ธินี อีทเทอรี่ เวิร์คช็อป - ร้านอาหารฝรั่ง ร้านกาแฟ โรงเรียนสอนทำอาหาร ทาวน์ อิน ทาวน์
Overall Score 9/10
Taste 4.5/5
Ambiance 4/5
Service 4.5/5
Value 5/5
Tinee Eatery Workshop - Daily Cuisine on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน Tinee (ธินี) ที่ชื่อร้านนั้นมาจากเชฟสาวเจ้าของร้านผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการอาหารมากว่า 10 ปีจากต่างประเทศ นามว่า สุทธินี โดยเชฟท่านนี้เคยมีประสบการณ์การทำอาหารอยู่ออสเตรเลียมาหลายปี และสุดท้ายอาจจะด้วยสำนึกรักบ้านเกิด หรือด้วยอะไรก็ตาม ทางเชฟสุทธินีก็เลยมาเปิดร้าน Tinee Eatery Workshop ในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง โดยร้านนี้จะตั้งอยู่ในบริเวณของ Town in Town เป็นตึกสีส้ม ๆ ที่เป็นการนำ townhouse มาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร และตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Town in Town Place ภายในหมู่บ้านขนาดใหญ่ยักษ์แห่งนี้อีกทีนึง (ถ้าเข้าจากทางถนนศรีวรา อาจจะหาทางมาร้านนี้ลำบากหน่อยครับ แต่ว่าถ้าเข้ามาจากทางถนนอินทราภรณ์ หรือถนนที่จะมุ่งหน้าไปบดินทร์เดชา สิงห์ สิงหเสณี อาจจะง่ายกว่า)
ตัวชื่อร้านเต็ม ๆ Tinee Eatery Workshop นั้นมีที่มาจากการที่ร้านนี้นอกจากชั้นล่างที่เป็นส่วนร้านอาหารแล้ว ณ ชั้น 2 ของทางร้านนี้ก็ประพฤติตัวเองเป็น Workshop หรือส่วนสอนทำอาหาร และครัวร้อนด้วยในตัวเอง โดย course ทำอาหารของที่นี่เท่าที่ผมดูก็น่าสนใจดีนะครับ และก็มีหลากหลายคอร์สและตัวเชฟ ธินีจะเป็นคนสอนเองกับมือด้วย ด้วยเหตุนี้ชื่อร้านเลยมีที่มาแบบนี้นี่เอง แต่แน่นอนครับ วันนี้ผมไปกิน ไม่ได้ไปทำอาหาร ก็เลยนั่งกันที่ชั้น 1 บรรยากาศตอนแว่บแรกที่เข้าไปในร้านนี่บอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างประทับใจครับ มันให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปใน cafe ในต่างแดนเลย ไม่ว่าจะตัวโต๊ะที่จะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ เน้นให้ลูกค้านั่งแชร์กันเป็นหลัก, ส่วนตู้เก็บอาหารที่จะมีทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้เราไปชี้เลือกสั่งกันได้เอง และยิ่งประกอบกับลูกค้าในวันที่ผมไปที่มีลูกค้าชาวต่างชาติค่อนข้างมากด้วยแล้ว ยิ่งเหมือนหลุดเข้าไปใน Cafe ต่างแดนเข้าไปใหญ่เลยครับ
อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นอาหารแนวเบา ๆ easy bite หรืออาหารกินเล่น, อาหารเช้า สไตล์ฝรั่งเค้าล่ะครับ จะมีแบ่งเป็นหมวด breakfast, sandwiches, pasta, main course ประมาณนี้ ราคาอาหารนั้นไม่ค่อยแพงเลยคือประมาณ 150 - 200 บาทสำหรับอาหารส่วนใหญ่ และก็ไม่มี vat + service charge แต่อย่างใด อืมพยายามคงความเป็นฝรั่งให้ถึงที่สุดจริง ๆ ครับ (ที่เมกาเรา tips กันต่างหากครับ และร้านแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่มี tips) นอกจากของคาวแล้วทางร้าน Tinee Eatery Workshop ก็มีพวกเค้กให้เลือกกินอยู่หลายชนิดเลย และน่าจะมีการปรับเปลี่ยนไปในแต่ละวันเรื่อย ๆ ด้วย ตามนั้น
มื้อนี้เริ่มต้นด้วย Matcha Frappe (100 บาท) หรือชาเขียวปั่น (ที่ร้านส่วนใหญ่จะขายกันแก้วละ 150 - 200 บาท ผมเพิ่งเห็นชาเขียวปั่นที่ราคาสมเหตุสมผลก็กับร้านนี้นี่แหละครับ) แก้วนี้ผมไม่ได้กินเลยสักคำเดียว แต่แฟนผมผู้ซึ่งเป็นคนสั่งมาบอกว่าอร่อย และขนาดเช็คบิลเดินออกจากร้านแล้วก็ยังไม่ยอมทิ้งแก้วไป ยังคงเอาขึ้นรถไปกินด้วย จนเกลี้ยง ก่อนกลับถึงบ้าน
อาหารจานแรกนั้นเป็น Grilled Chicken Salad (with lettuce, cucumber, tomatoes & vinaigrette dressing - 160 บาท) - เป็นสลัดแบบบ้าน ๆ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก ไม่ว่าจะตัวเนื้อไก่ที่ไม่ได้เป็นแบบติดหนังมา และก็ยังเลือกส่วนอกไก่มาอีก เลยทำให้แต่ละคำที่กินไปนี่ค่อนข้างแห้ง ไม่ค่อยมีความฉ่ำ, ความอร่อยเท่าไรนัก ซึ่งไม่รู้ว่าทางร้านจงใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่าเพราะว่าตัวสลัดผักนั้นค่อนข้างจะฉ่ำน้ำสลัดที่มาแบบเปรี้ยว ๆ กับน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ให้เน้นกินเอารสชาติของผักเป็นหลัก คือถ้าคิดว่าเป็นสลัดแบบบ้าน ๆ จานนึงก็โอเคครับ แค่พอดีช่วงหลังเจอสลัดแนว ๆ นี้ที่ทำตัวเนื้อไก่ หรือเนื้อสัตว์ที่ให้มาด้วยกัน อร่อยกว่านี้ โดดเด่นกว่านี้ก็แค่นั้นเอง
Morraccan Baked Eggs (Egg, bacon, sausages, onion chutney, tomatoes served with toast - 160 บาท) - จานนี้อร่อยมากครับ เป็นอาหารที่แปลกดีด้วย รู้สึกว่าผมจะไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต ก็เป็นประมาณ ไข่, เบคอน, ไส้กรอก เอาไปอบมาในจานหลุม และก็เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปัง อารมณ์ตอนกินก็ประมาณกินไข่กระทะเวีดยนาม แต่จะได้ความหนา, ความนุ่ม, ความ juicy และได้เนื้อได้หนังกว่าเยอะ อร่อยกว่าเยอะ ประมาณนั้นครับ จานนี้ผมกับแฟนชอบมาก
Beef Burger (Beef patty, cheese, bacon, fried egg on ciabatta bun - 180 บาท) - จานนี้ชอบที่สุดในมื้อเลย บอกตรง ๆ ว่าตอนสั่งไป ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเบอร์เกอร์จากร้านที่ไม่ใช่ specialize burger สักเท่าไรหรอก แต่พอเห็นหน้าตาที่เป็นเบอร์เกอร์แบบแบบชิ้นใหญ่บะเบิ้ม (เบ้อเริ่ม) มีใส่ไข่ดาว, เบคอน มากับเนื้อแพทตี้ที่ใหญ่, หนาและ juicy ด้วยแล้ว โอว แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยแน่นอน ซึ่งพออ้าปากกว้าง ๆ และกัดเข้าไปรวดเดียวจากบนลงล่างแล้วก็โอว อร่อยจริง ๆ ครับ ขนมปังนุ่มอร่อยมีทาซอสมาด้วยทั้ง 2 แผ่น, ตัวเนื้อแพทตี้, เบคอน, ไข่ดาว ก็รสชาติแบบเน้นเอารสชาติแท้ ๆ ไม่ต้องมีปรุงแต่งอะไรมาก ซึ่งก็เป็นอะไรที่เหมาะสมและเรียกความอร่อยได้ที่สุดแล้ว และจานนี้ยังมีเพิ่มความอร่อยด้วย french fries ที่ทำมาแบบประณีต ๆ มีโรยผงปาปริก้า และให้จิ้มกินกับซอสที่คล้าย ๆ ซอส tartar ด้วย หึหึ ร้านเบอร์เกอร์เฉพาะทางก็เฉพาะทางเหอะ เจอก้อนนี้เข้าไป อาจจะต้องกลับไปพิจารณาตัวเองกันใหม่หลายร้านเลยล่ะ
Smoked Salmon Sandwich with White / Whole Wheat Roll (Smoked salmon, cucumber, capers & dill cream cheese - 120 บาท) - น่าเสียดายที่มื้อนี้ปิดท้ายของคาวไม่ค่อยสวยเท่าไรครับ คือจริง ๆ ก็ไม่ใช่ไรหรอกครับ ผมแค่ไม่ชอบตัวขนมปัง ที่เป็นขนมปังอะไรก็ไม่รู้ แผ่นบาง ๆ แห้ง ๆ กินแล้วไม่อร่อยเลย แต่ว่าตัวไส้ในที่เป็นแซลมอนรมควัน, แตงกวา และเม็ดเคเปอร์นี่ อร่อยดีทีเดียวเลยครับ
Banoffee Pie (120 บาท) - ชิ้นนี้รสชาติพอใช้ได้ครับ ชิ้นค่อนข้างใหญ่ด้วย แต่ความหอมของกลิ่นเนยและคาราเมลอาจจะน้อยไปหน่อย และเนื่องด้วยผมเพิ่งได้กิน banoffee pie ที่อร่อยที่สุดในชีวิตมาที่ palm cuisine เค้กชิ้นนี้ก็เลยหมอง ๆ ไปนิดครับ
สรุป ร้าน Tinee Eatery Workshop ณ Town in Town แห่งนี้ก็เป็นร้านที่โดนใจผมเหลือเกิน อาหารราคาไม่แพง และยิ่งเทียบกับปริมาณที่ให้มานี่ยิ่งคุ้มเข้าไปใหญ่ (ไม่มี vat + service charge + ให้น้ำเปล่าฟรีด้วย) , บรรยากาศร้านดี และพนักงานที่แม้จะมีกัน 2 คนแต่ก็ service mind ดีมาก ๆ พยายามดูแลเป็นอย่างดี ใครกำลังมองหาร้านแนว cafe , กินเล่น ๆ สไตล์ฝรั่ง มาลองร้านนี้น่าจะติดใจกันครับ (แต่ใครไม่อยู่แถวนี้อาจจะสับสนกับเส้นทางหน่อยนะครับ ก็ลองโทรถามที่ร้านกันดูละกัน)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment