็เป็นอย่างหลังครับ ผมรู้สึกภาชนะแต่ละจานนี่แบบเหมือนออกแบบมาให้อาหารอย่างนั้น ๆ โดยเฉพาะเลย อืม เข้าเรื่องรสชาติอาหาร อาหารในมื้อนี้ อร่อยหมดทุกจานครับ บางจานอร่อยจนน่าตกใจด้วย เอาจานที่น่าตกใจก่อนละกัน
Maguro Zuke (295 บาท) จานนี้ก็เป็นเนื้อปลาทูน่า (มากุโร่) ดิบ ราดมาด้วยซอสอะไรก็ไม่รู้น่าจะเป็นโชยุผสมอะไรสักอย่างและก็มีไข่นกกระทากับมันภูเขา (ยามาอิโมะ) โอย อร่อยมากครับ แต่ละคำที่กินเข้าไปนี่แบบ ปลาสดอร่อยอยู่แล้วมาเจอกรรมวิธีการปรุงที่ช่วยเสริมรสชาติขึ้นไปอีก, อีกจานคือ Uzuku (220 บาท) หรือปลาไหลน้ำจืดเสิร์ฟพร้อมกับสาหร่ายและผักอะไรก็ไม่ทราบและปรุงรสมาอีกเล้กน้อย จานนี้ก็อร่อยเว่อร์เช่นกัน อร่อยกว่ากินปลาไหลน้ำจืดทาซีอิ๊วแบบทั่ว ๆ ไปพอตัวเลยล่ะครับ อีกจานที่อร่อยจนน่าตกใจก็คือ ปลาอะไรสักอย่าง (330 บาท) สักอย่างชื่อญี่ปุ่น ๆ 3 พยางค์ ซึ่งแบบ ทางร้าน Ashibi นี่ย่างมาได้อย่าง perfect มาก เนื้อสุกกำลังดี และก็ปลาสดมาก แต่ละคำ ๆ ที่เอาตะเกียบคีบขึ้นมานี่แบบ โอ้โห อร่อยสุด ๆ ชอบครับ คือส่วนใหญ่ผมจะชอบสั่งปลาฮอกเกะย่างไม่ว่าจะไปร้านไหน บางร้านย่างมาได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วแต่ฝีมือพ่อครัว แต่แบบเจ้าปลานี่ที่ผมว่าเนื้ออร่อยกว่าฮอกเกะ(เล็กน้อย) แล้วมาเจอการย่างที่ close to perfection แบบนี้แล้วด้วยนี่แบบ fin สุด ๆ
ส่วนจานอื่น ๆ ที่อร่อยหมด แต่ไม่ได้ประทับใจผมออกนอกหน้าเหมือน 3 จานแรกก็มี Maguro Pepper Ponzu (395 บาท) ที่มองแว่บแรกแล้วเหมือน beef carpaccio มาก แต่อันนี้จะอร่อยกว่าหน่อยครับเพราะเนื้อที่ทอดมาให้ผิวนอกสุกแต่ด้านในดิบและเอาไปกินกับซอส ponzu และกินพร้อมมะนาวที่ฝานมาด้วยนี่มันแบบ โอว อร่อย จานต่อมาก็มี Chikuwa Isobeage (160 บาท) ชิกุวะ นี่จริง ๆ ผมก็กินมาเยอะ อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง ส่วนใหญ่จะกินแบบ รองท้องไม่ได้คาดหวังในรสชาติ แต่ชิกุวะของร้าน Ashibi นี่แบบ เฮ้ย อร่อยเกินกว่าจะเป็นอาหารรองท้องจริง ๆ อีกจานเป็น Nigiru Sushi (A) (1,050 บาท) ซูชิที่ส่วนใหญ่สั่งในร้าน Izakaya นี่ผมจะไม่ค่อยคาดหวังในรสชาติเท่าไร เพราะเมื่อเทียบกับร้านซูชิเฉพาะทางแล้วมันจะสู้ไม่ได้เลย แต่ของร้านอาชิบินี่ก็ทำออกมาได้ดีกว่าร้าน Izakaya อื่น ๆ ครับ เนื้อปลาค่อนข้างให้เยอะ และปลาก็สดดี (แต่ร้าน Sushi เฉพาะทางก็ยังอร่อยกว่าอยู่ดี) ส่วนจานสุดท้ายเป็น Omu Yaki Soba (200 บาท) จานนี้ก็ค่อนข้างธรรมดา ๆ เล็กน้อย รสชาติและหน้าตาคล้าย ๆ ร้านอื่นที่มักจะมีเมนูนี้อยู่เหมือนกัน ก็เหมือนเป็นอาหารกินให้กระเพาะเต็มสำหรับมื้อนี้ครับ
สรุป มื้อนี้ประทับใจมากครับ กับร้าน Ashibi - ทองหล่อ 18 อาหารอร่อย ราคาก็สมเหตุสมผล พนักงานก็บริการดี อาหารก็รวดเร็วดี ไม่แปลกใจที่แม้ว่าผมจะไปวันพุธเย็น ลูกค้าก็ยังคงแน่นเต็มร้านขนาดใหญ่แห่งนี้ได้ ใครสนใจอยากจะลองร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Izakaya และอยากจะประทับใจตั้งแต่มื้อแรก ผมแนะนำให้ไปลองร้านนี้กันครับ เพราะตัวผมเอง ขนาดกินเมนูพวกนี้มาเยอะแล้ว ยังติดใจจนถึงตอนเขียน review อยู่นี่เลย อ๊ากกก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Overall Score 9.5/10
Taste 5/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3.5/5
Ashibi - Japanese Izakaya Restaurant on BumRes.com
ร้าน Izakaya หรือร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น นี่ผมเพิ่งจะมาตรัสรู้เอาช่วง ๆ นี่แหละครับว่ากรุงเทพนี่มีร้านพวกนี้เยอะจริง ๆ ร้านโปรด ๆ ของผมก็จะมีร้าน Torijiro สุขุมวิท 39 , Nagiya ทองหล่อ 13 และร้านอื่น ๆ อีกมากมาย แต่หลังจากที่วันนี้ได้มากินร้าน Ashibi ที่ตั้งตัวอยู่ที่บริเวณท้ายซอยทองหล่อ 18 แล้ว ร้านนี้ก็ได้เบียดแซงทุก ๆ ร้านที่ผมเคยกินมาในกรุงเทพขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในทันทีครับ เพราะร้านนี้อาหารเค้าแบบอร่อย, หน้าตาดี บริการก็ดี อาหารก็เร็ว โอย ครบครัน ครับ ครบครัน ร้าน Ashibi นี่แม้ว่าทำเลจะไม่ได้ดีเด่อะไร คืออยู่ค่อนข้างจะนอกรัศมีการเดินทางไปมาของผู้คน ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอยที่ทะลุไปโน่นมานี่ได้ (ซอยทองหล่อ 18 เป็นซอยตัน) แต่ว่าผมว่าด้วยปัจจัยข้างต้นที่ผมชอบ ทำให้แม้ว่าร้านนี้จะเปิดมาแล้ว 5 ปี ทุก ๆ วันลูกค้าก็ยังคงแน่นเต็มร้านอยู่ไม่เสื่อมคลาย น้องพนักงานบอกว่าร้านนี้มีห้องส่วนตัวอยู่ 9 ห้อง ขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ราคาค่าห้องเริ่มต้นที่ 500 บาทและส่วนใหญ่ห้องส่วนตัวจะเต็มต้องจองไว้ก่อน รวมถึงร้านนี้มีที่นั่งทั้งแบบสูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ ยิ่งไปกว่านั้น พอเข้าไปในร้าน เห็นแต่ลูกค้าญี่ปุ่น ไม่เห็นคนไทยเลยสักโต๊ะ (ถามพนักงาน น้องเค้าบอกว่ามีคนไทยมาประมาณสัก 5%) ก็ยิ่งทำให้เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในร้านญี่ปุ่นขนานแท้อะไรแบบนั้นเลยล่ะครับ กับร้าน Ashibi แห่งนี้
อาหารของร้าน Ashibi - ทองหล่อ 18 นี่ ก็จะเหมือน ๆ กับร้าน Izakaya ร้านอื่น ๆ ล่ะครับ มีครบครันหมด กับแกล้ม, ปลาดิบ, ของทอด, ปิ้งย่าง ฯลฯ ครบตำหรับอาหารญี่ปุ่นเลย ราคาอาหารของร้านนี้ดูเมนูแว่บแรกอาจจะรู้สึกว่าแพงไปหน่อยเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาตอนสุดท้ายที่ไม่มี + vat + service charge แถมถ้าจ่ายเงินสดลดอีก 10% ด้วยแล้ว เผลอ ๆ ราคาอาหารของร้านนี้อาจจะถูกกว่าร้านที่ราคาในเมนูถูกกว่าก็เป็นได้ด้วยซ้ำ รายละเอียดอาหารของร้าน อาชิบิ Ashibi เชิญดูได้ที่ tab menu เลยนะครับ
ก่อนจะเข้าเรื่องรสชาติอาหาร ผมเห็นหลาย ๆ ร้านบางทีจะนำภาชนะที่ไม่ค่อยจะเข้ากันกับอาหารสักเท่าไรมาเสิร์ฟให้ลูกค้า ซึ่งคนที่ไม่พิถีพิถันในเรื่องอาหารก็คงทำกันแบบนั้น แต่ร้านเทพ ๆ แม้แต่ภาชนะก็จะต้องคิดก่อนว่า อาหารออกมาแบบนี้ ควรจะใส่ภาชนะแบบไหนเพื่อให้มันเหมาะสม เพื่อให้คงรสชาติอาหารได้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้ากินอาหารได้อร่อยที่สุด ซึ่งร้าน Ashibi นี่ก็เป็นอย่างหลังครับ ผมรู้สึกภาชนะแต่ละจานนี่แบบเหมือนออกแบบมาให้อาหารอย่างนั้น ๆ โดยเฉพาะเลย อืม เข้าเรื่องรสชาติอาหาร อาหารในมื้อนี้ อร่อยหมดทุกจานครับ บางจานอร่อยจนน่าตกใจด้วย เอาจานที่น่าตกใจก่อนละกัน
Maguro Zuke (295 บาท) จานนี้ก็เป็นเนื้อปลาทูน่า (มากุโร่) ดิบ ราดมาด้วยซอสอะไรก็ไม่รู้น่าจะเป็นโชยุผสมอะไรสักอย่างและก็มีไข่นกกระทากับมันภูเขา (ยามาอิโมะ) โอย อร่อยมากครับ แต่ละคำที่กินเข้าไปนี่แบบ ปลาสดอร่อยอยู่แล้วมาเจอกรรมวิธีการปรุงที่ช่วยเสริมรสชาติขึ้นไปอีก, อีกจานคือ Uzuku (220 บาท) หรือปลาไหลน้ำจืดเสิร์ฟพร้อมกับสาหร่ายและผักอะไรก็ไม่ทราบและปรุงรสมาอีกเล้กน้อย จานนี้ก็อร่อยเว่อร์เช่นกัน อร่อยกว่ากินปลาไหลน้ำจืดทาซีอิ๊วแบบทั่ว ๆ ไปพอตัวเลยล่ะครับ อีกจานที่อร่อยจนน่าตกใจก็คือ ปลาอะไรสักอย่าง (330 บาท) สักอย่างชื่อญี่ปุ่น ๆ 3 พยางค์ ซึ่งแบบ ทางร้าน Ashibi นี่ย่างมาได้อย่าง perfect มาก เนื้อสุกกำลังดี และก็ปลาสดมาก แต่ละคำ ๆ ที่เอาตะเกียบคีบขึ้นมานี่แบบ โอ้โห อร่อยสุด ๆ ชอบครับ คือส่วนใหญ่ผมจะชอบสั่งปลาฮอกเกะย่างไม่ว่าจะไปร้านไหน บางร้านย่างมาได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วแต่ฝีมือพ่อครัว แต่แบบเจ้าปลานี่ที่ผมว่าเนื้ออร่อยกว่าฮอกเกะ(เล็กน้อย) แล้วมาเจอการย่างที่ close to perfection แบบนี้แล้วด้วยนี่แบบ fin สุด ๆ
ส่วนจานอื่น ๆ ที่อร่อยหมด แต่ไม่ได้ประทับใจผมออกนอกหน้าเหมือน 3 จานแรกก็มี Maguro Pepper Ponzu (395 บาท) ที่มองแว่บแรกแล้วเหมือน beef carpaccio มาก แต่อันนี้จะอร่อยกว่าหน่อยครับเพราะเนื้อที่ทอดมาให้ผิวนอกสุกแต่ด้านในดิบและเอาไปกินกับซอส ponzu และกินพร้อมมะนาวที่ฝานมาด้วยนี่มันแบบ โอว อร่อย จานต่อมาก็มี Chikuwa Isobeage (160 บาท) ชิกุวะ นี่จริง ๆ ผมก็กินมาเยอะ อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง ส่วนใหญ่จะกินแบบ รองท้องไม่ได้คาดหวังในรสชาติ แต่ชิกุวะของร้าน Ashibi นี่แบบ เฮ้ย อร่อยเกินกว่าจะเป็นอาหารรองท้องจริง ๆ อีกจานเป็น Nigiru Sushi (A) (1,050 บาท) ซูชิที่ส่วนใหญ่สั่งในร้าน Izakaya นี่ผมจะไม่ค่อยคาดหวังในรสชาติเท่าไร เพราะเมื่อเทียบกับร้านซูชิเฉพาะทางแล้วมันจะสู้ไม่ได้เลย แต่ของร้านอาชิบินี่ก็ทำออกมาได้ดีกว่าร้าน Izakaya อื่น ๆ ครับ เนื้อปลาค่อนข้างให้เยอะ และปลาก็สดดี (แต่ร้าน Sushi เฉพาะทางก็ยังอร่อยกว่าอยู่ดี) ส่วนจานสุดท้ายเป็น Omu Yaki Soba (200 บาท) จานนี้ก็ค่อนข้างธรรมดา ๆ เล็กน้อย รสชาติและหน้าตาคล้าย ๆ ร้านอื่นที่มักจะมีเมนูนี้อยู่เหมือนกัน ก็เหมือนเป็นอาหารกินให้กระเพาะเต็มสำหรับมื้อนี้ครับ
สรุป มื้อนี้ประทับใจมากครับ กับร้าน Ashibi - ทองหล่อ 18 อาหารอร่อย ราคาก็สมเหตุสมผล พนักงานก็บริการดี อาหารก็รวดเร็วดี ไม่แปลกใจที่แม้ว่าผมจะไปวันพุธเย็น ลูกค้าก็ยังคงแน่นเต็มร้านขนาดใหญ่แห่งนี้ได้ ใครสนใจอยากจะลองร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Izakaya และอยากจะประทับใจตั้งแต่มื้อแรก ผมแนะนำให้ไปลองร้านนี้กันครับ เพราะตัวผมเอง ขนาดกินเมนูพวกนี้มาเยอะแล้ว ยังติดใจจนถึงตอนเขียน review อยู่นี่เลย อ๊ากกก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)