BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Saturday, February 1, 2014

Ramen King Bangkok Review

Ramen King - Japanese Ramen Restaurant A-Square Sukhumvit 26 Review

ราเมน คิง - ร้านอาหารญี่ปุ่น เอ-สแควร์ สุขุมวิท 26 รีวิว



Overall Score  /10
Taste   /5
Ambiance  /5
Service  /5
Value   /5

Ramen King Bangkok - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้านแนวที่แบบรวบรวม ๆ ร้านหลาย ๆ ร้านไว้ในที่เดียวและตั้งชื่อร้านเป็นร้านเดียวในบ้านเราเท่าที่ผมนึกออกในตอนนี้ก็มีแค่ร้าน Ramen Champion ของตันอยู่ที่เดียว (แต่เอาจริง ๆ ก็เหมือนจะเคยได้ยินชื่อร้านอื่น ๆ มาบ้างนะครับแต่นึกตอนนี้นึกไม่ออกแฮะ) ซึ่งร้านแนวนี้ที่ญี่ปุ่นเองก็มีกันค่อนข้างเยอะที่ผมเคยเจอก็จะมีรวบรวมร้าน Takoyaki, ร้าน Ramen อะไรประมาณนี้ โดยร้านราเมนนี่จะเยอะหน่อยเคยเจอมาหลายที่มากเลย (Ramen Museum ในหลาย ๆ เมืองก็เป็นลักษณะนี้) ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วร้าน Ramen Champion ในบ้านเราก็ไม่ได้เป็นเหมือนกับที่ญี่ปุ่นซะทีเดียวเพราะแบบจะแยกย่อยเป็นร้านย่อยอีกทีนึงในขณะที่ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นเหมือน food court บ้านเรามากกว่าที่จะรวม ๆ ร้านพวกนี้ไว้เป็น counter ในเวิ้งเดียว

เมื่อช่วงปลาย ๆ เดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา ในกรุงเทพเราก็ได้มีร้านแนว Ramen Museum หรือร้านแนวรวบรวมร้านราเมนหลาย ๆ ร้านมาเปิดอยู่ที่โครงการ A Square สุขุมวิท 26 กับร้าน "Ramen King - ราเมน คิง" ร้านนี้ก็จะเป็นร้านที่ประกอบไปด้วย 6 ร้านย่อยในร้านเดียว โดยแต่ละร้านก็จะมีลักษณะเป็น counter ให้ลูกค้าเดินไป order อาหารและก็จะรับตัวแจ้งเตือนมาซึ่งมันจะดังเมื่ออาหารของเราเสร็จแล้ว ซึ่งระเบียบวิธีนี้เรียกได้ว่าเหมือนกับที่ญี่ปุ่นเป๊ะ ๆ เลยก็ว่าได้ครับ (ซึ่งผมว่ามันสะดวกดีนะ ไม่ต้องไปยืนรอหน้าร้าน)





ณ วันที่ผมไปเป็นงาน Grand Opening ของทางร้าน Ramen King อะไรต่าง ๆ ก็เลยค่อนข้างจะไม่เหมือนมื้อปกติอยู่พอสมวร อย่างแรกเลยคือพื้นที่ชั้น 2 ของทางร้านยังสร้างไม่เสร็จดีทำให้ที่นั่งในวันที่ผมไปค่อนข้างจำกัดจำเขี่ยอยู่พอสมควร แต่ถ้าสร้างเสร็จแล้วผมว่าที่นั่งของร้านนี้ก็ค่อนข้างจะเยอะพอตัวและแบบที่นั่งมีหลากหลายโซนหลากหลายแบบดีเลือกนั่งกันได้ตามสะดวก, อย่างที่สองราเมน ณ วันที่ผมไปไม่สามารถสั่งอะไรได้เลยนอกจากราเมนพื้นฐาน อย่างที่สาม รู้สึกว่าระบบอะไรต่าง ๆ ของร้านยังไม่ค่อยลงตัวดีนักมีอะไรตกหล่นอยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมื้อของผมก็ผ่านไปด้วยดีได้ลองราเมนครบทุกร้านตามที่ตั้งใจเอาไว้ล่ะครับ

ร้านราเมนร้านต่าง ๆ ที่นำมารวมกันไว้อยู่ในเวิ้ง Ramen King แห่งนี้ก็จะเป็นร้านที่ใช้ชื่อเดียวกันกับร้านที่ญี่ปุ่นและตัวเชฟเจ้าของร้านที่ญี่ปุ่นเองเป็นคนคุมสูตรและคุณภาพของราเมนเอง ตอนแรกผมก็นึกว่าราเมนของที่นี่จะเหมือนกับที่ญี่ปุ่นทุกประการอารมณ์แบบยกร้านที่ญี่ปุ่นมาไว้ที่ไทยเลยอะไรแบบนั้นแต่ว่าเท่าที่ผมดู ๆ คือตัวราเมนจะไม่ได้เหมือนกับที่ญี่ปุ่นซะทีเดียวทั้งตัวหน้าตาหรือชนิดของราเมนเองก็ตาม (อย่างร้าน Tonkotsu Itto ที่ญี่ปุ่นมี Tsukemen ด้วยแต่ที่ไทยไม่มี) แต่คืออันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดครับ เจ้าของร้านราเมนที่ญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของหลายร้านบางทีเค้าก็อยากจะให้ทุกร้านเหมือนกับร้านต้นฉบับทุกประการ บางคนก็อยากให้ร้านสาขาแตกต่างออกไปคิดราเมนสูตรใหม่ ๆ ขึ้นมาอะไรแบบนี้ ซึ่งจากที่ผมไปค้น ๆ ประวัติร้านเหล่านี้ที่ญี่ปุ่นดู แทบทุกร้านนี่คือเป็นร้านที่โด่งดังมาก ได้คะแนนรีวิวสูงมาก บางร้านได้รีวิวใน tabelog เกิน 4 คะแนนเลยทีเดียว (website tabelog เป็นเว็บรีวิวร้านอาหารอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ร้านไหนที่ได้คะแนนเกิน 4 นี่ถือว่าเป็นร้านระดับเทพของประเทศเลย มีร้านที่ได้คะแนนเกิน 4 น้อยมาก ๆ แค่ไม่กี่พันร้านจากหลายแสนร้านที่มีอยู่ในระบบ) สรุปง่าย ๆ ก็คือ Ramen King แห่งนี้เค้าเชิญมาแต่ร้านดัง ๆ นั่นเอง

ร้านย่อย 6 ร้านในเวิ้ง Ramen King แห่งนี้ก็จะประกอบไปด้วย (เรียงตามลำดับร้านที่เจอเมื่อเดินเข้ามานะครับ หรือตามเข็มนาฬิกานั่นเองจะได้เดินหาเจอกันได้ง่าย ๆ)

1. Tonkotsu Itto โดย Chef Yukihiko Sakamoto โดยร้านนี้เค้านิยามตัวเองเอาไว้แบบนี้ "เพื่อการไปสู่สุดยอดราเมงซุปกระดูกหมู เราเสนอราเม็งซุปกระดูกหมูของจ.ฮะคะตะ!! เป็นราเมงซุปกระดูกหมูอีกหนึ่งชามที่รวมเอาความอร่อยและกลมกล่อมเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ทำให้คนที่ชอบราเมงประเภทนี้ผิดหวังแน่นอน เริ่มจากการต้มกระดูกหมูในส่วนขาและศีรษะก่อน หลังจากที่รสชาติเริ่มออกแล้ว ก็เพิ่มกระดูกในส่วนหลังเข้าไป เพื่อเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำซุปให้มีมากยิ่งขึ้น เชิญลิ้มลองน้ำซุปที่เคี่ยวนานกว่า 12 ชม. ที่เข้ากับเส้นราเมงแบบเส้นเล็กมากได้เป็นอย่างดี" ส่วนราเมนที่มีให้ชิมคือ






ราเมนซุปกระดูกหมู (Tonkotsu Ramen - 180 บาท): สิ่งแรกที่โดดเด่นสำหรับราเมนชามนี้เลยคือตัวน้ำซุปครับ น้ำซุปเป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่แบบรสชาติอร่อย เข้มข้นโดนจนมาก ๆ ซดเข้าไปคำแรกก็ชอบแล้วและยิ่งซดก็ยิ่งอร่อยขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่อร่อยที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นก็คือเส้นราเมนครับเส้นเป็นเส้นเรียวเล็กสไตล์ฮากาตะราเมนที่เท่าที่กิน ๆ มาผมว่าเป็นอะไรที่เข้ากันดีกับน้ำซุปกระดูกหมูมาก ๆ เข้าที่สุดแล้วล่ะ ส่วนหมูชาชูก็เป็นแผ่นบาง ๆ ใหญ่ ๆ เป็นส่วนเนื้อติดมันมาทั้งแผ่นก็เข้ากันดีและทำให้ราเมนอร่อยขึ้นจริง ๆ ชามนี้พวกผม 3 คน vote ให้เป็นอันดับ 1 ในมื้อนี้เลย

2. Miyamoto โดย Chef Ryutaro Miyamoto โดยร้านนี้เค้านิยามตัวเองเอาไว้แบบนี้ "หน้าตาอาจจะดูเหมือนรสชาติเข้มข้นเกินไปหรือเปล่า แต่พอได้ลองทานแล้วจะรู้ว่าน้ำซุปรสชาติกำลังพอดี ทานง่าย ผักในปริมาณที่เพียงพอบวกกับหมูชาชูที่นุ่ม ทำให้คุณสามารถอร่อยได้จนถึงคำสุดท้าย สิ่งที่แตกต่างจากราเมงร้านอื่นก็คือ “ใจรัก” เป็นราเมงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก" ส่วนราเมนที่มีให้ชิมคือ






กระเทียมและผัดราเมนซุปกระดูกหมู (Garlic & Vegetable Tonkotsu Rmaen -190 บาท): เป็นราเมนที่ค่อนข้างโดดเด่นดีครับนหน้าตาของมันก็ตามที่ทางร้านเคลมตัวเองเอาไว้จริง ๆ คือ "มันดูเข้มข้นมาก" รเมนชามนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะโดดเด่น ฉีกหนีความจารีตประเพณีของราเมนที่ผมเคยกินมาพอสมควร อย่างแรกเลยคือตัวเนื้อหมูที่ให้มาไม่ได้เป็นเนื้อหมูชาชูสไลด์เหมือนกับร้านอื่น ๆ แต่จะเป็นแบบคล้าย ๆ หมูชิ้นบ้านเรา อารมณ์ประมาณคอหมูย่างอะไรแบบนั้นมากกว่า เนื้อหมูเลือกเป็นส่วนติดมันมา และก็หมักมาแบบเค็ม ๆ หน่อยจะกินเปล่า ๆ แบบไม่โดนน้ำซุปมากก็ได้หรือว่าถ้าอยากจะได้รสกระเทียม, ความจัดจ้านของกระเทียมเพิ่มก็จุ่มลงไปในน้ำซุปเพิ่มเติมก็จะได้รสชาติที่ต่างออกไป ตัวน้ำซุปของที่นี่กลิ่นระเทียมค่อนข้างจัด ใครที่ไม่ชอบกระเทียมนี่คงจะส่ายหน้าแต่ผมนี่ค่อนข้างชอบกระเทียมก็เลยกินกันเพลิน ๆ เลย ส่วนเส้นราเมนเป็นเส้นปกติ และก็ให้ถั่วงอกมาค่อนข้างเยอะครับชามนี้ รวม ๆ แล้วชามนี้พวกผม 3 คน vote ให้เป็นอันดับ 3 ในมื้อนี้

3. Misobancho โดย Chef Masakatsu Chiyoda โดยร้านนี้เค้านิยามตัวเองเอาไว้แบบนี้ "ราเมงซุปกระดูกหมูมิโซะรสกลมกล่อม ซึ่งกำเนิดจากจ.ฮอกไกโด ที่เป็นที่คุ้นเคยกันดีที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งชามที่สามารถปรุงแต่งรสชาติให้ออกมาได้กลิ่นหอมของมิโซะที่กำลังพอดีเลย" ส่วนราเมนที่มีให้ชิมคือ








มิโซะราเมน (Miso Ramen - 190 บาท): ชามนี้คำแรกที่กินเข้าไปคือ โอว เปรี้ยวจังเลยคือแบบไม่ค่อยจะเจอ miso soup ที่เปรี้ยวแบบนี้สักเท่าไรครับ ส่วนรสชาติอื่นนอกจากความเปรี้ยวก็จะมีเค็มนิด ๆ ปน ๆ มารวม ๆ แล้วน้ำซุปก็เป็นอะไรที่โดดเด่นดีติดอยู่อย่างเดียวคือเปรี้ยวเกินไปหน่อยลดลงมาอีกนิดนึงน่าจะกลมกล่อมลงตัวกว่านี้ องค์ประกอบอย่างอื่นในชามนี้ เส้นราเมน, หมูชาชู, หน่อไม้ดอง, ถั่วงอก ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษมากนัก ชามนี้พวกผม 3 คน vote ให้เป็นอันดับ 4 ในมื้อนี้

4. Butaou โดย Chef oshikazu Yoneda โดยร้านนี้เค้านิยามตัวเองเอาไว้แบบนี้ "ถ้าเป็นราเมงทั่วไปจะรู้สึกออก “รสเค็ม” แต่ถ้าเป็นสุกี้ยากี้ราเมงจะออก “รสหวาน” ลองมาสนุกกับการเปลี่ยนรสชาติของความหวานโดยการเพิ่มไข่ลวกหรือลองเพิ่มความเผ็ดลงไปดู" ส่วนราเมนที่มีให้ชิมคือ






สุกี้ยากี้ราเมน (Sukiyaki Ramen - 180 บาท): เป็นราเมนที่แปลกดีครับไม่เคยกินมาก่อนเลยกับรสแบบที่รสหวานจะเป็นรสนำแบบนี้ ความหวานนั้นจะมาจากน้ำซุปที่เป็นอารมณ์ประมาณน้ำซุปใส ๆ หน่อยไม่ค่อยข้น และรสเกือบ ๆ จะหวานเท่า ๆ น้ำสุกี้เลย บอกตรง ๆ ว่ากินเข้าไปคำแรกแล้วแอบกระตุกอยู่เหมือนกันแต่พอซดน้ำซุปไปซดมาแล้วก็แบบเอ้อ อร่อยดีนะ ซึ่งทางร้านก็ให้เนื้อหมูลวกแบบสไลด์บาง ๆ มาด้วย อารมณ์ประมาณเนื้อที่กินในสุกี้ยากี้เลยจริง ๆ เข้ากันดีกับน้ำซุปเป็นอย่างยิ่ง ส่วนตัวเส้นราเมน, หน่อไม้ดอง อะไรอย่างอื่นก็ค่อนข้างมาตรฐานครับไม่มีอะไรโดดเด่นสักเท่าไร รวม ๆ แล้วชามนี้พวกผม 3 คนให้เป็นอันดับ 2 ในมื้อนี้เลย

5. Jyoshoken โดย Chef Koichi Horikawa โดยร้านนี้เค้านิยามตัวเองเอาไว้แบบนี้ "จุดเด่นของเราอยู่ที่น้ำซุป เป็นน้ำซุปที่ทำจากกระดูกหมูและสัตว์ทะเล เราทุ่มเทอย่างมากโดยใช้เวลาเคี่ยวถึง 3 วันเลยทีเดียว และจานที่คุณต้องชิมเลย นั่นคือเมนูที่ชื่อว่า TSUKEMEN (สึเคะเมง)!! เส้นราเมงแบบใหญ่มากที่เต็มไปด้วยกลิ่มหอมของข้าวสาลีก็เข้ากับน้ำซุปได้เป็นอย่างดี" ส่วนราเมนที่มีให้ชิมคือ





สึเคะเมง (Tsukemen - 180 บาท): เป็นชามเดียวที่ได้กินราเมนแยกน้ำซุป (ไม่แน่ใจร้านอื่นมีให้สั่งด้วยรึเปล่านะครับ) หน้าตาภายนอกที่เห็นในตอนแรกคือไม่มีอะไรแตกต่างจาก tsukemen ปกติสักเท่าไรเลย เป็น tsukemen แบบ classic ก็ว่าได้ ตัวน้ำซุปเข้มข้นดีมากครับ สมกับที่ทางร้านเคลมเอาไว้ว่าเคี่ยวมา 3 วันแต่น่าเสียดายที่ให้มาไม่ค่อยร้อนนัก ส่วนตัวเส้นลวกมาแบบหนึบ ๆ กำลังดีแต่เหมือนยังขาดอะไรไปผมไม่แน่ใจเหมือนกัน รวม ๆ แล้วเป็น tsukemen ที่ดีกว่ามาตรฐาน ดีกว่าส่วนใหญ่ที่ผมเคยกินมาเล็กน้อยแค่นั้นวม ๆ แล้วชามนี้พวกผม 3 คนให้เป็นอันดับ 5 ในมื้อนี้

6. Uomasa เป็นอีกหนึ่งร้านใน Ramen King และเป็นร้านเดียวที่ไม่ใช่ร้านราเมน ร้านนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่น่าจะค่อนข้างคุ้นหูคนกรุงเทพฯมาสักพักล่ะเพราะว่าเปิดทำการมานานหลายปีแล้วที่ซอยทองหล่อ 13 (และตอนนี้มี 2 สาขาแล้วด้วยอีกสาขานึงอยู่ที่ 39 Boulevard) ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทาง Ramen King ถึงให้ร้านนี้มาอยู่ในโครงการนี้ด้วย แต่เท่าที่ดูแล้วอาหารที่ร้านนี้ขายจะเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบทั่ว ๆ ไปและก็จะเป็นจานเล็ก ๆ กินง่าย ๆ มากกว่า เหมือนกับตั้งใจให้ลูกค้ามาสั่อาหารร้านนี้เหมือนเป็นของกินเล่น, ของเติมเต็มกระเพาะอะไรแบบนั้น - มื้อนี้ไม่ได้ชิมร้านนี้ครับไม่มีให้ชิม

สรุป มื้อ Grand Opening ของพวกผมที่ร้าน Ramen Kin - A Square สุขุมวิท 26 แห่งนี้ก็เป็นมื้อที่ค่อนข้างประทับใจนะครับ จำได้ว่าตอนที่ Ramen Champion ของตันเปิดใหม่ ๆ ผมไปตระเวณชิมมารวดเดียว 5 ร้านเหมือนกัน ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ค่อยอร่อยเลย fail แทบทุกร้าน แต่คือของร้านนี้ทั้ง 5 ชามที่ได้กินในวันนี้ถือได้ว่าอร่อยหมดเลย อร่อยมากอร่อยน้อยต่างกันแค่นั้น คือแบบอันดับ 5 ของมื้อนี้นี่คือจริง ๆ แล้วดีกว่าร้านราเมนส่วนใหญ่ในกรุงเทพซะด้วยซ้ำนะครับ อืม ราเมนโดยรวมที่ Ramen King แห่งนี้ยังมีให้ลองกันอีกเอะมากครับ ผมว่าจะไปลองอีกหลาย ๆ ครั้งจะพยายามปลองจนกว่าจะกินจนครบ ก็นะ แต่ละร้านนี่ก็เหมือนกับยกร้านดังที่ญี่ปุ่นมาให้โดยที่เราไม่ต้องถ่อไปกินที่ที่โน่น โอกาสดี ๆ อย่างนี้จะพลาดได้อย่างไรล่ะครับว่ามั้ย



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...