In The Mood For Love : ONE - Japanese Restaurant Sushi & Sake Bar at Ekamai Soi 1 Sukhumvit 63, Bangkok
Overall Score 8.5/10
Taste 4.5/5
Ambiance 5/5
Service 4.5/5
Value 3/5
In The Mood For Love ONE - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ร้านเน้น Roll หรือข้าวปั้นมากกว่าอาหารอย่างอื่นใดอย่างใดในเมนูของร้านในเมืองไทยนั้นก็มีอยู่ไม่ค่อยเยอะครับ เท่าที่ผมนึกออกและเคยไปกินมาก็จะมีร้าน Rainbow Roll Sushi , ISAO , Koken และร้าน In The Mood For Love - สุขุมวิท 36 แค่นั้นเอง สำหรับตัวผมเอง ก่อนหน้าที่จะไปกินร้าน Roll พวกนี้ก็เคยกิน roll จากร้านอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ มาหลายร้านแต่ไม่เคยเข้าใจซักทีว่ามันอร่อยตรงไหน ทำไมถึงต้องทำเมนูอะไรพวกนี้กันมา จนกระทั่งได้เริ่ม ๆ มากินร้าน roll แบบเน้น roll จริง ๆ 4 ร้านที่ว่านี้ก็เลยเริ่มจะเข้าถึงนิพพานแห่ง roll ขึ้นมาเล็กน้อย และเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอเมริกัน หรือ ตะวันตก ว่าทำไมถึงชอบสั่งกันนัก และมีเมนูอะไรกันเยอะแยะมากมายเหลือเกิน
สำหรับร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านสาขา 2 ของร้าน "อยู่ในอารมณ์รัก" ชื่อร้านเก๋ ๆ ที่มาจากชื่อหนังที่น่าจะดังอยู่ในระดับนึงนั่นเอง (แต่ผมไม่เคยดู) ร้านสาขาของร้านอยู่ในอารมณ์รักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ เอกมัย ซอย 1 ชื่อร้านเลยมีคำว่า One พ่วงท้ายมาให้เก๋ ๆ ให้ต่างจากร้านสาขาแรก (คือหลายคนอาจจะสับสน (รวมถึงผมด้วย) ว่าเจ้าเอกมัยซอย 1 เนี่ยมันอยู่ต้น ๆ ถนนเอกมัย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่นะครับ ต้น ๆ ซอยนั้นจะเป็นซอยของ parklane เอง, ถัดมาหน่อยก็จะเป็นซอยส่วนบุคคลชื่อ ถนนอาเขต อะไรสักอย่าง ส่วนซอย 1 นี่จะอยู่เกือบ ๆ กลางถนนเลย ตรงข้ามกับ Healthland) ตัวร้านนั้นเป็นบ้านพักอาศัยมาดัดแปลงใหม่เป็นร้านอาหารอันสวยงาม และมีที่จอดรถค่อนข้างพร้อมกว่าร้านเก่า (ร้านเก่าก็สวยเหมือนกันครับ แต่รู้สึกจะเล็กกว่าร้านสาขา 2 นี้หน่อย และก็ที่จอดรถจะอยู่ไกลมากต้องไปจอดแล้วนั่งรถรับส่งมา)
บรรยากาศของร้าน In The Mood for Love One นี้บอกตรง ๆ ว่ามัน สวยสดงดงาม วิจิตร ชดช้อย มาก ๆ ครับ เป็นร้านที่ตกแต่งได้สวยงามไม่แพ้ร้านเทพ ๆ ที่ผมเคยเจอมาเลย ตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยโต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะแบบโต๊ะ (แล้วมันไม่โต๊ะแบบไม่โต๊ะด้วย?) และก็จะมี sushi bar , bar เครื่องดื่มที่มีที่นั่งอีกเล็กน้อย แบบบาร์ ๆ ด้วย (ตามสไตล์คนไทยที่ชอบนั่งโต๊ะกัน) ตัวเจ้าของร้านแห่งนี้ (ทั้ง 2 สาขา) เพื่อนผมที่เป็นขาประจำบอกว่าเค้าเคยเป็น Bartender เทพที่ไหนมาก่อนสักที ทำให้เครื่องดื่มของร้านนี้ก็เลยจะค่อนข้างเจ๋งพอตัว ซึ่งมื้อนี้ เพื่อนผู้หญิงที่ไปด้วยกัน 2 คนก็ช่วยสั่งมาให้ผมถ่ายรูป ได้ชิมอยู่ 3 แก้วครับ มี In the mood for love @ ONE - 260 บาท, Try Run - 260 บาท และ Sangria Square - 260 บาท ทั้ง 3 แก้วนี้ผมก็จิบ ๆ ชิม ๆ ไปนิดหน่อย ก็รู้สึกว่าอร่อยดี แต่เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยแรงเท่าไร ไม่ค่อยมี alcohol นัก เหมือนแบบกะทำมาให้คุณผู้หญิงดื่มกันเก๋ ๆ แค่นั้น (แต่พอดี เพื่อนผู้หญิงผมเป็นคอเหล้า ฮ่า ๆ) ส่วนเครื่องดื่มของผมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเทพของ Bartender นักเพราะเป็น Asahi Pint - 200 บาท จำนวน 3 แก้ว ซึ่งก็อร่อยตามประสาเบียร์สด Asahi ในไทย แต่ก็ไม่อร่อยเท่า Asahi Draft Beer ที่ญี่ปุ่น เช่นเคย
อาหารของทางร้าน In The Mood For Love One แห่งนี้ ผมไม่แน่ใจว่ายกแม่พิมพ์มาจากร้านสาขาแรกตรงสุขุมวิท 36 เลยรึเปล่า แต่จากที่พลิก ๆ เมนูดูแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้น อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นอาหารญี่ปุ่นแนว modern ๆ หน่อย มีอาหารหลายตัวที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยกินที่ร้านอื่น คือแม้ว่าผมจะบอกว่าร้านนี้เน้น roll เป็นหลัก แต่จริง ๆ roll ก็เป็นเพียงเสี้ยวนึงของรายการอาหารของทางร้านเท่านั้น (แต่แค่พอดีร้านนี้เค้าดังเรื่อง roll และชอบ promote roll ตัวเองนั่นเอง) อาหารอย่างอื่น ๆ จะมีทั้งพวกแนว กับแกล้ม (เพราะร้านเป็นประมาณ hi-class izakaya) , sushi, sashimi หรือ ข้าวหน้าต่าง ๆ คืออาหารมีค่อนข้างครบครับ ซึ่งเท่าที่ผมจำได้ ตอนไปสาขาแรก ไม่ได้มีเมนูเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพิ่มมาตอนหลัง หรือว่าเพิ่มมาเฉพาะสาขานี้ ใครรู้ก็ช่วยบอกทีนะครับ สิ่งนึงที่โดดเด่นเลยหลังจากดูเมนูของร้านนี้คือ "ราคา" ครับ ราคาเค้าค่อนข้างแพงมาก อาจจะไม่แพงเท่าร้าน premium จริง ๆ ในละแวกนี้ แต่ก็แพงกว่าพวกร้าน sushi ที่เปิดกันมาเป็นทิวแถวเมื่อปีที่แล้วเป็นส่วนใหญ่ล่ะครับ ราคาถ้ามากินกันจริงจัง ก็น่าจะคนละ 1,500 - 2,000 บาทโดยประมาณล่ะครับ
อาหารในมื้อนี้ผมขอแบ่งเป็น 3 หมวดละกัน
หมวดแรก Sushi
มื้อนี้สั่งไป 2 จาน จานแรกเป็น Nigiri Couple (Ten pieces of sushi) - 1,500 บาท จานนี้ก็จะประกอบด้วย Sushi 10 คำ และเป็น Sushi สไตล์คำที่เหมาะสม ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ Sushi ปลาชิ้นใหญ่ ๆ ข้าวน้อย ๆ ที่เดี๋ยวนี้หลายร้านชอบทำแล้วพอกินทีไรเสียอารมณ์ทุกที ตัว Sushi นั้นจัดเรียงมาแบบใส่ใจลูกค้ามาก คือไล่เรียงไปจากปลาเนื้อขาว, ไปเนื้อแดง, ไป sear และก็ปิดท้ายด้วย makimono ได้อย่างลงตัว คือเราสามารถกินตาม order ที่ทางพ่อครัวปั้นมาให้ได้โดยไม่ต้องไปคิดอะไร และเป็นหลักการในการกิน sushi ที่ถูกต้องได้เลย ตัว sushi โดยรวม ๆ นั้นอร่อยดีครับ แต่ละคำปั้นมาปราณีตมาก ข้าวผสานกับปลา, ใส่วาซาบิมาเล็กน้อยตามสมควร แต่ยังไม่ถึงขั้นทาโชยุมาให้เลยเหมือนร้านเทพ ๆ ก็โดยรวมก็โอเคครับ แต่เมื่อคิดถึงราคาที่พวก ++ แล้วมันเกือบ ๆ 2000 บาท ผมก็แอบรู้สึกว่ามันแพงไปหน่อยนะเนี่ย
ส่วน Sushi อีกจานนั้นเป็น Nigiri Single (Seven pieces of sushi) - 700 บาท จานนี้ก็จะได้จำนวนคำลดลง, ได้ปลาถูกลง แต่อย่างอื่น ๆ นั้นเหมือนกันหมดครับ ไม่ว่าจะความปราณีตในการปั้น Sushi, การวาง Sushi ตาม order มาแบบให้กินแบบทวนเข็มนาฬิกาจากสีขาวไปสีแดงและตบท้ายด้วยไข่หวาน และ maki ความอร่อยและคุณภาพนั้นพอ ๆ กับจาน Couple ครับแค่ใช้ปลาถูกกว่าแค่นั้นเอง ทำได้ดีทีเดียว
หมวดที่ 2 เป็นอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Roll
อย่างแรกนั้นเป็น สลัดปลาดิบ (Sashimi salad - assortment of vegetable with fresh raw fish - 280 บาท) ก็เป็นสลัดมาตรฐานครับ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ก็กินได้เพลิน ๆ มีผักอะไรไม่รู้แล้วก็ salmon + akami แล่มาชิ้นใหญ่ ๆ ไม่บางมาก ไม่หนาไป โปะ ๆ มากำลังดี จานนี้เป็น appetizer ที่ดีครับ แต่ก็อย่างที่ว่าไป เคยกินสลัดเปิดตัวมื้ออาหารของหลาย ๆ ร้านที่ที่ทำได้อร่อยกว่านี้ ดีกว่านี้มาล่ะครับตัวผม
อย่างที่ 2 เป็น ข้าวหน้าหมูต้มสาเกกับไข่ออนเซ็น (Long simmer pork belly with Onsen egg on the bed of ice - 280 บาท) จริง ๆ ไข่ออนเซ็น นั้นทางร้านตั้งชื่อผิดไป น่าจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจาก Onsen egg นั้นจริง ๆ จะเป็นไข่ขาวไม่สุก ยังเละ ๆ และไข่แดงก็เละ ๆ เกือบสุกด้วย แต่เจ้าไข่ยางมะตูมแบบที่ทางร้านนี้ทำมานั้นจะเป็นชื่อ Hanjuku Tamago (半熟卵) แทน แต่การตั้งชื่อเมนูผิดก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดอะไรไม่ดีต่อจานนี้แต่อย่างใด เพราะว่ามันเป็น donburi ที่อร่อยมาก ๆ ครับ หมูสามชั้นต้มมาจนเปื่อยยุ่ย นุ่มละมุนสุด ๆ และก็มาแบบรสชาติเค็ม ๆ หน่อยกินกับข้าวญี่ปุ่นจืด ๆ , ไข่ยางมะตูมจืด ๆ แล้วผสมผสานรสชาติกันได้อย่างลงตัวดี จานนี้ชอบมากครับ และไม่เคยเห็นที่ร้านอื่นด้วย น่าเอาไปทำนะครับเนี่ย
หมวดที่ 3 เป็นพวก Roll ต่าง ๆ
อย่างแรกเป็น Very Salmon (Rx sauce, salmon, avocado, ebigo wrapped with seared salmon - 360 บาท) ไม่รู้ว่าเพราะผมกิน Roll ที่อเมริกามาเยอะหรือว่าอย่างไรนะครับ แต่ แว่บแรกที่เห็น roll ของร้าน in the mood for love one นี่ แล้วรู้สึกว่ามันเป็น roll ที่แบบทำไมคำเล็กจัง คืออาจจะทำมาให้คุณผู้หญิงทั้งหลาย (ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของร้านนี้) กิน ก็เลยทำมาคำเล็ก ๆ หน่อย แต่คำเล็กหรือคำใหญ่ก็ไม่มีความหมายสำหรับผมหรอกครับ ดูที่ตัวรสชาติเป็นหลัก ซึ่งเจ้า Very Salmon นี่ทำมาได้ดีมาก อร่อยแบบกินแล้ว ชอบอ่ะ เนื้อปลาแซลมอนน่าจะใช้ส่วนท้องเพราะว่ามัน ๆ แล้วก็ sear มาเล็กน้อย แบบกินแล้วมันนุ่ม อร่อยมาก ส่วนพวกเนื้อด้านในก็เป็นอะไรที่นุ่ม ๆ หมด แต่ละคำที่กินเข้าไปมันเลยเหมือนแบบ อ๊าง ๆ นุ่ม อร่อยดีแท้ครับ
อย่างที่ 2 เป็น Guilty but happy (Shrimp tempura, ebigo, cream cheese, scallion, mayo and red sauce drizzle with wasabi mayo and nitsume - 380 บาท) อันนี้ผมรู้สึกธรรมดา ๆ กินแล้วไม่เกิดความชอบอะไรขึ้นมาสักเท่าไร เหมือนกับตัวซอส, ตัวกุ้งเทมปุระ กับไส้ใน มันดูผสมผสานกันยังไม่ค่อยดีเท่าไรครับ เพื่อนผมที่ไปด้วยกันก็เฉย ๆ กับจานนี้เช่นกัน
ส่วน Roll อย่างสุดท้ายและอาหารอย่างสุดท้ายในมื้อนี้เป็นอาหารเรือธง, ชูโรงของทางร้านกับ Caterpillar (Ebi temp, BBQ eel and ebigo wrapped with sliced of avocados - 380 บาท) หรือ Roll หนอนผีเสื้อนั่นเอง จานนี้ผมเคยกินที่สาขาแรก ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่กับจานนี้ อร่อยแบบชอบเลยอ่ะครับ แต่ละคำนี่แบบอร่อยมาก มีความมันจาก avocado, ความหวาน หอม จากปลาไหลย่างและซอส และความกรอบจากกุ้งเทมปุระเล็กน้อย ผสมผสานลงตัวดีทีเดียว เจ้าหนอนตัวนี้ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ตอนแรกก็เห็นน่ารักดีหรอกครับ แต่พอกินไปแล้ว ความน่ารักก็ไม่อาจมาหยุดยั้งความอยากกินได้ เจ้าหนอนนี่เลยอันตรธานหายไปในเวลาไม่นาน
มื้อนี้ค่าเสียหาย 6000 กว่าบาท ไปกัน 3 คนก็คนละประมาณ 2000 แต่ผมจ่ายไป 3000 เพราะกินเยอะกว่าคนอื่นเค้า ก็ไม่รู้ว่ามันแพงรึเปล่า แต่ตอนจ่ายตังค์, ตอนกินเสร็จแล้ว ผมไม่ค่อยรู้สึกเสียดายเงินสักเท่าไรเลย ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันมักจะเกิดกับมื้ออาหารดี ๆ ที่นาน ๆ ครั้งจะพบเจอแค่นั้นสำหรับผม ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าเวลาตังค์ปลิวแล้วอารมณ์ดีแบบนี้ครั้งล่าสุดมันคือที่ไหน แต่ปีนึงจะเกิดขึ้นประมาณสัก 1-2 ครั้งเท่านั้นล่ะครับ ร้าน In The Mood For Love One นี่ผมไม่รู้ว่าทางร้านได้ปรับปรุง, พัฒนาตัวเองมาอยู่ในจุดนี้ได้ โดยพัฒนาควบคู่กันไปกับร้านสาขาแรกรึเปล่า แต่อย่างที่บอกครับ ไปสาขาแรกมาผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่กับสาขานี้ บอกได้คำเดียวว่า อยากไปอีก!
ปล. Nigiri Sushi ในมื้อนี้ลด 30% นะครับ ราคาที่เขียนไว้คือราคาเต็ม
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment