BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Thursday, October 3, 2013

Mantra Restaurant & Bar Review

Mantra Restaurant & Bar - North Pattaya Review

มันตรา ร้านอาหารนานาชาติ พัทยาเหนือ เลียบหาด รีวิว



Overall Score  10/10
Taste   4.5/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   4/5

Mantra - Premium International Restaurant on BumRes.com (For more pictures, info and menu)



สำหรับผมเมื่อได้ยินคำว่า Mantra Restaurant & Bar โดยที่ยังไม่ได้ค้นข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนั้น ผมคิดเอาเองว่าร้านนี้ก็คงเป็นร้านอาหารไทยธรรมดา ๆ อีกร้านนึงนั่นแหละไม่มีอะไรพิเศษมาก แต่กับคนพัทยา หรือคนที่เคยได้มีโอกาสมายังร้านนี้แล้วก็คงจะได้แต่ยักไหล่กับความคิดของผมว่ามันหาใช่สิ่งที่ร้านอันสุดแสนจะเจ๋งแห่งนี้เป็นเลยสักนิดเดียว

ร้าน Mantra หรือ มนตรา, เวทมนตร์ แห่งนี้เพียงแค่ได้เดินไปในร้าน เราก็เหมือนกับถูกสะกดไว้ด้วยเวทมนตร์ได้อย่างไม่ยากเย็นกับบรรยากาศอันสุดแสนจะ chic และเก๋ไก่ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบ ​modern Chinese ที่ผมยังไม่เคยพบเจอร้านไหนทำได้ไฉไลเท่าที่ร้านนี้เลย ร้านนี้เป็นร้านขนาดใหญ่ สามารถแบ่งได้เป็น 3 zone โดยประมาณ โซนแรกนั้นคือโซนบาร์ ขนาดใหญ่ และเป็นส่วนทางเข้าของร้านที่จะทำให้เราตกอยู่ในภวังค์ความงดงามและอลังการได้ไม่ยาก ด้วยบาร์ขนาดใหญ่, ที่นั่งเก๋ไก๋หลายจุด พร้อมเพดานโปร่ง ๆ สูง ๆ และพอเดินเข้าไปด้านในก็จะพบกับส่วนรับประทานอาหารหลัก ที่ใหญ่โต อลังการ และใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตกแต่ง พร้อม open kitchen กระจายตัวกันไปในทุกด้านของทางร้าน ทั้งครัวเย็น หรือ Sushi Bar , เตาอบพิซซ่าขนาดใหญ่พร้อมบริเวณปรุงอาหารอิตาเลียน, ครัวอาหารจีนที่มีเข่งติ่มซำพร้อมเป็ดย่างตัวใหญ่ ๆ น่ากินห้อยเรียกน้ำลายของเรา และโซนสุดท้ายของทางร้านกับบริเวณชั้น 2 ของทางร้านบริเวณที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว, ความโรแมนติคเป็นพิเศษ โดยจะมีที่นั่งแบบ Opera สำหรับกรุ๊ปเล็ก ๆ , Sultan's Table สำหรับกรุ๊ปใหญ่ และที่นั่งแบบหลบเข้าไปในกำแพงสำหรับคู่รัก คือสำหรับผมแล้ว การแค่ได้เห็นบรรยากาศร้าน การได้เข้าไปอยู่ในร้านนี้โดยที่ยังไม่ทันได้ลิ้มรสอาหารแต่อย่างใด ก็ทำให้ผมถูกสะกดด้วยมนตราไปเรียบร้อยแล้วล่ะ (เป็นหนึ่งในร้านที่สวยที่สุดที่ผมเคยเจอก็ว่าได้ หาร้านที่สวยขนาดนี้ในกรุงเทพ (หรือในโลก) ยังไม่ค่อยได้เลยมั้ง)







อาหารของร้านนี้ที่ตอนแรกผมคิดเอาไว้ว่าคงเป็นอาหารไทยธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นความคิดที่ค่อนข้างจะบ้องตื้นพอสมควรเลย เพราะว่าจริง ๆ แล้วอาหารของร้านนี้คือยกทุกครัวโลกมาไว้ที่ร้านก็คงไม่ผิดนัก อาหารไทย, อาหารญี่ปุ่น, อาหารจีน, อาหารอิตาเลียน, อาหารตะวันตก, อาหารอินเดีย ร้าน Mantra Restaurant & Bar แห่งนี้เค้ามีไว้พร้อมรองรับลูกค้าหลากหลายเชื้อชาติของพัทยากันอย่างพร้อมสรรพ และเนื่องด้วยเป็นร้านอาหารที่อยู่ติดทะเล อาหารส่วนใหญ่ก็เลยจะเน้นไปที่อาหารทะเลเป็นหลักแต่ก็มีอาหารจากบนบกปน ๆ อยู่ด้วยเพื่อให้ครบครันเรื่องความหลากหลายของอาหารแบบสมบูรณ์แบบ

อาหารของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบ a la carte , แบบ set dinner ที่จะมีให้เลือก 3 แบบในวันที่ผมไป โดยจะเป็นอาหาร 6-7 course แบบ full course ที่ดูเมนู ดูราคาแล้วเหมือนจะคุ้มค่าน่าลองมาก ๆ ทางร้าน Mantra แห่งนี้ยังเพิ่มความคุ้มค่าของอาหารเข้าไปอีกด้วย Sunday Brunch ของทางร้านที่จะเป็นการรวบรวมเอาอาหารกว่า 300 ชนิดมาให้เราได้เลือกกินกันได้อย่างตามใจ ด้วยสนนราคา 1,690++ บาทแค่นั้น (และหลาย ๆ คนที่ผมรู้จักเค้าว่ากันว่า Sunday Brunch ของที่นี่คือสุดยอดของพัทยาด้วย เจ๋งกว่าหลาย ๆ ที่ในกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ)







เครื่องดื่มของทางร้าน Mantra Restaurant & Bar แห่งนี้ก็อลังการไม่แพ้กัน ด้วยห้อง Wine Cellar ขนาดใหญ่ที่เราสามารถไปเดินดูเลือกไวน์มาดื่มด่ำกำซาบกันได้ตามใจ, เบียร์สด, spirit, whiskey, signature cocktail ที่หาดื่มที่ไหนไม่ได้, น้ำ(ผลไม้เป็นหลัก) สูตรพิเศษของทางร้านที่ทำออกมาแบบดูดีน่าดื่มกว่าน้ำผลไม้ธรรมดา ๆ อืม คือแบบดูเมนูอาหารของร้านนี้, เดินดู open kitchen ของร้านนี้, หยุดดูความอลังการของบาร์น้ำของร้านนี้แล้ว ผมก็ได้ข้อสรุปว่า คงไม่มีร้านไหนอีกแล้วที่จะเพียบพร้อมในเรื่องบรรยากาศ, ความหลากหลายของสัญชาติอาหาร และของเครื่องดื่มได้เท่าร้านนี้แล้วล่ะ อ้อ การบริการของร้านนี้ก็เรียกได้ว่า top-notch ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จากการที่ร้านนี้เป็นส่วนนึงของโรงแรม Amari Pattaya โรงแรม 4 และ 5 ดาว (คือมีตึกนึง 4 ดาว และตึกนึง (ตึกใหม่) 5 ดาวครับ) ในย่านพัทยาเหนือแห่งนี้ด้วย เรื่องการบริการของพนักงานเลยไม่ต้องสืบ บริการได้ดีมากจริง ๆ และไม่ใช่แค่การบริการแค่นั้นครับ ชุดของพนักงานนี่ก็แบบสวยงาม เก๋ไก๋ พนักงานแต่ละฝ่ายก็จะมีชุดกันคนละแบบ ออกแบบมาได้สวยงามเข้ากับบรรยากาศของทางร้านได้เป็นอย่างดี

หลาย ๆ ท่านคงพอจะเห็นภาพรวมของที่ Mantra Restaurant & Bar แห่งนี้กันไปแล้ว ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องอาหารและเครื่องดื่มของทางร้านที่พวกผมได้ไปลิ้มลองกัน ซึ่งมื้อนี้ก็ค่อนข้างจะจัดหนักจัดเต็มเหมือนกันด้วยเครื่องดื่ม 5 ชนิด และ อาหาร & ของหวาน 7 ชนิดครับ มาไล่เรียงกันไปดีกว่า

เครื่องดื่ม

- Cantaloup : กินแล้วสดชื่นมาก ไม่หวาน อร่อยสุด ๆ ไปเลย

- Lychee Soda : อร่อย สดชื่น หวานกำลังดี ซาบซ่า ซาบซ่าน

- Milk Pineapple : สับปะรดกับนมผสมกัน แปลกดี เปรี้ยวหอมมันลงตัว








- Mantratini : Cocktail ชื่อร้านเป็น Martini มาดัดแปลงเล็กน้อย ก็ หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ เหล้านิด ๆ กำลังดี

- Bangkok by night : แก้วนี้จำรสชาติไม่ได้ครับ -*- แต่ก็น่าจะโอเคแหละ เพราะไม่มีอะไรให้ติดใจ

อาหารและของคาวในมื้อนี้ก็มี 7 อย่างครับ

- Deep-fried prawns with sweet horseradish sauce (540 บาท) : สลัดสไตล์ฟิวชั่นนิด ๆ ประกอบด้วยกุ้งตัวใหญ่ ๆ 4 ตัวนำไปแกะเปลือกและทอดมาจนเกรียม ๆ กรอบ ๆ และมาพร้อมกับผักหลากหลายชนิด และผสมผสานเนื้อกุ้งและผักเข้าด้วยกันด้วยน้ำสลัดแบบ creamy ๆ ที่มีใส่วาซาบิมาเล็กน้อย อารมณ์จานนี้เอาจริง ๆ ก็คล้าย ๆ กุ้งทอดครีมสลัด อาหารยอดฮิตตามร้านอาหารไทยในช่วงหลัง ๆ นี้แต่จะแบบเลิศกว่า สวยงามกว่า อร่อยกว่า จากวาซาบิ, กุ้งตัวใหญ่ ๆ และผักสด ๆ ในจานนี่แหละครับ











- Mantra Quinteto (990 บาท) : คำว่า Quinteto นั้นแปลภาษาลาตินแปลว่า 5 เป็นคำที่ใช้พูดถึงจำนวน 5 แบบเก๋ ๆ คล้าย ๆ คำว่า เบญจ ในบ้านเรา ซึ่งจานนี้ตั้งชื่อมาแบบนี้ก็ไม่มีสาเหตุอื่นใดไปได้นอกจากการมีอาหาร 5 อย่างใส่มาในจานแบบเบญจภาคกันเลยทีเดียว ซึ่งอาหาร 5 อย่างนี้ก็ประกอบด้วย

  • Souffle Truffle : อร่อย ฟู กำลังดี หอมกลิ่นทรัฟเฟิลและชีส โดยไม่ต้องมีการใส่เนื้อสัตว์มาด้านล่างแต่อย่างใด 
  • Foie Gras : ตับห่านชิ้นใหญ่ แล่มาเป็นทรงตับแบบอวบอิ่มสมบูรณ์แบบ (สี่เหลี่ยมคางหมู) , ทอดมากำลังดี ผิวเกรียม ๆ แต่ด้านในยังเยิ้ม ๆ เละ ๆ กินเข้าไปแล้วไปละลายในปาก และเพิ่มรสชาติมาด้วยผักและซอสเปรี้ยว ๆ มาตัดรสความเลี่ยนของตับ
  • Avocado Tuna : ปลาทูน่าคุณภาพดีชิ้นหนา ผสมมากับ avocado และน้ำสลัด ได้อย่างลงตัว
  • พริกซอสสามสีผัดชีส : อันนี้เหมือนจะเป็นอาหาร side dish กลาย ๆ ของจานนี้เพราะเป็นอย่างเดียวที่มีรสชาติจัดจ้าน ไว้กินตัดรสกับอาหารรสชาติเบา ๆ อย่างอื่น
  • Parma ham melon : อันนี้ค่อนข้างธรรมดาไปนิดครับ เมล่อนไม่ได้หวานอะไรมาก ปาร์มาแฮม เค็มกำลังดี แต่ก็เหมือนจะให้มาน้อยไปหน่อย เนื้อบางไปนิด ประมาณนั้น

- Mushroom crusted snow fish with passion fruit butter (1,250 บาท) : จานนี้สุดยอดที่สุดในสามโลกครับ เกิดมาผมก็เพิ่งจะเคยเห็นปลาหิมะที่ชิ้นใหญ่และหนาขนาดนี้ ทางพ่อครัวนำปลาหิมะไป sous-vide หรือไม่ก็ไปนึ่งก่อน เพื่อให้เนื้อปลานั้นสุกทั่วถึงกันทั้งก้อน จากนั้นก็นำไป sear ให้ผิวเกรียม ๆ มากำลังดี เพิ่มความหลากหลายของ texture ที่ทำให้กินไปแต่ละคำก็จะได้ความกรอบของผิว, ความนุ่มเนียนละมุนละไมของเนื้อปลา บวกกับการปรุงรสที่ปรุงมาแบบจีน ๆ ผสมกับฝรั่ง อร่อยแบบ..กินเท่าไรก็ไม่พอครับจานนี้







- ยำมะม่วงกุ้งแม่น้ำเผา (510 บาท) : กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ สดอร่อย มันกุ้งเยิ้ม ๆ เต็มหัว เนื้อกุ้งแกะออกมาได้ง่าย ๆ หลุดกันมาทั้งยวง ตัวยำมะม่วงยำมาได้แบบเผ็ดจัดจ้านมาก ๆ เมื่อกินพร้อม ๆ กัน ทั้งกุ้งและยำมะม่วงก็ได้เป็นอะไรที่รสชาติค่อนข้างผสมผสานกันพอดี

- ขนมจีบปลาแซลมอน (290 บาท) : เป็นขนมจีบที่แนวสุด ๆ ครับ ชิ้นใหญ่กว่าขนมจีบทั่วไปสักเท่านึง เพราะเป็นการนำเอาปลาแซลมอนชิ้นใหญ่ ๆ มายัดไส้และห่อแป้งให้ออกมาหน้าตา (แค่) คล้าย ๆ ขนมจีบธรรมดา เนื่องจากว่าชิ้นใหญ่ เลยต้องแบ่งเป็น 2 คำ คำแรกที่กินเข้าไปนี่คือแบบ โอว ฟินครับ เนื้อปลาแซลมอน สด นุ่ม และให้มาเยอะ และได้อีกรสชาติจากเนื้อหมูสับที่ยัด ๆ มาด้วยนิดหน่อยด้วย ขนมจีบชิ้นเขื่องชิ้นนี้ไม่ต้องจิ้มจิ๊กโฉ่วแต่อย่างใดเนื่องจากว่าทางร้านราดน้ำซีอิ๊ว หวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อยมาเรียบร้อยแล้ว






- บะหมี่เกี๊ยวราดซอสเสฉวน ( Szechuan noodle soup with pak choy & spicy pork sauce in chicken broth - 290 บาท): ถ้ามองเผิน ๆ จานนี้ก็อาจจะเหมือนบะหมี่เกี๊ยวแห้งธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่ความจริงแล้ว ความพิเศษของจานนี้มันคือตัวซอสเสฉวนที่ราดมามาครับ พอคลุก ๆ ซอสให้เข้ากันกับเส้นบะหมี่, ผักคะน้าฮ่องกง, เกี๊ยวกุ้งแล้ว ก็จะได้เป็นบะหมี่ที่แบบสีดำ ๆ น่ากินขึ้นมา และพอกินเข้าไปก็ โอย ฟินอีกแล้วครับ ทุกอย่างในจานนี่คือของดีหมด โดยเฉพาะผักคะน้าฮ่องกงกรอบ อร่อยกว่า บางร้านในกรุงเทพที่กล้าขายกันจานละ 400 บาทแค่คะน้าฮ่องกงอย่างเดียวด้วยซ้ำครับ ทีเด็ดของจานนี้เอาจริง ๆ ผมว่าน่าจะเป็นตัวซอสเสฉวนนี่แหละที่ทำให้รสชาติมันออกมานัวขนาดนี้

- Apple Flan (380 บาท) : แป้งทาร์ต (แป้งฟลาน) บาง ๆ ผสมแอปเปิ้ลฝาน ที่ถูกวางทับมาด้วยไอศครีมวานิลลา และราดมาด้วยน้ำเชื่อมและโรยมาด้วย icing ของหวานสไตล์ฝรั่ง ๆ ที่มาช่วยเติมเต็มความเป็นนานาชาติของมื้อนี้ให้สมกับตัวร้านอาหารที่เป็นอาหารนานาชาติ จานนี้ อร่อยดีครับ แป้งแบบแข็ง ๆ กรอบ ๆ ดี ไอศครีมวานิลลาแม้จะไม่โดดเด่นมาก แต่ก็ถือว่าโอเค ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับตัวแป้งทาร์ตได้อย่างลงตัว

ผมว่าการที่ร้าน Mantra Restaurant & Bar ณ พัทยา แห่งนี้ ตั้งชื่อร้านมาได้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งครับ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครคนไหนที่มาร้านนี้แล้วจะไม่ถูกเวทมนตร์ของร้านนี้สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์เอา เพราะเวทมนตร์ของร้านนี้มีหลายคาถามาก ทั้ง บรรยากาศร้าน, รสชาติอาหาร, ความหลากหลายของอาหาร, การบริการอันไร้ที่ติ อืม อาจจะฟังดูเว่อร์เกินจริง แต่เท่าที่ได้ยินจากปากของคนรู้จักผมที่ได้มาร้านนี้ แทบทุกคนก็เหมือนจะถูกเวทมนตร์นี้กันเข้าทั้งนั้น อยากจะมาโดนเวทมนตร์สะกดกันโดยที่ไม่ต้องหลุดเข้าไปในโลกของ  Harry Potter มั้ยล่ะครับ? ร้าน Mantra แห่งนี้เค้าเปิดทุกวัน 6 โมงเย็นเป็นต้นไปถึงตี 1 หรือถ้าใครอยากจัดหนัก ๆ กับอาหาร 300 กว่าชนิดของทางร้านก็มาลองกันกับ Sunday Brunch ของทางร้านได้เลย


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...