BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Sunday, June 30, 2013

Ph1B Review

Ph1b - ร้านกาแฟ เค้ก ของหวาน ไอศครีม พหลโยธิน 11 รีวิว





Overall Score  6/10
Taste   3/5
Ambiance  3/5
Service  3/5
Value   3/5

Ph1B - Coffee Shop and Bakery Shop on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน PH1b Coffee Bar นี่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเท่าที่รู้ ผมรู้สึกว่าร้านนี้จะเปิดมานานหลายปีแล้ว และก็เห็นเพื่อนเช็คอิน ๆ กันค่อนข้างบ่อยพอสมควรเลย ตัวผมเองตอนแรกก็ไม่ได้กะจะมากินอะไรที่ร้านนี้หรอก แต่พอดีไปกินร้าน Pizza Pazza ที่อยู่ข้าง ๆ กันมา และแบบ ไม่ได้กินของหวาน เพราะเห็นร้านนี้และกะจะมากินของหวานร้าน PH1b แห่งนี้ต่อก็เลยเก็บท้องเอาไว้และมาลงเอยที่ร้านนี้นี่เอง

ร้าน PH1b แห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 11 ถ้ามาจากถนนพหลโยธินก็ขับรถเข้ามาสัก 400 - 500 เมตรก็จะเห็นร้านนี้อยู่ซ้ายมือ เป็นคล้าย ๆ town home เอามาดัดแปลงเป็นร้าน coffee shop เก๋ ๆ สวย ๆ ส่วนที่จอดรถก็หาเอาตามมีตามเกิดริมถนนได้เลย ร้านนี้ จากที่ได้ดูเมนู + กับดู ๆ เค้กและของหวานในตู้ ก็ได้ความว่าเป็นร้านที่ค่อนข้างครบครันเลย คือมีทั้ง cake, macaron, ice cream (ของ iberry) และของหวานแบบจัดจานสไตล์พวกร้าน After You ก็มีให้เลือกอีกเกือบ ๆ 10 อย่าง ส่วนเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็มีครบครัน ทั้ง ชา, กาแฟ, เครื่องดื่มกระป๋อง และเครื่องดื่ม ที่ทางร้านคิดค้นกันขึ้นมาเองด้วย ราคาของร้าน PH1B นี้ก็ค่อนข้างมาตรฐานครับ ทั่ว ๆ ไป เครื่องดื่มราคาประมาณ 100 บาท ของหวานก็ประมาณ 150 - 200 บาท





เครื่องดื่มในมื้อนี้มีชนิดเดียวครับคือชา Earl Grey ซึ่งที่ร้าน PH1b แห่งนี้ใช้เป็นชาของ Ronnefeldt ซึ่งเป็นใบชามาเลย ไม่ได้เป็นถุงชาก็เลยไม่สามารถเติมน้ำร้อนได้ อืม ชายี่ห้อนี้ก็ไม่รู้ของที่ไหนเหมือนกันครับ ซึ่งก็อร่อยดี หอม ๆ ฝาด ๆ tannin อร่อยดี Hot Tea Selection (Earl Grey - 115 บาท)






Macaron (3 pieces) - 85 บาท / set : ทั้ง 3 ชิ้นนี้ก็มีรสเบอรี่, ชาเขียว และก็ Mojito ทั้ง 3 อันนี้รสชาติชัดเจนดีครับ ตอนแรกเพื่อนผมให้กินแบบไม่รู้ว่าคืออะไร ผมก็กิน ๆ ไปก็ทายถูกหมดเลย (ไม่เหมือนกับบางร้านทั้ง ๆ ที่รู้รสแล้ว กินเข้าไปยังแอบงงอยู่เลยว่ามันใช้รสนั้นจริง ๆ เหรออะไรงี้ ส่วนความอร่อยก็อร่อยดี แป้งนุ่ม ๆ กำลังดี ไส้ก็ใส่มาเยอะดี

Apple Crumble - 105 บาท : อันนี้ไม่อร่อยอย่างแรงครับ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ายังไง แต่ผมและเพื่อน 2 คนกินกันไปคนละคำสองคำก็เก็บช้อนวางไว้ข้าง ๆ คืนอย่างสวยงาม








Chocolate Mousse Cake - 90 บาท : อันนี้อร่อยใช้ได้ ช็อคโกแลต รส และกลิ่นชัดเจน ตัวแป้งเค้กก็นุ่ม ๆ ละมุน ๆ ดี ทำได้ดีครับ

Horlicks Ice Cream - 59 บาท : ก็ไอศครีม iBerry อ่ะเนอะ ก็อร่อยได้มาตรฐานอยู่แล้ว

สรุป ร้าน PH1b นี่ก็เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟ ที่ไม่ได้มีอะไรมาก คล้าย ๆ กับร้านกาแฟแนว ๆ นี้ที่มีเปิดอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ทั่ว ๆ ไป จุดเด่นของร้านนี้เท่าที่ผมนึกออกคือไม่มีเลย ทุกอย่างมาตรฐานไปซะหมด ก็ใครที่อยู่แถวพหลโยธิน 11 หรือแถว ๆ สะพานควายนี่แต่ยังไม่รู้จักร้านนี้ แล้วอยากหาร้านกาแฟชิล ๆ เก๋ ๆ มานั่งทำงาน นั่งเล่น ก็มาจัดร้านนี้กันได้เลยครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Pizza Pazza Italian Restaurant Review

Pizza Pazza - Italian Restaurant : Pizza, Pasta and Steak at Phaholyothin Soi 11, Bangkok

พิซว่า พาซซ่า - ร้านอาหารอิตาเลียน พิซซ่า พาสต้า เสต็ก พหลโยธิน​ ซอย 11




Overall Score  8/10
Taste   4/5
Ambiance  3.5/5
Service  3/5
Value   4/5

Pizza Pazza - Italian Restaurant on BuMRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน Pizza Pazza (ไม่แน่ใจว่า Pazza แปลว่าบ้ารึเปล่า ถ้าใช่ ร้านนี้ก็แปลว่าร้านพิซซ่าบ้า ๆ) แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 11 คือถ้ามาจากถนนพหลโยธิน ก็ขับเข้ามาสัก 300 - 400 เมตรก็จะเจอร้านนี้อยู่ซ้ายมือเลยครับ คือหน้าร้านอาจจะมองข้ามไปได้ถ้าขับรถมาเร็ว ๆ เนื่องจากว่ามีต้นไม้บังไว้อยู่ แต่ก็ถ้าใครรู้จักร้าน Ph1B ที่อยู่ติด ๆ กัน ก็สังเกตร้านนี้ก็ได้ครับ ร้านอยู่ติดกันเลย ส่วนที่จอดรถก็หาเอาตามมีตามเกิดที่ริมถนนหน้าร้านได้เลย

ร้าน Pizza Pazza แห่งนี้เปิดทำการมาได้ 3 ปีแล้ว โดยคุณจอมเจ้าของร้านนั้นได้สูตรอาหารอิตาเลียนนี้มาจากคุณย่า และนำมาดัดแปลง ประยุกต์เล็กน้อยจนกลายมาเป็นอาหารอิตาเลียนสูตรของตัวเอง และขายดิบขายดีมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ร้าน Pizza Pazza แห่งนี้พอเดินเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่สะดุดเลยก็คือ กลิ่นอันแสนจะหอมหวล ของเครื่องปรุง, วัตถุดิบ อิตาเลียนต่าง ๆ ที่ลอยเข้ามาเตะจมูก เนื่องจากว่าครัวของที่นี่เป็นครัวเปิดแบบเปิดสุด ๆ และอยู่ติดกับโต๊ะอาหารเลย อันนี้น่าจะมีสาเหตุทั้งจากที่ร้านมีขนาดเล็กด้วย และก็อาจจะอยากให้ลูกค้าได้กลิ่น + ได้เห็นพ่อครัว , แม่ครัว ลงมือทำอาหารด้วยก็เป็นไปได้ ซึ่งที่นั่งที่เป็นทั้ง ที่นั่ง + ห้องครัว นี้ก็จะเป็นที่นั่งมาตรฐานไว้รองรับลูกค้าขาประจำและขาจรทั่วไป แต่ถ้าเมื่อใดที่ตรงนี้เต็ม ทางร้านก็มีที่นั่งสำรองอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร แต่ว่าต้องเดินอ้อมไปเล็กน้อย ซึ่งพอรวมที่นั่งทั้งหมดแล้ว ร้านนี้เอาจริง ๆ ก็สามารถจุได้ถึง 70 คนกันเลยทีเดียว





อาหารของร้าน Pizza Pazza แห่งนี้ เนื่องจากว่าเป็นอาหารสไตล์โฮมเมด ทำกันเองสด ๆ จานต่อจาน ก็เลยมีเมนูให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่ก็พอมีให้เลือกครบทุกหมวดหมู่ทั้ง  appetizer, salad, pasta, main dish และของหวาน ส่วนไฮไลท์นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นตัวพิซซ่าครับ ที่มีหน้าให้เลือกเยอะมาก ถึง 17 หน้าเลย คือถ้าเป็น Italian Ristorante ก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่เป็น bistro ธรรมดา มีหน้าให้เลือกเยอะแบบนี้ผมว่าก็เจ๋งมากล่ะ นอกจากนี้ทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษเขียนไว้บนกระดานดำ ซึ่งก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามวัตถุดิบและฤดูกาล ราคาอาหารของร้านนี้จัดได้ว่าค่อนข้างถูกกว่าร้านอิตาเลียนหรู ๆ ทั่วไป (ก็แน่สิเนอะ?) ราคาจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกร้านอิตาเลียนในห้างอะไรพวกนั้นมากกว่า แต่ก็อาจจะแอบถูกกว่าอีกเพราะว่าไม่มี vat + service charge ยังไงก็ลองดูเมนูประกอบเอาละกันนะครับ

มื้อนี้เริ่มต้นด้วย

Fresh Pate' (130 บาท) ก็เป็นขนมปังกินกับตับบด สูตรเฉพาะของทางร้าน  Pizza Pazza แห่งนี้ รสชาติจานนี้ เพื่อนผมที่ไปด้วยกันคนนึงชอบมาก ๆ บอกว่าเนื้อเนียน อร่อย แต่ว่าผมกับเพื่อนอีกคนกับรู้สึกว่ามันธรรมดา ๆ ไม่ได้อะไรมาก เคยกินตามร้านฝรั่งเศสหลาย ๆ ร้านแล้วรู้สึกว่าจะอร่อยกว่านี้






Rocket salad + smoked salmon ขนาดเล็ก 120 + 50 บาท : จานนี้ทีเด็ดคงเป็น เรื่องปริมาณครับ ทางร้านให้ผัดร็อคเก็ตมาเยอะมาก ๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย ส่วนตัวเนื้อแซลมอนที่ให้มาก็สด อร่อย ดูแล้ว กินแล้ว ก็สรุปได้ว่าใช้ของดี น่าจะเป็นแซลมอน import จริง ๆ ไม่ใช่ปลอม ๆ เหมือนบางร้านในราคาเท่านี้ ส่วนตัวน้ำสลัดที่ราดมาก็จะเป็นเปรี้ยว ๆ ประมาณ balsamic ผสมน้ำมันนิดหน่อย ก็เข้ากันดีกับผักร็อคเก็ตที่จะขม ๆ กว่าผักอื่น ๆ เล็กน้อยอยู่แล้วแบบนี้

Caesar Salad - 150 บาท : อันนี้ก็ค่อนข้างมาตรฐานครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ส่วนนึงอาจจะเพราะว่าพวกผมกินซีซาร์สลัดกันจนเบื่อแล้วด้วย แต่คือของร้าน Pizza Pazza - พหลโยธินซอย 10 แห่งนี้ก็ทำมาได้ดีนะครับ ให้กินอีกเรื่อย ๆ ก็กินได้ อะไรงี้ ผัก romaine ให้มาเยอะและกรอบ เคียงคู่ไปกับเบคอน และมะเขือเทศเชอรี่ที่เยอะพอ ๆ กัน






Spaghetti bacon with garlic - pasta, bacon, dried chillies, garlic, onion, white wine, parsley (พาสต้าเบคอนกระเทียมผัดแห้ง - เส้นพาสต้า, เบคอน, พริกแห้ง, กระเทียม, หอมใหญ่, ไวน์ขาว, พาร์สลีย์ - 220 บาท) : จานนี้จะมาแบบแห้ง ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้แห้งมาก ๆ เหมือนสปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมหลาย ๆ ร้านที่ผมเคยกิน ยังคงมีความแฉะ ความ juicy อยู่ และทางร้านก็ปรุงรสมาได้ค่อนข้างจัดจ้านดี น้อง ๆ ผัดขี้เมา อะไรประมาณนั้นเลย แต่ก็ยังคงความเป็นอิตาเลียน จากชีสที่โรยมาเยอะ ๆ อยู่ไรงี้

Ribeye Steak - 450 บาท : จานนี้ก็อร่อยดีครับ คือจากราคาเท่านี้ เดาได้เลยว่าไม่น่าจะเป็น เนื้อดีเด่อะไร น่าจะเป็นอย่างมากก็ Thai-French ธรรมดา ๆ แต่ว่าด้วยฝีมือการปรุงที่ดี ทำมาได้ medium rare กำลังดี + กับซอสที่รสค่อนข้างจัด และอร่อย ทำให้เนื้อชิ้นนี้อร่อยขึ้นมาอย่างชัดเจน คือแบบ texture นุ่ม ๆ กับซอสเข้มข้น ๆ ก็ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเนื้อธรรมดา ๆ ได้แล้วอะไรงี้






Margherita Pizza (Pizzaiola sauce, mozzarella, basil - มาเกอริตา พิซซ่าซอส, มอซซาเรลลา, เบซิล - 280 บาท Size M) : อันนี้เป็นไฮไลท์ประจำมื้อนี้เลยครับ แม้ว่าพิซซ่าหน้านี้จะเป็นหน้า เบสิคที่สุดของพิซซ่าบนผืนปฐพีแห่งนี้ แต่ว่าการที่ทำของธรรมดาให้ไม่ธรรมดา ให้มันอร่อยเว่อร์ได้นี่จะเรียกว่ายังไงดี? สุดยอด? (เหมือนแบบลองนึกว่าจะทำผัดกะเพราให้สุดยอดจะทำไง?) คือแบบพิซซ่าถาดนี้เป็นหน้ามาร์การิต้าที่อร่อยที่สุดในชีวิตผมเลยล่ะ มะเขือเทศสด อร่อย ให้เยอะ, ชีสก็ให้มาเยอะ ๆ เยิ้ม ๆ กินกับแป้งพิซซ่าแบบบาง ๆ กรอบ ๆ โอย ฟิน แฟง ฟัง สุด ๆ ล่ะครับ

สตูว์ลิ้นวัว (Beef tongue stew - 250 บาท) : อุตส่าห์อร่อยมาติดต่อกันหลายจาน ดันมาตกม้าตายเอาที่จานสุดท้ายครับ สตูว์ลิ้นวัวอันนี้ ลิ้นวัวไม่อร่อยอย่างแรง ไม่ได้นุ่มมาก จนละลายในปากเหมือนที่ควรจะเป็น และลิ้นวัวก็เหม็นสาบมากก ตัวน้ำสตูว์ก็รสชาติคลุมเครือ เดาไม่ถูกว่าคืออะไร ออกมาเป็นรสแบบแปลก ๆ กินแล้วไม่ค่อยอร่อยเลย อืม




สรุป ร้าน Pizza Pazza นี่ผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไม แม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ , ป้ายร้านไม่ได้โดดเด่นอะไร, ไม่ได้อยู่ในทำเล prime อะไรมากมาย แต่ก็เปิดมาได้นาน และก็มีลูกค้ามากินอยู่เรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย เพราะว่า ราคาอาหารที่ไม่แพง, รสชาติอาหารที่ดี, บรรยกาศร้านที่เป็นสไตล์ครัวเปิดไม่เหมือนใครแบบนี้ อืม ไม่ค่อยจะพบเจอในร้านอิตาเลียนในกรุงเทพสักเท่าไรว่ามั้ยครับ? ส่วนตัวผมเอง ก็อยากจะมาลองกินพิซซ่าหน้าอื่น ๆ ของร้านนี้เหมือนกันนะ เพราะนี่ขนาดกินหน้าเบสิค ๆ ยังอร่อยขนาดนี้ เห็นในเมนูมีหน้าพิซซ่าแบบตามใจเชฟด้วย อืม อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเจ๋งเหมือน Omakase ของซูชิมั้ยเน้อ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Saturday, June 29, 2013

Giorgio's Royal Orchid Sheraton Review -checked

Giorgio's - Italian Restaurant at Royal Orchid Sheraton Review - all you can eat & buffet

จิออร์จิโอ้ - ร้านอาหารอิตาเลียน บุฟเฟ่ต์ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน ริมแม่น้ำ พิซซ่า




Overall Score  8.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  5/5
Value   4.5/5

Giorgio's - Royal Orchid Sheraton : Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



รีวิวห้องอาหาร Giorgio's ณ โรงแรม Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ ก็เป็นครั้งที่ 2 ของผมล่ะ ครั้งแรกที่มารู้สึกจะประมาณ สัก 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้กับห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพแห่งนี้ (เปิดมา 30 กว่าปี) เมื่อเทียบกับครั้งนั้น ทุก ๆ อย่างก็เหมือนว่าจะยังเหมือนเดิมทุกประการอยู่ ไม่ว่าจะบรรยากาศของทางร้านที่ตกแต่งเป็นสไตล์ยุโรป ๆ ยุค เรเนซองส์ (รึเปล่า?) สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และก็ตัวที่นั่งที่จะแบ่งเป็น 2 zone ด้านนอก ส่วน terrace ที่จะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมมีลมโกรกตลอดเวลา เย็นสบาย ๆ (ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ทำไมบางโรงแรมส่วนติดแม่น้ำนี่ก็ลมโกรกตลอด บางที่ก็ไม่มีลมพัดเลย) และส่วนด้านในที่หรูหรา ได้มาตรฐานห้องอาหารในโรงแรม 5 ดาว ส่วนการบริการก็ไร้ที่ติ เช่นเคย

สิ่งที่แตกต่างในมื้อนี้กับมื้อนั้นคือ มื้อนั้นจะเป็น a la carte เพียว ๆ ส่วนมื้อที่ผมกินนี่จะเป็น buffet แทน ซึ่งที่ห้องอาหารนี้ ตัวเชฟใหญ่ประจำห้อง เพิ่งจะเปลี่ยนตัวไปเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตัวเมนูอาหารของห้อง Giorgio's ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนใหม่หมดเลย และจะแบ่งเป็น เมนูอิตาเลียนยุคเก่า และ ยุคใหม่ เคียงคู่ไปกับ พิซซ่าอีกหลายสิบหน้าให้เลือกสรรค์ ส่วนตัวเมนู buffet ที่ผมได้ลองนั้น ก็จะเป็น ราคา 650 บาท สุทธิ ไม่รวมเครื่องดื่ม และสามารถ เลือกตัว Main Dish ได้ 1 อย่างจาก 7 อย่าง ซึ่งก็จะมีทั้งพาสต้า, เสต็ก, ปลา ให้เลือก (อาหารจานหลักสไตล์อิตาเลียนทั่ว ๆ ไปนั่นเอง) ส่วนที่เป็นบุฟเฟ่ต์นั้นก็จะคือตัวไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เราสามารถตักได้เอง เติมได้ตลอดตั้งแต่เวลาร้านเปิดจนปิดหรือ 18.00 - 22.00 นั่นเอง ในไลน์ก็จะมี อาหารอิตาเลียนค่อนข้างครบครัน ทั้งพวก cold cut, appetizer เย็น ๆ , cold seafood, cheese และก็ของหวานอีกประมาณ 10 กว่าอย่าง คือแบบ ครบอ่ะครับ และยิิ่งถ้าเอาไปรวมกับการได้ Main Course เจ๋ง ๆ อีก 1 จานในราคาแค่ 650 บาทสุทธิแล้วล่ะก็ ราคานี้ น่าจะไม่มีห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมแห่งไหนจะ offer ให้ได้เลยนะเนี่ย








มื้อนี้เริ่มกันที่เครื่องดื่มก่อน

  • Caipiroska (Vodka, Brown Sugar, Lime and Mine leaves - 280 บาท) - อันนี้หน้าตาคล้าย ๆ Mojito มากครับ แต่ว่าจะแรงกว่าหน่อย เปรี้ยวกว่าหน่อย และก็หวานกว่านิดนึง ซึ่งก็อร่อยดี อร่อยกว่า Mojito อีกแก้วที่สั่งมาในมื้อนี้ 
  • Sheraton Delight (Rum, Galliano, mango, lime and pineapple juice - 280 บาท) : แก้วนี้เหมือนจะเป็น signature cocktail ของทางร้าน แก้วที่ใส่ก็เป็นแก้วทรงพิเศษ เพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปใหญ่  แต่ว่ารสชาติ ผมกับเพื่อนกลับไม่ชอบกันสักเท่าไรครับ มันแบบอ่อนไป หวานนำเยอะเกิน ดูไม่ค่อยเหมือนกิน cocktail ยังไงยังงั้นเลย
  • Mojito (Light rum, lime juice, lime wedge, mint sprig and topped with soda - 280 บาท) : อันนี้มาตรฐานครับ ไม่มีอะไรมากมาย




ส่วนอาหารนั้นก็จะมี ที่เลือกมาจากใน buffet 4 จานและก็ที่สั่ง เพิ่มเติมจากในเมนูอีก 1 จาน ก่อนจะเข้าตัว main dish ก็ขอพูดถึงตัว line อาหารก่อนละกัน ผมได้กินตัว cold cut กับ cold seafood 2 อย่างนี้อร่อยดี กุ้งสด เนื้ออร่อย ไม่ได้เค็มมาก | Caesar Salad ทางพนักงานจะปรุงให้สด ๆ จานต่อจาน เหมือนตามไลน์บุฟเฟ่ต์ดี ๆ ของที่อื่น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทำแบบนี้ก็จะอร่อยหมด ของ Giorgio's - Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันครับ | พวก appetizer จานเล็ก ๆ อย่างอื่นก็กินดี กินเพลิน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอร่อยจนอยากจะไปหยิบมาซ้ำอะไรแบบนี้

  • Risotto marinara con capperi (Risotto with seafood and capers) : อร่อยใช้ได้เลยครับ ตัวหอยตลับที่ให้มาก็ตัวใหญ่และเนื้อเยอะ risotto ทำมาไม่ได้เละมาก ไม่ได้เป็นน้ำมาก เป็นสไตล์ที่ผมชอบ ๆ พอดี ช่วงหลังรู้สึกกิน risotto ของหลาย ๆ ร้านจะ fail เกือบหมด เพิ่งจะมีจานนี้ที่รู้สึกว่ากลับมาได้มาตรฐานที่ควรจะเป็น 




  • Cannelloni di ricotta e spinaci (Homemade cannelloni with ricotta cheese and spinach) : อันนี้เป็นพาสต้าที่แปลก ๆ หน่อย และก็เป็น vegetarian ด้วย เป็นแป้งพาสต้าห่อม้วนยัดไส้ชีสและผักโขมมา คล้าย ๆ ปอเปี๊ยะบ้านเรา แต่ว่าจะต่างตรงที่แป้งจะนุ่ม ๆ และผักโขมกับชีสก็ให้มาเยอะ อัดแน่นเต็มไส้ใน และก็มีราดซอสมะเขือเทศมาเพิ่มด้วย 
  • Tocchetti di Pesce neve con caponata di melanzane (Pan fried snow fish with eggplant caponata) : จานนี้อร่อยมาก ๆ ครับ อร่อยประทับใจ จนไม่คิดว่าจะเป็นอาหารในบุฟเฟ่ต์ไปได้ ตัวปลาหิมะ เนื้อนุ่ม เนียน อร่อย ปรุงรสชาติมาดี หอม ๆ เนย กับไวน์ ส่วนตัว caponata มะเขือม่วงที่ให้มาด้วยกันก็รสชาติดี กินเปล่า ๆ ก็ได้ กินคู่กับเนื้อปลา เพิ่มรสชาติให้อร่อยกว่าเดิมก็ได้




  • Filetto di manzo con verdure alla griglia e salsa tartufata (Grilled beef tenderloin with black truffle sauce and grilled vegetables) : เนื้อสันในก้อนนี้ก็นุ่มครับ อร่อยมาก มาแบบ medium rare พอดีเป๊ะ แต่เหมือนกับว่าเนื้อไม่ได้ใช้เนื้อคุณภาพดีสักเท่าไร คือการปรุง การย่าง นั้นค่อนข้างจะไม่มีปัญหา มาติดตรงที่คุณภาพเนื้อนะเท่าที่สังเกต ส่วนตัวซอส, ผักย่างที่ให้มาด้วยกันในจานก็โอเคเลย
  • Spezzatino Di Manzo Con Patate E Piselli (Stewed beef with white wine, potatoes and green pea puree - 800 บาท) : เป็นจาน a la carte หนึ่งเดียวในมื้อนี้ และเป็นจาน signature dish ของทางร้าน จานนี้ผมชอบสุดในมื้อล่ะ แก้มวัวแบบอร่อยมาก ๆ นุ่มละมุนละลายในปาก และตัวซอสไวน์ขาวที่ใส่มาด้วยกันก็ช่วยเพิ่มความอร่อย + ความหอมเข้าไปอีก ตัวผักที่ให้มาด้วยกันก็แบบช่วยตัดรสดี จานนี้กินแล้ว ฟิน (เฟง) ครับ ชอบมาก



มื้อนี้ปิดท้ายด้วยของหวานหลากหลายชนิดที่มีให้ตักประมาณ 10 กว่าแบบ มี macaron, เค้ก, creme brulee, ไอศครีม, ผลไม้, tiramisu และอะไรอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้ รสชาติไม่ได้โดดเด่น อร่อยอะไรมากมาย แต่ก็อยู่ในระดับที่กินได้เพลิน ๆ เติมเต็มกระเพาะ ปิดท้ายมื้อด้วยของหวานได้อย่างสวยงาม

สรุป ร้านอาหารอิตาเลียน Giorgio's ณ โรงแรม Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ก็ยังคงความเลอเลิศเอาไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลายครับ การบริการ, บรรยากาศ และรสชาติอาหารทำได้ดีหมด และตอนนี้ก็เพิ่มความคุ้มค่าเพิ่มเติมเข้าไปอีก กับ เมนู buffet 650 บาทสุทธิ นี้ ใครที่อยากจะกินอาหารอิตาเลียนดี ๆ สักมื้อ พร้อมองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ครบครัน ร้านนี้ น่าจะคุ้มค่า คุ้มราคาโดนใจมากเลยล่ะครับ















--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...