Wednesday, October 2, 2013

The Glass House - Pattaya Review

The Glass House - Pattaya : Thai Seafood Beachfront Restaurant Review

เดอะ กลาสเฮาส์ - ร้านอาหารไทย อาหารทะเล พัทยา จอมเทียน เบียร์สด



Overall Score  9/10
Taste   4.5/5
Ambiance  5/5
Service  4/5
Value   3.5/5

The Glasshouse - Thai Seafood Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)



ช่วง 2 ปีหลังนี่ถ้าใครมาพัทยา ผมเชื่อว่าร้าน The Glass House Beachfront Restaurant & Bar นี่น่าจะเป็นหนึ่งในร้านที่หลาย ๆ ท่านน่าจะมาเติมเต็มท้องให้เต็มกันด้วยอาหารไทยและอาหารฝรั่งหน้าตาดี, portion เยอะและรสชาติดีของทางร้าน เพราะว่าจากประสบการณ์ตรงของตัวผมเองที่เคยมาร้านนี้ในคืนวันเสาร์ประมาณ 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้และก็มีอันต้องผิดหวังกลับไปเพราะโต๊ะเต็ม และจะรอคิวก็คงไม่ไหวเพราะว่ามีคิวที่รอก่อนหน้าเยอะมาก ซึ่งตอนแรกผมก็นึกว่าร้านนี้เป็นร้านเล็ก ๆ เลยต้องมีการรอคิวอะไรกันแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วร้าน The Glass House แห่งนี้เป็นร้านขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มมาก ๆ ด้วยที่นั่งกว่า 500 ที่นั่ง แบ่งเป็นหลายโซน ทั้งตัวที่นั่งริมทะเลแบบนั่งกันบนเม็ดทรายจริง ๆ , ที่นั่งส่วนด้านบนร้านที่โต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งแบบนอนเอนกาย อิงแอบกันได้สบาย ๆ กับที่นั่งสไตล์  Cabana (ที่นั่งเป็นซุ้ม ๆ มีเบาะนวมขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งที่ออกแบบมาสำหรับนั่งริมน้ำริมทะเล) , ที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาใต้อาคาร beachfront ของทางร้าน หรือแม้แต่คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ทางร้านก็มีห้องส่วนตัวขนาด 8 ที่นั่งไว้บริการเช่นเดียวกัน ใช่ครับ ร้านใหญ่โตมโหฬารแบบนี้ แต่ยังเต็ม แน่นขนัดกันทุก weekend แบบนี้ได้แสดงว่าเค้าต้องมีดีอะไรสักอย่างใช่มั้ยครับ? แต่เอาจริง ๆ คือพอจบมื้อนี้แล้ว ผมว่าร้านนี้เค้ามีอะไรดีหลายอย่างเลยล่ะครับ

ที่มาของชื่อร้าน The Glass House Beachfront Restaurant & Bar นั้นก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะชัดแจ้งอยู่ ด้วย เรือนกระจก หรือ The Glass House ที่ตั้งอยู่อย่างเก๋ไก่ของทางร้าน ซึ่งด้านในจะเป็นส่วนที่ขายของหวานและไอศครีมรวมถึงเป็นที่นั่งสไตล์ Cafe เก๋ ๆ ด้วย (ลูกค้าแทบทุกคนที่มาร้านนี้ผมเห็นต้องชักรูปกับเรือนกระจกสุดเก๋ไก๋แห่งนี้กันหมด) การเดินทางมาที่ร้านนี้ก็เดินทางมาง่ายและไม่ค่อยงง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนที่คุ้นเคยพัทยาก็น่าจะเดินทางมาได้ไม่ยาก คือแค่วิ่งตรงเส้นสุขุมวิทมาเรื่อย ๆ ผ่านพัทยาเหนือ ผ่านตลาดน้ำสี่ภาค เลยป้ายโรงละครอลังการมา อีกเล็กน้อย ก็จะเจอปั๊มเชลล์ พร้อมป้ายร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามหลายร้าน ก็ U-turn แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยที่มีป้ายร้านใหญ่ ๆ ตั้งอยู่ ขับตรงเข้าไปอย่างเดียวก็จะเจอร้านนี้แล้ว พร้อมที่จอดรถจำนวน 200 คัน รับประกันได้ว่ายังไงก็หาเจอและมีที่จอดรถสะดวกสบาย







อาหารของร้าน The Glass House Beachfront Restaurant & Bar นี้สำหรับคนที่ยังไม่เคยมาและเคยได้ยินแต่ชื่อร้านแบบผมก็แอบคิดว่าน่าจะเป็นอาหารฝรั่ง หรือไม่ก็ Thai-Fusion รึเปล่า แต่ความจริงแล้ว อาหารของร้านนี้เป็นอาหารไทย seafood แบบไทยแท้ ๆ เคียงคู่กันไปกับอาหารฝรั่งแบบแท้ ๆ ที่เราคุ้นเคยกัน จุดเด่นในเรื่องอาหารของร้านนี้ก็คงเป็นเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ โดยเฉพาะตัวอาหารทะเลของทางร้านล่ะครับ ถ้าท่านจอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ระหว่างทางนั้นจะมีกระชังเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทางทะเลหลายกระชังตั้งเรียงรายอยู่ และสำหรับผมและเพื่อนตัวอ้วนแล้ว เวลาเจออะไรแบบนี้ก็มักจะไปหยุดยืนดูทุกที และการที่แค่ไปยืนดูวัตถุดิบที่ยังมีชีวิตอยู่พวกนี้ก็พอรู้แล้วว่าอาหารของร้านนี้ต้องเจ๋งแน่นอน เพราะว่าแต่ละชนิด นั้นตัวใหญ่น่าหม่ำสุด ๆ และความสดนี่ก็ไม่ต้องห่วงเลยเพราะว่าเมื่อมี order ถึงจะมาช้อนเอาสิ่งมีชีวิตพวกนี้ไปปรุงกัน มีจุดนึงที่แอบสะกิดใจพวกผมตอนดูเมนูอาหารของร้านนี้นั่นก็คือ "ราคาอาหาร" ตอนแรกพวกผมก็คิดว่าราคาอาหารที่นี่เค้าแพง เพราะหลาย ๆ อย่างนี่คือราคาสูงแบบค่อนข้างชัดเจนเลย แต่หลังจากที่ได้เห็นปริมาณอาหาร, เห็นการนำเสนออาหารก็เข้าใจว่า "ทางร้าน The Glass House แห่งนี้เค้าตั้งราคามาแบบกะให้กินกันได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ" เช่น ปลากะพงแม้ว่าจะจานละ 490 บาทแต่ก็ให้มาตัวขนาด 8 - 9 ขีดใหญ่บิ๊กเบิ้มมาก ๆ ในขณะที่ร้านในกรุงเทพ หรือร้านอาหารทะเลต่างจังหวัดส่วนใหญ่ จะให้มาตัวละ 5-6 ขีดและขายกัน 350 - 400 บาท เมื่อเทียบเป็นน้ำหนักต่อราคาแล้ว เผลอ ๆ ของร้าน The Glasshouse แห่งนี้จะถูกกว่าด้วยซ้ำ

เครื่องดื่มของร้านนี้ก็หาได้ยิ่งหย่อนและอลังการน้อยไปกว่าตัวอาหารไม่ครับ เครื่องดื่มของร้านนี้มีครบหมดเท่าที่ร้านอาหารร้านนึงพึงจะมีก็ว่าได้ หมวดหมู่ที่โดดเด่นที่สุดนั้นผมว่าคงเป็นตัว Wine ของทางร้าน เมื่อเทียบกับร้านอาหารแนว beachfront แนวสวนอาหารริมทะเลแบบนี้แล้ว ผมว่า Wine ของที่ The Glass House แห่งนี้มีให้เลือกเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้นะ ด้วยไวน์จากทั่วทุกมุมโลก France, Italy, Chile, Australia และ Vintage อันหลากหลาย พร้อมช่วงราคาที่ค่อนข้างกว้างก็น่าจะทำให้คอไวน์สามารถเลือกไวน์ที่ถูกใจกันได้เต็มที่ ทางร้านยังให้ความสำคัญกับไวน์เข้าไปอีกด้วยการจัดโปรโมชั่น Wine of the Month ที่จะนำไวน์ที่น่าสนใจมาลดราคาค่อนข้างเยอะ ให้เราเลือกสั่งกัน พร้อมกันนั้นยังมี wine by glass อีกหลายประเภทให้เลือกด้วย (Wine Cellar ของที่นี่อลังการไม่แพ้พวกร้านอิตาเลียนหรู ๆ ในกรุงเทพเลยล่ะครับ) ส่วนเครื่องดื่มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเบียร์สด ทางร้านก็มีเบียร์ premium ยี่ห้อ Hoegaarden, Stella, Leffe , cocktail ก็มี signature cocktail ของตัวเองเคียงคู่กันไปกับ classic cocktail, spirit & whiskey ก็มีให้เลือกสั่งครบหมดเท่าที่เรา ๆ ท่าน ๆ จะนึกออก







ก็จากที่ทำความรู้จักร้านนี้เบื้องต้นแล้ว ผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมร้านนี้ถึงเป็นร้านดัง คนเต็มตลอดในช่วง 2 ปีที่เปิดร้านนี้มา เพราะองค์ประกอบทุกอย่างมันครบจริง ๆ เจ้าของร้านทำการบ้านมาดีมาก ๆ ครับ ทีนี้ก็เข้าตัวอาหารและเครื่องดื่มในมื้อนี้กันดีกว่า

สลัดปูนิ่ม (Soft shell crab salad - 590 บาท) : สลัดจานเขื่อง ที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสลัดจานใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยประสบมาเลยล่ะครับ ผักหลากหลายชนิดทั้ง green oak, red oak, carrot, pomelo (ส้มโอ) ถูกทับมาด้วยปูนิ่มขนาดใหญ่ที่ทอดมาแบบหนังกรอบ ๆ และเนื้อยังนุ่ม ๆ อยู่จำนวน 3 ตัว ใช่ครับ ปูนิ่ม 3 ตัวในสลัดจานเดียว! ส่วนตัวน้ำสลัดของทางร้านเหมือนจะให้เป็นน้ำสลัด Caesar มา ซึ่งแม้ว่าผักหลัก ๆ จะไม่ใช่ผักโรเมน แต่น้ำสลัดชนิดนี้ก็สามารถเข้ากับผักชนิดอื่น ๆ ได้อยู่แล้ว จานนี้รวม ๆ คือกินเพลินมากครับ โดยเฉพาะปูนิ่มที่มาแบบกินกันได้สะใจจริง ๆ







กุ้งทอดซอสมะขาม (Fried shrimp with tamarine sauce - 490 บาท) : เมนูยอดนิยมตามร้านอาหารไทยทั่วไป ที่ทางร้าน The Glass House ทำมาได้ค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่น คือ มาจานเขื่อง (อีกแล้ว) และจัดจ้านมาค่อนข้างสวยงาม แต่ทีเด็ดที่สุดก็คือตัวกุ้งกามกราม (กุ้งแม่น้ำ) size ใหญ่ (ประมาณ 10-12 ตัวโล) ที่ให้กันมาถึง 5 ตัว กุ้งทอดมากำลังดี กรอบไปหมดทั้งตัว แต่เนื้อยังขาวนวลอยู่ ทอดมาแบบกรอบจนสามารถกินได้ทั้งเปลือก หรือจะกินเปล่า ๆ ก็ได้ และซอสมะขามที่ทางร้านราดมาก็หวาน หอม อร่อย ไม่มีอะไรต้องติเลยล่ะครับจานนี้

เมี่ยงปลากะพง (Crisp fried white sea bass with sweet & sour sauce - 490 บาท) : ปลากะพงตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มขนาดเกือบ ๆ โลถูกรายล้อมมาด้วยผักหลากหลายชนิดตามสไตล์เมี่ยง (เมี่ยงจริง ๆ ครับทั้งชนิดของผักและการหั่นผักมาเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ) ตัวน้ำซอสนั้นก็คล้าย ๆ น้ำซอสที่กินกับเมี่ยงอีกเช่นกัน หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ หนืด ๆ เยิ้ม ๆ หน่อย ก็เรียกได้ว่าเป็นเมนูปลากะพงทอด ที่ไม่ค่อยจะได้พบเจอที่ไหนสักเท่าไรครับ เนื้อปลาสดไม่มีปัญหา ขาวเนียนอร่อย ผักก็สด กรอบ และก็น้ำซอสหวานอร่อยดี ติดอยู่อย่างเดียวครับจานนี้คือตัว ปลามันแบบหนัง, ผิว มันยังไม่กรอบเท่าไร ซึ่งก็คงทำอะไรมากไม่ได้เพราะปลาถูกราดน้ำมาเยอะขนาดนี้ แต่พวกผมก็แอบคิดกันว่าถ้าปลาหนังกรอบ ๆ กว่านี้นี่คงจะฟินกันเลยล่ะ








ต้มยำกุ้งน้ำข้น (Prawn & lemongrass soup with mushroom (Tom Yum Goong) - 490 บาท) : จานนี้ชอบที่สุดในมื้อเลยล่ะครับ น้ำต้มยำกุ้งนี่น่าจะเด็ดที่สุดในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผมกินมาเลย คือแค่ตอนยังไม่ได้กินน้ำ เห็นน้ำสีขาว ๆ ส้ม ๆ นวล ๆ ลอยอยู่ก็คิดแล้วว่าเอ้อ น้ำสีสวยขนาดนี้ต้องอร่อยแน่เลย ซึ่งพอกินแล้วก็อืม ใช่เลยครับ น้ำมันแบบ เผ็ด นัว หวานมันกุ้งนิด ๆ กำลังดีมาก น่าจะเป็นรสชาติของต้มยำกุ้งแบบนี้นี่แหละที่ทำให้อาหารจานนี้โด่งดังไปทั่วโลก (ไม่เหมือนหลาย ๆ ร้านที่รสชาติมั่วเหลือเกิน) จานนี้เพิ่มความเด็ดเพิ่มเติมด้วย กุ้งก้ามกรามสด ๆ ตัวใหญ่ 5 ตัวให้สมกับการเป็นต้มยำกุ้งจริง ๆ ฟินเลย

ข้าวผัดปู (Fried rice with crab meat - 450 บาท) : ข้าวผัดปูมาตรฐานจานเปลที่ อาจจะไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นนักเพราะว่าโดน 4 จานก่อนหน้าแย่ง scene ไปหมดแล้ว แต่เอาจริง ๆ ก็คือข้าวผัดปูจานนี้ก็เป็นข้าวผัดรสชาติมาตรฐานจานนึงล่ะครับ กินกันเพลินเข้าคู่กันกับอาหารหลาย ๆ อย่างของร้านนี้ได้อย่างลงตัว







Chocolate fondant with vanilla ice cream (180 บาท) : ของหวานยอดฮิต ที่เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนก็มักจะมีกิน แต่ของร้าน The Glass House แห่งนี้ทำมาได้พิเศษกว่าหลาย ๆ ที่ที่เจอมาครับ ตัว chocolate lava ชิ้นใหญ่ รสชาติลงตัว จับคู่มากับไอศครีม vanilla ลูกใหญ่ ๆ หวาน หอม อร่อย และเป็นไอศครีม homemade ของทางร้านเอง จานนี้ผมก็ค่อนข้างชอบนะครับ แต่แฟนผมนางกินแล้วนางกรี๊ดเลย บอกว่าอร่อยมาก อย่างโน้นอย่างนี้ ฮ่า ๆ

Banana Frosting with Vanilla Ice Cream (120 บาท) : จานนี้ก็คล้าย ๆ จาน Chocolate fondant ล่ะครับ แค่ต่างกันที่ตัวอาหารหวานหลักที่เป็น แป้งปอเปี๊ยะไปห่อกล้วยแล้วก็ทอดมา แล้วก็ราดน้ำเชื่อมหวาน ๆ เพิ่มเข้าไป จานนี้ก็อร่อยใช้ได้ครับ ได้คะแนนตรงความแปลกใหม่ไม่ค่อยซ้ำใคร




เครื่องดื่มในมื้อนี้มี 2 แก้วครับ

Before Summer (240 บาท) : เครื่องดื่มเบา ๆ ออกแนวเป็น welcome drink ดื่มเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารกันได้เป็นอย่างดี ดื่มแล้วสดชื่นดีครับ

Strawberry Smoothie (95 บาท) : เป็น.. สมูธตี้ที่อร่อยล้ำมาก ๆ ครับ พวกผม 3 คนนี่ดูดกันคนล่ะอึก ต่างคนต่างก็อุทานกัน อร่อยอย่างโน้น อร่อยอย่างนี้ คือตัวน้ำนี่คือแบบเนื้อเนียนมากครับ ส่วนรสชาติก็แบบหวานนำ เปรี้ยวนิด ๆ กำลังดีมากเลย โอย แนะนำ




สรุป ร้าน The Glasshouse Beachfront Restaurant & Bar ร้านอาหารริมทะเลอันแสนจะโด่งดังของพัทยาแห่งนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจล่ะครับว่าทำไมถึงดังขนาดนี้ อาหารรสชาติดี หน้าตาสวยงาม ปริมาณคุ้มค่ากับราคา, พนักงานของทางร้านบริการดี พูดจาดี และมีเยอะเพียงพอ ต่อการเรียกหา ทีเด็ดที่สุดของทางร้านและน่าจะเป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่หลายคนมาที่นี่กัน กับ บรรยากาศริมทะเลของทางร้านที่มีให้เลือกนั่งกันหลายโซน และยิ่งบวกกับ ความหลากหลายทางนิเวศวิทยา เอ๊ย ทางอาหารและเครื่องดื่มของทางร้านเข้าไปอีก โอย สมบูรณ์แบบครับร้านนี้ ใครมีแพลนจะเปิดร้านริมทะเล หรือสวนอาหารใหญ่ ๆ เจ๋ง ๆ มาดูร้านนี้เป็นตัวอย่างกันได้เลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะหาตัวอย่างร้านแนวนี้ที่สมบูรณ์กว่านี้ได้ที่ไหนแล้วล่ะ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment