ไฮ เฮท ซูชิ - ร้านอาหารญี่ปุ่น ซูชิ บาร์ เพชรุบรี 37/1 ซอยศูนย์วิจัย
Overall Score 6/10
Taste 3/5
Ambiance 4/5
Service 4/5
Value 3/5
High Hat Sushi Bar on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
ร้าน High Hat Sushi ก็เป็นร้านซูชิน้องใหม่อีกหนึ่งร้านที่ตอนนี้มีแต่ร้านซูชิ ๆ ๆ และซูชิ เปิดตัวกันมามากมายทั่วกรุงเทพไปหมด (ไม่รู้เพราะว่าคนนิยมกินกันมาก หรือเพราะว่าอาหารแนวนี้ส่วนใหญ่จะแพง ราคาต่อหัวต่อคนที่มากินสูงเลยได้กำไรเยอะก็เลยเปิดกันเยอะ หรือเพราะว่า คนมีกะตังค์ชอบซูชิกันเลยอยากเปิดร้านของตัวเองเพื่อจะได้เอาไว้ customize menu หรือปลาตามที่ตัวเองชอบกันจริง ๆ) ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย ทำเลที่ค่อนข้างใกล้ทองหล่อ แต่ก็ไม่ได้ใกล้มาก ดึงลูกค้าจากรพ.กรุงเทพ หรือแถวพระราม 9 มาได้ค่อนข้างสะดวกกว่าย่านทองหล่อ ตัวร้านนั้นถ้ามาจากเพชรบุรีก็เลี้ยวเข้าซอยศูนย์วิจัยมา เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกแรก ก็จะเจอร้านอยู่ตรงสามแยกที่สองเลย (ขวามือจะเลี้ยวไป รพ.กรุงเทพ) ส่วนที่จอดรถผมไม่แน่ใจว่าจอดตรงไหน แต่ตอนผมไปก็จะจอดริมถนนหน้าร้านเลย สะดวกดี ง่ายดี
บรรยากาศของร้าน High Hat Sushi นี่ค่อนข้างแปลก และแหวกแนวกว่าร้าน Sushi เฉพาะทาง ร้านอื่น ๆ พอสมควร คือไม่ได้ตกแต่งเป็นสไตล์ญี่ปุ่น เป็นไม้ ๆ อะไรแบบนั้น แต่จะตกแต่งเป็นแนวร้านยุโรปแทน คือถ้าหลุดเข้ามาในร้านนี้โดยไม่รู้มาก่อนว่าเป็นร้านซูชิก็อาจจะคิดว่านี่เรากำลังมากินร้านอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศสกันอยู่รึเปล่า อะไรประมาณนั้น ตัวร้านนั้นจะมีการตกแต่งด้วย High Hat หรือหมวกทรงสูง เป็นจุด ๆ ไปเพื่อให้ตรงกับชื่อร้าน และก็จะแบ่งที่นั่งเป็น 2 ส่วน ส่วนด้านนอก al fresco dining ซึ่งอันนี้ก็น่าจะเป็นร้าน sushi bar ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านแรกเลยมั้งที่มีส่วน open air ให้ลูกค้าได้นั่งกินซูชิท่ามกลางอากาศร้อน ๆ ในกรุงเทพแบบนี้ ส่วนด้านในร้านนั้นก็จะขนาดค่อนข้างใหญ่ มีทั้งบาร์เครื่องดื่มและก็ ที่นั่งตรง sushi bar และก็โต๊ะธรรมดา หลากหลายแนว ร้านนี้ตกแต่งดีจริง ๆ ครับยอมรับ เหนือกว่าหลาย ๆ ร้าน Sushi Bar ในช่วงหลังที่ผมเคยกินมาเลย
การบริการของร้านนี้นั้นทำได้ดีมากครับ เทรนพนักงานมาดี พนักงานรู้เรื่องอาหารดี (ส่วนนึงอาจจะเพราะว่า อาหารของร้านนี้ค่อนข้างเยอะ ต้องเทรนพนักงานให้ดี เพราะลูกค้าน่าจะถามกันเยอะ ขืนตอบไม่ได้ก็ขายไม่ได้กันพอดี) และก็ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี น้ำชาไม่ค่อยพร่อง และก็เก็บจานดี ส่วนความเร็วของอาหารผมแอบประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเห็นมีพ่อครัวเยอะ แต่อาหารก็ไม่ได้ไวสักเท่าไร ไม่รู้เพราะจงใจอยากจะเว้นช่วง เพื่อไม่ให้อาหารมากอง ๆ ที่โต๊ะรึเปล่าด้วย ประมาณนั้น
อาหารของร้านนี้หลัก ๆ ก็จะเป็นอาหาร Sushi + Sashimi + Roll หรืออาหารจากครัวเย็น และก็อาหารจากครัวร้อนอีกหลากหลายชนิด คืออาหารจากครัวเย็นของร้านนี้ไม่ได้แปลกแหวกแนว ไม่ได้หลากหลายอะไรมากเมื่อเทียบกับร้านอื่น อาจจะมีแปลกกว่าหน่อยตรงพวก Roll ที่จะมีให้เลือกค่อนข้างเยอะกว่าที่อื่นพอสมควร แต่ก็ยังไม่เยอะเท่าพวกร้าน Roll เฉพาะทางอะไรพวกนั้น ส่วนอาหารจากครัวร้อน เนื่องจากร้าน High Hat Sushi แห่งนี้มีครัวร้อนขนาดใหญ่มาก ก็เลยทำให้มีอาหารแนว ๆ นี้เยอะ พวกเทมปุระ, ของทอด, ของย่าง นี่มีให้เลือกค่อนข้างครบครันเลย ราคาอาหารของร้านนี้ ผมว่าค่อนข้างมาตรฐาน มากินกันจริงจังหน่อยไม่มีเครื่องดื่มอะไรมากก็น่าจะคนละ 1,000 บาทโดยประมาณล่ะครับ
มื้อนี้เนื่องจากว่าผมไปตอนเที่ยงวันเสาร์ ซึ่งร้าน High Hat Sushi แห่งนี้ก็พิเศษกว่าที่อื่นหน่อยตรงที่จะมี set lunch (ที่ไม่รู้ว่าราคาประหยัดกว่าแบบ a la carte สักเท่าไร) ไว้บริการด้วย ตัว lunch set ก็มีค่อนข้างครบครัน ทั้งจากครัวร้อนและครัวเย็นอย่างละครึ่ง ๆ ประมาณนั้น ตัวอาหารก็ขอรีวิวตัว lunch set ไปก่อนและตามด้วย a la carte ที่ขายทั้งวันทั้งมื้อเที่ยงและมื้อเย็นละกันนะครับ อ้อ ตัว Lunch Set ของที่นี่จะประมาณนี้ Lunch Set (Served with miso, salad, green tea (hot/cold), water, soft drink, wine or sake) คือมีสลัด (ที่ไม่อร่อยเลย น้ำสลัดเป็นน้ำแบบเปรี้ยว ๆ ที่ไม่ค่อยเหมาะกับเป็นน้ำสลัดญี่ปุ่นสักเท่าไร) , ซุปมิโซะ (ที่ค่อนข้างอร่อยดี) และก็น้ำดื่มแถมมาใน set ด้วย
- Set II. An Everyday Maki and Eight Pieces of Chef's Selection Nigiri - 750 บาท : ตัวซูชิ 8 ชิ้นที่ให้มานั้นก็จะแล้วแต่วัน, แล้วแต่เชฟไป (เท่าที่ถามพนักงานมาอ่ะนะ) อย่างในมื้อผมก็ได้เป็นปลาค่อนข้างจะราคากลาง ๆ พวก Salmon, Hamachi, Akami อะไรพวกนี้ รวม ๆ แล้วรสชาติและคุณภาพค่อนข้างกลาง ๆ ครับ คือหลาย ๆ ร้านที่กินมา ที่มีปลาระดับนี้ขาย ทำได้ดีกว่าหมดเลย ทั้งความสด ความหวานของเนื้อปลา (ไม่รู้เพราะผมไปกินวันเสาร์ด้วยรึเปล่า ปลาไม่น่าเข้า) แต่ที่สำคัญเลยอย่างนึงสำหรับร้าน High Hat Sushi นี่ก็คือ ข้าวของเค้าที่เอาไปปั้นทั้ง Roll และ Sushi มันเป็นข้าวที่ไม่ค่อยหอม ไม่ค่อยมีรสเท่าไร เหมือนไม่ได้ใส่มิริน หรือว่าใส่น้อย หรืออาจจะด้วยกรรมวิธีอะไรสักอย่างที่ทำข้าวมาไม่ค่อยมีเสน่ห์ เหมือนร้านซูชิเทพ ๆ ร้านอื่นเท่าไรนักอ่ะครับ
- Set III. 3 Half of Everyday Maki - 350 บาท ก็คือ Maki ที่จะเขียนบรรยายด้านล่าง 3 ชนิด มาอย่างละครึ่ง size ของขนาดเต็มล่ะครับ
- Aburi Nigiri : 5 Pieces of torched nigiri - salmon, tuna, saba, white fish and hokkaido scallop - 450 บาท : เป็น Sushi ที่เอาไปเผามา 5 ชนิด เป็นหน้าซูชิที่ราคาไม่ค่อยแพงสักเท่าไร อันนี้ก็ทำมาได้ค่อนข้างมาตรฐานดีครับ ที่อร่อยสุดน่าจะเป็นตัวแซลมอน ส่วนอย่างอื่นก็ธรรมดา ๆ (อาจจะเพราะไม่ได้มีการปรุงแต่งหน้าเพิ่ม ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมาก ซึ่งส่วนใหญ่ Aburi Sushi เท่าที่เคยเจอมามักจะมีการราดซอส, แต่งหน้าซูชิเพิ่มเติม)
- Chirashi Sushi - 550 บาท : อันนี้อย่างแรกที่ชอบคือ ตัวภาชนะครับ เป็นชามไม้น่ารักดี ตัวเนื้อปลาก็ให้มาเยอะ เป็นปลาค่อนข้างมาตรฐานหน่อย เนื้อปลาชิ้นใหญ่ สดอร่อยดี โอเคเลยครับ (แต่ก็นะ ข้าวก็เหมือนข้าวในซูชิ, roll ในมื้อนี้ คือไม่ค่อยอร่อยเท่าไร
- Everyday Maki
- California : Crabmeat, Avocado, Cucumber, Ebiko = อันนี้มาตรฐานครับ
- Spicy Tuna : Fresh Tuna, Spicy Mayo, Green Onion, Ebiko = ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร แอบเหม็น ๆ อะไรสักอย่างด้วย
- Philly : Smoked Salmon, Cream Cheese, Avocado = อร่อยกว่าตัว Spicy Tuna หน่อยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
- Alaskan : Fresh Salmon, Crabmeat, Avocado, Cucumber = ก็ธรรมดา ๆ อีกเช่นกัน
- Ocean 14 (Octopus, Shrimp, Crabmeat, Masago, Spicy Mayo, topped with seared Scallop - 225 บาท) = ตัว Signature Roll ของทางร้าน อร่อยดีครับ มีหลาย texture ในคำเดียว และตัวซอสก็รสชาติชัดเจน หวาน ๆ หน่อย อร่อยดี
- Izumi Salad (Green Leaves, Avocado, and Tomato tossed in Light Ginger Dressing - 240 บาท) : ตอนแรกที่กินสลัดที่แถมมาใน lunch set นี่แอบคิดว่าสลัดจานนี้จะไม่อร่อยแน่เลย แต่กลายเป็นว่า อร่อยกว่าที่คิดครับ อย่างแรกเลยคือใช้น้ำสลัดต่างจากตัวสลัดแถมฟรี คือจะเป็นประมาณน้ำสลัดงาหน่อย คือไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดเหมือนสลัดฟรี และตัวผักก็มาแบบฉ่ำ ๆ สด ๆ เป็นเนื้อเป็นหนังกว่า อร่อยดีใช้ได้เลยครับ (แต่แบบ 240 บาทแพงไปมั้ย ไม่มีเนื้อสัตว์เลยสักนิดเดียวเลยนะเนี่ย)
- Chef Selections Tempura - Best Selections of Fresh Vegetables and Seafood - 300 บาท) : อันนี้ธรรมดา ๆ มาก อยู่ในระดับเทมปุระมาตรฐานที่ควรคาดหวังจากร้านอาหารญี่ปุ่น decent ๆ สักร้านนึงล่ะครับ
- Beef Tongue - Stewed beef tongue fried and served with Onion Ponzu - 180 บาท : อร่อยครับ เนื้อวัวนุ่ม และก็ปรุงรสมาแบบใส่เกลือนิดหน่อย ๆ อร่อย ราคาไม่แพงเลยจานนี้
- Saba Signature Sashimi - Saba torched with lime and spring onion - 280 บาท : จานนี้ค่อนข้างประหลาดหน่อย คือแบบเป็นซาบะดอง แต่เอาไปเผาไฟนิด ๆ แล้วก็เอามาเสิร์ฟเลย คือตอนแรกที่เอามานี่กินแทบไม่ได้เลยครับ เนื้อเหนียวตัดไม่ขาด ต้องใช้ความพยายามสูง พอตัดเนื้อออกมาได้ เนื้อก็แปลก ๆ มันเป็นปลาซาบะดิบในแบบที่ไม่เคยกินมาก่อน ไม่อร่อยเลย สุดท้ายผมเลยต้องขอให้เค้าไปทำให้มันสุกมากกว่าเดิม ก็เลยพอกินได้ขึ้นมาหน่อย
สรุป ร้าน High Hat Sushi แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้าน Sushi Bar มาตรฐานที่ค่อนข้างโอเคร้านนึงล่ะครับ ราคาอาหารมาตรฐาน , รายการอาหารมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ , พนักงานก็บริการดี แต่โอเค รสชาติอาจจะยังไม่ได้โดดเด่น อาจจะเพราะทางร้านพยายามประยุกต์เมนูขึ้นมาเองเยอะ ๆ และแบบมันยังไม่ลงตัว รสชาติยังไม่นิ่ง ทั้งจากตัว recipe เองหรือทั้งจากตัวพ่อครัวเอง แต่ด้วยบรรยากาศดี ๆ ของร้านนี้ บวกกับ องค์ประกอบอื่น ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านที่พอจะฝากท้องได้ถ้านึกอยากกิน Sushi ขึ้นมาสักมื้อนึงล่ะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
No comments:
Post a Comment