BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Friday, February 7, 2014

Kobocha Sushi Bangkok Review

Kabocha Sushi - Japanese Restaurant and Sushi Shop at Ladprao Soi 19, Bangkok

คาโบฉะ ซูชิ - ร้านอาหารญี่ปุ่น, ลาดพร้าวซอย 19 ซูชิ ปลาดิบ



Overall Score  8.5/10
Taste   4.5/5
Ambiance  3.5/5
Service  4/5
Value   4/5

Kabocha Sushi - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ร้าน Sushi ในบ้านเราก็ยังคงเปิดใหม่กันอย่างต่อเนื่อง เปิดกันอย่างไม่หยุดยั้ง จากเดิมที่กระจุกตัวกันอยู่แต่ในย่านทองหล่อ - เอกมัย ตอนนี้ร้านซูชิเฉพาะทางก็เริ่มกระจายตัวไปตามย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯกันแทบจะหมดแล้ว ฝั่งธน? check , รามอินทรา? check , เลียบด่วน? check และร้านในรีวินี้ก็เป็นอีกร้านที่เปิดตัวในย่านใหม่ที่ยังไม่เคยมีร้านซูชิเฉพาะทาง, ร้านอาหารญี่ปุ่นเน้นปลาดิบเปิดมาก่อนกับย่านลาดพร้าวช่วงต้น ๆ กับร้าน Kabocha Sushi แห่งนี้นี่เอง! ร้านนี้ตั้งอยู่ปากซอยลาดพร้าว 19 อยู่บนถนนลาดพร้าวช่วงระหว่างเซ็นทรัลลาดพร้าวกับสี่แยกที่ตัดกับรัชดาพอดิบพอดี และถ้าใครที่สะดวกกับการนั่งรถไฟฟ้ามากกว่าร้านนี้ก็เดินทางสะดวกโยธินสุด ๆ เพราะว่าอยู่บนทางออกสถานีรถไฟใต้ดิน (MRT) ลาดพร้าวพอดิบพอดีเลย แต่ว่าถ้าใครขับรถมาร้านก็มีที่จอดรถให้อยู่หลายคัน จะเดินทางมาด้วยวิธีไหนก็สะดวกโยธินหมด

คำว่า Kabocha นั้นแปลว่าฟักทอง และสาเหตุที่ทางร้านตั้งชื่อร้านแบบนี้เพราะว่าฟักทองนั้นเป็นผลไม้มงคลของคนญี่ปุ่น และผมว่าชื่อนี้ก็ดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะครับดูเป็นญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นดี และเนื่องด้วยฟักทองนั้นมีเนื้อเป็นสีเหลือง theme หลักของร้านนี้ก็เลยเป็นสีเหลืองตามผลไม้มงคลลูกยักษ์นี้ไปด้วย ร้านนี้เป็นร้านขนาดไม่ค่อยใหญ่นัก แบ่งที่นั่งออกเป็น 2 zone โดยประมาณคือโต๊ะแบบธรรมดาที่จะมีเยอะหน่อยประมาณ 10 โต๊ะและก็ที่นั่งตรง counter bar (sushi bar) อีกประมาณ 5 ที่นั่ง ก็เป็นร้านซูชิขนาดกลาง ๆ คล้าย ๆ กับร้านส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯที่เปิด ๆ ตัวกันมาไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างนัก






เมนูอาหารของร้าน Kabocha Sushi แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะมีอาหารครบจนสามารถเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นมาตรฐานร้านนึงได้เลยนะครับ อาหารมีทั้งอาหารจากครัวร้อนและครัวเย็น แต่ก็แน่นอนว่าจะเน้นตัวครัวเย็นเป็นหลัก อาหารจากครัวเย็นก็จะมีทั้งซูชิ (ที่มีหน้าให้เลือกเยอะพอ ๆ กับร้านใหญ่ ๆ) , ซาซิมิ, roll, creation sushi หรือซูชิสูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง และสลัด ส่วนอาหารจากครัวร้อนก็จะมีอาหารญี่ปุ่นแบบมาตรฐานทั่วไป เช่น ปลาย่าง, ปลานึ่ง อะไรประมาณนี้ อาหารจากครัวร้อนมีไม่เยอะนักแต่ก็มีแบบประมาณว่าให้กับคนที่ไม่กินของดิบ หรือคนที่กินของดิบได้ไม่มาก ซึ่งคนไทยมีหลายคนเหมือนกันนะครับที่เป็น 2 แบบหลังนี้ (อันนี้จากถ้อยคำของเจ้าของร้านหลาย ๆ คนที่ผมเคยคุยมา แต่พวกเพื่อน ๆ ผมแต่ละคนนี่กินของดิบกันได้ไม่มีเบื่อทุกคนเลย ฮ่า ๆ)

ราคาอาหารของร้านนี้ก็ค่อนข้างจะคุ้มค่ากว่าหลาย ๆ ร้านช่วงหลังที่ผมได้กินมา คือ ซูชิที่ไม่ใช่ของ premium มากก็จะประมาณคำละ 80 - 150 บาทส่วนที่ premium ๆ หน่อยเช่น ไข่หอยเม่น, โอโทโร่ ก็จะถูกกว่าร้านอื่นประมาณ 10 - 20% และยิ่งบวกกับส่วนลดค่าอาหาร 25% และการไม่มี vat มาบวกเพิ่มอีก 7% ด้วยก็เลยกลายเป็นถูกกว่าที่อื่นไป 40-50% สบาย ๆ (แต่ก็นะลดทุกเมนู 25% นี่ไม่รู้จะหมดเมื่อไรเหมือนกัน แต่ถึงไม่มีส่วนลดนี้ราคาก็ยังถูกกว่าหลาย ๆ ที่ล่ะครับ) (ร้านเพิ่งเปิดเมื่อเดือน พฤศจิกายน 56 ที่ผ่านมานี่เองครับ)




อาหารในมื้อนี้ก็ค่อนข้างจะมีเยอะและหลากหลายประเภทมากครับ มาไล่เรียงกันไปทีละอย่างเลยละกัน

สลัดหนังปลาแซลมอน (Salmon Skin Salad - 260 บาท): สลัดจานใหญ๋ราคาไม่แพงให้หนังปลาแซลมอนมาค่อนข้างเยอะและก็ราดน้ำสลัดมาแบบกำลังดี ไม่ราดมาจนท่วมแบบบางร้านทำให้รสชาติหลัก ๆ ของสลัดจานนี้ยังคงมีความเป็นสลัดดีอยู่ กินแล้วได้รสชาติของวัตถุดิบแต่ละอย่างได้ค่อนข้างครบอยู่ สิ่งที่โดดเด่นในจานนี้ก็คงเป็นหนังปลาแซลมอนที่ทอดมาได้แบบกรอบ ๆ และก็ตัวสาหร่ายญี่ปุ่นสีแดง ๆ (ผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร) ที่แบบหนึบ ๆ เย็น ๆ อร่อยดีแท้ครับ








Kabocha Special Mini Don (390 บาท): ด้งจานนี้นี่เรียกได้ว่าคุ้มมาก ๆ ครับ น่าจะคุ้มที่สุดในด้งทั้งหลายที่ผมเคยกินมาในประเทศไทยล่ะ (แต่ว่าใช้ส่วนลด 25% ไม่ได้นะครับต้องจ่ายเต็ม) ตัวหน้าข้าวนั้นประกอบด้วยวัตถุดิบจากท้องทะเลทั้ง premium และ เกือบ ๆ premium หลากหลายมาก มีทั้ง otoro, uni, salmon, salmon roe, กุ้งหวาน, akami และ kampachi และหลายอย่างมา 2 ชิ้นด้วย จานนี้เอาจริง ๆ นี่แค่มี otoro กับ uni ,าให้นี่ก็คุ้มมาก ๆ แล้วล่ะครับ แต่นี่มีอย่างอื่นจัดมาให้แบบเยอะจนเต็มชามเลย และแต่ละอย่างนี่ก็ของดีหมดเลยไม่ได้เป็นของเกรด B แต่อย่างใด เพราะกินไปแต่ละคำนี่คือหวานอร่อย และสดดีมาก จานนี้แนะนำครับคุ้มสุด ๆ

รวมมิตร Blue Fin Tuna (Tokusen Hon-Maguro Setto - 550 บาท): เป็นอีกจานที่ทำราคามาได้ดีมาก ๆ ราคาเท่านี้นี่ไปกินที่อื่นนี่เผลอ ๆ ได้แค่ 2 คำแค่นั้นครับจานนี้ก็เลยเหมือนซื้อ 1 แถม 1 นั่นเอง และทุกอย่างทำออกมาได้ดีจริง ๆ sushi แอบไม่ใช่สไตล์ edomae เล็กน้อยแอบมีโปะวาซาบิดองมาให้ แอบมีบั้งเนื้อปลามาให้ดูสวย ๆ แต่ก็ไม่ได้แบบปั้นข้าวมาไม่สมดุลกับเนื้อปลาแบบบางร้านที่ผมล่ะไม่ชอบเลยจริง ๆ (เพราะมันทำลายความอร่อยของซูชิไปเยอะ) ข้าวปั้นมาดี + ปลาสด ๆ + วาซาบิดองที่เพิ่มความเผ็ดเล็กน้อยแบบนี้ แน่นอนครับแต่ละคำอร่อยไร้กังวัลอยู่แล้ว









Guru Guru (Salmon Skin Roll - 290 บาท): 1 ใน 2 Roll ในมื้อนี้เป็น roll ที่นำเอาเนื้อปลาแซลมอนไปเผามาแบบพอให้เปลี่ยนสีพอให้มีกลิ่นหอม, วางโปะมาด้วยหนังปลาแซลมอนทอดกรอบส่วนไส้ในก็ยัดเนื้อปลาไหลมา และทั้งหมดนี้ก็ราดมาด้วยมายองเนสและซอสเทอริยากิหวาน ๆ เป็นโรลที่อร่อยดีครับ ได้ทั้งความกรอบ, ความนุ่ม, ความมันและความหอมรวมกันอยู่ในแต่ละคำที่กินเข้าไป

Create Sushi: ในมื้อนี้มีซูชิสูตรพิเศษจากทางร้าน Kabocha Sushi มา 3 คำครับประกอบด้วย
- Hotate + Miso Foie Gras และไข่กุ้ง (150 บาท)
- Salmon เผาราดซอสมิโซะ Foie Gras และไข่กุ้ง (90 บาท)
- Hamachi เผาราด saikyo miso (110 บาท)
ทั้ง 3 คำนี้ถือว่าทำได้ดีครับ คือถ้าถามว่าไม่ได้ราดซอสมา, ไม่ได้ใส่อะไรมาเพิ่มจากหน้าซูชิแล้วจะยังอร่อยมั้ยผมก็คงตอบได้ว่าก็คงอร่อยโดยตัวมันเองแล้ว แต่คือสิ่งที่เพิ่มมาในซูชิแต่ละคำนี่ก็คือแบบมันลงตัวดีทำให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่กว่ากินแบบปกติ แต่ก็ไม่ได้ไปลดทอนความอร่อยลงไปแต่อย่างใดอะไรแบบนั้น











Foie Gras Roll (290 บาท): Roll จานที่ 2 และจานสุดท้ายในมื้อนี้ ก็เป็น roll ที่คล้ายไม่ค่อยจะคล้ายจานแรกนักเพราะจะมีรสสัมผัสน้อยกว่าเยอะคือมีแค่ความนุ่มกับความมันแค่นั้นแต่ก็เป็นอะไรที่นุ่มกว่าและมันกว่าแบบชัดเจนอร่อยกันไปคนละแบบ ตัวผิวนั้นเคลือบมาด้วยไข่กุ้ง ส่วนไส้ในนั้นอัดแน่นมาด้วย avocado และ Foie Gras ก็ราดซอสคล้าย ๆ มายองเนสและเทอริยากิมา (คล้าย ๆ roll จานแรกนี่แหละ) ก็กินกันได้เพลิน ๆ เติมเต็มกระเพาะได้อย่างลงตัวล่ะคัรบสำหรับโรลจานนี้

Sushi Set C (260 บาท): ชุด Sushi เบสิคของทางร้าน ก็ประกอบไปด้วยปลา local ทั้งหมดครับ (คือ local นี่ไม่ได้หมายถึงปลาไทยนะครับแต่หมายถึงปลาที่ไม่ได้นำเข้าจากญี่ปุ่น) มีแซลมอน, ปลากะพง, yellow fin tuna (มีแต่ส่วนเนื้อแดงครับปลาทูน่าสายพันธุ์นี้เนื่องจากว่าตัวเล็ก), ซาบะดอง, ปลาหมึกยักษ์, กุ้งต้มสุก และไข่หวาน ส่วนราคาก็คุ้มค่าตามความ local ของปลาไปด้วยล่ะครับ รสชาติจานนี้บอกตรง ๆ ว่าทำได้ดีกว่าซูชิปลา local ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมา และก็เรื่องความพิถีพิถันกว่าจะออกมาเป็นแต่ละคำอีก ปั้นมาดี บั้งปลามาสวย ก็ไม่แปลกที่รสชาติจะดีกว่าหลาย ๆ ร้านล่ะครับ






ของจากครัวเย็นก็หมดแล้วล่ะครับต่อไปก็เป็นครัวร้อนกันบ้าง

Salmon ย่างราดซอสเทริยากิ (Salmon Teriyaki - 170 บาท) กับ ปลาซาบะย่างราดซอสเทอริยากิ (Saba Teriyaki - 150 บาท): 2 อย่างนี้ไม่ได้หนีร้านอื่น ๆ สักเท่าไรครับ อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่เราจะคาดหวังจากร้านอาหารญี่ปุ่นดี ๆ สักร้านนึงอะไรแบบนั้น ปลาย่างมาหอม ๆ สุกกำลังดี, ราดซอสเทอริยากิมาค่อนข้างเยอะทำให้แต่ละคำที่กินแบบเคลือบไปด้วยซอสดี กินเพลิน ๆ สลับกับอาหารจากครัวเย็นได้อย่างลงตัวครับ







หัวปลาแซลมอนย่าง (220 บาท): ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเมนูที่ผมไม่เคยกินมาก่อน เปล่าครับไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินหัวปลาแซลมอนมาก่อน แต่คือผมไม่เคยกินหัวปลาแซลมอนหัวใหญ่ ๆ ที่เอาไปย่างมาทั้งหัวแบบนี้ต่างหากล่ะครับ คือทุกทีผมกินแต่แบบนึ่งและพอเป็นแบบนึ่งแล้วผมว่ามันขาดความหอมจากการย่างเนื้อปลาไป และก็แบบเนื้อมันแอบเละไปด้วยในบางที แต่แบบถ้าจะทำแบบย่างมันก็คงยากที่จะทำให้สุกอย่างทั่วถึง แถมยังต้องไปนั่งคุมนั่งเฝ้าไม่ให้ไหม้ไปอีก แต่ความลำบากนี่แหละที่แลกมากับ หัวปลาแซลมอนที่หอมมาก, เนื้อมันอร่อยเพราะเป็นเนื้อส่วนหัวปลาอยู่แล้ว และก็เนื้อนี่คือแบบยังเป็นก้อน ๆ ยังมีความหยุ่นอร่อยอยู่ คือบอกตรง ๆ ว่าจานนี้มาตอนสุดท้ายและพวกผมอิ่มกันแล้ว แต่ด้วยความแปลกและความอร่อยก็เลยทำให้เจาหัวปลาอันยักษ์นี้หายวับไปได้อย่างน่าประหลาดใจเหมือนกัน (แนะนำครับจานนี้)

สรุป ร้าน Kabocha Sushi - ร้านอาหารญี่ปุ่น, ร้านซูชิน้องใหม่ ร้านขนาดกลาง ๆ กำลังดี ณ ปากซอยลาดพร้าว 19 แห่งนี้ก็เป็นร้านที่ถือว่าทำการบ้านมาได้ดีกว่าร้านซูชิน้องใหม่หลาย ๆ ร้านล่ะครับ ก็สมกับที่เจ้าของร้านนี้เค้าเคยอยู่ญี่ปุ่นมานานมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างดี และยิ่งบวกกับเชฟมากประสบกาณณ์ที่เคยอยู่กับร้านซูชิชื่อดังร้านอื่นมาแล้ว บวกกับราคาอาหารที่ตั้งเอาไว้แบบเป็นมิตรต่อผู้บริโภคเหลือเกินอีก อืม ไม่น่าพลาดครับถ้าใครบ้านอยู่แถวลาดพร้าวหรือละแวกนี้และอยากจะหาร้านซูชิดี ๆ กินซักมื้อ ตัวผมเองถ้านึกถึงร้านซูชิราคาไม่แพงบรรยากาศเป็นกันเอง ร้าน Kabocha Sushi แห่งนี้ก็คงแว่บเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรก ๆ ได้ไม่ยากล่ะครับต่อไป


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...