The Glass House - Pattaya : Thai Seafood Beachfront Restaurant Review
เดอะ กลาสเฮาส์ - ร้านอาหารไทย อาหารทะเล พัทยา จอมเทียน เบียร์สด
Overall Score 9/10
Taste 4.5/5
Ambiance 5/5
Service 4/5
Value 3.5/5
The Glasshouse - Thai Seafood Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ช่วง 2 ปีหลังนี่ถ้าใครมาพัทยา ผมเชื่อว่าร้าน The Glass House Beachfront Restaurant & Bar นี่น่าจะเป็นหนึ่งในร้านที่หลาย ๆ ท่านน่าจะมาเติมเต็มท้องให้เต็มกันด้วยอาหารไทยและอาหารฝรั่งหน้าตาดี, portion เยอะและรสชาติดีของทางร้าน เพราะว่าจากประสบการณ์ตรงของตัวผมเองที่เคยมาร้านนี้ในคืนวันเสาร์ประมาณ 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้และก็มีอันต้องผิดหวังกลับไปเพราะโต๊ะเต็ม และจะรอคิวก็คงไม่ไหวเพราะว่ามีคิวที่รอก่อนหน้าเยอะมาก ซึ่งตอนแรกผมก็นึกว่าร้านนี้เป็นร้านเล็ก ๆ เลยต้องมีการรอคิวอะไรกันแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วร้าน The Glass House แห่งนี้เป็นร้านขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มมาก ๆ ด้วยที่นั่งกว่า 500 ที่นั่ง แบ่งเป็นหลายโซน ทั้งตัวที่นั่งริมทะเลแบบนั่งกันบนเม็ดทรายจริง ๆ , ที่นั่งส่วนด้านบนร้านที่โต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งแบบนอนเอนกาย อิงแอบกันได้สบาย ๆ กับที่นั่งสไตล์ Cabana (ที่นั่งเป็นซุ้ม ๆ มีเบาะนวมขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งที่ออกแบบมาสำหรับนั่งริมน้ำริมทะเล) , ที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาใต้อาคาร beachfront ของทางร้าน หรือแม้แต่คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ทางร้านก็มีห้องส่วนตัวขนาด 8 ที่นั่งไว้บริการเช่นเดียวกัน ใช่ครับ ร้านใหญ่โตมโหฬารแบบนี้ แต่ยังเต็ม แน่นขนัดกันทุก weekend แบบนี้ได้แสดงว่าเค้าต้องมีดีอะไรสักอย่างใช่มั้ยครับ? แต่เอาจริง ๆ คือพอจบมื้อนี้แล้ว ผมว่าร้านนี้เค้ามีอะไรดีหลายอย่างเลยล่ะครับ
ที่มาของชื่อร้าน The Glass House Beachfront Restaurant & Bar นั้นก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะชัดแจ้งอยู่ ด้วย เรือนกระจก หรือ The Glass House ที่ตั้งอยู่อย่างเก๋ไก่ของทางร้าน ซึ่งด้านในจะเป็นส่วนที่ขายของหวานและไอศครีมรวมถึงเป็นที่นั่งสไตล์ Cafe เก๋ ๆ ด้วย (ลูกค้าแทบทุกคนที่มาร้านนี้ผมเห็นต้องชักรูปกับเรือนกระจกสุดเก๋ไก๋แห่งนี้กันหมด) การเดินทางมาที่ร้านนี้ก็เดินทางมาง่ายและไม่ค่อยงง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนที่คุ้นเคยพัทยาก็น่าจะเดินทางมาได้ไม่ยาก คือแค่วิ่งตรงเส้นสุขุมวิทมาเรื่อย ๆ ผ่านพัทยาเหนือ ผ่านตลาดน้ำสี่ภาค เลยป้ายโรงละครอลังการมา อีกเล็กน้อย ก็จะเจอปั๊มเชลล์ พร้อมป้ายร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามหลายร้าน ก็ U-turn แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยที่มีป้ายร้านใหญ่ ๆ ตั้งอยู่ ขับตรงเข้าไปอย่างเดียวก็จะเจอร้านนี้แล้ว พร้อมที่จอดรถจำนวน 200 คัน รับประกันได้ว่ายังไงก็หาเจอและมีที่จอดรถสะดวกสบาย
อาหารของร้าน The Glass House Beachfront Restaurant & Bar นี้สำหรับคนที่ยังไม่เคยมาและเคยได้ยินแต่ชื่อร้านแบบผมก็แอบคิดว่าน่าจะเป็นอาหารฝรั่ง หรือไม่ก็ Thai-Fusion รึเปล่า แต่ความจริงแล้ว อาหารของร้านนี้เป็นอาหารไทย seafood แบบไทยแท้ ๆ เคียงคู่กันไปกับอาหารฝรั่งแบบแท้ ๆ ที่เราคุ้นเคยกัน จุดเด่นในเรื่องอาหารของร้านนี้ก็คงเป็นเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ โดยเฉพาะตัวอาหารทะเลของทางร้านล่ะครับ ถ้าท่านจอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ระหว่างทางนั้นจะมีกระชังเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทางทะเลหลายกระชังตั้งเรียงรายอยู่ และสำหรับผมและเพื่อนตัวอ้วนแล้ว เวลาเจออะไรแบบนี้ก็มักจะไปหยุดยืนดูทุกที และการที่แค่ไปยืนดูวัตถุดิบที่ยังมีชีวิตอยู่พวกนี้ก็พอรู้แล้วว่าอาหารของร้านนี้ต้องเจ๋งแน่นอน เพราะว่าแต่ละชนิด นั้นตัวใหญ่น่าหม่ำสุด ๆ และความสดนี่ก็ไม่ต้องห่วงเลยเพราะว่าเมื่อมี order ถึงจะมาช้อนเอาสิ่งมีชีวิตพวกนี้ไปปรุงกัน มีจุดนึงที่แอบสะกิดใจพวกผมตอนดูเมนูอาหารของร้านนี้นั่นก็คือ "ราคาอาหาร" ตอนแรกพวกผมก็คิดว่าราคาอาหารที่นี่เค้าแพง เพราะหลาย ๆ อย่างนี่คือราคาสูงแบบค่อนข้างชัดเจนเลย แต่หลังจากที่ได้เห็นปริมาณอาหาร, เห็นการนำเสนออาหารก็เข้าใจว่า "ทางร้าน The Glass House แห่งนี้เค้าตั้งราคามาแบบกะให้กินกันได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ" เช่น ปลากะพงแม้ว่าจะจานละ 490 บาทแต่ก็ให้มาตัวขนาด 8 - 9 ขีดใหญ่บิ๊กเบิ้มมาก ๆ ในขณะที่ร้านในกรุงเทพ หรือร้านอาหารทะเลต่างจังหวัดส่วนใหญ่ จะให้มาตัวละ 5-6 ขีดและขายกัน 350 - 400 บาท เมื่อเทียบเป็นน้ำหนักต่อราคาแล้ว เผลอ ๆ ของร้าน The Glasshouse แห่งนี้จะถูกกว่าด้วยซ้ำ
เครื่องดื่มของร้านนี้ก็หาได้ยิ่งหย่อนและอลังการน้อยไปกว่าตัวอาหารไม่ครับ เครื่องดื่มของร้านนี้มีครบหมดเท่าที่ร้านอาหารร้านนึงพึงจะมีก็ว่าได้ หมวดหมู่ที่โดดเด่นที่สุดนั้นผมว่าคงเป็นตัว Wine ของทางร้าน เมื่อเทียบกับร้านอาหารแนว beachfront แนวสวนอาหารริมทะเลแบบนี้แล้ว ผมว่า Wine ของที่ The Glass House แห่งนี้มีให้เลือกเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้นะ ด้วยไวน์จากทั่วทุกมุมโลก France, Italy, Chile, Australia และ Vintage อันหลากหลาย พร้อมช่วงราคาที่ค่อนข้างกว้างก็น่าจะทำให้คอไวน์สามารถเลือกไวน์ที่ถูกใจกันได้เต็มที่ ทางร้านยังให้ความสำคัญกับไวน์เข้าไปอีกด้วยการจัดโปรโมชั่น Wine of the Month ที่จะนำไวน์ที่น่าสนใจมาลดราคาค่อนข้างเยอะ ให้เราเลือกสั่งกัน พร้อมกันนั้นยังมี wine by glass อีกหลายประเภทให้เลือกด้วย (Wine Cellar ของที่นี่อลังการไม่แพ้พวกร้านอิตาเลียนหรู ๆ ในกรุงเทพเลยล่ะครับ) ส่วนเครื่องดื่มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเบียร์สด ทางร้านก็มีเบียร์ premium ยี่ห้อ Hoegaarden, Stella, Leffe , cocktail ก็มี signature cocktail ของตัวเองเคียงคู่กันไปกับ classic cocktail, spirit & whiskey ก็มีให้เลือกสั่งครบหมดเท่าที่เรา ๆ ท่าน ๆ จะนึกออก
ก็จากที่ทำความรู้จักร้านนี้เบื้องต้นแล้ว ผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมร้านนี้ถึงเป็นร้านดัง คนเต็มตลอดในช่วง 2 ปีที่เปิดร้านนี้มา เพราะองค์ประกอบทุกอย่างมันครบจริง ๆ เจ้าของร้านทำการบ้านมาดีมาก ๆ ครับ ทีนี้ก็เข้าตัวอาหารและเครื่องดื่มในมื้อนี้กันดีกว่า
สลัดปูนิ่ม (Soft shell crab salad - 590 บาท) : สลัดจานเขื่อง ที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสลัดจานใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยประสบมาเลยล่ะครับ ผักหลากหลายชนิดทั้ง green oak, red oak, carrot, pomelo (ส้มโอ) ถูกทับมาด้วยปูนิ่มขนาดใหญ่ที่ทอดมาแบบหนังกรอบ ๆ และเนื้อยังนุ่ม ๆ อยู่จำนวน 3 ตัว ใช่ครับ ปูนิ่ม 3 ตัวในสลัดจานเดียว! ส่วนตัวน้ำสลัดของทางร้านเหมือนจะให้เป็นน้ำสลัด Caesar มา ซึ่งแม้ว่าผักหลัก ๆ จะไม่ใช่ผักโรเมน แต่น้ำสลัดชนิดนี้ก็สามารถเข้ากับผักชนิดอื่น ๆ ได้อยู่แล้ว จานนี้รวม ๆ คือกินเพลินมากครับ โดยเฉพาะปูนิ่มที่มาแบบกินกันได้สะใจจริง ๆ
กุ้งทอดซอสมะขาม (Fried shrimp with tamarine sauce - 490 บาท) : เมนูยอดนิยมตามร้านอาหารไทยทั่วไป ที่ทางร้าน The Glass House ทำมาได้ค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่น คือ มาจานเขื่อง (อีกแล้ว) และจัดจ้านมาค่อนข้างสวยงาม แต่ทีเด็ดที่สุดก็คือตัวกุ้งกามกราม (กุ้งแม่น้ำ) size ใหญ่ (ประมาณ 10-12 ตัวโล) ที่ให้กันมาถึง 5 ตัว กุ้งทอดมากำลังดี กรอบไปหมดทั้งตัว แต่เนื้อยังขาวนวลอยู่ ทอดมาแบบกรอบจนสามารถกินได้ทั้งเปลือก หรือจะกินเปล่า ๆ ก็ได้ และซอสมะขามที่ทางร้านราดมาก็หวาน หอม อร่อย ไม่มีอะไรต้องติเลยล่ะครับจานนี้
เมี่ยงปลากะพง (Crisp fried white sea bass with sweet & sour sauce - 490 บาท) : ปลากะพงตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มขนาดเกือบ ๆ โลถูกรายล้อมมาด้วยผักหลากหลายชนิดตามสไตล์เมี่ยง (เมี่ยงจริง ๆ ครับทั้งชนิดของผักและการหั่นผักมาเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ) ตัวน้ำซอสนั้นก็คล้าย ๆ น้ำซอสที่กินกับเมี่ยงอีกเช่นกัน หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ หนืด ๆ เยิ้ม ๆ หน่อย ก็เรียกได้ว่าเป็นเมนูปลากะพงทอด ที่ไม่ค่อยจะได้พบเจอที่ไหนสักเท่าไรครับ เนื้อปลาสดไม่มีปัญหา ขาวเนียนอร่อย ผักก็สด กรอบ และก็น้ำซอสหวานอร่อยดี ติดอยู่อย่างเดียวครับจานนี้คือตัว ปลามันแบบหนัง, ผิว มันยังไม่กรอบเท่าไร ซึ่งก็คงทำอะไรมากไม่ได้เพราะปลาถูกราดน้ำมาเยอะขนาดนี้ แต่พวกผมก็แอบคิดกันว่าถ้าปลาหนังกรอบ ๆ กว่านี้นี่คงจะฟินกันเลยล่ะ
ต้มยำกุ้งน้ำข้น (Prawn & lemongrass soup with mushroom (Tom Yum Goong) - 490 บาท) : จานนี้ชอบที่สุดในมื้อเลยล่ะครับ น้ำต้มยำกุ้งนี่น่าจะเด็ดที่สุดในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผมกินมาเลย คือแค่ตอนยังไม่ได้กินน้ำ เห็นน้ำสีขาว ๆ ส้ม ๆ นวล ๆ ลอยอยู่ก็คิดแล้วว่าเอ้อ น้ำสีสวยขนาดนี้ต้องอร่อยแน่เลย ซึ่งพอกินแล้วก็อืม ใช่เลยครับ น้ำมันแบบ เผ็ด นัว หวานมันกุ้งนิด ๆ กำลังดีมาก น่าจะเป็นรสชาติของต้มยำกุ้งแบบนี้นี่แหละที่ทำให้อาหารจานนี้โด่งดังไปทั่วโลก (ไม่เหมือนหลาย ๆ ร้านที่รสชาติมั่วเหลือเกิน) จานนี้เพิ่มความเด็ดเพิ่มเติมด้วย กุ้งก้ามกรามสด ๆ ตัวใหญ่ 5 ตัวให้สมกับการเป็นต้มยำกุ้งจริง ๆ ฟินเลย
ข้าวผัดปู (Fried rice with crab meat - 450 บาท) : ข้าวผัดปูมาตรฐานจานเปลที่ อาจจะไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นนักเพราะว่าโดน 4 จานก่อนหน้าแย่ง scene ไปหมดแล้ว แต่เอาจริง ๆ ก็คือข้าวผัดปูจานนี้ก็เป็นข้าวผัดรสชาติมาตรฐานจานนึงล่ะครับ กินกันเพลินเข้าคู่กันกับอาหารหลาย ๆ อย่างของร้านนี้ได้อย่างลงตัว
Chocolate fondant with vanilla ice cream (180 บาท) : ของหวานยอดฮิต ที่เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนก็มักจะมีกิน แต่ของร้าน The Glass House แห่งนี้ทำมาได้พิเศษกว่าหลาย ๆ ที่ที่เจอมาครับ ตัว chocolate lava ชิ้นใหญ่ รสชาติลงตัว จับคู่มากับไอศครีม vanilla ลูกใหญ่ ๆ หวาน หอม อร่อย และเป็นไอศครีม homemade ของทางร้านเอง จานนี้ผมก็ค่อนข้างชอบนะครับ แต่แฟนผมนางกินแล้วนางกรี๊ดเลย บอกว่าอร่อยมาก อย่างโน้นอย่างนี้ ฮ่า ๆ
Banana Frosting with Vanilla Ice Cream (120 บาท) : จานนี้ก็คล้าย ๆ จาน Chocolate fondant ล่ะครับ แค่ต่างกันที่ตัวอาหารหวานหลักที่เป็น แป้งปอเปี๊ยะไปห่อกล้วยแล้วก็ทอดมา แล้วก็ราดน้ำเชื่อมหวาน ๆ เพิ่มเข้าไป จานนี้ก็อร่อยใช้ได้ครับ ได้คะแนนตรงความแปลกใหม่ไม่ค่อยซ้ำใคร
เครื่องดื่มในมื้อนี้มี 2 แก้วครับ
Before Summer (240 บาท) : เครื่องดื่มเบา ๆ ออกแนวเป็น welcome drink ดื่มเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารกันได้เป็นอย่างดี ดื่มแล้วสดชื่นดีครับ
Strawberry Smoothie (95 บาท) : เป็น.. สมูธตี้ที่อร่อยล้ำมาก ๆ ครับ พวกผม 3 คนนี่ดูดกันคนล่ะอึก ต่างคนต่างก็อุทานกัน อร่อยอย่างโน้น อร่อยอย่างนี้ คือตัวน้ำนี่คือแบบเนื้อเนียนมากครับ ส่วนรสชาติก็แบบหวานนำ เปรี้ยวนิด ๆ กำลังดีมากเลย โอย แนะนำ
สรุป ร้าน The Glasshouse Beachfront Restaurant & Bar ร้านอาหารริมทะเลอันแสนจะโด่งดังของพัทยาแห่งนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจล่ะครับว่าทำไมถึงดังขนาดนี้ อาหารรสชาติดี หน้าตาสวยงาม ปริมาณคุ้มค่ากับราคา, พนักงานของทางร้านบริการดี พูดจาดี และมีเยอะเพียงพอ ต่อการเรียกหา ทีเด็ดที่สุดของทางร้านและน่าจะเป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่หลายคนมาที่นี่กัน กับ บรรยากาศริมทะเลของทางร้านที่มีให้เลือกนั่งกันหลายโซน และยิ่งบวกกับ ความหลากหลายทางนิเวศวิทยา เอ๊ย ทางอาหารและเครื่องดื่มของทางร้านเข้าไปอีก โอย สมบูรณ์แบบครับร้านนี้ ใครมีแพลนจะเปิดร้านริมทะเล หรือสวนอาหารใหญ่ ๆ เจ๋ง ๆ มาดูร้านนี้เป็นตัวอย่างกันได้เลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะหาตัวอย่างร้านแนวนี้ที่สมบูรณ์กว่านี้ได้ที่ไหนแล้วล่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment