Pink Tender - European Restaurant and Causual Dining Review
พิงค์ เทนเดอร์ ร้านอาหารตะวันตก สเต็ก สปาเก็ตตี้ พาสต้า บางนา รีวิว
Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 4.5/5
Pink Tender - European Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ถ้านึกถึงสีชมพูที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ทุกท่านนึกถึงอะไรกันบ้างครับ? สำหรับตัวผมเองแล้ว ก็นึกไม่ค่อยจะออกสักเท่าไรเพราะสีชมพูนั้นเป็นสีที่ค่อนข้างจะพบเจอได้ยากอยู่เหมือนกันในตัวอาหาร เพราะว่ามันไม่ค่อยพบเจอในผักหรือผลไม้ทั่วไป เนื้อปลาเหรอ? ก็ไม่ค่อยจะมีสีชมพูสักเท่าไร ออกแนว ขาว หรือไม่ก็แดงไปเลย ส่วนเนื้อสัตว์? ก็ไม่ค่อยจะมีนักเพราะว่าเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ที่เรากินกันก็จะเป็นเนื้อสุก ๆ ที่โปรตีน denature และกลายเป็นสีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สีแดงไปหมดแล้ว แต่ถ้าพูดถึงสีชมพูและมีคำว่าสเต็กพ่วงมาด้วย ทุกท่านก็น่าจะนึกออกกันว่ามันหมายถึงเนื้อแบบ medium rare, medium หรือเนื้อเสต็กในแบบที่เหมาะสมที่สุดในการกินเสต็ก ซึ่งพอกินเนื้อแบบนี้แล้วก็จะได้ความนุ่ม ความฉ่ำของเนื้อที่สุดและเป็นที่มาของชื่อร้าน นุ่มละมุนชมพูสะพรั่ง หรือ Pink Tender ในรีวิวฉบับนี้นี่เอง
ร้าน Pink Tender แห่งนี้เป็นร้านที่อาหารจะเน้นไปที่อาหารตะวันตก-ยุโรปแบบกินกันได้ง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมาก (tagline ของร้านเลยตั้งว่า casual dining) ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงพิกัดของร้านที่ตั้งอยู่ในซอยข้าง Central Bangna แห่งนี้แล้ว ผมว่าร้านแนวอาหารตะวันตกแบบ modern ๆ หน่อยในย่านนี้ก็น่าจะเป็น rare item เลยก็ว่าได้ เวลาที่เราพูดถึงร้านแนว ๆ นี้กัน (ร้านอาหารตะวันตก, pasta, steak, อาหารสวย ๆ หน่อย) เราก็คงจะนึกถึงกันแต่ย่านทองหล่อ, พร้อมพงษ์ หรือ สีลมเป็นหลัก ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วผมก็เบื่อเหมือนกันที่ทำไมร้านใหม่ ๆ แนวนี้จะต้องไปกระจุกตัวกันแถว ๆ นั้น ซึ่งหลัง ๆ นี้ก็เริ่มเห็นว่ามีร้านแนวนี้เริ่มกระจายตัวออกมาจากย่านนั้นกันบ้างแล้ว (เช่นเดียวกันกับร้าน Sushi) ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนักกินทั้งหลายเนอะ
อาหารของร้านนี้ก็ตามที่กล่าวไป จะเป็นอาหารตะวันตกแนวเรียบง่าย ๆ หน่อยมีหมวดหมู่ให้เลือกครบครัน salad, appetizer, soup, pasta, main course, dessert อาหารแต่ละหมวดหมู่ของทางร้าน Pink Tender แห่งนี้จะมีให้เลือกไม่ค่อยเยอะนัก ตามประสาร้านอาหารแนว homemade ที่เน้นคุณภาพมากกว่าความหลากหลายของอาหาร ซึ่งจากประสบการณ์ของผมแล้ว เราที่เมนูไม่เยอะ ๆ แบบนี้มักจะทำอาหารออกมาได้ดี พิถีพิถันอะไรหลาย ๆ อย่างออกมาแล้วกว่าจะออกมาเป็นเมนูของทางร้านเมนูหนึ่ง และเนื่องด้วยทำเลของทางร้าน (ด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ) ที่ตั้งอยู่ชานเมืองแบบนี้ อาหารของทางร้านก็เลยราคาค่อนข้างสบายกระเป๋ากว่าร้านแนวคล้าย ๆ กันนี้ในเมืองพอสมควรเลย ชอบ ๆ อ้อและสำหรับคนที่ชอบ craft beer (เบียร์ไม่ mainstream) ร้าน pink tender แห่งนี้ก็มีวางจำหน่ายหลายยี่ห้อเหมือนกันครับ เข้าคู่กับอาหารฝรั่งของทางร้านได้อย่างลงตัว
สิ่งหนึ่งที่ผมแอบคิดเอาไว้ก่อนมาร้านนี้คือ ร้านจะเป็นสีชมพูเหมือนกับชื่อร้านรึเปล่าว้า?? แต่พอไปถึงก็แอบผิดหวังนิดนึงตรงที่ร้านเป็นอาคารสีขาว ๆ ชั้นเดียวเรียบง่าย ๆ ธรรมดา ๆ หลังนึง (คือจะว่าไปผมก็คิดไปได้เนอะว่าร้านจะทาสีเป็นสีชมพู ฮ่า ๆ) ตัวร้านนั้นมีขนาดไม่ค่อยใหญ่นัก มีโต๊ะประมาณสัก 10 - 15 โต๊ะได้และก็จะมีส่วนบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ และครัวแบบกึ่ง ๆ open-kitchen เล็กน้อยให้เราเห็นการทำงานของคนครัวกัน บรรยากาศของร้าน Pink Tender แห่งนี้ก็คล้าย ๆ typical ร้านยุคใหม่ที่เปิดตัวกันช่วงหลัง ๆ นั่นเองครับ เรียบง่ายแต่ก็จัดวางพื้นที่อย่างลงตัว
สลัดปลาหมึกย่างเตาถ่านหอมกรุ่น (Grilled squid salad - 150 บาท): เป็นสลัดปลาหมึกที่แบบปลาหมึกเด่นมากจริง ๆ ครับจานนี้ (ร้านอื่นส่วนใหญ่ให้เด็กน้อยปลาหมึกชิ้นเล็ก ๆ มา) ปลาหมึกให้มาเยอะ และก็ย่างมาแบบร้อน ๆ หอม ๆ น่ากินสุด ๆ ส่วนผักที่มาด้วยกันก็มีอยู่ 3 ชนิดคือ cos, red coral, green oak ส่วนตัวน้ำสลัดในจานนี้ก็เหมือนจะเป็นแค่ balsamic นิด ๆ หน่อย เน้นให้กินความสดของผักและปลาหมึกย่างกรุบ ๆ เด้ง ๆ เป็นหลัก อร่อยมากครับจานนี้ชอบ
โฟกราส์ซอสสามรส (Foie Gras, raspberry, organe, balsamic and rocket - 490 บาท): ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่านี่คือตับห่านหรือตับเป็ด (แยกยากจริง ๆ) จานนี้หน้าตาสวยงาม เก๋ไก๋ เป็นตับห่าน/เป็ด ไปทอดมาพอให้สุกเล็กน้อย fat ยังไม่ไหลออกไปมาก และก็ตกแต่งมาด้วยซอส 3 รส โดยตัว raspberry มาแบบเป็นขยุ้มหน่อย ส่วน balsamic กับ orange จะเป็นแบบทาเป็นวง ๆ มารอบจ่าย และก็โรยมาด้วยใบร็อคเก็ตอีกเล็กน้อย ออกมาเป็นอาหารหน้าตาสวยงามน่ารับประทาน ส่วนรสชาติ ก็อร่อยได้มาตรฐานดีครับ ตับยังไม่ค่อย juicy มากนัก, ซอสเปรี้ยว ๆ กำลังดีตัดรสตับได้ดี และยิ่งราคาเท่านี้ (ในเมือง 800 บาทขึ้นไป) คุ้มค่าสำหรับคนที่ชื่นชอบอาหารเพิ่มน้ำหนักจานนี้นักล่ะครับ
สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศใบโหระพารสเผ็ด (Arabiata spaghetti - 180 บาท): สปาเก็ตตี้แบบเรียบง่าย ที่ทำออกมาให้อร่อยยาก ทางร้านเลือกเส้นสปาเก็ตตี้ที่เบอร์ค่อนข้างน้อย จนเส้นเล็กคล้าย ๆ จะเป็นแองเจิ้ลแฮร์กลาย ๆ ซึ่งเส้นแบบนี้ผมว่าเป็นอะไรที่เข้ากับซอสเยิ้ม ๆ อย่าง arabiata ดีเพราะมันดูดซอสขึ้นมาได้เยอะ ซึ่งซอสจานนี้ก็แบบ arabiata ดีมากครับ เผ็ดนิด ๆ มะเขือเทศเด่น ๆ หน่อย และมีโรย parmesan cheese มาอีกเล็กน้อย อร่อยครับ
เส้นอุด้งผัดพร้อมกุ้งลายเสือย่าง (Udon tiger prawn - 260 บาท): พาสต้าแนวใหม่ที่ใช้เส้นอุด้งแบบไม่ใหญ่มากมาทำ ทำให้ได้ texture ที่ต่างจากกินพาสต้าปกติที่กิน ๆ มาเหมือนกันนะครับ มันลื่น ๆ smooth ๆ ดี ซึ่งตัวรสชาริของเส้นอุด้งนั้นจะมัน ๆ หอม ๆ หน่อยเพราะนำไปผัดกับมันกุ้งมา ส่วนตัวกุ้งลายเสือที่ให้มาด้วยกันถึง 3 ตัวและย่างมาค่อนข้างสมบูรณ์แบบนั้นก็ช่วยทำให้ความอร่อยของจานนี้อร่อยมากขึ้นได้อย่างลงตัว
ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ริซอตโต้พร้อมปลาหมึกและกุ้งลายเสือย่าง (Risotto - riceberry paddy rice, grilled squid and tiger prawn - 240 บาท): Risotto แนวใหม่อีกเช่นกันที่นำข้าวกล้องมาทำ ก็แปลกตาดี ไม่เหมือนที่ไหน และวางโปะมาด้วย ปลาหมึกย่างและกุ้งลายเสือย่าง ตัวปลาหมึกและกุ้งนี่หายห่วงครับ อร่อยเหมือนจานอื่น ๆ (ร้าน Pink Tender เค้า grill ดีครับ) แต่ผมว่าเจ้าตัวข้าวกล้องนี่มันไม่ค่อยเหมาะกับ risotto เท่าไรอ่ะ มันแบบแห้ง ๆ สาก ๆ ไม่ได้นุ่ม ๆ เละ ๆ เหมือน risotto แบบที่พวกผมคุ้นเคยกัน และก็ตัวข้าวนั้นมีการนำไปผัดกับ lobster bisque ด้วยซึ่งผมว่ากลิ่นกุ้งมันแรงไปนิด กินแล้วไม่ค่อยหอมชีส เหมือน risotto ที่เคย ๆ กินมา
หมายเหตุข้าวกล้องของทางร้านเค้าเขียนโฆษณาไว้แบบนี้ครับ "ข้าวกล้องออร์แกนิคไรซ์เบอรี่ เป็นข้าวที่ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ลักษณะเป็นข้าวเจ้าสี่ม่วงเข้มรูปร่างเมล็ดเรียวยาวข้าวกล้องมีความนุ่มนวลมาก คุณสมบัติเด่นทางด้านโภชนาการของข้าวไรซ์เบอรีมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากมาย"
อกไก่นุ่มฉ่ำเสิร์ฟพร้อมซอสโหระพาเห็ด (Slow cooked chicken breast with pesto sauce - 220 บาท): จานนี้บอกตรง ๆ ว่าเห็นทีแรกแล้วไม่ค่อยอยากกินสักเท่าไรเพราะว่า โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยชอบอกไก่นัก มันเป็นเนื้อส่วนที่ไม่มีความอร่อยเลย แห้ง ๆ แก๋แด๋ ๆ แต่ของร้านนี้พอกินเข้าไปแล้วก็อืม นุ่มกว่าที่คิด ฉ่ำกว่าที่คิดครับ (แต่แน่นอนก็ยังไม่เท่ากับเนื้อสะโพกของร้านส่วนใหญ่อยู่ดี) ส่วนผักที่ให้มาก็หลากหลายดี อร่อยดี เข้าคู่กับอกไก่ได้เป็นอย่างดี
พิงค์แฮบเบอร์เกอร์ไก่ เสิร์ฟพร้อมไข่ลวก มันฝรั่งทอด หอมใหญ่ทอด (Pink tender burger beef/pork - 200 บาท): จานนี้อาจจะพิเศษสักหน่อยเนื่องจากปกติทางร้านจะมีแต่เนื้อวัวและเนื้อหมู และจานนี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจานที่เป็นตัวแทนของร้านดีมากเพราะว่าตัว bun นั้นทางร้านนำไปใส่น้ำทับทิมมาจนกลายเป็นสีชมพูเหมือนกับชื่อร้าน และก็ตัว bun ก็นุ่ม อร่อยดีครับ ส่วนตัวเนื้อไก่ทางร้านให้เป็นส่วนสะโพกชิ้นใหญ่ ๆ ที่ทอดมา ซึ่งพวกผมอยากกินเบอร์เกอร์แบบเบอร์เกอร์จริง ๆ (ใช้มื้อกิน) ก็เลยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้แบบกัดได้สะดวก แล้วก็ค่อยกิน ซึ่งพอกินแบบนี้แล้วก็อร่อยดีครับ เนื้อไก่นุ่มดี ซอสที่ทามาข้างในก็อร่อยดีอีกเช่นกัน เป็น burger ที่อร่อยคุ้มราคาดีครับ
เสต็กเนื้อริบอายออสเตรเลียน (Ribeye steak with butter anchovy - Australian grain fed 120 days - 550 บาท): จานนี้เป็นเสต็กที่ทำมาแตกต่างจาก traditional steak เล็กน้อยคือจะนำเนื้อไปหั่นโชว์ความเป็นสีชมพูมาเลย (อันนี้ทางร้านบอกว่าจงใจเพื่อให้เข้ากับ concept ของร้าน) ซึ่งมันก็เก๋ไก๋สวยงามดีนะครับ แต่ว่าสเต็กจานนี้ยังไม่ค่อยถึงขั้นที่พวกผมคาดหวังกันเอาไว้นัก เพราะว่าเนื้อมันบางไปหน่อย บางเกินกว่าที่จะเป็นเนื้อเสต็กชั้นดี (แต่ก็พอเข้าใจว่า fillet ของ Australian ชอบแล่มาความหนาประมาณนี้) ทำให้มันไม่ค่อยมีความ juicy มากนัก ส่วนตัวเนื้อวัวนั้นถ้าเทียบว่า grain fed มา 120 วัน และราคาเท่านี้ก็เหมาะสมดี แต่ผมว่าร้านสเต็กถ้าแบบอยากจะ present steak จริง ๆ ก็น่าจะเลือก grain fed 180 วันขึ้นไปมากกว่านะ (ถึงราคาจะสูงขึ้นแต่ก็แบบ steak lover น่าจะประทับใจกันมากกว่า)
ลิ้นวัวย่าง (Grilled OX tongue - 320 บาท): ลิ้นวัวชิ้นหนาบิ๊กเบิ้ม นำไปเคี่ยวมาจนนุ่มกำลังดีและราดซอสไวน์แดงผสม raspberry มา ส่วนตัว garnish ของจานนี้ก็คล้าย ๆ จานอื่นแต่จะมี sauerkraut และ mash potato เพิ่มขึ้นมา (mash potato อร่อยครับ) ตัวลิ้นวัวผมว่าทำมาค่อนข้างดีล่ะ นุ่มแบบไม่ต้องออกแรงเคี้ยวอะไรมาก ไม่ต้องใช้มีดตัดใช้ช้อนตัดได้เลย แต่ว่าตัวซอสผมว่ามันไม่ค่อยเข้ากับตัวลิ้นสักเท่าไร ซอสแนวสตูว์น่าจะเหมาะกว่า
แพนนาคอตต้าเสาวรส (Panna cotta, passion fruit, almond foam - 150 บาท): เป็น panna cotta ที่ทำมาไม่ค่อยเหมือนกับที่อื่นนักคือมาแบบเป็น pudding ในจานใหญ่ ๆ แทน ส่วนตัวรสชาติ panna cotta ก็ไม่ได้เป็นวานิลลาเหมือนที่อื่น เป็นเสาวรสแทน ส่วนตัวที่คล้าย ๆ whipped cream นั้นจริง ๆ แล้วมันคือ almond espuma ซึ่งจะเป็น almond นำไปปั่นออกมาจนเป็นโฟมคล้าย ๆ วิบครีม ซึ่งทั้งสองอย่างเข้าขากันได้อย่างน่าประหลาดครับ ตัว pudding เปรี้ยวนิด ๆ และกินพร้อมกับ espuma ก็ได้กลิ่นหอมดี เป็นของหวานที่อร่อยและแนวดี
สรุป ร้าน Pink Tender - ร้านอาหารตะวันตกแนว casual dining ในย่านบางนาแห่งนี้ก็เป็นร้านที่พวกผมชอบกันพอสมควรเลยล่ะ อาหารราคาไม่แพง หน้าตาอาหารสวยงาม และให้ portion มาแบบคุ้มค่าเกินราคามาก ๆ ซึ่งอานิสงส์ในจุดนี้ก็น่าจะมาจากทำเลของร้าน บวกกับความรักในตัวอาหารของเจ้าของร้านที่อยากให้หลาย ๆ คนได้ลองอาหารฝรั่งอร่อย ๆ กันได้อย่างไม่มีขนหน้าแข้งหลุดร่วงกันไปเป็นหย่อม ๆ เหมือนร้านในตัวเมือง ใครอยากลองอาหารตะวันตกดี ๆ แบบไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดเข้าตัวเมืองก็มาลองกันได้เลยครับที่ร้าน Pink Tender แห่งนี้นี่เอง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment