Kabocha Sushi - Japanese Restaurant and Sushi Shop at Ladprao Soi 19, Bangkok
คาโบฉะ ซูชิ - ร้านอาหารญี่ปุ่น, ลาดพร้าวซอย 19 ซูชิ ปลาดิบ
Overall Score 8.5/10
Taste 4.5/5
Ambiance 3.5/5
Service 4/5
Value 4/5
Kabocha Sushi - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน Sushi ในบ้านเราก็ยังคงเปิดใหม่กันอย่างต่อเนื่อง เปิดกันอย่างไม่หยุดยั้ง จากเดิมที่กระจุกตัวกันอยู่แต่ในย่านทองหล่อ - เอกมัย ตอนนี้ร้านซูชิเฉพาะทางก็เริ่มกระจายตัวไปตามย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯกันแทบจะหมดแล้ว ฝั่งธน? check , รามอินทรา? check , เลียบด่วน? check และร้านในรีวินี้ก็เป็นอีกร้านที่เปิดตัวในย่านใหม่ที่ยังไม่เคยมีร้านซูชิเฉพาะทาง, ร้านอาหารญี่ปุ่นเน้นปลาดิบเปิดมาก่อนกับย่านลาดพร้าวช่วงต้น ๆ กับร้าน Kabocha Sushi แห่งนี้นี่เอง! ร้านนี้ตั้งอยู่ปากซอยลาดพร้าว 19 อยู่บนถนนลาดพร้าวช่วงระหว่างเซ็นทรัลลาดพร้าวกับสี่แยกที่ตัดกับรัชดาพอดิบพอดี และถ้าใครที่สะดวกกับการนั่งรถไฟฟ้ามากกว่าร้านนี้ก็เดินทางสะดวกโยธินสุด ๆ เพราะว่าอยู่บนทางออกสถานีรถไฟใต้ดิน (MRT) ลาดพร้าวพอดิบพอดีเลย แต่ว่าถ้าใครขับรถมาร้านก็มีที่จอดรถให้อยู่หลายคัน จะเดินทางมาด้วยวิธีไหนก็สะดวกโยธินหมด
คำว่า Kabocha นั้นแปลว่าฟักทอง และสาเหตุที่ทางร้านตั้งชื่อร้านแบบนี้เพราะว่าฟักทองนั้นเป็นผลไม้มงคลของคนญี่ปุ่น และผมว่าชื่อนี้ก็ดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะครับดูเป็นญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นดี และเนื่องด้วยฟักทองนั้นมีเนื้อเป็นสีเหลือง theme หลักของร้านนี้ก็เลยเป็นสีเหลืองตามผลไม้มงคลลูกยักษ์นี้ไปด้วย ร้านนี้เป็นร้านขนาดไม่ค่อยใหญ่นัก แบ่งที่นั่งออกเป็น 2 zone โดยประมาณคือโต๊ะแบบธรรมดาที่จะมีเยอะหน่อยประมาณ 10 โต๊ะและก็ที่นั่งตรง counter bar (sushi bar) อีกประมาณ 5 ที่นั่ง ก็เป็นร้านซูชิขนาดกลาง ๆ คล้าย ๆ กับร้านส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯที่เปิด ๆ ตัวกันมาไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างนัก
เมนูอาหารของร้าน Kabocha Sushi แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะมีอาหารครบจนสามารถเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นมาตรฐานร้านนึงได้เลยนะครับ อาหารมีทั้งอาหารจากครัวร้อนและครัวเย็น แต่ก็แน่นอนว่าจะเน้นตัวครัวเย็นเป็นหลัก อาหารจากครัวเย็นก็จะมีทั้งซูชิ (ที่มีหน้าให้เลือกเยอะพอ ๆ กับร้านใหญ่ ๆ) , ซาซิมิ, roll, creation sushi หรือซูชิสูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง และสลัด ส่วนอาหารจากครัวร้อนก็จะมีอาหารญี่ปุ่นแบบมาตรฐานทั่วไป เช่น ปลาย่าง, ปลานึ่ง อะไรประมาณนี้ อาหารจากครัวร้อนมีไม่เยอะนักแต่ก็มีแบบประมาณว่าให้กับคนที่ไม่กินของดิบ หรือคนที่กินของดิบได้ไม่มาก ซึ่งคนไทยมีหลายคนเหมือนกันนะครับที่เป็น 2 แบบหลังนี้ (อันนี้จากถ้อยคำของเจ้าของร้านหลาย ๆ คนที่ผมเคยคุยมา แต่พวกเพื่อน ๆ ผมแต่ละคนนี่กินของดิบกันได้ไม่มีเบื่อทุกคนเลย ฮ่า ๆ)
ราคาอาหารของร้านนี้ก็ค่อนข้างจะคุ้มค่ากว่าหลาย ๆ ร้านช่วงหลังที่ผมได้กินมา คือ ซูชิที่ไม่ใช่ของ premium มากก็จะประมาณคำละ 80 - 150 บาทส่วนที่ premium ๆ หน่อยเช่น ไข่หอยเม่น, โอโทโร่ ก็จะถูกกว่าร้านอื่นประมาณ 10 - 20% และยิ่งบวกกับส่วนลดค่าอาหาร 25% และการไม่มี vat มาบวกเพิ่มอีก 7% ด้วยก็เลยกลายเป็นถูกกว่าที่อื่นไป 40-50% สบาย ๆ (แต่ก็นะลดทุกเมนู 25% นี่ไม่รู้จะหมดเมื่อไรเหมือนกัน แต่ถึงไม่มีส่วนลดนี้ราคาก็ยังถูกกว่าหลาย ๆ ที่ล่ะครับ) (ร้านเพิ่งเปิดเมื่อเดือน พฤศจิกายน 56 ที่ผ่านมานี่เองครับ)
อาหารในมื้อนี้ก็ค่อนข้างจะมีเยอะและหลากหลายประเภทมากครับ มาไล่เรียงกันไปทีละอย่างเลยละกัน
สลัดหนังปลาแซลมอน (Salmon Skin Salad - 260 บาท): สลัดจานใหญ๋ราคาไม่แพงให้หนังปลาแซลมอนมาค่อนข้างเยอะและก็ราดน้ำสลัดมาแบบกำลังดี ไม่ราดมาจนท่วมแบบบางร้านทำให้รสชาติหลัก ๆ ของสลัดจานนี้ยังคงมีความเป็นสลัดดีอยู่ กินแล้วได้รสชาติของวัตถุดิบแต่ละอย่างได้ค่อนข้างครบอยู่ สิ่งที่โดดเด่นในจานนี้ก็คงเป็นหนังปลาแซลมอนที่ทอดมาได้แบบกรอบ ๆ และก็ตัวสาหร่ายญี่ปุ่นสีแดง ๆ (ผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร) ที่แบบหนึบ ๆ เย็น ๆ อร่อยดีแท้ครับ
Kabocha Special Mini Don (390 บาท): ด้งจานนี้นี่เรียกได้ว่าคุ้มมาก ๆ ครับ น่าจะคุ้มที่สุดในด้งทั้งหลายที่ผมเคยกินมาในประเทศไทยล่ะ (แต่ว่าใช้ส่วนลด 25% ไม่ได้นะครับต้องจ่ายเต็ม) ตัวหน้าข้าวนั้นประกอบด้วยวัตถุดิบจากท้องทะเลทั้ง premium และ เกือบ ๆ premium หลากหลายมาก มีทั้ง otoro, uni, salmon, salmon roe, กุ้งหวาน, akami และ kampachi และหลายอย่างมา 2 ชิ้นด้วย จานนี้เอาจริง ๆ นี่แค่มี otoro กับ uni ,าให้นี่ก็คุ้มมาก ๆ แล้วล่ะครับ แต่นี่มีอย่างอื่นจัดมาให้แบบเยอะจนเต็มชามเลย และแต่ละอย่างนี่ก็ของดีหมดเลยไม่ได้เป็นของเกรด B แต่อย่างใด เพราะกินไปแต่ละคำนี่คือหวานอร่อย และสดดีมาก จานนี้แนะนำครับคุ้มสุด ๆ
รวมมิตร Blue Fin Tuna (Tokusen Hon-Maguro Setto - 550 บาท): เป็นอีกจานที่ทำราคามาได้ดีมาก ๆ ราคาเท่านี้นี่ไปกินที่อื่นนี่เผลอ ๆ ได้แค่ 2 คำแค่นั้นครับจานนี้ก็เลยเหมือนซื้อ 1 แถม 1 นั่นเอง และทุกอย่างทำออกมาได้ดีจริง ๆ sushi แอบไม่ใช่สไตล์ edomae เล็กน้อยแอบมีโปะวาซาบิดองมาให้ แอบมีบั้งเนื้อปลามาให้ดูสวย ๆ แต่ก็ไม่ได้แบบปั้นข้าวมาไม่สมดุลกับเนื้อปลาแบบบางร้านที่ผมล่ะไม่ชอบเลยจริง ๆ (เพราะมันทำลายความอร่อยของซูชิไปเยอะ) ข้าวปั้นมาดี + ปลาสด ๆ + วาซาบิดองที่เพิ่มความเผ็ดเล็กน้อยแบบนี้ แน่นอนครับแต่ละคำอร่อยไร้กังวัลอยู่แล้ว
Guru Guru (Salmon Skin Roll - 290 บาท): 1 ใน 2 Roll ในมื้อนี้เป็น roll ที่นำเอาเนื้อปลาแซลมอนไปเผามาแบบพอให้เปลี่ยนสีพอให้มีกลิ่นหอม, วางโปะมาด้วยหนังปลาแซลมอนทอดกรอบส่วนไส้ในก็ยัดเนื้อปลาไหลมา และทั้งหมดนี้ก็ราดมาด้วยมายองเนสและซอสเทอริยากิหวาน ๆ เป็นโรลที่อร่อยดีครับ ได้ทั้งความกรอบ, ความนุ่ม, ความมันและความหอมรวมกันอยู่ในแต่ละคำที่กินเข้าไป
Create Sushi: ในมื้อนี้มีซูชิสูตรพิเศษจากทางร้าน Kabocha Sushi มา 3 คำครับประกอบด้วย
- Hotate + Miso Foie Gras และไข่กุ้ง (150 บาท)
- Salmon เผาราดซอสมิโซะ Foie Gras และไข่กุ้ง (90 บาท)
- Hamachi เผาราด saikyo miso (110 บาท)
ทั้ง 3 คำนี้ถือว่าทำได้ดีครับ คือถ้าถามว่าไม่ได้ราดซอสมา, ไม่ได้ใส่อะไรมาเพิ่มจากหน้าซูชิแล้วจะยังอร่อยมั้ยผมก็คงตอบได้ว่าก็คงอร่อยโดยตัวมันเองแล้ว แต่คือสิ่งที่เพิ่มมาในซูชิแต่ละคำนี่ก็คือแบบมันลงตัวดีทำให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่กว่ากินแบบปกติ แต่ก็ไม่ได้ไปลดทอนความอร่อยลงไปแต่อย่างใดอะไรแบบนั้น
Foie Gras Roll (290 บาท): Roll จานที่ 2 และจานสุดท้ายในมื้อนี้ ก็เป็น roll ที่คล้ายไม่ค่อยจะคล้ายจานแรกนักเพราะจะมีรสสัมผัสน้อยกว่าเยอะคือมีแค่ความนุ่มกับความมันแค่นั้นแต่ก็เป็นอะไรที่นุ่มกว่าและมันกว่าแบบชัดเจนอร่อยกันไปคนละแบบ ตัวผิวนั้นเคลือบมาด้วยไข่กุ้ง ส่วนไส้ในนั้นอัดแน่นมาด้วย avocado และ Foie Gras ก็ราดซอสคล้าย ๆ มายองเนสและเทอริยากิมา (คล้าย ๆ roll จานแรกนี่แหละ) ก็กินกันได้เพลิน ๆ เติมเต็มกระเพาะได้อย่างลงตัวล่ะคัรบสำหรับโรลจานนี้
Sushi Set C (260 บาท): ชุด Sushi เบสิคของทางร้าน ก็ประกอบไปด้วยปลา local ทั้งหมดครับ (คือ local นี่ไม่ได้หมายถึงปลาไทยนะครับแต่หมายถึงปลาที่ไม่ได้นำเข้าจากญี่ปุ่น) มีแซลมอน, ปลากะพง, yellow fin tuna (มีแต่ส่วนเนื้อแดงครับปลาทูน่าสายพันธุ์นี้เนื่องจากว่าตัวเล็ก), ซาบะดอง, ปลาหมึกยักษ์, กุ้งต้มสุก และไข่หวาน ส่วนราคาก็คุ้มค่าตามความ local ของปลาไปด้วยล่ะครับ รสชาติจานนี้บอกตรง ๆ ว่าทำได้ดีกว่าซูชิปลา local ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมา และก็เรื่องความพิถีพิถันกว่าจะออกมาเป็นแต่ละคำอีก ปั้นมาดี บั้งปลามาสวย ก็ไม่แปลกที่รสชาติจะดีกว่าหลาย ๆ ร้านล่ะครับ
ของจากครัวเย็นก็หมดแล้วล่ะครับต่อไปก็เป็นครัวร้อนกันบ้าง
Salmon ย่างราดซอสเทริยากิ (Salmon Teriyaki - 170 บาท) กับ ปลาซาบะย่างราดซอสเทอริยากิ (Saba Teriyaki - 150 บาท): 2 อย่างนี้ไม่ได้หนีร้านอื่น ๆ สักเท่าไรครับ อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่เราจะคาดหวังจากร้านอาหารญี่ปุ่นดี ๆ สักร้านนึงอะไรแบบนั้น ปลาย่างมาหอม ๆ สุกกำลังดี, ราดซอสเทอริยากิมาค่อนข้างเยอะทำให้แต่ละคำที่กินแบบเคลือบไปด้วยซอสดี กินเพลิน ๆ สลับกับอาหารจากครัวเย็นได้อย่างลงตัวครับ
หัวปลาแซลมอนย่าง (220 บาท): ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเมนูที่ผมไม่เคยกินมาก่อน เปล่าครับไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินหัวปลาแซลมอนมาก่อน แต่คือผมไม่เคยกินหัวปลาแซลมอนหัวใหญ่ ๆ ที่เอาไปย่างมาทั้งหัวแบบนี้ต่างหากล่ะครับ คือทุกทีผมกินแต่แบบนึ่งและพอเป็นแบบนึ่งแล้วผมว่ามันขาดความหอมจากการย่างเนื้อปลาไป และก็แบบเนื้อมันแอบเละไปด้วยในบางที แต่แบบถ้าจะทำแบบย่างมันก็คงยากที่จะทำให้สุกอย่างทั่วถึง แถมยังต้องไปนั่งคุมนั่งเฝ้าไม่ให้ไหม้ไปอีก แต่ความลำบากนี่แหละที่แลกมากับ หัวปลาแซลมอนที่หอมมาก, เนื้อมันอร่อยเพราะเป็นเนื้อส่วนหัวปลาอยู่แล้ว และก็เนื้อนี่คือแบบยังเป็นก้อน ๆ ยังมีความหยุ่นอร่อยอยู่ คือบอกตรง ๆ ว่าจานนี้มาตอนสุดท้ายและพวกผมอิ่มกันแล้ว แต่ด้วยความแปลกและความอร่อยก็เลยทำให้เจาหัวปลาอันยักษ์นี้หายวับไปได้อย่างน่าประหลาดใจเหมือนกัน (แนะนำครับจานนี้)
สรุป ร้าน Kabocha Sushi - ร้านอาหารญี่ปุ่น, ร้านซูชิน้องใหม่ ร้านขนาดกลาง ๆ กำลังดี ณ ปากซอยลาดพร้าว 19 แห่งนี้ก็เป็นร้านที่ถือว่าทำการบ้านมาได้ดีกว่าร้านซูชิน้องใหม่หลาย ๆ ร้านล่ะครับ ก็สมกับที่เจ้าของร้านนี้เค้าเคยอยู่ญี่ปุ่นมานานมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างดี และยิ่งบวกกับเชฟมากประสบกาณณ์ที่เคยอยู่กับร้านซูชิชื่อดังร้านอื่นมาแล้ว บวกกับราคาอาหารที่ตั้งเอาไว้แบบเป็นมิตรต่อผู้บริโภคเหลือเกินอีก อืม ไม่น่าพลาดครับถ้าใครบ้านอยู่แถวลาดพร้าวหรือละแวกนี้และอยากจะหาร้านซูชิดี ๆ กินซักมื้อ ตัวผมเองถ้านึกถึงร้านซูชิราคาไม่แพงบรรยากาศเป็นกันเอง ร้าน Kabocha Sushi แห่งนี้ก็คงแว่บเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรก ๆ ได้ไม่ยากล่ะครับต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment