BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Tuesday, December 31, 2013

Cafe de Florers - Cafe and Coffee Shop Review

Cafe de Flores - ร้านกาแฟ, คาเฟ่ เค้ก ของหวาน อาหารจานเดียว พาสต้า ราชพฤกษ์ วงเวียนพระราม 5



Overall Score  7/10
Taste   3.5/5
Ambiance  4/5
Service  3/5
Value   4/5

Cafe de Flors - Cafe and Coffee Shop on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



Cafe de Flore - หรือแปลได้ว่าคาเฟ่แห่งต้นไม้แห่งนี้เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่แถว ๆ ชานเมืองของกรุงเทพในย่านวงเวียนพระราม 5 จากวงเวียนพระราม 5 เดินทางมาแค่นิดเดียวก็จะเจอป้ายร้านอันโดดเด่นเป็นสง่าตั้งอยู่ ร้านนี้เพียงแค่บรรยากาศหน้าร้านนั้นก็อิงตาม concept ของชื่อร้านได้อย่างเป๊ะ ๆ แล้วด้วยการนำต้นไม้, ไม้เลื้อยมาตกแต่งร้านกันตั้งแต่ทางเข้าหน้าร้าน, ภายในร้านก็มีการนำต้นไม้มาตกแต่งร้านในแทบจะทุกจุดที่เป็นไปได้ทำให้ได้ cafe ที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร เป็นอะไรที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อนในร้าน cafe ในกรุงเทพเลย ที่นั่งของร้านนี้สามารถแบ่งได้เป็นหลายโซนตั้งแต่โซน al fresco dining รับลมด้านหน้าร้าน ที่ถ้าไปตอนหน้าหนาวแบบนี้ก็จะเป็นอะไรที่ชิลมาก ๆ เหมาะมาก ๆ , ที่นั่งแบบ stool , ที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาและชั้น 2 ของร้านที่จะเป็นที่นั่งแนวโซฟา ๆ นั่งเอน นั่งพิงกันได้อย่างสบายตัวสบายใจ ก็เรียกได้ว่าการตกแต่ง, บรรยากาศของร้านนี้นี่คือทำมาได้แบบเหมาะกับเป็นร้าน cafe จริง ๆ ตัวผมเองนี่ถ้าจะให้มานั่งชิล นั่งทำงานหลาย ๆ ชั่วโมงก็คงนั่งได้อย่างสบายใจเลยล่ะ

เครื่องดื่มและอาหารของร้าน Cafe de Flore แห่งนี้ก็จะค่อนข้างคล้าย ๆ ร้านแนวคาเฟ่ร้านอื่น ๆ พอสมควรไล่กันไปตั้งแต่ตัวเครื่องดื่มที่จะเป็นพวกชา, กาแฟ, soft drink อะไรพวกนั้นเป็นหลัก ส่วนตัวอาหารก็จะเป็นอาหารแนวกินเล่น, ทานง่าย ๆ หรือจะจริงจังก็ได้แต่ก็เป็นอาหารจริงจังแบบง่าย ๆ โดยจะเน้นไปที่อาหารจานเดียวสไตล์ตะวันตก - ฟิวชั่น กับอาหารทานเล่นแนวตะวันตกเป็นหลัก และแม้ว่าบรรยากาศร้าน, การบริการ (มีน้ำเปล่าให้ฟรีด้วยนะครับ) และอะไรหลาย ๆ อย่างของร้านนี้ล้วนแต่บ่งชี้ความเป็น premium ของร้านอยู่พอตัวแต่อาจจะเพราะทำเลของร้านหรืออาจะจเพราะด้วยความจริงใจของทางเจ้าของร้าน ราคาอาหารและเครื่องดื่มของร้านนี้ก็เลยมีราคาที่ไม่ค่อยสูงนัก หรือพูดง่าย ๆ ก็คือถูกกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากเลยล่ะ เครื่องดื่มส่วนใหญ่แก้วล่ะแค่ 60 - 70 บาท






มื้อนี้ผมไปชิลกับแฟนกันแค่ 2 คนอาหารและเครื่องดื่มก็เลยมีไม่ค่อยเยอะเท่าไรแต่ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะ cover ตัวเมนูของทางร้านอยู่พอสมควรเป็นอาหาร 3 อย่าง, เค้ก 1 อย่างและเครื่องดื่มอย่างนึงมาไล่เรียงกันไปเลยละกันครับ

Caramel Macchiato - 70 บาท: ร้อน ๆ หอมคาราเมล และก็ไม่ค่อยหวานนัก เป็นอะไรที่ผมค่อนข้างชอบเลย เพราะว่าร้านกาแฟ/คาเฟ่เมืองไทยส่วนใหญ่มักจะทำเครื่องดื่มแนวนี้มาหวานมาก ๆ จนกินไปแค่ไม่กี่คำก็รู้สึกเลี่ยนแล้วอะไรงี้ แต่คือแก้วนี้คือละมุน ๆ ดีและก็ดื่มได้เพลิน ๆ จนหมดแก้วเลย







หอยลายอบกระเทียม (Baked clams with garlic - 120 บาท): เปิดประเดิมด้วยอาหารทานเล่นสไตล์ฝรั่งตัวขนมปังนี่ผมบอกตรง ๆ เห็นแว่บแรกนี่มันดูไม่ค่อยน่ากินเลยเพราะว่าดูเหมือนจะเป็นแค่ขนมปังเปล่า ๆ เอาไปปิ้งมาแค่นั้น ไม่ได้มีเอาไปทาเนย, ทากระเทียมมาให้ดูมีรสชาติน่ากินขึ้นมาสักเท่าไร แต่เหมือนกับว่าทางร้านจะจงใจให้ขนมปังเรียบ ๆ เพราะว่าตัวหอยลายอบกระเทียมนั้นรสชาติค่อนข้างจัดจ้านดีอยู่แล้ว พอเอามาประกบกับขนมปังที่ไม่ค่อยมีรสชาติสักเท่าไรก็เลยค่อนข้างจะลงตัวดีไม่หยอกเลยล่ะครับ

ข้าวกับไก่ผัดซอสนันบัง (Chicken Nanban with rice - 115 บาท): จานนี้เป็นของคาวที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้แล้วล่ะครับ ข้าวใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดีเป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก เพราะว่าบางร้านขายแพงกว่านี้แต่กลับใช้แค่ข้าวเกรดรอง ๆ ลงไป ส่วนตัวไก่ซอสนันบัง (อาหารชนิดนึงของญี่ปุ่นจัดว่าเป็นอาหารสไตล์ Yoshoku หรืออาหารญี่ปุ่นที่ได้อิทธิพลจากฝรั่ง ซึ่งไก่นันบังนี่ได้อิทธิพลจากประเทศไหนไม่ทราบเหมือนกันแต่เริ่มดังจากจังหวัด Miyazaki ของญี่ปุ่น ) นี่ก็จะอารมณ์คล้ายไก่คาราอาเกะแต่ว่าจะราดซอสเทอริยากิหวาน ๆ มา เคลือบเนื้อไก่มาจนทั่ว จานนี้ร่อยหมดทั้งข้าว ทั้งซอส ทั้งเนื้อไก่ และที่สำคัญคือแค่ 115 บาท โอวววว








สปาเก็ตตี้โบเลเนส (Spaghetti Bolognese - 160 บาท): สปาเก็ตตี้เนื้อสับแบบพื้น ๆ ให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับราคา คือราคาเท่านี้ไปสั่งบางร้านยังไม่ได้กินเลย แต่คือของร้าน Cafe de Flores แห่งนี้นี่คือให้มาสัก 130% ของ spaghetti bolognese ปกติที่ผมเคยพบเจอมาด้วยซ้ำมั้ง ตัวซอสนั้นค่อนข้างจะเต็มไปด้วยเนื้อสับดี ให้มาเยอะดี แต่ว่าตัวเส้นเหมือนผมรู้สึกว่าจะต้มมาไม่ค่อย al dante สักเท่าไร นุ่มไปหน่อยและก็เวลาม้วนกินแต่ละคำมันยังไม่ค่อยแบบติดกันเป็นก้อนใหญ่ ๆ ได้ง่าย ๆ แบบที่ควร

เครปเค้กชาไทย (Thai Tea Crape Cake - 89 บาท): เครปเค้กในรสชาติที่ไม่ค่อยจะเหมือนที่ไหนกับการผสมผสานความเป็นไทยกับเค้กสไตล์ฝรั่งแบบนี้ รสชาติเครปเค้ก แป้งนุ่ม ชั้นครีมไม่หนามาก ทานแล้วไม่เลี่ยน ซอสชาไทยเข้มข้น และที่สำคัญคือไม่หวานมากจนเกินไป เค้กก้อนนี้ช่วยปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว





สรุป ร้าน Cafe de Flores - ร้านคาเฟ่แห่งต้นไม้อันแสนจะเก๋ไก๋ ในย่านวงเวียนพระรม 5 - ราชพฤกษ์แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่มีจุดเด่นในหลาย ๆ ด้านเลยจริง ๆ ไล่กันไปตั้งแต่บรรยากาศร้านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้, อาหารที่มีให้เลือกหลากหลายพอประมาณในราคาไม่แพงและรสชาติดีแบบฝากกระเพาะได้เลย ตัวเครื่องดื่มก็ราคาไม่แพงถูกกว่าร้านแบรนด์ดังที่มีสาขาทั่วโลกสักเกือบครึ่งนึงก็ว่าได้ ใครที่อยู่แถวนี้ หรือใครบังเอิญผ่านมาแถวนี้และอยากได้ร้านคาเฟ่ ง่าย ๆ ราคาคุ้มค่าไว้ฝากท้องสักมื้อนึง ลองมานั่งจิบกาแฟ กินอาหารท่ามกลางแมกไม้ที่ร้านนี้กันดูครับ อาจจะตกอยู่ในภวังค์ของคาเฟ่นี้เอาได้ไม่ยากเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Monday, December 30, 2013

The Chinese - Dusit Princess Srinakarin

The Chinese - Chinese Restaurant at Dusit Princess Srinakarin Hotel Bangkok Review

เดอะ ไชนีส - ร้านอาหารจีน บุฟเฟ่ต์ ติ่มซำ อาหารทะเล โรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงทเพ รีวิว



Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4.5/5
Service  4.5/5
Value   4.5/5

The Chinese - Chinese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน The Chinese ในรีวิวนี้เป็นร้านที่ผมเคยรู้จักมานานมากแล้ว เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความคุ้มค่าและความอร่อยของติ่มซำบุฟเฟ่ต์ของทางร้าน แต่เนื่องด้วยทำเลของร้านที่ตั้งอยู่ที่โรงแรม Dusit Princess Srinakarin ทำเลที่คงไม่ค่อยจะมีใครนึกถึงเท่าไรถ้าอยากจะกินติ่มซำเหลา ๆ ดี ๆ สักมื้อนึงก็เลยทำให้กว่าผมจะได้มากินก็หลังจากที่รู้จักร้านนี้เอานานมากแล้วนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่ได้มากินเอาป่านนี้ก็เป็นเรื่องดีเพราะว่าทางร้านเพิ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ จากเดิมที่ concept ของร้านจะเป็นอาหารแนว Cantonese เป็นหลังมี Szechuan เล็กน้อย ตอนนี้ทางร้านได้เน้นความเป็นเสฉวนมากขึ้น เพื่อฉีกหนีความซ้ำซากจำเจไม่ให้เหมือนกับร้านอาหารแนวกวางตุ้งที่มีกันอยู่เกลื่อนเมืองในปัจจุบัน

ร้าน The Chinese Restaurant แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น G ของโรงแรม Dusit Princess Srinakarin ตั้งอยู่ติดกับโซนสวนของทางโรงแรมทำให้บรรยากาศของโต๊ะที่นั่งริมหน้าตานี่จะค่อนข้างร่มรื่นย์ ไม่ค่อยเหมือนที่อื่นนักโดยโซนริมกระจกนี้โต๊ะจะเป็นโต๊ะแบบครอบครัวเล็ก ๆ 4 - 6 คนเป็นหลัก ถ้าใครมาเป็นครอบครัวใหญ่ทางร้านก็จะมีโต๊ะด้านในที่คล้าย ๆ กับเป็น function room ที่สามารถปิดเป็นห้องเดี่ยวแต่ละห้องหรือเปิดรวมเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวก็ได้ด้วย บรรยากาศร้านไม่ได้หรูหรามากนักเมื่อเทียบกับห้องอาหารจีนตามโรงแรม 5 ดาวที่ผมเคยไปมาแต่ก็ถือว่าหรูพอแล้วกับอาหารจีนดี ๆ สักมื้อนึง







อาหารของทางร้านนี้ก็จะให้บริการแบ่งเป็น 2 แบบช่วงเที่ยงจะเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ สนนราคา 590 บาทสุทธิ (All you can eat dim sum set @ 590 baht net) โดยตัวติ่มซำนั้นเราจะสามารถสั่งได้ไม่อั้นจาก 18 รายการของทางร้าน และก็จะมีซุป 4 อย่าง, ข้าวและก๋วยเตี๋ยว 4 อย่าง และของหวาน 5 อย่างที่ลูกค้าคนนึงสามารถเลือกมาได้คนละอย่างให้สั่งมากินเพิ่มเติมให้ครบเป็น full course แบบอาหารจีนอย่างงดงามกันได้อย่างลงตัว ส่วนมื้อเย็น (จริง ๆ มื้อเที่ยงด้วยก็ได้) นั้นก็จะเป็นอาหารจีน a la carte สไตล์ Cantonese ที่เน้นความเป็น Szechuan ที่มีรายการให้เลือกทั้งหมด 66 อย่าง (ถือว่าไม่ค่อยเยอะเมื่อเทียบกับที่อื่น แต่ก็อีกนั่นแหละ มีเยอะก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป มีให้เลือกกำลังดีนั้นเหมาะที่สุดล่ะครับ) อาหารแบบ a la carte ของร้าน The Chinese Restaurant แห่งนี้ผมว่าไม่ค่อยแพงนักเมื่อเทียบกับห้องอาหารจีนในโณงแรมอื่น ๆ ราคาอาหารส่วนใหญ่อยู่ที่จานละแค่ 200++ บาทแค่นั้นเอง ลูกค้าทั่วไปมากินกันอิ่ม ๆ ผมว่าเผลอ ๆ 500 บาทก็น่าจะอยู่ได้ง่าย ๆ เลยนะเนี่ยสำหรับร้านนี้

อาหารในมื้อนี้ก็ขอแบ่งเป็น 2 หมวดละกันนะครับ ติ่มซำ และ a la carte จะได้ไม่งงกัน

หมวดติ่มซำ (ราคาในวงเล็บคือราคาแบบถ้าสั่งแยก)

- ขนมผักกาด (Pan fried turnip cake - 80 บาท): เนื้อเละไปหน่อยครับ กินแล้วไม่ค่อยเหมือนกับขนมผักกาดของร้านอื่นสักเท่าไร แต่รสชาติที่ปรุงมานี่ก็ค่อนข้างโอเคเลย ราดซีอิ๊วหวานเพิ่มเติมแล้วกินคำใหญ่ ๆ หน่อยนี่รสชาติลงตัวดีมาก (ขาดแค่แบบมันเละไป ไม่ค่อยให้ feeling ในการเคี้ยวสักเท่าไร)






- ขนมจีบกุ้ง (Steamed shrimp dumpling - 90 บาท): ขนมจีบมาตรฐานโรงแรมครับ เนื้อแน่น โปะมาด้วยไข่กุ้ง กินกันได้เรื่อย ๆ 3-5 เข่งไม่มีเบื่อได้ง่าย ๆ เลย รสชาติประมาณนี้

- สาหร่ายห่อกุ้งน้ำแดง (Steamed seaweed roll with shrimp in brown sauce): จานนี้ถือว่านึ่งมาได้ดีครับ สาหร่ายังคงเป็นแผ่น ยังคงสมบูรณ์ดีอยู่ (บางร้านไม่รู้เหมือนกันนึ่งมายังไงสาหร่ายหลุดไปหมดแล้ว) ตัวเนื้อในก็แบบปั้นมาคำค่อนข้างใหญ่ครับ ใหญ่กว่าสาหร่ายติ่มซำแบบนี้ของหลาย ๆ ร้านเลยทำให้แต่ละคำที่กินนี่เต็มปากเต็มคำมาก ไข่กุ้งที่โรยมาก็ค่อนข้างเยอะช่วยเพิ่มความมันและอร่อยได้เป็นอย่างดี






- ฟองเต้าหู้กุ้งทอด (Deep fried bean curd skin with minced prawn - 90 บาท): จานนี้โดดเด่นที่ตัวไส้ในที่ให้เนื้อกุ้งมาจนฟองเต้าหู้บวมเป่งเลย ตัวฟองเต้าหู้ทอดมากรอบดีมาก ไม่ต้องปรุงรสอะไรมามากนักจิ้มกินกับน้ำจิ้มบ๊วยเจี๋ยก็ฟินกันได้ง่าย ๆ เพราะว่าเนื้อกุ้งบดที่ยัดมาจนบวมนั้นรสชาติดีโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

- ซุปเสฉวนรวมมิตรทะเล (Szechuan hot & sour seafood soup - 190 บาท): ซุปเสฉวนนี่ส่วนใหญ่ที่ผมกินมามักจะเปรี้ยวไปหรือไม่ก็จะจืดไปไม่ค่อยเผ็ดไม่ค่อยแสดงถึงความเป็นเสฉวนสักเท่าไร แต่กับเท่านี้นี่คือลงตัวมาก เปรี้ยว เผ็ด กำลังดีเลย เป็นรสชาติกลมกล่อมตามสไตล์เสฉวนเลยจริง ๆ ถ้วยนี้ขาดแค่เครื่อง พวกเนื้อสัตว์ seafood ที่ให้มาน้อยไปหน่อย แต่ก็นะ อยู่ในชุดบุฟเฟ่ต์ ไม่ใช่แบบ a la carte ได้เท่านี้ก็เยี่ยมล่ะครับ






- ลุกชิ้นกุ้งอัลมอนด์ (Stuffed prawn ball with sliced almond - 120 บาท): เป็นติ่มซำที่แปลกดีครับ ไส้ในจะเป็นลูกชิ้นกุ้งที่อัดเนื้อกุ้งมาเน้น ๆ และก็ทอดมา และก็เคลือบด้วยถั่วอัลมอนด์เพิ่มความกรอบและความมันเพิ่มเติมเข้าไป อร่อยดีครับ

- ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้งทอด (Our signature crispy rice noodle roll with shrimp - 190 บาท): เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ไม่เหมือนใครดี ส่วนใหญ่ที่กินมาไส้ของก๋วยเตี๋ยวหลอดมักจะเป็นแบบนุ่ม ๆ คล้อยตามกันไปกับตัวแป้งที่ห่อมา แต่อันนี้คือไส้ในจะกรอบนิด ๆ แต่ก็ไม่มา และก็อัดแน่นมาด้วยเนื้อกุ้งบดแบบเต็ม ๆ แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดไม่ได้นุ่มมากนัก ไม่แน่ใจว่าทดสอบมาแล้วว่าหนึบ ๆ ประมาณนี้จะดีกว่ารึเปล่า เพราะรู้สึกว่าผิวสัมผัสโดยรวมมันเข้ากันดีเหมือนกันนะครับ







- กรรเชียงปูซอสซีฟู้ด (Clab lag in seafood sauce): เป็นกรรเชียงปูที่นำเนื้อกุ้งบดมาปั้น, มาผสมด้วยจนกลายเป็นกรรเชียงปูชิ้นใหญ่ ๆ และก็ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวเผ็ดกำลังดีลงมาจนท่วม เสิร์ฟพร้อมบร็อคโคลี่ที่เข้ากันดี

A La Carte (Main Course)

- รากบัวเจี๋ยนซอสเทริยากิ (Pan fried lotus root stuffed with prawn paste in teriyaki sauce - 250 บาท): อาหารแบบ a la carte เริ่มต้นด้วยจานที่ไม่เหมือนใครจานนี้ กับการนำรากบัวมาประกบกันเป็นแฮมเบอร์เกอร์โดยมีไส้ในเป็นเนื้อกุ้งบดและทั้งหมดนี้ก็นำไปทอดมาจนกรอบ ๆ กำลังดีและราดซอสเทอริยากิหวาน ๆ มา รสชาติในการกินก็เลยจะออกหวาน ๆ หน่อย ได้ความกรอบจากตัวรากบัว ได้ความนุ่มและเป็นเนื้อจากตัวเนื้อกุ้งบดที่เป็นไส้ใน กินกันเพลินมากครับจานนี้






- บะหมี่เส้นงาดำเป็ดย่าง (Black sesame noodles with roasted duck): เส้นบะหมี่แปลกดี ไม่เหมือนที่ไหนด้วยการนำไปคลุกกับงาดำ ทำให้เส้นบะหมี่ค่อนข้างจะมีรสชาติมีความหอมในตัวมันเอง เนื้อเป็ดทางร้านเลือกเอาส่วนที่เนื้อค่อนข้างนุ่มมา(น่าจะเป็นส่วนสะโพก) ตัวเนื้อนุ่มดีแต่ว่าตัวหนังเป็ดยังไม่ค่อยกรอบสักเท่าไร ขาด feeling ของความเป็นเป็ดย่างไปเล็กน้อย น้ำซุปที่ใหมาซดด้วยก็เป็นน้ำซุปสไตล์ก๋วยเตี๋ยวจีนธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษมากนักครับ

- ปลากะพงน้ำแดง (Steamed sea bass with - 1,200 บาท): ปลากะพงตัวใหญ่มาก นำไปทอดมาจนกรอบกำลังดีและก็ราดมาด้วยซอสน้ำแดงที่จะเป็นอารมณ์ประมาณคล้าย ๆ ซอสมะเขือเทศแบบเจือจาง และก็ผสมซีอิ๊วขาวเล็กน้อย อะไรแบบนั้น ตัวเนื้อปลาสดดีครับ (เห็นทางร้านบอกว่ามีกระชังเลี้ยงอยู่ พอสั่งถึงจะตักขึ้นมาสด ๆ) และก็แบบตัวหนังกรอบดี และด้วยความที่ปลาสดมากเนื้อก็เลยนุ่มเนียนมาก ตัวซอสน้ำแดงผมว่าน่าจะทำรสจัดจ้านมากว่านี้อีกสักนิดนึงน่าจะอร่อยฟินกว่านี้และเข้ากับ concept อาหารสไตล์เสฉวนของทางร้านมากกว่านี้






- เต้าหู้สาหร่ายซอสเต้าซี่ (Beancurd topped with stir-fried seaweed with black pepper sauce): เป็นเมนูที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนเลย เป็นการเอาแผ่นสาหร่ายโปะลงมาบนเต้าหู้ นำไปทอดจนกรอบทั้งเต้าหู้และสาหร่ายและก็ราดซอสเต้าซี่มาจนท่วม รสชาติซอสเต้าซี่ค่อนข้างเบา ๆ นุ่ม ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่ากับพวกราดหน้าปลาเต้าซี่ที่ผมเคย ๆ กินมา แต่ว่าตัวผิวสัมผัสของเต้าหู้ทอดกับสาหร่ายนี่มันเป็นอะไรที่ใช่เลย ลงตัวดีมาก

- หอยเชลล์ราดซอสเอ็กซ์โอ (Scallop in X.O. sauce) - จานนี้เป็นจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เลยล่ะครับ หอยเชลล์ตัวใหญ่มาก (น่าจะเป็น US scallop นะครับตัวถึงใหญ่ขนาดนี้) นุ่มเนียน ไม่หวานมากนักแต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ซอส X.O. ที่ราดมาก็หอมกลิ่นทะเล และเผ็ดนิด ๆ เป็นซอสเอ็กซ์โอที่ค่อนข้างลงตัวดีมาก จานนี้มีให้บร็อคโคลี่มาอีกหลายก้าน เคี้ยวกันเพลิน ๆ สลับกับหอยเชลล์นุ่ม ๆ ได้อย่างลงตัว




สรุป ร้าน The Chinese - ห้องอาหารจีนของโรงแรม Dusit Princess Srinakarin แห่งนี้ก็สมกับเป็นห้องอาหารจีนที่โด่งดังแม้ว่าจะอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีคนเค้านึกถึงกันสักเท่าไรจริง ๆ ล่ะครับ อาหารราคาไม่ค่อยแพง แต่ความอร่อยและการบริการนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าร้านที่แพงกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว ใครกำลังมองหาร้านอาหารจีนที่มีทั้งบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ, ทั้งอาหาร a la carte รวมถึงเป็นอาหารจีนสไตล์เสฉวนที่หากินได้ไม่ค่อยง่ายนักในกรุงเทพ ร้าน เดอะ ไชนีส แห่งนี้ เป็นอะไรที่ใช่เลยล่ะครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...