USA Fall 2012 Trip - Splendid Seattle & Portland Part 4 - Olympics National Park, Woodland Park Zoo and Seattle Gourmet Tour
Part นี้ไม่ขอเขียนบรรยายอะไรมาก เน้นรูปเอาแทนละกันนะครับ
วันนี้มีโปรแกรมต้องตื่นแต่เช้าเนื่องจากว่าจุดหมายปลายทางที่จะเดินทางไปนั้นมันอยู่ค่อนข้างไกล กับ Olympics National Park อุทยานแห่งชาติที่ผมไม่รู้ว่ามันเจ๋งขนาดไหน แต่ถ้านับชื่อเสียงแล้วก็ไม่ได้โด่งดังอะไรมากเท่า Yellowstone หรือ Yosimite ซึ่งก่อนผมมาก็ไม่รู้จักหรอกครับ แต่มีเพื่อนผมกับเพื่อนพ่อผมที่อยู่อเมริกาแนะนำมาว่าถ้ามา Seattle ก็แวะไปที่นี่หน่อยก็ไม่เสียหาย ก็เลยจัดโปรแกรมสำหรับที่นี่ไว้เต็ม ๆ เลยวันนึง เพราะว่าการเดินทางจากตัวเมือง Seattle ไปยัง Olympics National Park นี่เรียกได้ว่าแทบจะเดินทางข้ามรัฐกันก็ว่าได้ครับเพราะต้องเดินทางเที่ยวเดียวประมาณ 3 ชั่วโมง ไปกลับก็ 6 ชั่วโมง มันเสียเวลาเล็กน้อยเพราะต้องนั่งเรือ Ferry ฝ่าตัว Phuket Sound ไป แล้วพอไปถึงก็ต้องขับรถต่ออีกชั่วโมงกว่า ๆ
|
ขึ้นเรือ Ferry ข้าม Phuket Sound ไป เรือ Ferry เค้าใหญ่มากครับ ห้องนั่งรอก็ใหญ่โต สะอาดสะอ้าน คนละเรื่องกับเรือเฟอรี่เกาะพงันบ้านเรา |
|
รถมีให้จอดแบบนี้ประมาณ 8 แถวครับ |
|
อาหารเช้าแสนอร่อย ไปแวะซื้อจากร้านชื่อดังใน downtown มาแต่ขี้เกียจรีวิวครับเพราะมานั่งกินบนเรือ |
|
เบเกิ้ลกับชีสมั้งครับ |
|
อันนี้ของผม จำไม่ได้ล่ะว่าอะไร ก็อร่อยดี |
ที่ Olympics National Park นี่จริง ๆ มีจุดให้ไปดู ให้ไปเยี่ยมชมค่อนข้างเยอะครับ ไม่ว่าจะตัวทะเลสาบ Crescent Lake ที่เค้าว่ากันว่าใสปิ๊งจนมองเห็นพื้นทะเลสาบ ซึ่งจริง ๆ ผมเล็งไว้ว่าจะไปที่นี่นะครับ แต่เนื่องจากวันที่ผมไป ภูเขารอบ ๆ ทะเลสาบเกิดดินถล่มเข้าพอดี ผมเลยไม่สามารถขับรถเข้าไปได้, ป่าดงดิบ คือ เนื่องจากตัว Olympics National Park นี้เป็นเหมือนแหลมที่ยื่นออกมาบัง Seattle จากตัวมหาสมุทร Pacific เลยทำให้ที่นี่ต้องรับลม, รับพายุ, รับฝนแทน Seattle อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หลาย ๆ จุดในอุทยานแห่งชาตินี้เลยผันตัวเองไปเป็นป่าดงดิบ ที่มีฝนตกชุกไปแทน ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่แปลก เพราะเส้นแนว Latitude ที่สูงขนาดนี้ มีป่าร้อนชื้นมันก็เป็นอะไรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อันนี้ผมก็ไม่ได้ไปเหมือนกันเนื่องจากว่าถนนปิด -*- ,
|
ระหว่างนั่งเรือ Ferry ไป ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยครับ |
|
ขับรถไกลมากกว่าจะไปถึง |
|
เริ่มเข้าเขต Olympics แล้ว ต้นไม้เริ่มเยอะ สวยเชียว |
|
ลำธาร หรือ แม่น้ำใน Olympics National Park ครับ สวยดี |
|
ตอนผมไปไม่ค่อยมีคนครับ สวนกับรถไม่กี่คัน |
ที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มีชายหาดที่ไม่เหมือนชายหาดอื่น จะเป็นพวก หิน ๆ กรวด ๆ สีแดง ๆ สวย ๆ ไม่ใช่ทรายหรือดินแบบชายหาดอื่น ๆ ที่มีนามว่า Ruby Beach ซึ่งอันนี้ ผมก็ไม่ได้ไปอีกเช่นกันเนื่องจากว่ามันอยู่ไกล จากปากทางเข้าอุทยานต้องขับไปอีก 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง! ใช่ครับ Olympics National Park นี่เป็นอะไรที่ใหญ่โตมโหฬารและมีอะไรให้เที่ยวเยอะจริง ๆ แล้วผมไปไหนมาบ้าง? ผมไปยังที่ที่ใครที่มาที่นี่ก็ต้องไปกันนั่นก็คือ Hurricane Ridge หรือหุบเขา Hurricane นั่นเอง เจ้าหุบเขานี้ไม่ได้เป็นหุบเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาตินี้ แต่ก็เรียกได้ว่าสูงเกือบจะเคียงบ่าเคียงไหล่กับหุบเขา Olympics ที่สูงที่สุดแหละ สูงประมาณ 3000 กว่าฟุต ขับรถขึ้นไปก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที พอขึ้นไปถึง อุณหภูมิก็แสนจะหนาวเย็น ข้างล่างนั้นอุณหภูมิ 10 เซลเซียสโดยประมาณ พอขึ้นไปถึงน่าจะเหลือประมาณเกือบ ๆ 0 ครับ เพราะมือชา, ปากชาเป็นอย่างมาก แต่พอขึ้นไปถึง ก็เป็นอะไรที่คุ้มดีครับ วิวสวยมาก เป็นวิวบนภูเขาที่สวยที่สุดในชีวิตผมที่ผมเคยเห็นมาเลย และที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นส่วนตัวมาก ๆ ไม่มีคนอื่นนอกจากครอบครัวผมที่ยอดเขานี่เลย แม้ว่ามันจะหนาวเย็นถึงเกือบจะศูนย์องศา แต่ด้วยความสวยงาม และจุดปิคนิคอันพร้อมสรรพที่ทางการเตรียมไว้ให้ พวกผมก็เลยนั่งชิล ๆ ถ่ายรูป, กินแซนด์วิชกันร่วม ๆ ชั่วโมงเลย ใครไปที่ Olympics National Park นี่ยังไงก็ต้องไปเจ้า Hurricane Ridge นี่จริง ๆ ครับ
ส่วนที่ที่ผมไปอีก 2 ที่ก็มีน้ำตก Madison น้ำตกเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่อะไรหรอกครับ แค่แบบ รอบ ๆ น้ำตก, ทางเข้าน้ำตก มันเต็มไปด้วยต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีอยู่กับต้นสนที่ไม่เปลี่ยนสีสีเขียวขจี (รัฐ Washington ได้ฉายา Evergreen state เนื่องจากมีต้นสนเยอะ) อันนี้นี่แหละครับที่ผมว่ามันอะไรที่เจ๋งกว่าตัวน้ำตกซะอีก ส่วนอีกที่ที่พวกผมไปก็คือเขื่อนอะไรสักอย่าง ที่ตอนนี้เค้ากำลังจะทุบทิ้งเนื่องจากมันไปขวางการว่ายทวนน้ำกลับมาวางไข่ของปลาแซลมอน ซึ่งตอนผมไป เขื่อนก็กำลังทุบอยู่ครับ ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นวิวสวย ๆ น้ำใส ๆ แค่นั้น อืม แค่เนี้ยแหละครับ ที่ที่ผมไปมาที่ Olympics National Park ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าผมคิดผิดมากที่ไปแค่วันเดียว (ขนาดออกเช้ามากนะครับเนี่ย) เพราะอย่างที่บอกครับแค่การเดินทางไปกลับก็ซัดไป 6 ชั่วโมงแล้ว ไหนจะการเดินทางในตัวอุทยานแห่งชาตินี่เองอีก คือถ้าจะไป แนะนำว่าให้ไปนอนค้างที่นั่นเลยจะดีกว่าครับ มี lodge ให้นอนอยู่ แล้วก็เที่ยวสัก 2-3 วันน่าจะกำลังดี ผมว่าผมกะจะมาซ่อมที่นี่แน่ ๆ ครับแต่ไม่รู้เมื่อไรเหมือนกัน
|
บนยอดเขา Hurricane Ridge ครับสวยงามมาก |
|
นั่ง picnic ชมวิวสวย ๆ |
|
วิวสวยงามครับ |
กว่าพวกผมจะเดินทางกลับไปถึง Seattle ก็เป็นเวลาทุ่มนึงโดยประมาณพอดี ก็เลยมุ่งหน้าไปยังร้านที่เล็งไว้ลำดับต่อไปกันเลย
6th Shop
ชื่อร้าน Umi Sake House
URL http://www.umisakehouse.com/
ประเภท อาหารญี่ปุ่น, Izakaya
ราคา 1,000 บาทโดยประมาณ
ร้าน Umi Sake House นี่เป็นอีกหนึ่งร้านที่เรียกได้ว่าได้คะแนนรีวิวจากหลาย ๆ เว็บสูงทีเดียว ตอนก่อนไปก็แอบกลัว ๆ ว่าจะไม่มีโต๊ะครับ ซึ่งพอไปถึงก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ คนรอคิวหน้าร้านกัน 10 กว่าคน! แม้ว่าร้านนี้จะเป็นร้านที่ใหญ่โต น่าจะรองรับแขกได้ 100 กว่าคน แต่เนื่องด้วยความฮอทฮิต ระหว่างที่ผมรอคิวอยู่ครึ่งชั่วโมง มีคนเดินเข้าเดินออกกันแทบจะตลอดเวลา หลังผมกินเสร็จร่วม ๆ 3 ทุ่มก็ยังมีลูกค้ารอกันอยู่หน้าร้าน เพราะเหมือนกับร้านนี้มันเป็น Izakaya เป็น Bar ด้วยน่ะครับ คนก็มานั่งคุย, นั่งดื่มกันก่อนจะกลับบ้าน คือบรรยากาศของร้านนี้ระหว่างที่นั่งกินนี่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีครับ เอาเป็น American Izakaya ละกัน เพราะแบบโต๊ะแต่ละโต๊ะกินดื่มก็เสียงดัง เฮฮามาก แต่ว่าแต่ละโต๊ะนั้น อยู่ชิดติดกัน และก็ไม่มีอะไรกั้น ไม่เหมือน Izakaya ที่บ้านเราหรือที่ญี่ปุ่นที่เค้าจะมีคอก หรือไม่ก็แบ่งเป็นห้อง ๆ ให้ ดูแล้วคนอเมริกันดูจะไม่ต้องการความเป็นส่วนตัวอะไรมากก็เป็นได้ อืมก็เป็นบรรยากาศที่แปลกดีครับ
อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นแนวอาหารญี่ปุ่นแบบเต็มสตรีม แต่ก็เป็น American Japanese ครับคือจะเน้นพวก Roll ๆ เป็นหลัก Roll ของร้านนี้มีให้เลือกถึง 4 เมนู หรือประมาณ 40 กว่ารายการ (ซึ่งจะว่าไปแล้วไอ้อาหารประเภท Roll นี่ผมก็แอบสงสัยเหมือนกันนะครับ ร้านญี่ปุ่นร้านไหนต่อร้านไหนที่อเมริกาก็จะมีเมนูเยอะ ๆ แบบนี้เสมอ แล้วชื่อก็ไม่ค่อยจะซ้ำกัน ไม่รู้ว่าเป็นชื่อที่คิดกันเอาเอง หรือว่ามีคนทำเอาไว้แล้ว แต่แบบ roll เค้าเยอะจริง ๆ ครับเยอะมาก) ส่วนอาหารประเภทอื่นก็มีครบครันครับ Tempura, Sushi, Appetizer, ข้าวหน้าต่าง ๆ เมนูค่อนข้างจะคล้าย ๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไทย ต่างกันตรง Roll กับ บรรยากาศร้านแค่นี้แหละครับ
|
Lobster Tempura อร่อยดีครับ |
|
Sushi + Roll + Chirashi รวม ๆ ในมื้อนี้ |
อาหารในมื้อนี้ไม่ขอลงรายละเอียดอะไรมากนะครับ เนื่องจากว่าจำชื่อเป๊ะ ๆ ที่สั่งไปไม่ค่อยจะได้ แล้วก็รูปที่ถ่ายมามันไม่ค่อยสวยเลย เซ็ง ร้านมันมืดมาก ๆ อ่ะครับ รูปที่ถ่ายก็เลยน่าเกลียดแบบนี้ อาหารในมื้อนี้อย่างแรกเป็น กุ้งมังกรเทมปุระ (Lobster Tempura) จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร แต่จำได้ว่าไม่ค่อยแพงเท่าไรและจำได้ว่าอร่อยมาก ซอสที่ทางร้านให้มามันจะไม่ใช่ซอสเทมปุระมาตรฐาน แต่จะออกแนวเป็นครีม ๆ ซอส หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ แทน ซึ่งอร่อยดีครับ ส่วนอย่างที่ 2 เป็นข้าวหน้าปลาดิบ หรือ Chirashi Sushi จานนี้ของพี่ผม ผมไม่ได้กินเลย แต่เห็นหน้าตากับถามพี่แล้วว่าเป็นยังไง ก็ได้ความว่าก็เหมือน ๆ บ้านเราไม่ได้ต่างอะไรกันมาก
อย่างที่ 3 เป็นเห็ดรวมมิตรผัดน้ำมันหอยอะไรสักอย่างครับ จานนี้ค่อนข้าง Fail มาก ๆ เพราะไม่อร่อยเลย รสชาติพิกลพิการ ประหลาด เห็ดก็ไม่อร่อย เหมือนเป็นเห็ดค้างคืนประมาณนั้น ส่วนอย่างที่ 4 กับอย่างที่ 5 ก็เป็น Roll กับ Sushi แบบสั่งเป็นคำ ๆ ที่มาพร้อมกัน Roll จำไม่ได้ว่าสั่งอันไหนไปครับ (มันเยอะมาก) จำได้แค่ว่าก็อร่อยดี อร่อยประมาณร้าน Roll ที่ทำได้ดี ๆ ในบ้านเราเช่นร้าน Isao, กับ Kaizen Hibashi & Sushi อะไรประมาณนี้ ส่วน Sushi นั้นยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไรครับ ปั้นก็ยังปั้นมาไม่ค่อยดี ความสดก็งั้น ๆ และวาซาบิที่ให้มาก็เป็นวาซาบิเทียมอีกต่างหาก ซูชินี่กินบ้านเราหรือกินที่ญี่ปุ่นดีกว่าเยอะครับ
ส่วนอาหารอย่างสุดท้ายเป็น Yakisoba ซึ่งจานนี้เห็นแล้วค่อนข้างตกใจครับเพราะว่าปริมาณที่ให้มานี่เยอะมาก ๆ ประมาณสัก 2 เท่าของยากิโซบะมาตรฐานบ้านเรา ส่วนตัวรสชาติก็ปิดท้ายได้ดีครับ รสชาติกลมกล่อมลงตัวดี ไม่มีอะไรให้ติ แต่ก็ไม่ถึงกับกินแล้วจะติดใจหลงใหล สรุปร้าน Umi Sake House นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างจะไม่กระเดียดไปทางอเมริกาเหมือนหลาย ๆ ร้านที่ผมเคยเจอมาครับ รสชาติพยายามทำให้เป็นญี่ปุ่นอยู่ (แม้ว่าบางอย่างจะพยายามแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี) ไม่แปลกครับที่ร้านนี้จะได้คะแนนสูง เพราะผมเห็นส่วนใหญ่ ร้านญี่ปุ่น, ร้านไทย ที่แบบพยายามขายอาหารแบบ Authentic หน่อย ก็มักจะได้คะแนนสูง ๆ อยู่แล้ว ส่วนพวกร้านที่ได้คะแนนกลาง ๆ ก็จะเป็นไทยอเมริกัน, ญี่ปุ่นอเมริกันซะมาก
โปรแกรมวันนี้จริง ๆ ก็จบแล้วครับ แต่ผมขอรวมโปรแกรมวันต่อไปมาไว้ด้วยกันเลยละกัน
วันต่อมาพวกผมตื่นเช้าปุ๊บก็รีบเดินทางไปยัง Woodland Park Zoo กันทันที สวนสัตว์แห่งนี้ก็เป็น 1 ใน 2 สวนสัตว์ที่อยู่ใกล้ ๆ เมือง Seattle ครับ ผมเลือกที่นี่เพราะว่าที่นี่จะเน้นสวนสัตว์มากกว่า ส่วนอีกที่ที่มีนามว่า Point Defiance Zoo & Aquarium ก็ตามชื่อเลยครับ เค้าจะเน้นสวนสัตว์กับ Aquarium พอ ๆ กัน ซึ่งที่ Woodland Park Zoo นี่บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้ประทับใจอะไรผมสักเท่าไรเลย สัตว์มีไม่ค่อยเยอะเท่าไร และแต่ละกรง, แต่ละส่วนก็มีสัตว์อยู่ตัว, สองตัวอะไรงี้ ไม่รู้เพราะว่าผมไปสวนสัตว์มาเยอะมากแล้วรึเปล่าที่นี่ก็เลยเฉย ๆ ไป อืม สิ่งที่ผมชอบกลับเป็นการได้เจอเด็กฝรั่ง ๆ ตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ เยอะ ๆ มากกว่าครับ คือก่อนหน้านี้ผมมักจะไปแต่ญี่ปุ่น แล้วรู้สึกว่าเด็กญี่ปุ่นนี่น่ารักจริง ๆ (เมื่อเทียบกับเด็กประเทศอื่น ๆ แถบเอเชีย) แต่ว่าพอมาประเทศอเมริกานี่แล้ว อืม เด็กอเมริกานี่ก็น่ารักพอ ๆ กันเลยครับ แถมฟังพวกเขาพูดรู้เรื่องด้วย เลยเพิ่มความน่ารักขึ้นไปอีก สวนสัตว์ Woodland Park Zoo นี่ไม่ขอบรรยายอะไรมากละกันครับ ดูรูปประกอบละกัน เอาเป็นว่า สวนสัตว์นี้ถ้าเวลาเหลือก็มาก็ได้ แต่ถ้าเวลาไม่ค่อยมี ไปเที่ยวสวนสัตว์เขาดิน, เชียงใหม่, เขาเขียว บ้านเราดีกว่าเยอะครับ
พอเสร็จจากสวนสัตว์ก็เป็นเวลาเกือบ ๆ เที่ยงพอดี แต่พวกผมไม่ได้เล็งร้านมื้อเที่ยงเอาไว้ครับเพราะว่าโปรแกรมตอนบ่ายนั้นคือจะไปใช้บริการ Gourmet Seattle Food & Cultural Tour (http://www.savorseattletours.com/) ทัวร์ที่จะพาเราตระเวณกินร้านอาหารเจ๋ง ๆ ใน Seattle จำนวน 8 ร้านและเป็นทัวร์ที่ได้คะแนนอันดับ 1 ใน tripadvisor ของเมือง seattle เลย ทัวร์นี้ พวกผมเลือกใช้บริการเนื่องจากว่าตอนบ่ายวันนี้แบบว่างอ่ะครับ ไม่รู้จะไปไหนแล้วเจ้า Gourmet Seattle Food & Cultural Tour นี่ก็แบบผลาญเวลาเยอะดี 3 ชั่วโมง ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอจบทัวร์แล้วต้องขอบอกว่าทัวร์นี้เป็นทัวร์ที่เจ๋งสมกับที่ได้คะแนนอันดับ 1 จริง ๆ เพราะตัวไกด์ที่พาเราเดินชมเมือง, ตะลอนกินไปเรื่อย ๆ ก็เป็นคน friendly สุด ๆ และให้ความรู้เราเกี่ยวกับเมือง seattle , อาหารการกินของเมือง seattle และอะไรจิปาถะ ๆ เกี่ยวกับเมืองนี้เป็นอย่างดี สำเนียงไกด์ฟังง่าย และมีลำโพงไร้สายเคลื่อนที่ไว้ให้ลูกทัวร์แต่ละคนด้วย ไม่ต้องตะโกนกันก็ได้ยินหมดทุกคำ ซึ่งน่าเสียดายอย่างที่พวกผมมาอยู่ seattle นี่ได้ 4 วันแล้ว ก็เลยรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไปค่อนข้างเยอะแล้ว ถ้ามาใช้บริการทัวร์นี้วันแรก ๆ ก็คงจะดีกว่านี้ ได้รู้จักเมืองแบบเดินไปเดินมา ได้สัมผัสเมืองจริง ๆ รวมถึงทัวร์นี้ พอใช้บริการเสร็จ เราจะได้เหมือนเป็นบัตรส่วนลดค่าอาหาร 10 - 15% กับร้านอาหารที่ร่วมโครงการกับทัวร์ ไปเลือกกินได้เพิ่มเติมอีก ยิ่งตอกย้ำว่าเราควรจะมาใช้บริการทัวร์นี้ก่อนทำอย่างอื่นจริง ๆ
|
ร้านแรกเป็นร้าน Cupcake |
|
Cupcake อร่อยดีครับ |
|
ร้านที่ 2 เป็นร้านประมาณ Bar |
|
ทางร้านให้กินพิซซ่า |
|
อร่อยดี เป็นพิซซ่าลูกครึ่งขนมปัง |
|
ร้านที่ 3 เป็นร้านฝรั่งเศส |
|
ตกแต่งสวยงาม |
|
มีไวน์กุหลาบให้กินเดียว |
|
เป็นเห็ดทอด |
|
กับขนมปังกับซุปมะเขือเทศ อร่อยหมดเลยครับร้านนี้ |
ทัวร์ Gourmet Seattle Food & Cultural Tour นี้ตอนผมไป ผมได้ไปทั้งหมด 8 ร้านเป็นไล่เรียงกันไปเลยเป็นร้าน cup cake -> ร้าน Pizza & Bar -> ร้านอาหารฝรั่งเศส -> ร้าน Wine Testing & Cheese -> ร้าน Italian -> ร้านเบียร์ Pike Place Brew Place อะไรประมาณนี้ -> ร้านอาหารเวียดนาม และปิดท้ายด้วยร้านไอศครีม ทัวร์นี้จะใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงเริ่มตั้งแต่บ่าย 2 แล้วไปจบลงตอนประมาณ 5 โมงพอดี ทั้ง 8 ร้านนี้เราก็จะได้กินอาหารของเค้าอยา่างละนิดอย่างละหน่อย ซึ่งทางร้านก็จะคัดเอาแต่อาหารจานที่เค้าคิดว่าเด็ดจริงอะไรจริงมาให้เรากินกัน ซึ่งจากที่กินมาทั้งหมด 8 ร้าน ทุกจานที่ได้กินก็อร่อยจริง ๆ สมกับเป็นจานที่เค้านำมาเสนอครับ เจ้า Gourmet Seattle Food & Cultural Tour นี่ผมว่าเป็นอะไรที่ดีและคุ้มจริง ๆ ครับกับเงินที่เสียไปประมาณ 90$ ต่อคน (รวม tips) แต่ได้กินอาหารเยอะแยะขนาดนี้, ได้ความรู้เกี่ยวกับเมือง Seattle แล้วก็ได้บัตรส่วนลดไว้สำหรับไปกินร้านที่ถูกใจต่อในภายหลัง อืม เป็นอะไรที่คุ้มจริง ๆ สมกับที่เป็น Tour อันดับ 1 ใน Tripadvisor ล่ะครับ
|
ร้านที่ 3 เป็นร้านขายไวน์, ของปรุงแต่งอาหารจากอิตาลี |
|
ร้านนี้ผมชอบที่สุดล่ะ ได้กินอะไรเยอะดี ได้กิน truffle oil ด้วย |
|
ซุปอร่อยดีครับ |
|
อันนี้เค้าให้กินเล่นก็อร่อยดี |
|
ร้านที่ 4 เป็นร้านอิตาเลียน |
|
ได้กิน Risotto อร่อยดีครับ แบบแห้ง ๆ ผมชอบ |
|
กินเคล้ากับไวน์ |
|
ร้านสวยดีครับ เจ้าของร้านบอกมีคนมาขอแต่งงานกันเยอะที่นี่ |
|
ร้านต่อมาเป็นร้านเบียร์ มีโรงหมักเบียร์ด้านล่างร้าน |
|
ถังหมักเบียร์ เยอะดี |
|
เบียร์ให้กิน 2 shot ครับ ไม่เข้าชอบเท่าไร |
|
ร้านต่อมาเป็นร้านเวียดนาม |
|
ได้กินอะไรที่คล้าย ๆ ผัดไทยบ้านเรา อร่อยดีครับ อร่อยมากก็ว่าได้ |
|
ร้านสุดท้ายเป็นร้านไอติม |
|
ไอติมอร่อยดี เปรี้ยวนิด ๆ เพราะเป็น sorbet |
|
มีกาแฟให้เติมฟรี |
พอเสร็จจาก Tour นี้พวกผมก็ขับรถมุ่งหน้าไปยัง Portland กันต่อทันที การเดินทางจาก Seattle ไป Portland นี่ก็ชิล ๆ ครับ แค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เหมือนขับรถจากกรุงเทพไปโคราชอารมณ์เดียวกันเลย แต่ที่นี่จะชิลกว่าครับเพราะตลอดเวลาที่ขับอยู่ 3 ชั่วโมงบนถนน I-5 นั้น มันแบบสบายมาก ๆ ครับ ผมเปิด Cruise Control ไปที่ 80 MPH แล้วก็นั่งชิล ๆ คุยกับที่บ้าน แปบ ๆ ก็ถึงล่ะครับ ไม่ต้องมาคอยพะวงรถ, พะวงไฟแดงแบบบ้านเรา บันทึกการเดินทาง part ต่อไปก็จะเป็น part สั้น ๆ และเป็น part สุดท้ายใน trip นี้ล่ะครับ จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามต่อเลย
|
ระหว่างที่ขับไป Portland ผ่าน Mt Rainier เป็นภูเขาที่สูงมาก ๆ 4000 กว่าเมตรสูงกว่าฟูจิครับ ตอนขับผ่านนี่ก็แบบยิ่งใหญ่จริง ๆ สวยจริง ๆ |
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment