Ph1b - ร้านกาแฟ เค้ก ของหวาน ไอศครีม พหลโยธิน 11 รีวิว
Overall Score 6/10
Taste 3/5
Ambiance 3/5
Service 3/5
Value 3/5
Ph1B - Coffee Shop and Bakery Shop on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน PH1b Coffee Bar นี่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเท่าที่รู้ ผมรู้สึกว่าร้านนี้จะเปิดมานานหลายปีแล้ว และก็เห็นเพื่อนเช็คอิน ๆ กันค่อนข้างบ่อยพอสมควรเลย ตัวผมเองตอนแรกก็ไม่ได้กะจะมากินอะไรที่ร้านนี้หรอก แต่พอดีไปกินร้าน Pizza Pazza ที่อยู่ข้าง ๆ กันมา และแบบ ไม่ได้กินของหวาน เพราะเห็นร้านนี้และกะจะมากินของหวานร้าน PH1b แห่งนี้ต่อก็เลยเก็บท้องเอาไว้และมาลงเอยที่ร้านนี้นี่เอง
ร้าน PH1b แห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 11 ถ้ามาจากถนนพหลโยธินก็ขับรถเข้ามาสัก 400 - 500 เมตรก็จะเห็นร้านนี้อยู่ซ้ายมือ เป็นคล้าย ๆ town home เอามาดัดแปลงเป็นร้าน coffee shop เก๋ ๆ สวย ๆ ส่วนที่จอดรถก็หาเอาตามมีตามเกิดริมถนนได้เลย ร้านนี้ จากที่ได้ดูเมนู + กับดู ๆ เค้กและของหวานในตู้ ก็ได้ความว่าเป็นร้านที่ค่อนข้างครบครันเลย คือมีทั้ง cake, macaron, ice cream (ของ iberry) และของหวานแบบจัดจานสไตล์พวกร้าน After You ก็มีให้เลือกอีกเกือบ ๆ 10 อย่าง ส่วนเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็มีครบครัน ทั้ง ชา, กาแฟ, เครื่องดื่มกระป๋อง และเครื่องดื่ม ที่ทางร้านคิดค้นกันขึ้นมาเองด้วย ราคาของร้าน PH1B นี้ก็ค่อนข้างมาตรฐานครับ ทั่ว ๆ ไป เครื่องดื่มราคาประมาณ 100 บาท ของหวานก็ประมาณ 150 - 200 บาท
เครื่องดื่มในมื้อนี้มีชนิดเดียวครับคือชา Earl Grey ซึ่งที่ร้าน PH1b แห่งนี้ใช้เป็นชาของ Ronnefeldt ซึ่งเป็นใบชามาเลย ไม่ได้เป็นถุงชาก็เลยไม่สามารถเติมน้ำร้อนได้ อืม ชายี่ห้อนี้ก็ไม่รู้ของที่ไหนเหมือนกันครับ ซึ่งก็อร่อยดี หอม ๆ ฝาด ๆ tannin อร่อยดี Hot Tea Selection (Earl Grey - 115 บาท)
Macaron (3 pieces) - 85 บาท / set : ทั้ง 3 ชิ้นนี้ก็มีรสเบอรี่, ชาเขียว และก็ Mojito ทั้ง 3 อันนี้รสชาติชัดเจนดีครับ ตอนแรกเพื่อนผมให้กินแบบไม่รู้ว่าคืออะไร ผมก็กิน ๆ ไปก็ทายถูกหมดเลย (ไม่เหมือนกับบางร้านทั้ง ๆ ที่รู้รสแล้ว กินเข้าไปยังแอบงงอยู่เลยว่ามันใช้รสนั้นจริง ๆ เหรออะไรงี้ ส่วนความอร่อยก็อร่อยดี แป้งนุ่ม ๆ กำลังดี ไส้ก็ใส่มาเยอะดี
Apple Crumble - 105 บาท : อันนี้ไม่อร่อยอย่างแรงครับ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ายังไง แต่ผมและเพื่อน 2 คนกินกันไปคนละคำสองคำก็เก็บช้อนวางไว้ข้าง ๆ คืนอย่างสวยงาม
Chocolate Mousse Cake - 90 บาท : อันนี้อร่อยใช้ได้ ช็อคโกแลต รส และกลิ่นชัดเจน ตัวแป้งเค้กก็นุ่ม ๆ ละมุน ๆ ดี ทำได้ดีครับ
Horlicks Ice Cream - 59 บาท : ก็ไอศครีม iBerry อ่ะเนอะ ก็อร่อยได้มาตรฐานอยู่แล้ว
สรุป ร้าน PH1b นี่ก็เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟ ที่ไม่ได้มีอะไรมาก คล้าย ๆ กับร้านกาแฟแนว ๆ นี้ที่มีเปิดอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ทั่ว ๆ ไป จุดเด่นของร้านนี้เท่าที่ผมนึกออกคือไม่มีเลย ทุกอย่างมาตรฐานไปซะหมด ก็ใครที่อยู่แถวพหลโยธิน 11 หรือแถว ๆ สะพานควายนี่แต่ยังไม่รู้จักร้านนี้ แล้วอยากหาร้านกาแฟชิล ๆ เก๋ ๆ มานั่งทำงาน นั่งเล่น ก็มาจัดร้านนี้กันได้เลยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
Sunday, June 30, 2013
Pizza Pazza Italian Restaurant Review
Pizza Pazza - Italian Restaurant : Pizza, Pasta and Steak at Phaholyothin Soi 11, Bangkok
พิซว่า พาซซ่า - ร้านอาหารอิตาเลียน พิซซ่า พาสต้า เสต็ก พหลโยธิน ซอย 11
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 3.5/5
Service 3/5
Value 4/5
Pizza Pazza - Italian Restaurant on BuMRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน Pizza Pazza (ไม่แน่ใจว่า Pazza แปลว่าบ้ารึเปล่า ถ้าใช่ ร้านนี้ก็แปลว่าร้านพิซซ่าบ้า ๆ) แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 11 คือถ้ามาจากถนนพหลโยธิน ก็ขับเข้ามาสัก 300 - 400 เมตรก็จะเจอร้านนี้อยู่ซ้ายมือเลยครับ คือหน้าร้านอาจจะมองข้ามไปได้ถ้าขับรถมาเร็ว ๆ เนื่องจากว่ามีต้นไม้บังไว้อยู่ แต่ก็ถ้าใครรู้จักร้าน Ph1B ที่อยู่ติด ๆ กัน ก็สังเกตร้านนี้ก็ได้ครับ ร้านอยู่ติดกันเลย ส่วนที่จอดรถก็หาเอาตามมีตามเกิดที่ริมถนนหน้าร้านได้เลย
ร้าน Pizza Pazza แห่งนี้เปิดทำการมาได้ 3 ปีแล้ว โดยคุณจอมเจ้าของร้านนั้นได้สูตรอาหารอิตาเลียนนี้มาจากคุณย่า และนำมาดัดแปลง ประยุกต์เล็กน้อยจนกลายมาเป็นอาหารอิตาเลียนสูตรของตัวเอง และขายดิบขายดีมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ร้าน Pizza Pazza แห่งนี้พอเดินเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่สะดุดเลยก็คือ กลิ่นอันแสนจะหอมหวล ของเครื่องปรุง, วัตถุดิบ อิตาเลียนต่าง ๆ ที่ลอยเข้ามาเตะจมูก เนื่องจากว่าครัวของที่นี่เป็นครัวเปิดแบบเปิดสุด ๆ และอยู่ติดกับโต๊ะอาหารเลย อันนี้น่าจะมีสาเหตุทั้งจากที่ร้านมีขนาดเล็กด้วย และก็อาจจะอยากให้ลูกค้าได้กลิ่น + ได้เห็นพ่อครัว , แม่ครัว ลงมือทำอาหารด้วยก็เป็นไปได้ ซึ่งที่นั่งที่เป็นทั้ง ที่นั่ง + ห้องครัว นี้ก็จะเป็นที่นั่งมาตรฐานไว้รองรับลูกค้าขาประจำและขาจรทั่วไป แต่ถ้าเมื่อใดที่ตรงนี้เต็ม ทางร้านก็มีที่นั่งสำรองอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร แต่ว่าต้องเดินอ้อมไปเล็กน้อย ซึ่งพอรวมที่นั่งทั้งหมดแล้ว ร้านนี้เอาจริง ๆ ก็สามารถจุได้ถึง 70 คนกันเลยทีเดียว
อาหารของร้าน Pizza Pazza แห่งนี้ เนื่องจากว่าเป็นอาหารสไตล์โฮมเมด ทำกันเองสด ๆ จานต่อจาน ก็เลยมีเมนูให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่ก็พอมีให้เลือกครบทุกหมวดหมู่ทั้ง appetizer, salad, pasta, main dish และของหวาน ส่วนไฮไลท์นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นตัวพิซซ่าครับ ที่มีหน้าให้เลือกเยอะมาก ถึง 17 หน้าเลย คือถ้าเป็น Italian Ristorante ก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่เป็น bistro ธรรมดา มีหน้าให้เลือกเยอะแบบนี้ผมว่าก็เจ๋งมากล่ะ นอกจากนี้ทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษเขียนไว้บนกระดานดำ ซึ่งก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามวัตถุดิบและฤดูกาล ราคาอาหารของร้านนี้จัดได้ว่าค่อนข้างถูกกว่าร้านอิตาเลียนหรู ๆ ทั่วไป (ก็แน่สิเนอะ?) ราคาจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกร้านอิตาเลียนในห้างอะไรพวกนั้นมากกว่า แต่ก็อาจจะแอบถูกกว่าอีกเพราะว่าไม่มี vat + service charge ยังไงก็ลองดูเมนูประกอบเอาละกันนะครับ
มื้อนี้เริ่มต้นด้วย
Fresh Pate' (130 บาท) ก็เป็นขนมปังกินกับตับบด สูตรเฉพาะของทางร้าน Pizza Pazza แห่งนี้ รสชาติจานนี้ เพื่อนผมที่ไปด้วยกันคนนึงชอบมาก ๆ บอกว่าเนื้อเนียน อร่อย แต่ว่าผมกับเพื่อนอีกคนกับรู้สึกว่ามันธรรมดา ๆ ไม่ได้อะไรมาก เคยกินตามร้านฝรั่งเศสหลาย ๆ ร้านแล้วรู้สึกว่าจะอร่อยกว่านี้
Rocket salad + smoked salmon ขนาดเล็ก 120 + 50 บาท : จานนี้ทีเด็ดคงเป็น เรื่องปริมาณครับ ทางร้านให้ผัดร็อคเก็ตมาเยอะมาก ๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย ส่วนตัวเนื้อแซลมอนที่ให้มาก็สด อร่อย ดูแล้ว กินแล้ว ก็สรุปได้ว่าใช้ของดี น่าจะเป็นแซลมอน import จริง ๆ ไม่ใช่ปลอม ๆ เหมือนบางร้านในราคาเท่านี้ ส่วนตัวน้ำสลัดที่ราดมาก็จะเป็นเปรี้ยว ๆ ประมาณ balsamic ผสมน้ำมันนิดหน่อย ก็เข้ากันดีกับผักร็อคเก็ตที่จะขม ๆ กว่าผักอื่น ๆ เล็กน้อยอยู่แล้วแบบนี้
Caesar Salad - 150 บาท : อันนี้ก็ค่อนข้างมาตรฐานครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ส่วนนึงอาจจะเพราะว่าพวกผมกินซีซาร์สลัดกันจนเบื่อแล้วด้วย แต่คือของร้าน Pizza Pazza - พหลโยธินซอย 10 แห่งนี้ก็ทำมาได้ดีนะครับ ให้กินอีกเรื่อย ๆ ก็กินได้ อะไรงี้ ผัก romaine ให้มาเยอะและกรอบ เคียงคู่ไปกับเบคอน และมะเขือเทศเชอรี่ที่เยอะพอ ๆ กัน
Spaghetti bacon with garlic - pasta, bacon, dried chillies, garlic, onion, white wine, parsley (พาสต้าเบคอนกระเทียมผัดแห้ง - เส้นพาสต้า, เบคอน, พริกแห้ง, กระเทียม, หอมใหญ่, ไวน์ขาว, พาร์สลีย์ - 220 บาท) : จานนี้จะมาแบบแห้ง ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้แห้งมาก ๆ เหมือนสปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมหลาย ๆ ร้านที่ผมเคยกิน ยังคงมีความแฉะ ความ juicy อยู่ และทางร้านก็ปรุงรสมาได้ค่อนข้างจัดจ้านดี น้อง ๆ ผัดขี้เมา อะไรประมาณนั้นเลย แต่ก็ยังคงความเป็นอิตาเลียน จากชีสที่โรยมาเยอะ ๆ อยู่ไรงี้
Ribeye Steak - 450 บาท : จานนี้ก็อร่อยดีครับ คือจากราคาเท่านี้ เดาได้เลยว่าไม่น่าจะเป็น เนื้อดีเด่อะไร น่าจะเป็นอย่างมากก็ Thai-French ธรรมดา ๆ แต่ว่าด้วยฝีมือการปรุงที่ดี ทำมาได้ medium rare กำลังดี + กับซอสที่รสค่อนข้างจัด และอร่อย ทำให้เนื้อชิ้นนี้อร่อยขึ้นมาอย่างชัดเจน คือแบบ texture นุ่ม ๆ กับซอสเข้มข้น ๆ ก็ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเนื้อธรรมดา ๆ ได้แล้วอะไรงี้
Margherita Pizza (Pizzaiola sauce, mozzarella, basil - มาเกอริตา พิซซ่าซอส, มอซซาเรลลา, เบซิล - 280 บาท Size M) : อันนี้เป็นไฮไลท์ประจำมื้อนี้เลยครับ แม้ว่าพิซซ่าหน้านี้จะเป็นหน้า เบสิคที่สุดของพิซซ่าบนผืนปฐพีแห่งนี้ แต่ว่าการที่ทำของธรรมดาให้ไม่ธรรมดา ให้มันอร่อยเว่อร์ได้นี่จะเรียกว่ายังไงดี? สุดยอด? (เหมือนแบบลองนึกว่าจะทำผัดกะเพราให้สุดยอดจะทำไง?) คือแบบพิซซ่าถาดนี้เป็นหน้ามาร์การิต้าที่อร่อยที่สุดในชีวิตผมเลยล่ะ มะเขือเทศสด อร่อย ให้เยอะ, ชีสก็ให้มาเยอะ ๆ เยิ้ม ๆ กินกับแป้งพิซซ่าแบบบาง ๆ กรอบ ๆ โอย ฟิน แฟง ฟัง สุด ๆ ล่ะครับ
สตูว์ลิ้นวัว (Beef tongue stew - 250 บาท) : อุตส่าห์อร่อยมาติดต่อกันหลายจาน ดันมาตกม้าตายเอาที่จานสุดท้ายครับ สตูว์ลิ้นวัวอันนี้ ลิ้นวัวไม่อร่อยอย่างแรง ไม่ได้นุ่มมาก จนละลายในปากเหมือนที่ควรจะเป็น และลิ้นวัวก็เหม็นสาบมากก ตัวน้ำสตูว์ก็รสชาติคลุมเครือ เดาไม่ถูกว่าคืออะไร ออกมาเป็นรสแบบแปลก ๆ กินแล้วไม่ค่อยอร่อยเลย อืม
สรุป ร้าน Pizza Pazza นี่ผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไม แม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ , ป้ายร้านไม่ได้โดดเด่นอะไร, ไม่ได้อยู่ในทำเล prime อะไรมากมาย แต่ก็เปิดมาได้นาน และก็มีลูกค้ามากินอยู่เรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย เพราะว่า ราคาอาหารที่ไม่แพง, รสชาติอาหารที่ดี, บรรยกาศร้านที่เป็นสไตล์ครัวเปิดไม่เหมือนใครแบบนี้ อืม ไม่ค่อยจะพบเจอในร้านอิตาเลียนในกรุงเทพสักเท่าไรว่ามั้ยครับ? ส่วนตัวผมเอง ก็อยากจะมาลองกินพิซซ่าหน้าอื่น ๆ ของร้านนี้เหมือนกันนะ เพราะนี่ขนาดกินหน้าเบสิค ๆ ยังอร่อยขนาดนี้ เห็นในเมนูมีหน้าพิซซ่าแบบตามใจเชฟด้วย อืม อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเจ๋งเหมือน Omakase ของซูชิมั้ยเน้อ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
พิซว่า พาซซ่า - ร้านอาหารอิตาเลียน พิซซ่า พาสต้า เสต็ก พหลโยธิน ซอย 11
Overall Score 8/10
Taste 4/5
Ambiance 3.5/5
Service 3/5
Value 4/5
Pizza Pazza - Italian Restaurant on BuMRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน Pizza Pazza (ไม่แน่ใจว่า Pazza แปลว่าบ้ารึเปล่า ถ้าใช่ ร้านนี้ก็แปลว่าร้านพิซซ่าบ้า ๆ) แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 11 คือถ้ามาจากถนนพหลโยธิน ก็ขับเข้ามาสัก 300 - 400 เมตรก็จะเจอร้านนี้อยู่ซ้ายมือเลยครับ คือหน้าร้านอาจจะมองข้ามไปได้ถ้าขับรถมาเร็ว ๆ เนื่องจากว่ามีต้นไม้บังไว้อยู่ แต่ก็ถ้าใครรู้จักร้าน Ph1B ที่อยู่ติด ๆ กัน ก็สังเกตร้านนี้ก็ได้ครับ ร้านอยู่ติดกันเลย ส่วนที่จอดรถก็หาเอาตามมีตามเกิดที่ริมถนนหน้าร้านได้เลย
ร้าน Pizza Pazza แห่งนี้เปิดทำการมาได้ 3 ปีแล้ว โดยคุณจอมเจ้าของร้านนั้นได้สูตรอาหารอิตาเลียนนี้มาจากคุณย่า และนำมาดัดแปลง ประยุกต์เล็กน้อยจนกลายมาเป็นอาหารอิตาเลียนสูตรของตัวเอง และขายดิบขายดีมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ร้าน Pizza Pazza แห่งนี้พอเดินเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่สะดุดเลยก็คือ กลิ่นอันแสนจะหอมหวล ของเครื่องปรุง, วัตถุดิบ อิตาเลียนต่าง ๆ ที่ลอยเข้ามาเตะจมูก เนื่องจากว่าครัวของที่นี่เป็นครัวเปิดแบบเปิดสุด ๆ และอยู่ติดกับโต๊ะอาหารเลย อันนี้น่าจะมีสาเหตุทั้งจากที่ร้านมีขนาดเล็กด้วย และก็อาจจะอยากให้ลูกค้าได้กลิ่น + ได้เห็นพ่อครัว , แม่ครัว ลงมือทำอาหารด้วยก็เป็นไปได้ ซึ่งที่นั่งที่เป็นทั้ง ที่นั่ง + ห้องครัว นี้ก็จะเป็นที่นั่งมาตรฐานไว้รองรับลูกค้าขาประจำและขาจรทั่วไป แต่ถ้าเมื่อใดที่ตรงนี้เต็ม ทางร้านก็มีที่นั่งสำรองอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร แต่ว่าต้องเดินอ้อมไปเล็กน้อย ซึ่งพอรวมที่นั่งทั้งหมดแล้ว ร้านนี้เอาจริง ๆ ก็สามารถจุได้ถึง 70 คนกันเลยทีเดียว
อาหารของร้าน Pizza Pazza แห่งนี้ เนื่องจากว่าเป็นอาหารสไตล์โฮมเมด ทำกันเองสด ๆ จานต่อจาน ก็เลยมีเมนูให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่ก็พอมีให้เลือกครบทุกหมวดหมู่ทั้ง appetizer, salad, pasta, main dish และของหวาน ส่วนไฮไลท์นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นตัวพิซซ่าครับ ที่มีหน้าให้เลือกเยอะมาก ถึง 17 หน้าเลย คือถ้าเป็น Italian Ristorante ก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่เป็น bistro ธรรมดา มีหน้าให้เลือกเยอะแบบนี้ผมว่าก็เจ๋งมากล่ะ นอกจากนี้ทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษเขียนไว้บนกระดานดำ ซึ่งก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามวัตถุดิบและฤดูกาล ราคาอาหารของร้านนี้จัดได้ว่าค่อนข้างถูกกว่าร้านอิตาเลียนหรู ๆ ทั่วไป (ก็แน่สิเนอะ?) ราคาจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกร้านอิตาเลียนในห้างอะไรพวกนั้นมากกว่า แต่ก็อาจจะแอบถูกกว่าอีกเพราะว่าไม่มี vat + service charge ยังไงก็ลองดูเมนูประกอบเอาละกันนะครับ
มื้อนี้เริ่มต้นด้วย
Fresh Pate' (130 บาท) ก็เป็นขนมปังกินกับตับบด สูตรเฉพาะของทางร้าน Pizza Pazza แห่งนี้ รสชาติจานนี้ เพื่อนผมที่ไปด้วยกันคนนึงชอบมาก ๆ บอกว่าเนื้อเนียน อร่อย แต่ว่าผมกับเพื่อนอีกคนกับรู้สึกว่ามันธรรมดา ๆ ไม่ได้อะไรมาก เคยกินตามร้านฝรั่งเศสหลาย ๆ ร้านแล้วรู้สึกว่าจะอร่อยกว่านี้
Rocket salad + smoked salmon ขนาดเล็ก 120 + 50 บาท : จานนี้ทีเด็ดคงเป็น เรื่องปริมาณครับ ทางร้านให้ผัดร็อคเก็ตมาเยอะมาก ๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย ส่วนตัวเนื้อแซลมอนที่ให้มาก็สด อร่อย ดูแล้ว กินแล้ว ก็สรุปได้ว่าใช้ของดี น่าจะเป็นแซลมอน import จริง ๆ ไม่ใช่ปลอม ๆ เหมือนบางร้านในราคาเท่านี้ ส่วนตัวน้ำสลัดที่ราดมาก็จะเป็นเปรี้ยว ๆ ประมาณ balsamic ผสมน้ำมันนิดหน่อย ก็เข้ากันดีกับผักร็อคเก็ตที่จะขม ๆ กว่าผักอื่น ๆ เล็กน้อยอยู่แล้วแบบนี้
Caesar Salad - 150 บาท : อันนี้ก็ค่อนข้างมาตรฐานครับ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ส่วนนึงอาจจะเพราะว่าพวกผมกินซีซาร์สลัดกันจนเบื่อแล้วด้วย แต่คือของร้าน Pizza Pazza - พหลโยธินซอย 10 แห่งนี้ก็ทำมาได้ดีนะครับ ให้กินอีกเรื่อย ๆ ก็กินได้ อะไรงี้ ผัก romaine ให้มาเยอะและกรอบ เคียงคู่ไปกับเบคอน และมะเขือเทศเชอรี่ที่เยอะพอ ๆ กัน
Spaghetti bacon with garlic - pasta, bacon, dried chillies, garlic, onion, white wine, parsley (พาสต้าเบคอนกระเทียมผัดแห้ง - เส้นพาสต้า, เบคอน, พริกแห้ง, กระเทียม, หอมใหญ่, ไวน์ขาว, พาร์สลีย์ - 220 บาท) : จานนี้จะมาแบบแห้ง ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้แห้งมาก ๆ เหมือนสปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมหลาย ๆ ร้านที่ผมเคยกิน ยังคงมีความแฉะ ความ juicy อยู่ และทางร้านก็ปรุงรสมาได้ค่อนข้างจัดจ้านดี น้อง ๆ ผัดขี้เมา อะไรประมาณนั้นเลย แต่ก็ยังคงความเป็นอิตาเลียน จากชีสที่โรยมาเยอะ ๆ อยู่ไรงี้
Ribeye Steak - 450 บาท : จานนี้ก็อร่อยดีครับ คือจากราคาเท่านี้ เดาได้เลยว่าไม่น่าจะเป็น เนื้อดีเด่อะไร น่าจะเป็นอย่างมากก็ Thai-French ธรรมดา ๆ แต่ว่าด้วยฝีมือการปรุงที่ดี ทำมาได้ medium rare กำลังดี + กับซอสที่รสค่อนข้างจัด และอร่อย ทำให้เนื้อชิ้นนี้อร่อยขึ้นมาอย่างชัดเจน คือแบบ texture นุ่ม ๆ กับซอสเข้มข้น ๆ ก็ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเนื้อธรรมดา ๆ ได้แล้วอะไรงี้
Margherita Pizza (Pizzaiola sauce, mozzarella, basil - มาเกอริตา พิซซ่าซอส, มอซซาเรลลา, เบซิล - 280 บาท Size M) : อันนี้เป็นไฮไลท์ประจำมื้อนี้เลยครับ แม้ว่าพิซซ่าหน้านี้จะเป็นหน้า เบสิคที่สุดของพิซซ่าบนผืนปฐพีแห่งนี้ แต่ว่าการที่ทำของธรรมดาให้ไม่ธรรมดา ให้มันอร่อยเว่อร์ได้นี่จะเรียกว่ายังไงดี? สุดยอด? (เหมือนแบบลองนึกว่าจะทำผัดกะเพราให้สุดยอดจะทำไง?) คือแบบพิซซ่าถาดนี้เป็นหน้ามาร์การิต้าที่อร่อยที่สุดในชีวิตผมเลยล่ะ มะเขือเทศสด อร่อย ให้เยอะ, ชีสก็ให้มาเยอะ ๆ เยิ้ม ๆ กินกับแป้งพิซซ่าแบบบาง ๆ กรอบ ๆ โอย ฟิน แฟง ฟัง สุด ๆ ล่ะครับ
สตูว์ลิ้นวัว (Beef tongue stew - 250 บาท) : อุตส่าห์อร่อยมาติดต่อกันหลายจาน ดันมาตกม้าตายเอาที่จานสุดท้ายครับ สตูว์ลิ้นวัวอันนี้ ลิ้นวัวไม่อร่อยอย่างแรง ไม่ได้นุ่มมาก จนละลายในปากเหมือนที่ควรจะเป็น และลิ้นวัวก็เหม็นสาบมากก ตัวน้ำสตูว์ก็รสชาติคลุมเครือ เดาไม่ถูกว่าคืออะไร ออกมาเป็นรสแบบแปลก ๆ กินแล้วไม่ค่อยอร่อยเลย อืม
สรุป ร้าน Pizza Pazza นี่ผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไม แม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ , ป้ายร้านไม่ได้โดดเด่นอะไร, ไม่ได้อยู่ในทำเล prime อะไรมากมาย แต่ก็เปิดมาได้นาน และก็มีลูกค้ามากินอยู่เรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย เพราะว่า ราคาอาหารที่ไม่แพง, รสชาติอาหารที่ดี, บรรยกาศร้านที่เป็นสไตล์ครัวเปิดไม่เหมือนใครแบบนี้ อืม ไม่ค่อยจะพบเจอในร้านอิตาเลียนในกรุงเทพสักเท่าไรว่ามั้ยครับ? ส่วนตัวผมเอง ก็อยากจะมาลองกินพิซซ่าหน้าอื่น ๆ ของร้านนี้เหมือนกันนะ เพราะนี่ขนาดกินหน้าเบสิค ๆ ยังอร่อยขนาดนี้ เห็นในเมนูมีหน้าพิซซ่าแบบตามใจเชฟด้วย อืม อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเจ๋งเหมือน Omakase ของซูชิมั้ยเน้อ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Saturday, June 29, 2013
Giorgio's Royal Orchid Sheraton Review -checked
Giorgio's - Italian Restaurant at Royal Orchid Sheraton Review - all you can eat & buffet
จิออร์จิโอ้ - ร้านอาหารอิตาเลียน บุฟเฟ่ต์ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน ริมแม่น้ำ พิซซ่า
Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 5/5
Value 4.5/5
Giorgio's - Royal Orchid Sheraton : Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
รีวิวห้องอาหาร Giorgio's ณ โรงแรม Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ ก็เป็นครั้งที่ 2 ของผมล่ะ ครั้งแรกที่มารู้สึกจะประมาณ สัก 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้กับห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพแห่งนี้ (เปิดมา 30 กว่าปี) เมื่อเทียบกับครั้งนั้น ทุก ๆ อย่างก็เหมือนว่าจะยังเหมือนเดิมทุกประการอยู่ ไม่ว่าจะบรรยากาศของทางร้านที่ตกแต่งเป็นสไตล์ยุโรป ๆ ยุค เรเนซองส์ (รึเปล่า?) สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และก็ตัวที่นั่งที่จะแบ่งเป็น 2 zone ด้านนอก ส่วน terrace ที่จะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมมีลมโกรกตลอดเวลา เย็นสบาย ๆ (ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ทำไมบางโรงแรมส่วนติดแม่น้ำนี่ก็ลมโกรกตลอด บางที่ก็ไม่มีลมพัดเลย) และส่วนด้านในที่หรูหรา ได้มาตรฐานห้องอาหารในโรงแรม 5 ดาว ส่วนการบริการก็ไร้ที่ติ เช่นเคย
สิ่งที่แตกต่างในมื้อนี้กับมื้อนั้นคือ มื้อนั้นจะเป็น a la carte เพียว ๆ ส่วนมื้อที่ผมกินนี่จะเป็น buffet แทน ซึ่งที่ห้องอาหารนี้ ตัวเชฟใหญ่ประจำห้อง เพิ่งจะเปลี่ยนตัวไปเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตัวเมนูอาหารของห้อง Giorgio's ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนใหม่หมดเลย และจะแบ่งเป็น เมนูอิตาเลียนยุคเก่า และ ยุคใหม่ เคียงคู่ไปกับ พิซซ่าอีกหลายสิบหน้าให้เลือกสรรค์ ส่วนตัวเมนู buffet ที่ผมได้ลองนั้น ก็จะเป็น ราคา 650 บาท สุทธิ ไม่รวมเครื่องดื่ม และสามารถ เลือกตัว Main Dish ได้ 1 อย่างจาก 7 อย่าง ซึ่งก็จะมีทั้งพาสต้า, เสต็ก, ปลา ให้เลือก (อาหารจานหลักสไตล์อิตาเลียนทั่ว ๆ ไปนั่นเอง) ส่วนที่เป็นบุฟเฟ่ต์นั้นก็จะคือตัวไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เราสามารถตักได้เอง เติมได้ตลอดตั้งแต่เวลาร้านเปิดจนปิดหรือ 18.00 - 22.00 นั่นเอง ในไลน์ก็จะมี อาหารอิตาเลียนค่อนข้างครบครัน ทั้งพวก cold cut, appetizer เย็น ๆ , cold seafood, cheese และก็ของหวานอีกประมาณ 10 กว่าอย่าง คือแบบ ครบอ่ะครับ และยิิ่งถ้าเอาไปรวมกับการได้ Main Course เจ๋ง ๆ อีก 1 จานในราคาแค่ 650 บาทสุทธิแล้วล่ะก็ ราคานี้ น่าจะไม่มีห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมแห่งไหนจะ offer ให้ได้เลยนะเนี่ย
มื้อนี้เริ่มกันที่เครื่องดื่มก่อน
ส่วนอาหารนั้นก็จะมี ที่เลือกมาจากใน buffet 4 จานและก็ที่สั่ง เพิ่มเติมจากในเมนูอีก 1 จาน ก่อนจะเข้าตัว main dish ก็ขอพูดถึงตัว line อาหารก่อนละกัน ผมได้กินตัว cold cut กับ cold seafood 2 อย่างนี้อร่อยดี กุ้งสด เนื้ออร่อย ไม่ได้เค็มมาก | Caesar Salad ทางพนักงานจะปรุงให้สด ๆ จานต่อจาน เหมือนตามไลน์บุฟเฟ่ต์ดี ๆ ของที่อื่น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทำแบบนี้ก็จะอร่อยหมด ของ Giorgio's - Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันครับ | พวก appetizer จานเล็ก ๆ อย่างอื่นก็กินดี กินเพลิน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอร่อยจนอยากจะไปหยิบมาซ้ำอะไรแบบนี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
จิออร์จิโอ้ - ร้านอาหารอิตาเลียน บุฟเฟ่ต์ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน ริมแม่น้ำ พิซซ่า
Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 5/5
Value 4.5/5
Giorgio's - Royal Orchid Sheraton : Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
รีวิวห้องอาหาร Giorgio's ณ โรงแรม Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ ก็เป็นครั้งที่ 2 ของผมล่ะ ครั้งแรกที่มารู้สึกจะประมาณ สัก 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้กับห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพแห่งนี้ (เปิดมา 30 กว่าปี) เมื่อเทียบกับครั้งนั้น ทุก ๆ อย่างก็เหมือนว่าจะยังเหมือนเดิมทุกประการอยู่ ไม่ว่าจะบรรยากาศของทางร้านที่ตกแต่งเป็นสไตล์ยุโรป ๆ ยุค เรเนซองส์ (รึเปล่า?) สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และก็ตัวที่นั่งที่จะแบ่งเป็น 2 zone ด้านนอก ส่วน terrace ที่จะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมมีลมโกรกตลอดเวลา เย็นสบาย ๆ (ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ทำไมบางโรงแรมส่วนติดแม่น้ำนี่ก็ลมโกรกตลอด บางที่ก็ไม่มีลมพัดเลย) และส่วนด้านในที่หรูหรา ได้มาตรฐานห้องอาหารในโรงแรม 5 ดาว ส่วนการบริการก็ไร้ที่ติ เช่นเคย
สิ่งที่แตกต่างในมื้อนี้กับมื้อนั้นคือ มื้อนั้นจะเป็น a la carte เพียว ๆ ส่วนมื้อที่ผมกินนี่จะเป็น buffet แทน ซึ่งที่ห้องอาหารนี้ ตัวเชฟใหญ่ประจำห้อง เพิ่งจะเปลี่ยนตัวไปเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตัวเมนูอาหารของห้อง Giorgio's ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนใหม่หมดเลย และจะแบ่งเป็น เมนูอิตาเลียนยุคเก่า และ ยุคใหม่ เคียงคู่ไปกับ พิซซ่าอีกหลายสิบหน้าให้เลือกสรรค์ ส่วนตัวเมนู buffet ที่ผมได้ลองนั้น ก็จะเป็น ราคา 650 บาท สุทธิ ไม่รวมเครื่องดื่ม และสามารถ เลือกตัว Main Dish ได้ 1 อย่างจาก 7 อย่าง ซึ่งก็จะมีทั้งพาสต้า, เสต็ก, ปลา ให้เลือก (อาหารจานหลักสไตล์อิตาเลียนทั่ว ๆ ไปนั่นเอง) ส่วนที่เป็นบุฟเฟ่ต์นั้นก็จะคือตัวไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เราสามารถตักได้เอง เติมได้ตลอดตั้งแต่เวลาร้านเปิดจนปิดหรือ 18.00 - 22.00 นั่นเอง ในไลน์ก็จะมี อาหารอิตาเลียนค่อนข้างครบครัน ทั้งพวก cold cut, appetizer เย็น ๆ , cold seafood, cheese และก็ของหวานอีกประมาณ 10 กว่าอย่าง คือแบบ ครบอ่ะครับ และยิิ่งถ้าเอาไปรวมกับการได้ Main Course เจ๋ง ๆ อีก 1 จานในราคาแค่ 650 บาทสุทธิแล้วล่ะก็ ราคานี้ น่าจะไม่มีห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมแห่งไหนจะ offer ให้ได้เลยนะเนี่ย
มื้อนี้เริ่มกันที่เครื่องดื่มก่อน
- Caipiroska (Vodka, Brown Sugar, Lime and Mine leaves - 280 บาท) - อันนี้หน้าตาคล้าย ๆ Mojito มากครับ แต่ว่าจะแรงกว่าหน่อย เปรี้ยวกว่าหน่อย และก็หวานกว่านิดนึง ซึ่งก็อร่อยดี อร่อยกว่า Mojito อีกแก้วที่สั่งมาในมื้อนี้
- Sheraton Delight (Rum, Galliano, mango, lime and pineapple juice - 280 บาท) : แก้วนี้เหมือนจะเป็น signature cocktail ของทางร้าน แก้วที่ใส่ก็เป็นแก้วทรงพิเศษ เพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปใหญ่ แต่ว่ารสชาติ ผมกับเพื่อนกลับไม่ชอบกันสักเท่าไรครับ มันแบบอ่อนไป หวานนำเยอะเกิน ดูไม่ค่อยเหมือนกิน cocktail ยังไงยังงั้นเลย
- Mojito (Light rum, lime juice, lime wedge, mint sprig and topped with soda - 280 บาท) : อันนี้มาตรฐานครับ ไม่มีอะไรมากมาย
ส่วนอาหารนั้นก็จะมี ที่เลือกมาจากใน buffet 4 จานและก็ที่สั่ง เพิ่มเติมจากในเมนูอีก 1 จาน ก่อนจะเข้าตัว main dish ก็ขอพูดถึงตัว line อาหารก่อนละกัน ผมได้กินตัว cold cut กับ cold seafood 2 อย่างนี้อร่อยดี กุ้งสด เนื้ออร่อย ไม่ได้เค็มมาก | Caesar Salad ทางพนักงานจะปรุงให้สด ๆ จานต่อจาน เหมือนตามไลน์บุฟเฟ่ต์ดี ๆ ของที่อื่น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทำแบบนี้ก็จะอร่อยหมด ของ Giorgio's - Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันครับ | พวก appetizer จานเล็ก ๆ อย่างอื่นก็กินดี กินเพลิน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอร่อยจนอยากจะไปหยิบมาซ้ำอะไรแบบนี้
- Risotto marinara con capperi (Risotto with seafood and capers) : อร่อยใช้ได้เลยครับ ตัวหอยตลับที่ให้มาก็ตัวใหญ่และเนื้อเยอะ risotto ทำมาไม่ได้เละมาก ไม่ได้เป็นน้ำมาก เป็นสไตล์ที่ผมชอบ ๆ พอดี ช่วงหลังรู้สึกกิน risotto ของหลาย ๆ ร้านจะ fail เกือบหมด เพิ่งจะมีจานนี้ที่รู้สึกว่ากลับมาได้มาตรฐานที่ควรจะเป็น
- Cannelloni di ricotta e spinaci (Homemade cannelloni with ricotta cheese and spinach) : อันนี้เป็นพาสต้าที่แปลก ๆ หน่อย และก็เป็น vegetarian ด้วย เป็นแป้งพาสต้าห่อม้วนยัดไส้ชีสและผักโขมมา คล้าย ๆ ปอเปี๊ยะบ้านเรา แต่ว่าจะต่างตรงที่แป้งจะนุ่ม ๆ และผักโขมกับชีสก็ให้มาเยอะ อัดแน่นเต็มไส้ใน และก็มีราดซอสมะเขือเทศมาเพิ่มด้วย
- Tocchetti di Pesce neve con caponata di melanzane (Pan fried snow fish with eggplant caponata) : จานนี้อร่อยมาก ๆ ครับ อร่อยประทับใจ จนไม่คิดว่าจะเป็นอาหารในบุฟเฟ่ต์ไปได้ ตัวปลาหิมะ เนื้อนุ่ม เนียน อร่อย ปรุงรสชาติมาดี หอม ๆ เนย กับไวน์ ส่วนตัว caponata มะเขือม่วงที่ให้มาด้วยกันก็รสชาติดี กินเปล่า ๆ ก็ได้ กินคู่กับเนื้อปลา เพิ่มรสชาติให้อร่อยกว่าเดิมก็ได้
- Filetto di manzo con verdure alla griglia e salsa tartufata (Grilled beef tenderloin with black truffle sauce and grilled vegetables) : เนื้อสันในก้อนนี้ก็นุ่มครับ อร่อยมาก มาแบบ medium rare พอดีเป๊ะ แต่เหมือนกับว่าเนื้อไม่ได้ใช้เนื้อคุณภาพดีสักเท่าไร คือการปรุง การย่าง นั้นค่อนข้างจะไม่มีปัญหา มาติดตรงที่คุณภาพเนื้อนะเท่าที่สังเกต ส่วนตัวซอส, ผักย่างที่ให้มาด้วยกันในจานก็โอเคเลย
- Spezzatino Di Manzo Con Patate E Piselli (Stewed beef with white wine, potatoes and green pea puree - 800 บาท) : เป็นจาน a la carte หนึ่งเดียวในมื้อนี้ และเป็นจาน signature dish ของทางร้าน จานนี้ผมชอบสุดในมื้อล่ะ แก้มวัวแบบอร่อยมาก ๆ นุ่มละมุนละลายในปาก และตัวซอสไวน์ขาวที่ใส่มาด้วยกันก็ช่วยเพิ่มความอร่อย + ความหอมเข้าไปอีก ตัวผักที่ให้มาด้วยกันก็แบบช่วยตัดรสดี จานนี้กินแล้ว ฟิน (เฟง) ครับ ชอบมาก
มื้อนี้ปิดท้ายด้วยของหวานหลากหลายชนิดที่มีให้ตักประมาณ 10 กว่าแบบ มี macaron, เค้ก, creme brulee, ไอศครีม, ผลไม้, tiramisu และอะไรอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้ รสชาติไม่ได้โดดเด่น อร่อยอะไรมากมาย แต่ก็อยู่ในระดับที่กินได้เพลิน ๆ เติมเต็มกระเพาะ ปิดท้ายมื้อด้วยของหวานได้อย่างสวยงาม
สรุป ร้านอาหารอิตาเลียน Giorgio's ณ โรงแรม Royal Orchid Sheraton แห่งนี้ก็ยังคงความเลอเลิศเอาไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลายครับ การบริการ, บรรยากาศ และรสชาติอาหารทำได้ดีหมด และตอนนี้ก็เพิ่มความคุ้มค่าเพิ่มเติมเข้าไปอีก กับ เมนู buffet 650 บาทสุทธิ นี้ ใครที่อยากจะกินอาหารอิตาเลียนดี ๆ สักมื้อ พร้อมองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ครบครัน ร้านนี้ น่าจะคุ้มค่า คุ้มราคาโดนใจมากเลยล่ะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Subscribe to:
Posts (Atom)