BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Tuesday, June 5, 2012

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 7

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 7




ผมตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อยจากปาร์ตี้เมื่อวาน แต่พอเดินออกไปข้างนอกบ้าน ได้พบกับอากาศเย็น ๆ สดชื่นบริสุทธิ์ตามสไตล์บ้านนอก ๆ ออกไปเดินยืดเส้นยืดสายอยู่แป๊บนึง host ก็มาตามพวกผมไปกินอาหารเช้ากัน อาหารเช้ามื้อนี้ดูน่ากินกว่ามื้อตอนเย็นอีกครับ เป็นปลาแซลมอนทอด กับไข่ดาวแล้วก็สลัด และก็แน่นอน กับข้าวญี่ปุ่นแสนอร่อย ข้าวเมื่อวานอร่อยยังไง วันนี้ก็ยังอร่อยอยู่แบบนั้น ครับผมซัดไป 2 ถ้วยอีกแล้ว ชอบจริง ๆ ให้ตาย พอกินเสร็จก็ไปเก็บข้าวของและก็ไปจ่ายเงินค่าที่พักครับ ค่าเสียหายออกมาที่คนละ 8000 เยน ผมก็ว่าราคากำลังดีครับเพราะอาหาร 2 มื้อก็ตีไปมื้อละ 1,500 เยนเข้าไปแล้ว (จากคุณภาพที่ได้รับ) ค่าที่พักก็เหลือคนละ 5000 เยน ราคาก็พอ ๆ กับ business hotel ที่ผมนอน ๆ มา





บรรยากาศชิล ๆ ยามเช้า ณ Biei - Hokkaido



อาหารเช้าหน้าตาน่ากินมาก และอร่อยเยี่ยมเหมือนมื้อเย็นเมื่อวานเช่นเคย

เจ้าเมล่อนซีกนี้ก็อร่อยสด สุดยอดเช่นกัน รู้สึกที่ Otaru จะขายอยู่ 200 yen

นมสดก็จัดเต็มไปเลยขวดใหญ่ คนวัยกำลังจะโตก็ต้องกินนมเยอะ ๆ ใช่มั้ยครับ (ถุ้ย)

ได้เวลาบอกลา Host อันแสนจะน่ารัก

คนละ 8000 yen โดยประมาณ ค่าที่พัก



Host ขับรถพาพวกเราไปส่งที่สถานีรถไฟอันสุดแสนจะเล็กน่ารัก แล้วพวกเราก็นั่งรถไฟหวานเย็น (หวานเย็นจริง ๆ ) ไปที่ Furano กันต่อ หลายคนที่มาเที่ยวที่ฮอกไกโดตอนหน้าร้อน จุดมุ่งหมายก็คงเป็นที่ Furano กันเพราะที่นี่มีฟาร์มดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมาก พวกผมนั่งลงผิดป้ายไปป้ายนึงเนื่องจาก พอเข้าช่วงเทศกาลดอกไม้ ทาง JR จะเปิดป้ายเพิ่มอีกป้าย ซึ่งจะอยู่ใกล้กับฟาร์ม Tobiko (ฟาร์มดอกไม้เป้าหมายของพวกผม)มาก ๆ พวกผมไม่รู้ ก็เลยต้องเสียค่าโง่นั่ง taxi ย้อนกลับไปที่ฟาร์มกัน








สถานีรถไฟ Biei ยังไงก็ยังคงเป็นสถานีที่ Classic ในใจผม




รถไฟหวานเย็นมาแล้ว


หวานเย็นขนาดมีโต๊ะให้ กะให้นั่งจ้วงอาหารกันบนรถไฟเลยหรือไร

ถึงแล้ว ฟาร์มโทบิโกะ @ Furano

ขนมปังเมล่อน อร่อยเยี่ยมครับ

แผนที่ฟาร์ม Tobiko จัดได้ว่าใหญ่

สุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว

แต่เริ่มเอียน ๆ จากเมื่อวานล่ะครับ

ไอศครีมลาแวนเดอร์ ราคาถูกดี

อันนี้มีดอกฝิ่นด้วย


ดอกลาแวนเดอร์ซื้อกลับบ้านไปดมและเชยชม
สิ่งแรกที่เจอเลยก็คือ ฝูงชน ครับ ทัวร์มาลงกันเยอะมาก ๆ คนเดินกันให้ว่อนสุด ๆ ดอกไม้ของที่นี่เมื่อเทียบกับที่ Biei ก็มีให้ดูเยอะกว่านะครับ แต่ก็ไม่ได้เยอะแบบ Significant อะไรมาก จากที่เมื่อวานผมเพิ่งเจออะไรพวกนี้มา วันนี้ก็เลยเฉย ๆ ไม่ได้อะไรมาก ตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไม ฟาร์มนี้ถึงไม่เก็บเงินค่าเข้า แล้วจะเอาตังค์ที่ไหนไปบำรุงรักษา แล้วก็ถึงบางอ้อครับเมื่อเห็น แทบจะทุกคน (รวมถึงเต้กลุ่มผมด้วย) ซื้อไอติมลาเวนเดอร์โคนละ 300 เยนกินกัน และก็มีของฝ่งของฝากกันคนละ ถุงสองถุง ก็เป็นหลักการตลาดที่เจ๋งไปอีกแบบนะครับ พวกผมใช้เวลาอยู่ที่ฟาร์มร่วม ๆ 3 ชั่วโมง ได้เจอ ดอกลาเวนเดอร์หลากหลายสี, ได้เห็นต้นฝิ่นและดอกฝิ่นในระยะประชิด และก็ได้่ถายรูปกับดอกไม้มากมาย ก่อนที่จะยอมแพ้ความแรงของแดด (แม้อากาศจะเย็น) และไปหาข้าวกินกันดีกว่า


ไอศครีมไม่ได้มีแค่รสเดียว







จากเวลาที่ไม่ค่อยลงตัวและรอบรถไฟที่น้อยเหลือเกินเลยทำให้พวกเราตกรถไฟกัน (รู้สึกมาฟาร์มนี่ เค้าจะไม่ค่อยมีคนนั่งรถไฟมาครับ ส่วนใหญ๋จะเป็นรถทัวร์ ไม่ก็รถส่วนตัว) จากที่ผ่านมาผมไม่เคยตกรถไฟมาก่อน แน่นอนครับ การตกรถไฟนั้นมีผลพลอยได้เป็น ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายมากขึ้นจากค่ารถ Taxi พวกเราเรียก Taxi จากจุดเรียก taxi ของฟาร์มและบอกให้คนขับ ไปส่งเราที่สถานีรถไฟ JR ของ Furano ระยะทางการเดินทางเป็นเท่าไร ผมก็ไม่ทราบได้ ผมจำได้แค่ว่าค่า taxi ประมาณ 3,500 yen (เท่านั้นเอง?) แต่ค่า taxi ที่แพงหูฉี่ที่จ่ายไป ก็แลกมากับมัคคุเทศก์ในแบบฉบับจำเป็นและสารถีในตัวเอง เพราะอาเฮียคนขับคนนี้ จ้อตลอดทางไม่หยุด เสียดายที่จ้อเป็นภาษาญี่ปุ่นผมเลยฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ให้เต้แปล ๆ ให้ฟังบ้าง สรุปคือ อาเฮียแก พูดแนะนำที่เที่ยวโน่นนี่ในเมือง Furano ให้นี่แหละครับ

พวกเราเห็นอาเฮียคนขับแกจ้อมากก็เลยถามถึงร้านแกงกะหรี่แนะนำ เนื่องจากที่ Furano นี่ข้าวแกงกะหรี่โด่งดังมาก และมีอยู่เยอะมาก กระจายตัวอยู่เต็มเมือง จนที่สถานี JR มีแผนที่เมืองที่ชี้จุดเฉพาะร้านแกงกะหรี่อยู่ด้วยแผ่นนึง (ผมแอบหยิบมาด้วย) อาเฮียแกก็เลยจัดให้พวกเราร้านนึง เป็นร้านที่อยู่นอกพิกัดของหนังสือไกด์ และเว็บแนะนำอาหารทุกเว็บที่เราหากันมาก พวกเราไปถึงร้านตอนเกือบ ๆ บ่าย 2 แต่สมกับเป็นร้าน ที่อาเฮียเค้าแนะนำครับ ยังมีคนต่อคิวกันค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย พวกเรารอคิวกันอยู่ประมาณ 20-30 นาทีแล้วก็ได้เข้าไปกินครับ ร้านนี้ดูเหมือนจะเป็นร้านที่เจ้าของจะเป็นวัยรุ่น ๆ หน่อย ตกแต่งร้านได้แนวมาก ๆ แล้วก็ดูเป็นคนคลั่ง snowboard (เหมือนม่ำเพื่อนผม) ข้าวแกงกะหรี่ของที่นี่อร่อยและมีเอกลักษณ์จริง ๆ ครับ น้ำแกงกะหรี่หอม ไข่มีชีสผสมมาด้วย แล้วก็ดูทุกอย่างทำเอง Homemade หมดเลย (ไม่ใช่อุ่นร้อนจากในถุงเหมือนร้านแกงกะหรี่บ้านเรา) อร่อยสะใจ ต้องขอบคุณอาเฮีย Taxi จริง ๆ ครับ

จะผิดมั้ยถ้าผมอ่านไม่ออก

คนรอคิวกันยาวทีเดียว ร้านแกงกะหรี่ร้านนี้

พนักงานในร้านเหมือนจะเป็นหุ้นส่วนกันหมด เวลามาเติมน้ำแกงกะหรี่ต้องพูดประโยคอะไรไม่รู้ของทางร้านด้วยครับ ไม่งั้นไม่ได้เติม

คนเต็มร้านจนเราต้องมานั่งชั้น 2

มาแล้วข้างแกงกะหรี่ขั้นเทพ

อร่อยจนไม่รู้จะว่ายังไงดี

เสียดายกินได้แค่ชามเดียว

เพราะว่าผมต้องกินของเต้ กับสุ ด้วย (กลายเป็น 2 จาน)

อร่อยขนาดนี้ไม่เกลี้ยงได้อย่างไร

หลังจากกินกันอิ่ม พวกเราก็เดินไปรถรไฟที่สถานี Furano ครับ เนื่องจากรถไฟยังอีกนานกว่าจะมา พวกเราก็เลยไปเดินเล่นในเมืองกัน เมือง Furano นี่นอกจากจะดังเรื่องทุ่งดอกไม้, แกงกะหรี่แล้ว ตอนหน้าหนาวที่นี่ยังเป็นที่เล่นสกีแหล่งใหญ๋อีกแหล่งนึงด้วยครับ เนื่องจากมีภูเขาหลายลูก และอากาศเย็นสะใจครับ เดินเล่นไปมา ถ่ายรูปสถาปัตยกรรมที่พอจะมีบ้างในเมือง แล้วเราก็ไปขึ้นรถไฟ เพื่อนั่งกลับไปยัง Sapporo ต่อ

รถไฟเข้าเทียบที่ Sapporo ตอนเวลาประมาณ 6 โมง โรงแรมที่เราจองอยู่ในย่าน Susukino ย่าน shopping และท่องเที่ยวประจำเมือง ซึ่งคนที่จองห้องตอนแรกคิดว่าอยู่ใกล้สถานี JR แต่เอาเข้าจริง ๆ นั้นอยู่ไกลมาก ๆ พวกเราเลยต้องนั่ง Taxi กันไป พอเอาข้าวของเก็บที่ห้องเสร็จแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปยัง Kirin Beer Garden เพื่อกินเนื้อเจงกีสข่ายกันครับ ตั้งแต่ที่ผมมาอยู่ญี่ปุ่นได้ร่วม ๆ 20 วันแล้ว นี่เป็นอาหารมื้อแรกที่ผมจะได้กินแบบบุฟเฟ่ต์!






นี่ครับ ลายแทงร้านแกงกะหรี่ในเมือง Furano ที่บอก คงเป็นของขึ้นชื่อจริงอะไรจริง


อันนี้ไม่ใช่รถไฟพวกผมครับ รถไฟโบราณ ๆ น่าจะวิ่ง local ในเมือง

ที่ซัปโปโรมีเทศกาลปูพอดี (แต่อ่านไม่ออก)

รถไฟไม่ค่อยมีคน นั่งสบาย



ไปถึงที่ร้าน คนค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรเนื่องจากร้านมีขนาดใหญ่มาก พวกเราไปเลือก package กับพนักงานเรียบร้อย แล้วก็ขึ้นไปที่โต๊ะ package ของที่นี่ มีค่อนข้างหลกหลายครับ ไล่ตั้งแต่ 2000 เยนยาวไปจนถึง 5000 กว่าเยน โดยชุดแพงที่สุดจะมีปูกับเนื้อดี ๆ ให้กินด้วย แต่พวกผมมันพวกคนเบี้ยน้อยหอยน้อยก็เลยกินแบบแค่ 2000 เยนกันก็เพียงพอแล้ว ในชุดก็ไม่มีอะไรให้เลือกมากนักครับ (สมเป็นชุดราคาถูก) มีแค่เนื้อวัวกับเนื้อแกะและก็ผักเท่านั้น T^T แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เป็นเนื้อ 2 อย่างที่แบบถึงจะมีแค่ 2 อย่างแต่ก็อร่อยเพียงพอครับ (แต่ก็แอบเสียดายน่าจะลองสั่งชุดแพง ๆ เห็นรูปเนื้อในชุดแล้วแบบ โอ้โห จะลายสวยไปไหนครับพี่น้อง) เนื่องจากที่นี่เป็น Beer Garden แน่นอนครับว่า จะต้องมีเบียร์ให้เลือกสรรกันหลายแบบ พวกผมก็เลยจัดกันมาหลายแบบอยู่ เบียร์ก็อร่อยดีอีกเช่นกัน ตอนแรกกะสั่งเป็นเบียร์บุฟเฟ่ต์ แต่ว่าถ้าสั่งต้องสั่งทั้งโต๊ะ ก็เลยอดไปตามระเบียบ เนื่องจากเต้กับสุไม่ค่อยกินเบียร์


ถึงแล้วโรงแรม ห้องเล็กดีมั้ยครับ ฮ่า ๆๆ

ห้องน้ำก็เล็กไม่แพ้กัน คล้าย ๆ ของ Toyoko Inn 

ที่ฝากท้องประจำวันนี้ Kirin Beer Garden!!

เลือกแพคเกจกับน้องสาวคนนี้ก่อน

มีหลากหลายแพคเกจ หลากหลายราคามาก มีทั้งเนื้ออย่างเดียว เนื้อปูด้วย บุฟเฟ่ต์เบียร์ มีหมด

ลูกค้าถือได้ว่าเยอะ

เตาสไตล์เจงกีสข่าน?

Beer Signature ของทางร้าน จำไม่ได้แล้วว่าคืออะไร จำได้แค่ว่า แก้วแนวมาก และรสชาติเบียร์อร่อยมาก

เบียร์ดำ Kirin ครับ

อันนี้เบียร์ Lager Kirin

ผัก

เนื้อแกะ

เนื้อวัว

แม้จะดูกาก ๆ ไม่ค่อยน่ากิน แต่ก็อร่อยดีทีเดียวครับ

ข้าวก็ข้าวญี่ปุ่นชั้นดีอีกแล้ว

สั่งกันไปหลายสิบถาดอยู่ครับ


หลังจากอิ่มจุกกับทั้งเนื้อแกะและเนื้อวัว พวกเราก็ไปเดินย่อยกันที่ Oodori Park กันต่อครับ ระยะทางจาก Kirin Beer Garden ไปที่สวนนี่ก็ร่วม ๆ 2 กิโลได้ ก็เป็นระยะทางที่เหมาะแก่การย่อยพอดี ที่ Sapporo นี้เนื่องจากเป็นเมืองเกิดใหม่ ตัวเมืองก็เลยแบ่งออกเป็น block  ๆ ตามสไตล์เมืองเกิดใหม่ครับ ทำให้การเดินทางไปไหนค่อนข้างง่ายบอกแค่ชื่อถนนอะไรตัดกับอะไรก็จะรู้กันแล้ว ส่วนเจ้าส่วน Oodori Park นี้จะเป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่กลางเมืองเลย เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอดยาวประมาณ 2 กม. ระหว่างที่เดินไป เราก็ผ่านย่านแสงสีของเมือง Sapporo กันพอสมควร มีร้านนึงที่ผมไม่คิดว่าจะมีร้านแบบนี้อยู่ นั่นก็คือร้านที่จะรวบรวมรายชื่อ, รูปภาพของสาวนั่ง drink ไว้ เราสนใจคนไหนเค้าก็จะให้ว่าเด็กคนนี้อยู่ร้านอะไร และก็จะได้ค่านายหน้าไป อยากจะบอกว่า รายชื่อและรูปที่ว่านี่ไม่ใช่น้อย ๆ นะครับ แปะกันอยู่เต็มร้านเลย ผมก็เข้าไปเดินให้น้ำลายหกเล็กน้อย แล้วก็ออกมาเดินมุ่งหน้าต่อไป


ที่สวน Oodori เป็นสวนที่ค่อนข้างจะใหญ่และก็สวยงามมาก แม้ว่าจะดึกดื่น 3-4 ทุ่มแล้วแต่คนก็ยังเต็มสวนอยู่ มีกลุ่มเด็กเล่นวอลเลย์บอลกัน, มีคู่รักนั่งจู๋จี๋กัน และก็มีกะเหรี่ยงเดินชมสวนอยู่กลุ่มนึงเช่นกันครับ ด้านนึงของสวนตอนนี้จัดเป็น Beer Garden ขนาดใหญ่ ซึ่งผมค่อนข้างงงว่าทำไมถึงปิดเร็วจัง ผมไปถึงตอนประมาณ 4 ทุ่ม ทุกอย่างปิดไฟหมดแล้ว คนเดินออกมากัน กลุ่มใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่คิดที่จะหยุดสนุกสนานกัน ผมเห็นเด็กเชียร์ร้านคาราโอเกะ มาคอยเชียร์ให้ลูกค้าไปร้านตัวเองกันอยู่หลายคนเลยครับ บางคนก็แต่งชุด Cosplay เท่ ๆ เช่นชุดของ แสงอุษาในนารุโตะ หรือบางร้านก็ส่งผู้หญิงน่ารัก ๆ มาตะล่อมผู้ชายให้ไปที่ร้านครับ เนื่องจากพวกผมไม่กะว่าคืนนี้จะยาว เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า เดินเล่นกันอีกเล็กน้อย ก็เดินทางกลับไปนอนที่โรงแรมครับ


Oodori Park และนั่นเป็นหอคอยซับโปโรครับ

สวนเค้าสวยมาก และใหญ่มาก

ไม่ใช่พี่ซาสึเกะจากแสงอุษานะครับ แต่เป็นคนเชิญชวนไปร้องคาราโอเกะ

ย่าน Susukino ย่านแสงสีของซับโปโรเค้า


เบา ๆ ในห้องก็พอครับคืนนี้ 


อ่านต่อตอนต่อไปได้ตามลิงค์นี้เลยครับ


Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com Series

Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Introduction
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 1
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 2
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 3
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 4
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 5
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 6
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 7
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 8
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 9
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 10
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 11
Japan Summer Trip 2011 by BumRes.com - Day 12


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...