Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 12
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของผมที่จะได้อยุ่บนผืนแผ่นดินอันร้อนระอุของชาวอาทิตย์อุทัยแห่งนี้แล้ว ซึ่งก็เหมือนว่าเทวดาจะกลั่นแกล้งผมนะครับ เพราะผมมีเหตุให้ต้องไปเดินฝ่าแดดอันแสนจะแผดเผาที่ชินจูกุเป็นเวลานานทีเดียว (เพื่อนผมหลายคนบอกว่าหน้าร้อนญี่ปุ่นร้อนกว่าไทย ผมเชื่อแบบจริงจังก็วันนี้นี่แหละครับ) หลังจากที่เมื่อคืนพวกผมจัดหนักกันยันเช้า วันนี้ก็เลยตื่นกันสายเล็กน้อยตื่นกัน 11 โมง พอตื่นปุ๊บก็ต้องรีบ อาบน้ำแต่งตัวกันไปข้างนอกเพราะวันนี้มีโปรแกรมจะไปลัลล้าที่ชายหาด โชนัน ครับ
ตามที่เกริ่นไปว่าผมไปโดนแดดที่ชินจูกุเผามาได้อย่างไร ก็เพราะว่า เช่นเคยครับ การจะเดินทางไปนอกเมืองที่อยู่ฝั่งตะวันตกของโตเกียว เราต้องเริ่มเดินทางจากที่ชินจูกุก่อนอยู่แล้ว และพอดี น้องสุ เพื่อนร่วมทริปผม อยากจะกินเบอร์เกอร์เจ้าโปรดของคุณเธอขึ้นมา นามว่า Freshness Burger แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ก็เลยเป็นที่มาของการเดินฝ่าแดดอันร้อนระอุของผมนั่นเอง พวกเราเดินตากแดดหาร้านเบอร์เกอร์แห่งนี้เป็นเวลา 20 นาทีก็เจอ แต่เจ้ากรรม ร้านนี้ขายดีมาก ที่นั่งในร้าน (อ่านว่า ที่นั่งเปิดแอร์เย็น ๆ ในร้าน) ไม่มี พวกผมก็เลยต้องมานั่งโต๊ะหน้าร้าน ซึ่งมีแค่ที่บังแดด แต่ไอแดดยังคงแผ่งรังสีมาถึงผมได้ประหนึ่งว่าผมนั่งอยู่กลางแดดก็ไม่ปาน
โชคดีที่เบอร์เกอร์ของเจ้านี้มันอร่อยจริง ๆ สมชื่อของทางร้าน คือเหมือนเบอร์เกอร์ทุกอันจะทำกันสด ๆ เลยจริงเป็นที่มาของคำว่า Freshness Burger และแน่นอนว่า ของอะไรที่ทำสด ๆ ยากนักที่มันจะไม่อร่อยยกเว้นว่าฝีมือคนทำจะกากเกินเยียวยา เบอร์เกอร์ในมื้อนี้ 3 ก้อน อร่อยเยี่ยมกู๊ดหมดครับ ชอบมาก (คือผมแอบกินของคนอื่นหมดครับ) หลังจากที่อิ่มหนำสบายท้องกันแล้วพวกเราก็มุ่งหน้าไปที่โชนันกันต่อเลยในบันดล
|
แดดแรง ๆ ก็มีข้อดีคือรูปสวย คม ครับ |
|
อาศัยเงาตึกบังแดด ตระเวณหาร้าน |
|
อ๊ะเจอแล้ว Freshness Burger @ Shinjuku วางเมนูแผ่นใหญ่ไว้หน้าร้านกันเลยทีเดียว |
|
ต่อคิวสั่งอาหาร |
|
ของเค้าสดสมชื่อจริง ๆ ครับ |
|
แดดแรง รูปก็สวยคม เป็นเรื่องธรรมดาครับ นี่คือท้องถนนชินจูกุ ยามเที่ยงตรง โอ๊ย จะร้อนไปไหน |
|
Hot Dog น่ากิ๊น น่ากิน รสชาติอร่อยตามหน้าตาที่ดูดี |
|
อร่อยยิ่งขึ้นเมื่อราดมายองเนส และซอสมะเขือเทศ |
|
หัวหอมทอด อันนี้แอบธรรมดา |
|
สงสัย Heinz จะจ่ายค่าโฆษณา |
|
เนื้อฉ่ำ ๆ ชีสเยิ้ม ๆ แป้งนุ่ม ๆ ผักสด ๆ รวมกันกลายเป็นเบอร์เกอร์แห่งความสด โอ้วว้าว holy cow! |
|
เนื้อชิ้นหนา ๆ แต่นุ่มนั้นมันอร่อยเกินห้ามใจ |
|
อันนี้เบอร์เกอร์เนื้ออโวคาโด |
|
ก็อร่อยดีเช่นกันครับ |
โชนัน นี่เป็นย่านที่กว่าผมจะมาได้ยินชื่อก็เพิ่งจะช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี่เอง ตอนที่ได้ยินคำแรกคือ Shonan Cafe ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นตรงสุขุมวิท 24 ส่วนที่ได้ยินบ่อย ๆ ครั้งที่ 2 ก็เป็นการ์ตูนเรื่อง GTO ภาคใหม่ Shonan 14 Days นี่แหละครับ ที่ทำให้รู้จักเมืองนี้ดีขึ้น Shonan หรือโชนัน เป็นชื่อบริเวณหนึ่งของหาด Sagami (ไม่ใช่ Original นะครับ อันนั้นถุงยาง -*-) อยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 50 กม. การเดินทางก็นั่งรถไฟมาที่สถานีไหนไม่รู้จำไม่ได้แล้วก็ต่อรถไฟฟ้ามาอีกต่อนึงก็จะถึงชายหาดโชนันนี่แล้วล่ะครับ ชายหาดโชนันนี่ค่อนข้างต่างจากชายหาดที่ผมเคยไปมาในประเทศไทย ไม่สิ เพิ่งจะเคยเจอชายหาดแบบนี้ต่างหาก คือทรายที่นี่จะไม่ใช่ทรายแบบทรายสีน้ำตาล ๆ บ้านเราแต่จะเป็นทรายจากภูเขาไฟเลยจะสีออกดำ ๆ หน่อย ตอนแรกผมเห็นก็รู้สึกไม่ค่อยอยากลงไปเหยียบหรอกครับ แต่พอได้เหยียบแล้วก็ เออนะ มันก็นุ่มสบายตีนดีเหมือนกัน
อีกอย่างนึงที่ต่างกันคือ สาว ๆ และหนุ่ม ๆ ที่นี่จะแต่งตัวกันแบบมาว่ายน้ำจริง ๆ เลย คือบิกินี่ , two pieces นี่มากันแบบจัดเต็มจริง ๆ ครับ ผมก็ดูหนัง, อ่านการ์ตูนมาเยอะ เพิ่งจะมาได้เห็นเต็มสองเบ้าตาตัวเองก็วันนี้นี่แหละครับ และสาว ๆ หนุ่ม ๆ แต่ละคนที่มานี่หุ่นดี ๆ กันทั้งนั้น เพื่อนผมบอกว่า ส่วนใหญ่ พวกนี้จะฟิตหุ่นกันเพื่อหน้าร้อนนี่โดยเฉพาะกันเลย อีกสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปคื เครื่องดื่ม เราจะต้องบริการตัวเอง ไม่มีแบบไปนั่งเตียงผ้าใบแล้วมีคนมารับออเดอร์จัดเครื่องดื่มให้เราครับ ก็ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ ซุ้มเครื่องดื่มก็มีกระจายตัวอยู่เต็มไปหมดบนชายหาด สนนราคาก็ค่อนข้างแพงซัก(ไม่)หน่อย คือขวด/กระป๋องละ 400 - 500 yen โดยประมาณ (ยังกะราคาที่ club) และก็ยังมีอีกสิ่งนึงที่ต่างคือ พวกอุปกรณ์ในการนั่งเช่น ร่มผ้าใบ, เสื่อ, เก้าอี้ อะไรพวกนี้เราต้องเอามาเอง ไม่มีการไปยึดครองเป็นกรรมสิทธิ์โดยคน ๆ นึงหรือกลุ่ม ๆ นึงเหมือนกับที่ไทย ซึ่งก็มีทั้งข้อดีข้อเสียคนละแบบครับสำหรับเรื่องนี้
สิ่งที่ต่างอีกอย่างนึง (มึงจะต่างสักกี่อย่าง?) คือ ผมเห็นพวกวัยรุ่นที่น่าจะเมา, เฮฮา, สนุกสนานกันขนาดไหน พอตอนพวกเค้าจะกลับ ก็จะเก็บขยะที่พวกเค้าสร้างขึ้นไปอย่างหมดจด เรียกได้ว่ามีจรรยาบรรณความรับผิดชอบสูงส่งมาก สิ่งที่ต่างอีกอย่างนึง (ยังไม่หมดอีกเหรอวะ?) คือ ชายหาดที่นี่เค้าจะให้เล่นได้ถึงแค่ประมาณ 5 โมงเท่านั้นครับ และฝนตกก็ห้ามเล่น บนชายหาดจะมี coast guard (หุ่นล่ำมากแต่ละคน) คอยดูแลตามจุดต่าง ๆ อยู่ ก็ดูเป็นอะไรที่เป็นมาตรฐานดีครับ ข้อแตกต่างระหว่างชายหาดเค้ากับชายหาดเรา ก็คงหมดแล้วล่ะมั้งครับ ถ้าถามผมว่าผมชอบของใครมากกว่า ของญี่ปุ่นเฉือนชนะไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ เหตุผลเพราะ? ต้องถามด้วยเหรอครับ ก็เพราะสาวนุ่งบิกินี่ยังไงเล่า!
พวกเราเล่นน้ำกันบ้าง นั่งทอดน่องกินเบียร์, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันบ้าง แปบ ๆ เวลาก็ล่วงเลยไปจนทางยามชายฝั่งประกาศปิดหาดแล้ว (ประมาณ 5 โมง) ก็ถือได้ว่าเป็นบ่ายวันสุดท้ายที่ดีสำหรับผมเลยทีเดียวเพราะได้มาชิลบนชายหาดลมเย็น ๆ พร้อมวิวดี ๆ ของสาวญี่ปุ่นนุ่งน้อยห่มน้อยที่ละลานตาไปหมด เฮ้อ ไว้มีโอกาสจะมาเรื่อย ๆ เด้อครับเด้อ (ปล. รูปซูมสาว ๆ ไม่ขอลงครับ เดี๋ยวติดเรท ฮ่า ๆ)
|
คนเต็มหาด แต่แบบนี้คือไม่เบียดนะครับ เพื่อนผมบอกวันไหนเบียด ๆ นี่แทบจะไหล่ชนกันเลย |
|
ชายหาดที่ไม่ค่อยสวย เพราะเป็น volcanic sand แต่ก็นุ่มสบายเท้าดีครับ |
|
เบา ๆ พอครับสำหรับบ่ายนี้ เมื่อวานหนักพอแล้ว (จริง ๆ (แม่ง) แพง ซื้อไม่ลงครับ ฮ่า ๆ ) |
|
เหน็ดเหนื่อยพอประมาณ นั่ง monorail กลับกัน |
เดินทางไปประมาณชั่วโมงนิด ๆ ก็ต้องใช้เวลากลับประมาณเดียวกันใช่มั้ยครับ มื้อเย็นที่ผมกำลังจะกิน จะเป็นมื้อสุดท้ายในทริปนี้แล้ว ผมก็เลย request เพื่อน ๆ ว่าขออะไรที่เป็นบุฟเฟ่ต์! เป็นเนื้อ ๆ ! แล้วมันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะครับ นอกซะจากบุฟเฟ่ต์เนื้อย่าง! พวกเราหาร้านกันไม่นานและไปลงเอยกันที่ร้าน Gyu-Kaku ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ที่พักเราตรง Oomachi นี่เอง ร้านนี้ก็เหมือนกับร้านบุฟเฟ่ต์เจงกีสข่านที่เราเคยกินที่ซับโปโรมา คือจะมีหลาย package ให้เลือก (จริง ๆ ก็แค่ 2 package ครับ) ดูเหมือนญี่ปุ่นจะนิยมแบบนี้ ที่ไทยมีร้านที่มีแบบนี้ที่ผมนึกออกก็มีแค่ elite grill bar ร้านเดียว โดยพวกเรา (อีกแล้ว) เลือก packge ราคาประหยัด 2,980 yen ซึ่งเหมือนจะต่างจากแบบแพงกว่า 3480 yen แค่ไม่มีเนื้อ premium ๆ ไม่กี่อย่างเท่านั้น (ซึ่งนั่นแหละที่ผมอยากกิน แต่ผมก็ต้องตามเสียงส่วนมากครับ T_T) (ร้าน Gyu Kaku นี่ตอนนี้มาเปิดที่เมืองไทยแล้วนะครับ แต่ไม่มีเมนูบุฟเฟ่ต์มีแต่ a la carte ราคาก็พอ ๆ กับที่ญี่ปุ่น (คือแพงสำหรับคนไทย) แต่เหมือนจะขายดีเพราะมี 2 สาขาแล้ว ที่ถนนธนิยะ กับที่ Somerset ทองหล่อ)
เนื้อในรายการมีให้เลือกไม่ค่อยเยอะ แต่อะไร ๆ ที่ผมชอบมีหมด ไม่ว่าจะลิ้นวัว, เนื้อคาลบี้, เนื้อติดมัน, เครื่องใน และ .... อ่านไม่ออกครับรู้แต่ว่ามันคือเนื้อ ๆ ๆ ๆ เตาของร้าน Gyu-Kaku @ Oomachi , Tokyo แห่งนี้ใช้เตาแบบที่ไม่ค่อยมีในไทยเท่าไรนัก เป็นเตาแบบตั้งขึ้นมาบนโต๊ะ (เห็นร้านที่มีในไทยก็ร้าน Stamina-en ตรงทองหล่อ) ซึ่งเตาแบบนี้ผมอยากจะบอกว่ามันร้อนชะงัดดีแท้ล่ะครับ มื้อนี้เป็นมื้อปิดท้ายที่มีความสุขมากครับเนื่องจาก เนื้อแต่ละอย่างอร่อยมากกกก อร่อยประมาณแบบเอาไปขายเป็น a la carte บ้านเราจานละ 400 - 500 บาทได้อย่างไม่กระดากอายเลย และพนักงานก็บริการดี (และน่ารัก) อีกด้วย ดูแลเอาใจใส่สุด ๆ ชอบมากครับมื้อนี้ รู้สึกร้านนี้จะมีสาขาอยู่เยอะ (600 สาขาหรือไรเนี่ยแหละ) ใครไปญี่ปุ่นแล้วเดินผ่านก็ลองแวะชิมกันดูได้นะครับ
|
เห็นป้ายแบบนี้ไม่ต้องคิดมากครับ เดินเข้าไปเลย อร่อยทุกอย่าง เอ๊ย อร่อยแน่นอน |
|
มีแบบบาร์ด้วย เมืองไทยมีร้านเนื้อย่างไหนมีแบบบาร์แบบนี้มั้งหว่า |
|
พร้อมลุยครับ |
|
เห็นตัวอักษรญี่ปุ่นสีขาวตัวใหญ่ ๆ ด้านบนป่ะครับ คำนั้นแปลว่ากินได้ไม่ยั้ง! (อ่านว่า ทา เบ โฮ ได) ใครชอบอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์เจอ คำนี้ ขอให้ตรงรี่เข้าไปเลยครับ |
|
เตาแบบตั้งโต๊ะ ชอบมาก ไฟแรงดี |
|
ลิ้นวัววววววววจ๋าาาาาาาาาาาาาา |
|
อันนี้ไม่แน่ใจครับว่าคืออะไร |
|
แทบจะปิ้งกันแทบไม่ทัน อร่อยมาก โฮก ๆ |
|
ปิดท้ายเบียร์สดในทริปนี้ด้วย Suntory - The Premium Malts 2 แก้วใหญ่ครับ (เบ็ดเสร็จกลับไปน้ำหนักขึ้น 2 กิโล T_T) |
|
เครื่องดูดควันทำงานดีมากครับ |
|
ข้าวเค้าก็ไม่ธรรมดา ใส่สาหร่ายมาด้วย |
|
ถั่วงอกหัวโตแบบเกาหลี |
|
ไม่รู้เหมือนกันครับว่าคืออะไร |
|
น่าจะฮารามินะครับอันนี้ อร่อยหมดล่ะครับไม่ต้องสนใจ |
|
ไอ้เจ้านี่แหละครับ สั่งไปประมาณ 10 จานได้ อร่อยสุดแล้น |
|
ลิ้นวัวก็สั่งเยอะไม่แพ้กัน |
|
เอ๊ะ มีกุ้งด้วยเหรอนี่ |
|
สั่งเยอะจริง ๆ ครับเจ้าคาลบี้เนี่ย |
|
มีไอศครีมด้วย |
|
ปิดท้ายด้วยรูป Abstract รูปนี้ละกันครับ |
สรุป Trip ตะลุยญี่ปุ่นของผมคราวนี้ก็จบลงอย่างบริบูรณ์ ณ ตรงนี้แล้วล่ะครับ 12 วันที่ญี่ปุ่นของผม เป็นอะไรที่ผมมีความสุขมาก แม้ว่าจะเหนื่อย ร้อน อ้วน กรึ่ม (2 อย่างหลังนี่เกี่ยวอะไรใช่มั้ยครับ?) แต่ก็แลกมาด้วยอาหารอันแสนจะโอชะ วิวทิวทัศน์อันงดงาม และประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้ในเมืองไทย หลังจากจบทริปนี้ ผมก็ได้ตั้งปณิธานไว้กับตัวเองว่า ปีนี้จะขอไปตระเวณกินที่ญี่ปุ่นสัก 2 ครั้ง ซึ่งครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไร? ไม่ต้องห่วงครับ รอดูได้ในเว็บ BumRes.com แห่งนี้ได้เลยครับ
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com Series
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Introduction
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 1
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 2
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 3
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 4
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 5
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 6
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 7
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 8
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 9
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 10
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 11
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 12
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment