Johann Bistro - Modern French Restaurant at No. 88 Thonglor, Bangkok
โจฮัน บิสโทร ร้านอาหารฝรั่งเศส ทองหล่อ
Overall Score /10
Taste /5
Ambiance /5
Service /5
Value /5
Johann Bistro - European (French) Bistro on BumRes.com (For more pictures and menu)
ในย่านทองหล่อ สวรรค์ของร้านอาหารประจำเมืองกรุงเทพฟ้าอมรของเรา แม้ว่าจะมีร้านอาหารอยู่เยอะมาก เยอะระดับที่กินสักเดือนนึงก็น่าจะกินยังไม่ครบทุกร้าน แต่ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารญี่ปุ่น, อิตาเลียน หรือ อาหารไทย ซึ่งร้านที่จะรีวิวในฉบับนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสหนึ่งในไม่กี่ร้าน (ที่ผมนึกออก) ในย่านทองหล่อแห่งนี้ก็ว่าได้ (ร้านอื่น ๆ ที่นึกออกคือ Surface และ Little Beast) กับร้านที่มีนามว่า Johann Bistro แห่งนี้ ร้านนี้รู้สึกว่าจะเปิดมาได้ 1-2 เดือน (เขียนเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556) ร้านตั้งอยู่ที่โครงการ No. 88 ตรงบริเวณทางเชื่อมระหว่างทองหล่อซอย 5 กับ ทองหล่อซอย 9 complex เล็ก ๆ ที่ตอนนี้กลายเป็น complex แห่งร้านอาหารไปเรียบร้อยแล้ว
ร้านนี้ผมไม่แน่ใจว่าตัวเชฟใหญ่ประจำร้านนั้นชื่อ Johann รึเปล่า รู้แค่ว่าเขาเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเชฟใหญ่แห่งร้าน Le Normandie - Mandarin Oriental ร้านฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อถึงความสุดยอดที่สุดใน South East Asia เรา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตัวเชฟนั้นไปฝึกฝีมือที่ไหนมาก่อนที่จะมาเปิดร้านนี้รึเปล่า แต่แบบอ่านการ์ตูนทำอาหารมาเยอะ พ่อทำอาหารเก่งก็มักจะสอนลูกให้ทำอาหารตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วลูกก็มักจะเก่งไปโดยปริยาย ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ใช้คำว่า Bistro พ่วงท้ายชื่อ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันจะ Bistro ตรงไหนไม่ว่าจะความสวยงามของทางร้านที่ตกแต่งดูดี modern ๆ และใหญ่โตโอ่โถง, ราคาอาหารที่กินมื้อเย็นก็น่าจะคนละ 1000 บาทโดยประมาณ และอะไรต่าง ๆ นา ๆ ที่บ่งชี้ถึงความเป็น Restaurant ทั้งนั้น
ทางร้าน Johann Bistro นี่จะมีจุดเด่นอย่างนึงคือทางร้านจะมีวัตถุดิบแช่แข็ง (หรือไม่แช่แข็งด้วยไม่แน่ใจ) ซึ่งแบบเราสามารถไปเดิน ๆ ดูแล้วก็สั่งให้เชฟไปปรุงมาให้เราได้ถ้าเราสนใจตัวไหน ส่วนอาหารของทางร้านนั้นก็จะมี set lunch ราคาประหยัดไว้บริการลูกค้าที่ไม่ค่อยมีตังค์แต่ริจะกินอาหารฝรั่งเศสแต่ต้องฝ่าแดดฝ่าลมมากินที่ร้านตอนเที่ยงด้วย (แบบผม) โดย set lunch จะมี 2 courses 270++ บาท และ 3 courses 350++ บาท คือแบบเห็นราคาตอนแรกแล้วแอบตกใจครับว่ามันจะถูกไปไหน! หลัง ๆ นี่ผมก็กิน set lunch มาเยอะ เจอแต่แบบเกือบ ๆ พันแทบทั้งนั้นมาเจอราคาของร้านนี้เข้าไปนี่ก็ทึ่งรวมถึงแอบเซ็งพวกร้านอื่น ๆ ที่แบบจะตั้งราคากันมหาโหดไปไหน ส่วนอาหารมื้อเย็นหรือ a la carte นั้น ร้านนี้ก็มีให้เลือกค่อนข้างจะเหมือน ๆ ร้านฝรั่งเศสอื่น ๆ มีให้เลือกไม่เยอะนัก ราคาพวกที่ไม่ใช่ Main ก็ 200 - 300 บาท ส่วน Main ก็ 500 - 1500 บาทโดยประมาณครับ (ก็บอกแล้วมัน Bistro ตรงไหน)
อ้อ ร้านนี้พนักงานยังดูงง ๆ เรื่องลำดับการบริการ, การดูแลลูกค้าอยู่ครับ อาจจะเพราะเพิ่งเปิดร้านใหม่ ยังฝึกกันไม่นานพอ แต่เรื่องมารยาทการตกแต่งถือว่าชั้นดีครับ
เข้ากันที่ตัวอาหารกันเลย มื้อนี้เริ่มต้นด้วย Amuse-bouche (ของกินเล่นคำเดียวหมดจากเชฟ หรือ Chef's complimentary นั่นเอง) (คือแบบ set lunch ถูกแสนถูกแล้วยังจะมีขนมปังมาให้กินเล่น (อร่อยพอใช้ได้ด้วย) และมี Amuse-bouche นี่อีกนะ ยอดไปเลยคุณโจฮัน!) เป็นประมาณเนื้อปลาแซลมอนเอาไปใส่ในเยลลี่, เจลาตินครับ หน้าตาน่ากิน ส่วนรสชาติก็ยอดเยี่ยมครับ อร่อยดี แต่เสียดาย มันกิน 2 คำหมดครับ
อาหารจานแรกจริง ๆ นั้นเป็น Mixed salad with orange and ginger dressing จานนี้ก็ไม่มีอะไรครับ เป็นผัก สด ๆ เปล่า ๆ ปลี้ ๆ ผักหลัก ๆ นั้นเป็นผักอะไรไม่ทราบผมจำชื่อไม่ได้แล้ว คล้าย ๆ lettuce (oakleaf and redoak รึเปล่า?) และก็มีผักอย่างอื่นเสริมมาเล็กน้อย และก็ราดมาด้วยน้ำสลัดเปรี้ยว ๆ เล็กน้อย จานนี้มันก็สลัด basic อ่ะครับไม่มีอะไรมาก และอาหารเรียกน้ำย่อยที่ตามมาอย่างที่ 2 คือ Soup of the Day อันนี้เป็นซุปผักครับ จำไม่ได้แล้วว่ามีผักอะไรบ้าง รสชาติก็กลาง ๆ ธรรมดา ๆ ผัก ๆ คล้าย ๆ ซุปเห็ดผสมซุปน้ำใสผักอ่ะครับจานนี้
อ้อ 2 อย่างแรกเป็น course แรกของ set lunch นะครับ อาหารจานต่อมาเป็น Pork Ravioli - 300 บาท เป็นอาหาร Special of the day (ร้านนี้เสิร์ฟอาหารตามลำดับที่ควรจะเป็นจริง ๆ ผมล่ะเซ็งเวลาไปกินร้านกาก ๆ แล้วแบบเสิร์ฟอะไรต่อมิอะไรมาไม่มี order แต่ดันอยากจะขายอาหารฝรั่ง) จานนี้หน้าตาดูดีมาแบบผู้ดี ๆ ravioli ชิ้นไม่ใหญ่มาก แต่ว่าแต่ละชิ้นอัดแน่นมาด้วยเนื้อหมูจนพูน และก็ซอสจะแบบข้น ๆ หน่อย ไม่รู้ส่วนผสมมีอะไรมากแต่เข้ากันดีครับตัวพาสต้ากับซอส แต่ทีเด็ดจริง ๆ นั้นเป็นมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ที่อยู่ในจานครับ มัน..อร่อยมาก อร่อยจนกลบรัศมีของตัว ravioli ไปเลย (ฮา) จานนี้ทำได้ดีครับ อร่อยชอบ
ส่วนจานถัดมานั้นเป็น Main Course ของ Set Lunch กับ Red mullet with ratatouille, zucchini and pesto จานนี้อร่อยสุด ๆ ผมชอบที่สุดในมื้อล่ะ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปลา Red Mullet นี่คือปลาอะไร แต่ดู ๆ แล้วมันคล้าย ๆ กระพงแดงบ้านเรา ซึ่งทางเชฟนั้นหั่นมาเป็น Fillet บาง ๆ (ถ้าหนา ๆ จะยิ่งเทพกว่านี้) และก็ไม่รู้ไปทำอะไรกับเกล็ด เกล็ดมาแบบเต็ม ๆ ผิวหนัง ไม่ได้มีขูดออก และก็ฟู ๆ คล้าย ๆ แบบเกล็ดมันขนลุกอ่ะครับ เจ๋งมากปลาเสิร์ฟทั้งเกล็ด ส่วนรสชาตินั้นก็สุดยอด ตัวเกล็ดนั้นจะคล้าย ๆ กินแป้งบาง ๆ ไม่ค่อยกรอบเท่าไรแต่กัดแล้วเหมือนได้รู้ว่ากัดอะไรเข้าไป ส่วนเนื้อปลาก็นุ่ม สด อร่อย ตัดกันเป็นอย่างดี โอยชอบมากครับจานนี้
Main Course ใน set lunch อีกอย่างนั้นเป็น Pork loin with potato, spinach and mustard sauce หรือประมาณหมูสามชั้นเอาไปนึ่ง หรือต้ม หรืออะไรสักอย่างแล้วก็เคลือบ ๆ ผงมาที่ด้านนึงให้ดูคล้าย ๆ หมูกรอบบ้านเรา จานนี้ผมค่อนข้างเฉย ๆ นะ เพราะแบบหมูมันไม่ได้อร่อยเท่าไร และก็ตัวผงที่คลุกมา, ตัวซอสที่ให้มา รสชาติก็บ้าน ๆ ไม่ได้เสิรมรสหมูแต่อย่างใดด้วย
อาหารจานหลักนั้นมีอีกอย่างซึ่งสั่งของเมนู a la carte มานั่นก็คือ Braised Wagyu Beef Cheeks marinated in Carbernet Sauvignon, presented with Carrot Puree and Market Vegetables - 650 บาท จานนี้ก็แบบถือว่าราคาไม่ค่อยแพงนะครับเพราะให้เนื้อแก้มวัวมาถึง 2 ก้อนขนาดกำลังดี หน้าตาก็เหมือนจานเนื้อตามร้านอาหารยุโรปทั่ว ๆ ไปครับจานนี้ เนื้อไปตุ๋นมาแล้วก็ราดซอสมา ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันส่วนใหญ่นั้นจะไม่ได้อยู่ที่หน้าตาแต่เป็นรสชาติหลังได้กินต่างหาก ซึ่งทางร้าน Johann Bistro นี่ผมถือว่าทำได้ดีกว่าหลาย ๆ ร้านครับ เนื้อแม้ว่าจะหนาแต่ก็นุ่ม อร่อยและตัวซอสก็รสชาติเบา ๆ แต่ก็เป็นรสที่ช่วยเพิ่มความอร่อยของเนื้อได้เป็นอย่างดี โอเคเลยครับจานนี้
ของหวานในมื้อนี้ปิดท้ายด้วย Mango shot และ Vanilla New Zealand Premium ice-cream (ไม่รู้ยี่ห้ออะไร) ตัว Mango Shot นั้นตอนแรกผมนึกว่ามาเป็นแบบแก้ว shot กินคำสองคำหมด แต่ที่ไหนได้มาในแก้ว cocktail เลย แล้วก็ทำมาแบบน่ากินดี ดูใส่เครื่องใส่อะไรมาเยอะดี รสชาติก็แบบมะม่วง ๆ ดีครับ กินแล้วสดชื่นดี แต่ยังไม่ถึงกับอร่อยมากจนอยากกินอีก ส่วนตัวไอศครีม ผมไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไรนะ (New Zealand Natural รึเปล่า?) ก็อร่อยดีครับ อร่อยสมกับที่โพะคำว่า premium อยู่ด้านหน้า ระดับเดียวกับพวก Movenpick, Haggen Dazs อะไรเทือกนั้นเลยครับ
สรป มื้อนี้ค่าเสียหาย 2,330 บาทกินกัน 3 คน อาหารจริง ๆ ไปแพงเอาตัว a la carte 2 อย่างที่แค่นั้นก็ซัดไปพันต้น ๆ บาทแล้ว แล้วก็มีค่าน้ำแร่อีกขวดละ 60 บาท! (กินไป 4 ขวด อืม Bistro มากน้ำเปล่าขวดละ 60 บาท) เฮ้อ ผมก็สงสัยแต่แรกอยู่แล้ว set lunch มันจะถูกไปไหน มีตอดเล็กตอดน้อยอะไรแบบนี้นี่เอง แต่โดยรวม กับร้านอาหารฝรั่งเศสมื้อนึง จ่ายไปคนละ 800 บาทโดยประมาณก็ถือว่าไม่แพงมากว่ามั้ยครับ ร้าน Johann Bistro นี่ก็สมกับเป็นร้านของลูกชายเชฟ Le Normandie จริง ๆ ทุกอย่างมืออาชีพไปหมด ไม่ว่าจะรายการอาหาร, พนักงาน, บรรยากาศร้าน และที่สำคัญที่สุด รสชาติอาหารและความแปลกใหม่ของอาหาร ร้านนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่จะผงาดอยู่ที่ทองหล่อนี่ได้ครับ ผมขอฟันธงเลย!
ปล. กาแฟร้านนี้อร่อยเว่อร์ครับ อร่อยกว่าทุก ๆ กาแฟที่ผมเคยกินมาตั้งแต่จำความได้เลย เพื่อนผมก็เห็นด้วยเช่นเดียวกันกับผม เพื่อนผมสั่ง Espresso - 90 บาท ผมสั่ง Hot Latte - 100 บาท ซึ่งอันนี้ไม่รู้เพราะสั่งตอนกินอาหารเสร็จแล้ว, ไปนั่ง al fresco dining หน้าร้าน สูบบุหรี่ไป กินกาแฟไปด้วยรึเปล่า มันเลยอร่อยเว่อร์ไปเลย!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment