BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Tuesday, January 22, 2013

In The Mood For Love One Review

In The Mood For Love : ONE - Japanese Restaurant Sushi & Sake Bar at Ekamai Soi 1 Sukhumvit 63, Bangkok





Overall Score  8.5/10
Taste   4.5/5
Ambiance  5/5
Service  4.5/5
Value   3/5

In The Mood For Love ONE - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้านเน้น Roll หรือข้าวปั้นมากกว่าอาหารอย่างอื่นใดอย่างใดในเมนูของร้านในเมืองไทยนั้นก็มีอยู่ไม่ค่อยเยอะครับ เท่าที่ผมนึกออกและเคยไปกินมาก็จะมีร้าน Rainbow Roll Sushi , ISAO , Koken และร้าน In The Mood For Love - สุขุมวิท 36 แค่นั้นเอง สำหรับตัวผมเอง ก่อนหน้าที่จะไปกินร้าน Roll พวกนี้ก็เคยกิน roll จากร้านอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ มาหลายร้านแต่ไม่เคยเข้าใจซักทีว่ามันอร่อยตรงไหน ทำไมถึงต้องทำเมนูอะไรพวกนี้กันมา จนกระทั่งได้เริ่ม ๆ มากินร้าน roll แบบเน้น roll จริง ๆ 4 ร้านที่ว่านี้ก็เลยเริ่มจะเข้าถึงนิพพานแห่ง roll ขึ้นมาเล็กน้อย และเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอเมริกัน หรือ ตะวันตก ว่าทำไมถึงชอบสั่งกันนัก และมีเมนูอะไรกันเยอะแยะมากมายเหลือเกิน

สำหรับร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านสาขา 2 ของร้าน "อยู่ในอารมณ์รัก" ชื่อร้านเก๋ ๆ ที่มาจากชื่อหนังที่น่าจะดังอยู่ในระดับนึงนั่นเอง (แต่ผมไม่เคยดู) ร้านสาขาของร้านอยู่ในอารมณ์รักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ เอกมัย ซอย 1 ชื่อร้านเลยมีคำว่า One พ่วงท้ายมาให้เก๋ ๆ ให้ต่างจากร้านสาขาแรก (คือหลายคนอาจจะสับสน (รวมถึงผมด้วย) ว่าเจ้าเอกมัยซอย 1 เนี่ยมันอยู่ต้น ๆ ถนนเอกมัย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่นะครับ ต้น ๆ ซอยนั้นจะเป็นซอยของ parklane เอง, ถัดมาหน่อยก็จะเป็นซอยส่วนบุคคลชื่อ ถนนอาเขต อะไรสักอย่าง ส่วนซอย 1 นี่จะอยู่เกือบ ๆ กลางถนนเลย ตรงข้ามกับ Healthland) ตัวร้านนั้นเป็นบ้านพักอาศัยมาดัดแปลงใหม่เป็นร้านอาหารอันสวยงาม และมีที่จอดรถค่อนข้างพร้อมกว่าร้านเก่า (ร้านเก่าก็สวยเหมือนกันครับ แต่รู้สึกจะเล็กกว่าร้านสาขา 2 นี้หน่อย และก็ที่จอดรถจะอยู่ไกลมากต้องไปจอดแล้วนั่งรถรับส่งมา)







