Overall Score 8.5/10
Taste 4/5
Ambiance 5/5
Service 4/5
Value 4/5
Red Oven - International Buffet Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ช่วง 2-3 เดือนนี้รีวิว Sunday Brunch กันมาเยอะแล้ว มาฉบับนี้ขอรีวิว Saturday Brunch กันบ้างละกันครับกับ Weekend Wine Brunch ณ ห้องอาหาร Red Oven ของโรงแรม Sofitel So Bangkok โรงแรม Chic ๆ สุดเก๋ในทำเลที่ยากจะหาที่ไหนแหล่มเท่าแห่งนี้ ผมเองยังไม่เคยมารีวิวห้องอาหารที่นี่เลยก็ขอเขียนภาพรวมของห้องอาหารของที่นี่ก่อนเลย
ที่โรงแรม Sofitel So Bangkok แห่งนี้จะมีห้องอาหารหลัก ๆ อยู่ 2 ห้องคือ Red Oven และ Park Society และก็จะมีอีก 1 ห้อง Cafe นามว่า Chocolab โดยห้อง Red Oven นั้นจะเป็นห้องอาหารแบบ all-day-dining ประจำโรงแรม เสิร์ฟอาหารบุฟเฟ่ต์ 3 มื้อ และก็สามารถสั่งอาหารแบบ a la carte ได้ทั้งวัน ส่วนห้อง Park Society นั้นจะเป็นห้องอาหารแบบ luxury ประจำโรงแรมตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุด ของโรงแรม (ถ้ามีโอกาสได้ไปรีวิวจะมาเขียนให้อ่านกันนะครับ) ซึ่งรีวิวฉบับนี้เป็นตัว Weekend Wine Brunch เราก็จะไปกันที่ห้องอาหาร Red Oven กันครับ
ห้องอาหาร Red Oven แห่งนี้ก็เป็นตัวแทนธาตุไฟของทางโรงแรม ที่สร้างโดยต้องการอิงกับธาตุทั้ง 5 ในธรรมชาติ และที่มาของชื่อร้านนั้นก็มาจากตัวเตาปรุงอาหารขนาดใหญ่สีแดง ที่ทางโรงแรมบอกว่าแพงมากและเป็นเตาปรุงอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นเตาหลักที่จะวางพวกอาหารจานร้อน พร้อมเป็นโซนปรุงอาหารร้อน ๆ ของห้องนี้ในมื้อบุฟเฟ่ต์ด้วย ห้องอาหารนี้สำหรับแขกทั่วไปก็จะมีมื้อที่น่าสนใจแบ่งได้เป็น 6 ประเภทครับ
- Buffet Lunch THB 900++ ให้บริการวันธรรมดา 12.00 - 14.30 น.
- So Green & Cold Cut Buffet THB 570++ ให้บริการวันธรรมดา 12.00 - 14.30 น.
- Buffet Dinner THB 1,200++ บาท ให้บริการทุกวัน 18.00 - 22.30 น.
- Dessert Buffet THB 480++ บาท ให้บริการทุกวัน ยกเว้นช่วง Weekend Brunch
- Saturday Weekend Wine Brunch ให้บริการ 12.00 - 15.00 น. ราคา THB 1,400++ บาท พร้อมเครื่องดื่ม soft drink และชาสมุนไพร , THB 1,700++ บาทจะได้ unlimited wines (ไวน์ขาว, ไวน์แดง, sparkling wine) เพิ่มเข้ามา
- Sunday Weekend Wine Brunch ให้บริการ 12.00 - 15.00 น. ราคา THB 1,600++ บาท และ THB 1,900++ บาท โดยแตกต่างกันที่ไวน์ที่เพิ่มเข้ามาเหมือนในวันเสาร์ และจะมีอาหารให้เลือกเยอะกว่าวันเสาร์เล็กน้อยโดยจะเป็นพวก seafood ที่จะเพิ่มเติมเข้ามา
ซึ่งตัวห้องอาหารนี้ในวันเสาร์ที่ผมไปก็สามารถแบ่งโซนได้เป็น 8 โซน ซึ่งทางโรงแรมได้มีการตั้งชื่อเอาไว้หมดและจะมีคำว่า SO นำหน้าแต่ละโซนเพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ด้วย ก็มาไล่เรียงกันไปแต่ละโซนละกันนะครับ
- SOVEN หรือโซนที่เมื่อเดินเข้าร้านมาก็จะเจอเลย โซนนี้จะเป็นอาหารจานร้อนทั้งหลายแหล่ มาวางเรียงกันอยู่บนเตา Red Oven ขนาดใหญ่ โดยอาหารที่เราสามารถหยิบตักกันได้เองเลยก็จะมี หมูแดง, หมูกรอบ, เกี๊ยวกุ้ง, ผักกวางตุ้งผักน้ำมันหอย, Lamb with Apricot, Fruity Pork Steaks, Eggs Benedict, Pizza ประมาณนี้ คือเรียกได้ว่าเป็นที่รวมรวมอาหารจานร้อนแบบย่อม ๆ เลยล่ะ ส่วนอาหารสั่งทำก็จะมี ก๋วยเตี๋ยวน้ำแบบจีน (บะหมี่หมูแดง, เกี๊ยวน้ำ ฯลฯ) , พาสต้า ที่มีเส้นกับซอสให้เลือกค่อนข้างจะมาตรฐานไม่หนีจากที่อื่นมากนัก เส้นก็จะมี fettucini, penne, spaghetti ส่วนซอสก็จะมี tomato, arrabiata, carbonara, bolognese, garlic ประมาณนี้ ยังครับยังไม่หมด เรายังสามารถสั่ง roasted beef , leg of lamb และ foie gras ได้อีกด้วย อืม แค่โซน SOVEN นี่โซนเดียวเอาจริง ๆ ก็สามารถเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ย่อม ๆ ได้แล้วล่ะครับว่ามั้ย?
- SOCEAN หรือโซนอาหารทะเล โซนนี้ไม่ได้หนีจากที่อื่นมากนักครับ มีหอยนางรมนำเข้าให้เลือก 3 ชนิด, หองแมลงภู่นิวซีแลนด์, ก้ามปูอลาสก้า, กั้งกระดาน (rock lobster), กุ้งทะเล ประมาณนี้ แต่ว่าโซนนี้ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลนี่สิครับ มีพวกอาหารไทยแบบเย็น ๆ อยู่ด้วย เช่นพวก ลาบหมู, ส้มตำ, ยำ อะไรพวกนี้ เคียงคู่กันไปกับ อาหารเย็นแบบฝรั่งเช่น smoked salmon, smoked ham อะไรแบบนี้
- SODELI โซนนี้ก็จะเป็นพวกขนมปังครับ ผมเห็นว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ คนไทยคงไม่ได้นิยมกินกันสักเท่าไรนัก (ดูจากผมและเพื่อน ๆ ก็ขอไม่ลงรายละเอียดละกันนะครับ)
- SOCHEESE โซนนี้ก็จะมีชีสให้เลือกพอประมาณ ประมาณ 6-8 อย่าง (พอดีไม่ได้ชิมเลย เลยไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง รสชาติเป้นยังไง) เคียงคู่กันไปกับพวก cold cut สไตล์ Italian และสลัดผักแบบตะวันตก โซนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไรทั้งในหมู่โต๊ะผมและโต๊ะอื่น ๆ ดูไม่ค่อยมีคนเดินไปตักกันสักเท่าไรครับ
- SOSWEET โซนนี้ทีเด็ดเลยครับ เจ๋งมาก ๆ อย่างแรกเลยคือ ทางห้องอาหาร Red Oven แห่งนี้ใช้ตู้ไอศครีมจริง ๆ (ซาบซึ้งมาก กินมาหลายที่ 90% ใช้เป็นถังน้ำแข็งมาแช่ไอศครีมทั้งนั้น และทำให้ไอศครีมเละจนน่าเสียดายรสชาติมันไป) และมีไอศครีมให้เลือกหลากหลายรสชาติมาก ๆ เยอะกว่าหลาย ๆ ที่และทางโรงแรมบอกว่าเป็น homemade ทั้งหมด รวมถึงมีการเปลี่ยนรสชาติไปเรื่อย ๆ วันต่อวันอีกด้วย โดยไอศครีมไม่ได้มีแค่ตักมาเป็นก้อนกลม ๆ วางบนถ้วยแล้วจบแค่นั้นด้วยครบั เราสามารถสั่งให้ทางพนักงาน "ผัด" ไอศครีมให้เราบนแผ่นหินแช่เย็น โดยคลุกเคล้ากับพวก topping ทั้งหลายแหล่ที่มีให้เลือกร่วม 10 ชนิด หรือว่าจะเติม topping นี่กันเองทีหลังก็ได้ เคียงข้างตู้ไอศครีมก็จะมีของหวานสไตล์ตะวันตกให้เลือกตักมากมาย ทั้ง fruit tart, brownie, chocolate fondue, macaron, cup cake, chocolate mousse, Chocolate cake, creme caramel, etc. คือแบบ เยอะอลังการมาก ๆ ของหวานของที่นี่
- SOMMELIER : โซนนี้ก็จะเป็นที่ตั้งของไวน์ร้อยพ่อพันแม่เค้าล่ะครับ มีไวน์ให้เลือกเยอะมาก ๆ ถ้าเราไม่ชอบไวน์แบบ free flow ของทางห้องอาหารเราก็สามารถมาเลือกมาสั่งเปิดขวดกันได้เองเพิ่มเติม
- SOSHI : โซนนี้จะเป็นโซนปลาดิบครับ จะมีพ่อครัวยืนประจำตู้อยู่ตลอดเวลา โดยเราสามารถสั่งให้ทำตัว Sashimi, Sushi, Roll ได้หมดเลย ปลาที่มีให้เลือกก็จะมี ปลาไท้, Salmon, ซาบะ, Hamachi, ปลาหมึกยักษ์, crabstick ประมาณนี้ (ผมจงใจเขียนสลับไทยอังกฤษนะครับ สังเกตมั้ย ฮ่า ๆ)
- SOROBATA : (Robata แปลว่า ปิ้งย่าง โดยประมาณ) โซนสุดท้ายของห้องนี้ก็จะเป็นที่ตั้งของครัวร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ที่ให้เราเลือกตักได้เองก็จะมีเทมปุระ (กุ้ง, ปลาหมึก, ผัก) กับซุปมิโสะแค่นั้น ที่เหลือจะเป็นแบบสั่งให้พ่อครัวเค้าปรุงให้ ก็จะมี Australian Beef Sirloin, Lamb, Pork, Chicken, Salmon, Tiger Prawn ประมาณนี้ครับ อ้อ โซนอาหารญี่ปุ่น 2 โซนนี้เรียกได้ว่าปลีกตัวออกมาจากโซนหลักค่อนข้างไกลครับพวกผมที่นั่งอยู่โซนหลักเวลามาตักอาหารญี่ปุ่นนี่เดินกันเหนื่อยเลยทีเดียว
สิ่งแรกที่รู้สึกชอบหลังจากเดินดูไลน์อาหารของที่ Red Oven แห่งนี้คือ "ความสวยงาม" ครับ คือแบบโรงแรมนี้เนื่องจากเป็นโรงแรมใหม่ และมีการจ้างสถาปนิกฝรั่งเศสมาเป็นผู้ออกแบบโรงแรมทั้งหมด ก็เลยทำให้ "ทุก ๆ อย่าง" ของทางโรงแรมนั้นสวยมีสไตล์หมด ไล่กันมาตั้งแต่ตัว lobby เลย ไลน์อาหารของที่นี่ผมไม่แน่ใจว่าทางสถาปนิกมาคุมด้วยรึเปล่า แต่คือทุก zone , ทุกซุ้ม ผมรู้สึกว่ามันเก๋ มีสไตล์ ดู chic , ดู modern ไม่เหมือนที่อื่นอย่างมากเลย ซึ่งสิ่งนี้มันเป็นการส่งเสริมทำให้อาหารดูน่ากินน่าตักมากขึ้นเหมือนกันนะเนี่ย
ส่วนบรรยากาศของที่ Red Oven แห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของทางโรงแรมด้วยก็ว่าได้ครับ ตัวห้องอาหารตั้งอยู่ ณ ชั้น 7 ของทางโรงแรม จะเห็นวิวสวย ๆ ของสวนลุมพินี ที่มีตึกระฟ้าเป็นฉากหลัง วิวอันแสนจะเป็นเอกลักษณ์ของทางโรงแรมนี้ พร้อมที่นั่งแบบ al fresco dining ด้านนอกที่จะเห็นวิวถนนสาทรได้ด้วย หรือว่าจะไปนั่งในโซนอาหารญี่ปุ่นก็เก๋ไก๋ไปอีกแบบครับ อืม ออกแบบดีจริง ๆ ครับที่นี่
อาหารในมื้อนี้พวกผมก็ได้ลองกันไปค่อนข้างมากครับ ที่ชอบที่สุดในมื้อนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นตัว Sashimi ของทางร้าน ซาซิมินี่บอกตรง ๆ ว่าแม้ว่าจะมีให้เลือกแค่ไม่กี่อย่าง แต่ทุกอย่างไม่ว่าจะ Saba, Salmon, Hamachi, Tai, Tako นี่คุณภาพระดับ premium เลย ทั้งสีสันเนื้อ, การแล่เนื้อปลาของคนครัว และความสดของมัน คือแบบถ้าใครชอบปลาดิบมากินแค่นี้ก็คุ้มแล้วล่ะครับ เพราะถ้าคุณภาพขนาดนี้ไปสั่งตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปจานนึงก็ประมาณ 700 - 1,000 บาทได้แล้วล่ะ (ซึ่งผมกินไป 3 จาน!)
ที่ชอบรองลงมาก็คงเป็นของหวานครับ ของหวานหน้าตาสวยงาม มีให้เลือกเยอะ และก็รสชาติดีมากซัก 80% พวกผม enjoy ของหวานกันค่อนข้างมากเลย เดินไปหยิบ ไปเลือกกันหลายรอบเลย ส่วนอาหารที่เหลืออาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่า 2 อย่างนี้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำได้ดีสมราคาหมดครับ ไม่ว่าจะ Foie Gras, Pasta, Lamb, cold seafood หรืออะไรต่าง ๆ กินได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ เลย
สรุป Saturday Brunch ณ Red Oven - Sofitel So Bangkok มื้อนี้ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างโดนใจพวกผมเลย บรรยากาศห้องอาหารสุดยอดหาที่ใดเทียม, อาหารหมวดโดดเด่นก็โดดเด่นจริง ๆ (ปลาดิบกับของหวาน) และราคาก็ไม่แพงแค่ 1,700++ แค่นั้น อืม อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนชอบจัดหนักจัดเต็มกับบุฟเฟ่ต์แบบ premium ล่ะครับ สำหรับที่นี่
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment