BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Tuesday, June 5, 2012

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 6

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 6



เช้านี้ตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเนื่องจากเมื่อวานนอนหลายชั่วโมงและนอนหลับค่อนข้างเร็ว พวกเราไม่ต้องรีบกันมากนักเนื่องจากโปรแกรมในตอนเช้านี้จะเป็นสวนสัตว์ Asahiyama สวนสัตว์ที่มีคนเข้าชมเยอะสุดอันดับ 2 ของญี่ปุ่น (อันดับ 1 คือที่ Ueno โตเกียว) เพราะสวนสัตว์เปิด 9 โมง พวกเราลงไปกินอาหารเช้าฟรี ๆ ของโรงแรม ที่ประกอบด้วย ขนมปัง และไข่ดาว และผักดอง แม้จะไม่เลิศเลอ perfect แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้กิน(แดก) แหล่ะครับว่ามั้ย พอเราหม่ำ ๆ กันเสร็จก็เดินไปขึ้นรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปสวนสัตว์กันต่อครับ


เด็กญี่ปุ่น (และเกาหลี) เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ น่ารักจนผมอยากจะขโมยมาเลี้ยงแทบจะทุกคนที่เจอ แต่เหมือนเจ้าหนูพวกนี้จะใช้ความน่ารักตอนเด็ก ๆ ไปจนหมด ผู้ใหญ่ญี่ปุ่นเลยเหลือคนหน้าตาดีไม่ค่อยเยอะเท่าไร

ยามเช้า ณ Asahigawa เมืองใหญ่อันดับ 3-4 ของเกาะฮอกไกโด

ถึงแล้วครับสวนสัตว์ Asahiyama Zoo 

น้องหนูคนนี้ก็ดีใจที่ได้มา ยิ้มแฉ่งเชียว

ค่าเข้าแปดร้อยเยน แพงชิบ(หอย) สวนสัตว์ดุสิตรู้สึกจะ 30 บาท

เข้าไปเจอนกฟลาเมงโกก่อนเลย

เพนกวินตัวนี้พร้อมจะกระโดดน้ำ
พอไปถึงก็ต้องตกใจว่า เฮ้ย! ทำไมคนเยอะจัง(วะ) นี่วันธรรมดาและสวนสัตว์ยังไม่เปิดนะ(เว้ย) คือคิวยาวมาก ๆ ครับ โชคดีที่พวกผมซื้อตั๋วจากที่โรงแรมมาก่อนแล้วก็เลยไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วให้เสีย เวลา แต่แล้วก็คิดผิดครับ คิวที่ต่อนี่เค้าก็ซื้อตั๋วมากันหมดแล้ว เค้าต่อรอเข้าชมกันต่างหาก! (คนญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้หมดครับ วางแผนล่วงหน้ากันหลายสนุ้ก ไม่เหมือนคนไทย) สวนสัตว์ Asahiyama แห่งนี้เป็นสวนสัตว์ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน แต่ด้วยแผนการตลาดอันยอดเยี่ยม บวกกับ ทำเลที่ดี (อากาศเย็น ๆ ) และรอบ ๆ ข้างไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวเท่าไร ก็เลยทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นจุดที่ ใครก็ตามที่มาเกาะฮอกไกโด ก็น่าจะมาแวะเวียนที่นี่กัน ถ้านั่งรถไฟจาก Sapporo มาบางขบวนจะตกแต่ง เป็นรูปสัตว์ทั้งขบวนเลย เด็ก ๆ คงชอบกันมาก (ผมไม่ได้ขึ้นแต่แอบเห็นจอดอยู่ข้าง ๆ ที่สถานีไหนไม่รู้) 


เพนกวินเยอะดีครับ

หมีขาวก็มี 4 ตัวได้ ตัวนี้ดูอารมณ์ดีครับ ยิ้มแย้ม

เดินไปเดินมาตลอด พ่อหมีขาวของเรา (น่าฟัดชะมัด)

อันนี้แพนด้าแดง

กวางสู้ที่ Nara ไม่ได้ (แต่เหมือนที่ Nara จะถูกถอดเขาหมดนะครับ)

Hedwig เอ๊ย นกฮูกก็มี ตัวนี้น่าจะหลับอยู่ น่ารักดีครับ

แพะภูเขาก็มี ยิ้มแฉ่งเชียว

พวกเราไม่บ้าเห่อไปตามคนญี่ปุ่น ยืนชิล ๆ คุยกันตรงแถว ๆ ทางเข้า กะว่าเดี๋ยวพอประตูเปิดแล้ว แถวก็คงร่น ๆ เข้าไปเอง ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ ครับ พอประตูเปิดแล้วแถวก็ร่นเข้าไป แต่มันมีคนมาเติมเรื่อย ๆ ครับ! พวกผมเห็นท่าไม่ดีก็เลย รีบวิ่งไปต่อแถวกัน เพราะขืนรอไปรอมา ไม่รู้ตอนเที่ยงจะได้เข้ารึเปล่า (ฮา)

ที่สวนสัตว์ Asahiyama แห่งนี้ ผมรู้สึกเฉย ๆ มากกับปริมาณและชนิดของสัตว์ มีแค่ หมีขาว หรือหมีขั้วโลกเท่านั้นที่ทำให้ผมตื่นตะลึง เพราะยังไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ส่วนสัตว์อื่น ๆ อยากจะบอกว่าที่ประเทศไทยก็มีหมดแหละครับ เผลอ ๆ สวนสัตว์เชียงใหม่จะมีเยอะกว่าด้วย แต่ข้อดีอีกอย่างที่จะทำให้ผมอยากมาสวนสัตว์แห่งนี้อีกครั้งก็คงเป็นเพราะอากาศที่เย็น..สบายนี่แหละครับ นี่ขนาดมาตอนหน้าร้อนแดดเปรี้ยง ๆ อากาศยังชิล ๆ เย็น ๆ เดินดูสัตว์ได้อย่างเพลิดเพลิน (นึกถึงตอนไปเขาดิน สภาพแดดแบบเดียวกันแต่อุณหภูมิร้อนกว่ากัน 10 องศา แม้ว่าผมจะชอบแม่มะลิ(ฮิปโปประจำสวนสัตว์) มากแค่ไหน แต่นาน ๆ ทีค่อยไปเยี่ยมละกันนะแม่มะลิจ๋า) อ้อ อีกอย่างนึงที่ชอบสำหรับสวนสัตว์นี้คือ เด็ก ๆ เยอะมากครับ แทบทุกครอบครัวจะพาลูกเห็ดเล็กแดงมากันหมด และเด็กญี่ปุ่นนี่เป็นอะไรที่น่ารักมาก ๆ จนผมสงสัยว่า พวก Pediphile (พวกชอบเด็ก) มาเจอเด็กญี่ปุ่นนี่จะเกิดอะไรขึ้น


จำชื่อไม่ได้ล่ะครับ (Capybara?) เจ้าสัตว์มีฟันแทะที่ใหญ่ที่สุดในโลกน่ะครับ


เด็กน้อยเต็มสวนสัตว์ครับ

เจ้านี่ไม่รู้ตัวอะไร

ยีราฟบ้านเราเยอะกว่า

นกกระจอกเทศเหมือนบ้านเราจะไม่มี

พวกตุ๊กตาของฝากน่ารักมากก

มีสิ่งนี้แหละที่ผมว่าไม่มีที่ไหนสู้ญี่ปุ่นได้

เรือซันนี่ก้มี แต่ห่อทำไมก็ไม่รู้

พวกเราได้ไปเจอะเจอกับ หมีขาว, เพนกวิน, ม้า, ยีราฟ และสัตว์อื่น ๆ พอเป็นกระษัย เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณเที่ยง แล้วเราก็เดินทางกลับเข้าเมืองกันครับ พวกเราแวะไปกินโซบะนามกระเดื่อง ของเมืองนี้กันก่อนที่จะไปเอากระเป๋าที่โรงแรมเพื่อจะเดินทางไป Biei กันต่อ โซบะร้านนี้ สภาพร้านขลังมาก ๆ ให้ความเป็นญี่ปุ่นจ๋าสุด ๆ ส่วนที่เด็ดกว่านั้นคือเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด แม้แต่ตัวเลขยังเป็นตัวคันจิ ถ้าผมไม่มีม่ำกับเต้มาด้วยนี่ ชาตินี้ไม่รู้ผมจะสั่งอาหารที่ผมอยากกินได้รึเปล่า รสชาติอาหารอร่อยครับ สมกับเป็นโซบะที่ได้รับคะแนนโหวตสูงทีเดียว เจ้าของร้านก็น่ารักอัธยาศัยดี แถมเดาถูกด้วยว่า พวกเราเป็นคนไทย ไม่รู้มันมีจุดเด่นตรงไหนที่ทำให้เดาว่าเป็นคนไทยได้ ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ แต่ก็ลืมให้ม่ำกับเต้ถามคุณป้าเค้า (ฮา)

กลับไปที่ Asahigawa ใหม่ครับ คนเริ่มเยอะขึ้นมาหน่อย


อันนี้ร้านโซบะเป้าหมายของเรา อันดับ 1 ด้านโซบะจากเว็บ r.tabelog ณ เมือง Asahigawa 

บรรยากาศร้านก็บ้าน ๆ 

เบียร์สดใช้ของ Yebisu เพิ่งเคยเห็น และเคยกิน อร่อยมาก นุ่มละมุนละไม

น้ำจิ้ม

เทนซารุของผม จัดเต็มมาทั้งปริมาณ ความสวยงามและรสชาติ

ซารุโซบะของเพื่อนผม สังเกตว่าโซบะร้านนี้จะใช้เส้นขาว ๆ หน่อย คล้าย ๆ เส้นราเมน 

อะไรก็ไม่รู้ของสุ

เห็นแล้วอยากกลับไปกินอีกรอบจังเลยครับ

เต้เค้าชอบกะหรี่ครับ อันนี้ก็โซบะแกงกะหรี่อ่อน ๆ

รูปตกแต่งในร้านสวยดี

พอกินกันเสร็จ เราก็ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วก็เตรียมตัวเดินทางไป Biei กันต่อครับ ใช้เวลาไม่นานประมาณสัก ครึ่งชั่วโมง พวกเราก็เดินทางไปถึง Biei เมืองที่แสนจะเงียบสงบ และเล็กกะทัดรัด พอไปถึง Host ที่เราจะไปอาศัยบ้านเขาอยู่ก็ขับรถมารับพวกเรากันถึงที่ สถานีรถไฟ จากสถานีรถไฟไปถึงบ้านใช้เวลา 15 นาที พอไปถึง บ้าน host ผมก็ดีใจครับที่จะได้พักที่นี่ เพราะบรรยากาศและสภาพบ้านเป็นอะไรที่ชิลมาก ๆ มาเมืองบ้านนอกก็ต้องพักอะไรบ้านนอก ๆ แบบนี้นี่แหละ แม้ว่าบ้านของ host จะดูบ้านนอกแค่ไหน แต่ภายใน สะอาดเอี่ยม เป็นระเบียบเรียบร้อย ตามประสาคนญี่ปุ่นเค้าจริง ๆ ซึ่งผมบอกตรง ๆ ว่าการที่แค่เราทำโน่นทำนี่ให้สะอาดสะอ้านหน่อย แม้ว่าจะไม่ได้หรูหราหรือสวยงามอะไร บางครั้งมันก็เพียงพอแล้วสำหรับความประทับใจต่อที่พัก (ว่ามั้ยครับ?)


นั่งรถไฟมาลงที่ Biei ครับ เป็นสถานีรถไฟที่เล็กมาก เล็กที่สุดที่เคยเจอมาแล้วล่ะ

อันนี้บ้านหลักของ Homestay ที่กินข้าว

อันนี้บ้านของผม มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก ค่าพักคนละ 8000 yen รวมอาหารเช้า

ห้องน้ำ

สะอาดเอี่ยม นี่ขนาด homestay บ้านนอก ๆ ยังได้ขนาดนี้ ให้ตายเถอะโรบิ้นญี่ปุ่น

อันนี้ห้องนอน เป็นเสื่อทาทามิ

ชั้นวางรองเท้า มีรองเท้าให้ใส่เดินเล่นด้วย

เตรียมตัวไปปั่นจักรยาน อันนี้ทางเข้า homestay

จักรยานคุณป้าของผม (ถ้าได้เสือหมอบจะแหล่มมากเลยจริง ๆ แล้ว)
แผนในตอนบ่ายของเราจะเป็นการย้อนวัยเด็กครับ คือจะปั่นจักรยานเที่ยวชมเมืองและทุ่งหญ้า ของเมือง Biei แห่งนี้กัน หลังจากที่ม่ำและเต้คุยกับ Host และสอบถามเส้นทางที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับ พวกเรา วัยรุ่นตอนปลาย(มาก ๆ ) ก็ได้ course ระยะทางไปกลับประมาณ 15 กม.ครับ ซึ่งก็เป็นระยะทางที่พอไหวสำหรับพวกผม และได้ไป attraction หลายจุดก็เลยเลือก course นี้กัน พวกเราปั่นไปตามถนนลาดยางที่นาน ๆ ครั้งจะมีรถยนต์สวนมา และสองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นต้นข้าว พร้อมกับอากาศที่เย็นสบายและแดดที่ไม่ได้แรงมากนัก มันจะมีอะไรที่ perfect ไปกว่านี้อีกล่ะครับ กับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ปั่นไปได้สักพักพวกเราก็ไปถึงฟาร์มดอกไม้แห่งแรก ซึ่งก็คือฟาร์ม .. ผมอ่านไม่ออกอ่ะครับ T_T ฟาร์มแห่งนี้แม้ต้นไม้จะไม่เยอะเหมือนที่ Furano ซึ่งเป็น Highlight สำหรับการมาเที่ยวฤดูร้อนที่ฮอกไกโด แต่สำหรับผม ผมกลับชอบที่นี่มากกว่าที่ Furano เนื่องจากคนไม่ค่อยเยอะ แล้วก็ไม่มีอะไรที่เป็น commercial มากนัก (ไม่มีร้านรวงขายของสักเท่าไร, พวกคนต่างชาติแบบมาเป็นทัวร์ลงก็ไม่มี) แม้ว่าผมจะไม่ได้ซาบซึ้งอะไรกับดอกไม้มาก ผมยังชอบฟาร์มนี้เลยครับ ส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะอากาศที่แสนจะดี และก็ผู้คนที่มากันเป็นครอบครัว น่ารักดี หลังจากเสพความงดงามของดอกไม้นานาพันธุ์ในสวนนี้แล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสู่ เส้นทางที่เรียกได้ว่า ทรหดและวิบากสำหรับคนอายุอย่างผมกันต่อ (28 ปี) มันคือเส้นทางการปั่นจักรยานไปกลับประมาณ 10 กว่ากิโลนั่นเอง!

น้องหมาน่ารักของ host ครับ ขี้เล่นมาก ไม่รู้พันธุ์อะไรเหมือนกัน

อากาศสดใส อันนี้เป็นทุ่งนาของเมือง Biei เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา

แวะวัดแปบนึงครับ วัดก็สวยดีไม่มีคนเลย

ถึงฟาร์มแห่งแรกแล้ว ไม่รู้อ่านว่าอะไร เซบุยามะรึเปล่า

สวยครับ

งดงามครับ
พวกเราปั่นกันไปตามทางเรื่อย ๆ เจอเจดแรกที่แวะคือ ต้น Ken & Mary ครับ ต้นไม้นี้เป็นต้นสน ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดียวบนทุ่งหญ้า และเคยมีโฆษณาของ Nissan มั้งที่มีตัวเอกชื่อ Ken & Mary มาถ่ายทำที่นี่ จุดนี้ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไป พวกเราชักรูปกับเจ้าต้นไม้นี้กันนิดหน่อย แล้วก็มุ่งหน้าไปยังอีกหนึ่งจุดที่เคยใช้เป็นโฆษณาของ Mild Seven นั่นก็คือ เนิน Mild Seven นั่นเอง ที่นี่ก็ไม่มีอะไรเลย ก็แค่เป็นเนินทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เท่านั้น แต่บางครั้งการที่ไม่มีอะไรเลย นี่แหละครับที่มันทำให้สิ่ง ๆ นั้นมันสวยขึ้นมา ซึ่งผมอยากจะบอกว่าเจ้าทุ่งอันนี้ มันสวยจริง ๆ ครับพอได้ ไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น


อันนี้ที่ไทยเราก็มี แต่อากาศคงไม่ชิลเท่าที่ Biei - ฮอกไกโด

เมฆสวย ฟ้าสวย

ทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา น่าพาหมาหรือเด็ก  ๆ มาวิ่งเล่นครับ

อันนี้ต้นสน Ken & Marry ส่วนต้นข้างล่างนี่ไม่รู้อะไรเหมือนกันครับ


เจอน้องหมาอีกตัว อันนี้น่าจะเป็นพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ น่ารักดีอีกเช่นกัน ขนปุยเชียว

ถึงแล้วทุ่ง Mild Seven งดงามมากครับ อันนี้น่าจะเป็นทุ่งข้าวสาลี

สุดลูกหูลูกตาครับ ถ้าเอามาทำเบียร์ wheat นี่คงได้หลายถัง


แวะซุปเปอร์กันสักหน่อยตอนก่อนกลับ

เข้าซุปเปอร์ที่ญี่ปุ่นทีไรชอบทุกที มีของสด, อาหารแปลก ๆ เต็มไปหมด


หลังจากที่ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานกับทุ่งต้นข้าวที่สุดลูกหูลูกตาแห่งนี้ ดวงอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้า นกกาก็เริ่มโบยบิน เอ๊ย พวกเราก็เลยต้องรีบกลับครับ เพราะนัด Host ไว้ว่าจะกินข้าวเย็นกันตอนหนึ่งทุ่มตรง ตอนปั่นจักรยานขามาชิลและมีความสุขอย่างไร ขากลับ ผมก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้น ทำไมกับการแค่ได้ปั่นจักรยานที่ 2 ข้างทางไม่มีอะไรนอกจากทุ่งหญ้า และต้นข้าวมันจะทำให้ผมรู้สึกสบายใจได้ขนาดนี้เนี่ย นี่เป็นความคิดของชายหนุ่มอายุ 28 ปีจริงเหรอ? หรือว่าผม..แก่แล้ว T_T

พวกเราแวะซุปเปอร์กันก่อนกลับ เนื่องจากคืนนี้กะว่าจะจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ กันสักหน่อย ไหน ๆ สถานที่ก็เอื้ออำนวยกันขนาดนี้ ผมเป็นคนที่ชอบเข้า Supermarket ต่างประเทศมาก ๆ เพราะว่าจะได้ เจอของอะไรที่เมืองไทยไม่มีขาย ไม่ว่าจะเข้าของประเทศไหน ส่วนใหญ่ผมก็จะชอบเดินเล่น ดูโน่นดูนี่ ให้ทั่วไปหมดเสมอ ซึ่งซุปเปอร์เล็ก ๆ ณ เมือง Biei แห่งนี้ก็ไม่ต่างกันครับ หลังจากเดินจนทั่วก็สามารถ สรุปได้ว่า อาหารสดของที่ญี่ปุ่น ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ และก็พวกเหล้า, ไวน์ นี่ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่พวกผมก็เลยซื้อของกันมาค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเจ้าพวกเครื่องดื่มมึนเมา จัดกันมา หลายขนานกันเลยทีเดียวล่ะครับ ^_^

พอดีจะปิดแล้ว ซาซิมิก็เลยลดราคา สติ๊กเกอร์แปะว่าลดครึ่งราคาครับ

เนื้อทำชาบู สุกี้ ก็มี แต่พอดีไม่มีหม้อ แต่เนื้อลายส๊วยสวย

ซูชิดันไม่ลดราคาซะงั้น

นมสดมีให้เลือกเยอะมาก แต่ละขวดน่าจะอร่อยหมด (ผมซื้อไปขวดเดียว)

สาเก สาโท ก็มีแบบจัดเต็ม

ไวน์ที่ญี่ปุ่นถูกมาก เพราะไม่โดนภาษี 300% แบบบ้านเรา กินวันละแก้ว ช่วยเรื่องโรคหัวใจกันได้เพลินเลยทีเดียว

ไวน์ของ Furano เค้าว่าดัง (เมืองที่จะไปต่อไป) เลยซื้อมาขวดนึง เนื่องจากไม่แพง

บรั่นดีก็มีเยอะ

ไปถึงเจออาหารเย็นสไตล์ญี่ปุ่นวางแหมะรออยู่ เห็นหน้าตาแล้วแอบผิดหวัง แต่พอได้กินแล้วได้แต่อุทานว่า Holy Shit! อร่อยชิหายเลย

มีแขกท่านอื่นมาพักด้วย

สุดยอดข้าวสวยใน 3 โลกล่ะครับ

อันนี้เป็น Attraction (อ่านว่า ต้นไม้ ต่าง ๆ) ของเมือง Biei ผมไปไม่หมด ถ้าจะไปหมดแบบปั่นจักรยานสงสัยต้องใช้เวลาสัก 3-4 วัน
พวกเราไปถึงที่ Host ช้ากว่ากำหนดการครึ่งชั่วโมง โชคดีที่ Host ไม่ได้ใจร้ายขนาดยกเอาอาหาร ไปเก็บ (หรือเพราะเห็นว่าเป็นคนต่างชาติ ไม่ตรงเวลาหรอกหน้าอย่างมึงอ่ะ ชิ) อาหารมื้อเย็นนี้เป็นอาหารสไตล์ญี่ปุ่นจ๋ามาก ๆ เกิดมาผมก็เคยเห็นแต่ใน Series ญี่ปุ่น ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มากินเองจนได้ คืออาหารจะเป็นข้าว แล้วก็มีเนื้อจานนึง (มื้อนี้เป็นเนื้อไก่ชุบแป้งทอด) แล้วก็มีพวกผัก ๆ เป็นเครื่องเคียงอีกอย่าละนิดอย่างละหน่อย บอกตรง ๆ ว่าเห็นหน้าตาตอนแรกแล้ว .. ผมไม่มีความรู้สึกอยากกินเลยครับ (เพราะมันไม่ค่อยมีเนื้อ T_T) แต่พอได้กินไปทีละอย่าง สองอย่าง จนครบปรากฎว่า อาหารมื้อนี้อร่อยมากครับ เหมือนทุกอย่างจะใช้วัตถุดิบที่สดมาก ๆ โดยเฉพาะพวกผัก คือแบบสดจน กินแล้วรับรู้ได้เลยอ่ะครับ (ผมกินผักที่ไทยไม่เคยรู้สึกแบบนี้) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวสวย อร่อยจนผมตักข้าวสวยมากินเองเปล่า ๆ มีน้ำจากสลัดราดเล็กน้อย 2 ถ้วยเต็ม ๆ อ่ะครับ ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมข้าวญี่ปุ่นของแท้มันถึงแพงนัก ทำไมชาวนาวที่ละแวกสนามบินนาริตะถึงไม่โดนไล่ที่และรัฐบาล ต้องเกรงใจชาวนา ขนาดที่ห้ามเครื่องบินบินตอนกลางคืน เพราะมันอร่อยขนาดนี้นี่เอง!

ผมขอเติมสลัด, มะเขือเทศ และตักข้าวเติมเองไป 2 ถ้วยจนอิ่มแปล้ และลืมไปว่า นี่กูซื้อปลาดิบมา แพ็คใหญ่ ๆ เลยนี่หว่า แต่พอไปนั่งดื่มเบียร์ ดื่มไวน์กับเพื่อน ความอยากอาหารก็กลับมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ และเซลล์(โดยเฉพาะที่ขา) เรียกร้องขอพลังงานที่ สูญเสียไปจากการปั่นจักรยานเมื่อตอนบ่าย ทำให้ปลาดิบแพ็คใหญ่ 2 แพ็คที่ซื้อมา และเครื่องดื่ม แอลกอฮอลล์ทั้งหลายแหล่ หมดลงอย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อนนอน พวกเราไปจุดดอกไม้ไฟจิ๋วกัน พอเป็นพิธีเพื่อให้เข้ากับหน้าร้อนของทางญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอะไรที่ชิลดีไปอีกแบบครับ

ติดตามอ่านตอนต่อไป (วันที่ 7) ได้ที่ลิงค์นี้ครับ


Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com Series

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Introduction
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 1
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 2
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 3
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 4
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 5
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 6
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 7
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 8
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 9
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 10
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 11
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 12


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...