บรรยากาศของร้าน In The Mood for Love One นี้บอกตรง ๆ ว่ามัน สวยสดงดงาม วิจิตร ชดช้อย มาก ๆ ครับ เป็นร้านที่ตกแต่งได้สวยงามไม่แพ้ร้านเทพ ๆ ที่ผมเคยเจอมาเลย ตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยโต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะแบบโต๊ะ (แล้วมันไม่โต๊ะแบบไม่โต๊ะด้วย?) และก็จะมี sushi bar , bar เครื่องดื่มที่มีที่นั่งอีกเล็กน้อย แบบบาร์ ๆ ด้วย (ตามสไตล์คนไทยที่ชอบนั่งโต๊ะกัน) ตัวเจ้าของร้านแห่งนี้ (ทั้ง 2 สาขา) เพื่อนผมที่เป็นขาประจำบอกว่าเค้าเคยเป็น Bartender เทพที่ไหนมาก่อนสักที ทำให้เครื่องดื่มของร้านนี้ก็เลยจะค่อนข้างเจ๋งพอตัว ซึ่งมื้อนี้ เพื่อนผู้หญิงที่ไปด้วยกัน 2 คนก็ช่วยสั่งมาให้ผมถ่ายรูป ได้ชิมอยู่ 3 แก้วครับ มี In the mood for love @ ONE - 260 บาท, Try Run - 260 บาท และ Sangria Square - 260 บาท ทั้ง 3 แก้วนี้ผมก็จิบ ๆ ชิม ๆ ไปนิดหน่อย ก็รู้สึกว่าอร่อยดี แต่เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยแรงเท่าไร ไม่ค่อยมี alcohol นัก เหมือนแบบกะทำมาให้คุณผู้หญิงดื่มกันเก๋ ๆ แค่นั้น (แต่พอดี เพื่อนผู้หญิงผมเป็นคอเหล้า ฮ่า ๆ) ส่วนเครื่องดื่มของผมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเทพของ Bartender นักเพราะเป็น Asahi Pint - 200 บาท จำนวน 3 แก้ว ซึ่งก็อร่อยตามประสาเบียร์สด Asahi ในไทย แต่ก็ไม่อร่อยเท่า Asahi Draft Beer ที่ญี่ปุ่น เช่นเคย

อาหารของทางร้าน In The Mood For Love One แห่งนี้ ผมไม่แน่ใจว่ายกแม่พิมพ์มาจากร้านสาขาแรกตรงสุขุมวิท 36 เลยรึเปล่า แต่จากที่พลิก ๆ เมนูดูแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้น อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นอาหารญี่ปุ่นแนว modern ๆ หน่อย มีอาหารหลายตัวที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยกินที่ร้านอื่น คือแม้ว่าผมจะบอกว่าร้านนี้เน้น roll เป็นหลัก แต่จริง ๆ roll ก็เป็นเพียงเสี้ยวนึงของรายการอาหารของทางร้านเท่านั้น (แต่แค่พอดีร้านนี้เค้าดังเรื่อง roll และชอบ promote roll ตัวเองนั่นเอง) อาหารอย่างอื่น ๆ จะมีทั้งพวกแนว กับแกล้ม (เพราะร้านเป็นประมาณ hi-class izakaya) , sushi, sashimi หรือ ข้าวหน้าต่าง ๆ คืออาหารมีค่อนข้างครบครับ ซึ่งเท่าที่ผมจำได้ ตอนไปสาขาแรก ไม่ได้มีเมนูเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพิ่มมาตอนหลัง หรือว่าเพิ่มมาเฉพาะสาขานี้ ใครรู้ก็ช่วยบอกทีนะครับ สิ่งนึงที่โดดเด่นเลยหลังจากดูเมนูของร้านนี้คือ "ราคา" ครับ ราคาเค้าค่อนข้างแพงมาก อาจจะไม่แพงเท่าร้าน premium จริง ๆ ในละแวกนี้ แต่ก็แพงกว่าพวกร้าน sushi ที่เปิดกันมาเป็นทิวแถวเมื่อปีที่แล้วเป็นส่วนใหญ่ล่ะครับ ราคาถ้ามากินกันจริงจัง ก็น่าจะคนละ 1,500 - 2,000 บาทโดยประมาณล่ะครับ

อาหารในมื้อนี้ผมขอแบ่งเป็น 3 หมวดละกัน

หมวดแรก Sushi

มื้อนี้สั่งไป 2 จาน จานแรกเป็น Nigiri Couple (Ten pieces of sushi) - 1,500 บาท  จานนี้ก็จะประกอบด้วย Sushi 10 คำ และเป็น Sushi สไตล์คำที่เหมาะสม ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ Sushi ปลาชิ้นใหญ่ ๆ ข้าวน้อย ๆ ที่เดี๋ยวนี้หลายร้านชอบทำแล้วพอกินทีไรเสียอารมณ์ทุกที ตัว Sushi นั้นจัดเรียงมาแบบใส่ใจลูกค้ามาก คือไล่เรียงไปจากปลาเนื้อขาว, ไปเนื้อแดง, ไป sear และก็ปิดท้ายด้วย makimono ได้อย่างลงตัว คือเราสามารถกินตาม order ที่ทางพ่อครัวปั้นมาให้ได้โดยไม่ต้องไปคิดอะไร และเป็นหลักการในการกิน sushi ที่ถูกต้องได้เลย ตัว sushi โดยรวม ๆ นั้นอร่อยดีครับ แต่ละคำปั้นมาปราณีตมาก ข้าวผสานกับปลา, ใส่วาซาบิมาเล็กน้อยตามสมควร แต่ยังไม่ถึงขั้นทาโชยุมาให้เลยเหมือนร้านเทพ ๆ ก็โดยรวมก็โอเคครับ แต่เมื่อคิดถึงราคาที่พวก ++ แล้วมันเกือบ ๆ 2000 บาท ผมก็แอบรู้สึกว่ามันแพงไปหน่อยนะเนี่ย







ส่วน Sushi อีกจานนั้นเป็น Nigiri Single (Seven pieces of sushi) - 700 บาท  จานนี้ก็จะได้จำนวนคำลดลง, ได้ปลาถูกลง แต่อย่างอื่น ๆ นั้นเหมือนกันหมดครับ ไม่ว่าจะความปราณีตในการปั้น Sushi, การวาง Sushi ตาม order มาแบบให้กินแบบทวนเข็มนาฬิกาจากสีขาวไปสีแดงและตบท้ายด้วยไข่หวาน และ maki ความอร่อยและคุณภาพนั้นพอ ๆ กับจาน Couple ครับแค่ใช้ปลาถูกกว่าแค่นั้นเอง ทำได้ดีทีเดียว

หมวดที่ 2 เป็นอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Roll

อย่างแรกนั้นเป็น สลัดปลาดิบ (Sashimi salad - assortment of vegetable with fresh raw fish - 280 บาท) ก็เป็นสลัดมาตรฐานครับ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ก็กินได้เพลิน ๆ มีผักอะไรไม่รู้แล้วก็ salmon + akami แล่มาชิ้นใหญ่ ๆ ไม่บางมาก ไม่หนาไป โปะ ๆ มากำลังดี จานนี้เป็น appetizer ที่ดีครับ แต่ก็อย่างที่ว่าไป เคยกินสลัดเปิดตัวมื้ออาหารของหลาย ๆ ร้านที่ที่ทำได้อร่อยกว่านี้ ดีกว่านี้มาล่ะครับตัวผม






อย่างที่ 2 เป็น ข้าวหน้าหมูต้มสาเกกับไข่ออนเซ็น (Long simmer pork belly with Onsen egg on the bed of ice - 280 บาท) จริง ๆ ไข่ออนเซ็น นั้นทางร้านตั้งชื่อผิดไป น่าจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจาก Onsen egg นั้นจริง ๆ จะเป็นไข่ขาวไม่สุก ยังเละ ๆ และไข่แดงก็เละ ๆ เกือบสุกด้วย แต่เจ้าไข่ยางมะตูมแบบที่ทางร้านนี้ทำมานั้นจะเป็นชื่อ Hanjuku Tamago (半熟卵)  แทน แต่การตั้งชื่อเมนูผิดก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดอะไรไม่ดีต่อจานนี้แต่อย่างใด เพราะว่ามันเป็น donburi ที่อร่อยมาก ๆ ครับ หมูสามชั้นต้มมาจนเปื่อยยุ่ย นุ่มละมุนสุด ๆ และก็มาแบบรสชาติเค็ม ๆ หน่อยกินกับข้าวญี่ปุ่นจืด ๆ , ไข่ยางมะตูมจืด ๆ แล้วผสมผสานรสชาติกันได้อย่างลงตัวดี จานนี้ชอบมากครับ และไม่เคยเห็นที่ร้านอื่นด้วย น่าเอาไปทำนะครับเนี่ย

หมวดที่ 3 เป็นพวก Roll ต่าง ๆ

อย่างแรกเป็น Very Salmon (Rx sauce, salmon, avocado, ebigo wrapped with seared salmon - 360 บาท) ไม่รู้ว่าเพราะผมกิน Roll ที่อเมริกามาเยอะหรือว่าอย่างไรนะครับ แต่ แว่บแรกที่เห็น roll ของร้าน in the mood for love one นี่ แล้วรู้สึกว่ามันเป็น roll ที่แบบทำไมคำเล็กจัง คืออาจจะทำมาให้คุณผู้หญิงทั้งหลาย (ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของร้านนี้) กิน ก็เลยทำมาคำเล็ก ๆ หน่อย แต่คำเล็กหรือคำใหญ่ก็ไม่มีความหมายสำหรับผมหรอกครับ ดูที่ตัวรสชาติเป็นหลัก ซึ่งเจ้า Very Salmon นี่ทำมาได้ดีมาก อร่อยแบบกินแล้ว ชอบอ่ะ เนื้อปลาแซลมอนน่าจะใช้ส่วนท้องเพราะว่ามัน ๆ แล้วก็ sear มาเล็กน้อย แบบกินแล้วมันนุ่ม อร่อยมาก ส่วนพวกเนื้อด้านในก็เป็นอะไรที่นุ่ม ๆ หมด แต่ละคำที่กินเข้าไปมันเลยเหมือนแบบ อ๊าง ๆ นุ่ม อร่อยดีแท้ครับ






อย่างที่ 2 เป็น  Guilty but happy (Shrimp tempura, ebigo, cream cheese, scallion, mayo and red sauce drizzle with wasabi mayo and nitsume - 380 บาท) อันนี้ผมรู้สึกธรรมดา ๆ กินแล้วไม่เกิดความชอบอะไรขึ้นมาสักเท่าไร เหมือนกับตัวซอส, ตัวกุ้งเทมปุระ กับไส้ใน มันดูผสมผสานกันยังไม่ค่อยดีเท่าไรครับ เพื่อนผมที่ไปด้วยกันก็เฉย ๆ กับจานนี้เช่นกัน

ส่วน Roll อย่างสุดท้ายและอาหารอย่างสุดท้ายในมื้อนี้เป็นอาหารเรือธง, ชูโรงของทางร้านกับ Caterpillar (Ebi temp, BBQ eel and ebigo wrapped with sliced of avocados - 380 บาท) หรือ Roll หนอนผีเสื้อนั่นเอง จานนี้ผมเคยกินที่สาขาแรก ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่กับจานนี้ อร่อยแบบชอบเลยอ่ะครับ แต่ละคำนี่แบบอร่อยมาก มีความมันจาก avocado, ความหวาน หอม จากปลาไหลย่างและซอส และความกรอบจากกุ้งเทมปุระเล็กน้อย ผสมผสานลงตัวดีทีเดียว เจ้าหนอนตัวนี้ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ตอนแรกก็เห็นน่ารักดีหรอกครับ แต่พอกินไปแล้ว ความน่ารักก็ไม่อาจมาหยุดยั้งความอยากกินได้ เจ้าหนอนนี่เลยอันตรธานหายไปในเวลาไม่นาน








มื้อนี้ค่าเสียหาย 6000 กว่าบาท ไปกัน 3 คนก็คนละประมาณ 2000 แต่ผมจ่ายไป 3000 เพราะกินเยอะกว่าคนอื่นเค้า ก็ไม่รู้ว่ามันแพงรึเปล่า แต่ตอนจ่ายตังค์, ตอนกินเสร็จแล้ว ผมไม่ค่อยรู้สึกเสียดายเงินสักเท่าไรเลย ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันมักจะเกิดกับมื้ออาหารดี ๆ ที่นาน ๆ ครั้งจะพบเจอแค่นั้นสำหรับผม ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าเวลาตังค์ปลิวแล้วอารมณ์ดีแบบนี้ครั้งล่าสุดมันคือที่ไหน แต่ปีนึงจะเกิดขึ้นประมาณสัก 1-2 ครั้งเท่านั้นล่ะครับ ร้าน In The Mood For Love One นี่ผมไม่รู้ว่าทางร้านได้ปรับปรุง, พัฒนาตัวเองมาอยู่ในจุดนี้ได้ โดยพัฒนาควบคู่กันไปกับร้านสาขาแรกรึเปล่า แต่อย่างที่บอกครับ ไปสาขาแรกมาผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่กับสาขานี้ บอกได้คำเดียวว่า อยากไปอีก!

ปล. Nigiri Sushi ในมื้อนี้ลด 30% นะครับ ราคาที่เขียนไว้คือราคาเต็ม






--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...