La Villa Hua Hin - Italian Restaurant Pasta Pizza Steak
ลา วิลล่า หัวหิน ร้านอาหารอิตาเลียน พาสต้า พิซซ่า เสต็ก
Overall Score 7.5/10
Taste 4/5
Ambiance 4/5
Service 4.5/5
Value 3/5
La Villa - Italian Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)
ตัวผมเองก็เป็นคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญ ไม่ได้สันทัดในเมืองหัวหินสักเท่าไร ชีวิตนี้ถ้าเอาจริง ๆ ก็เคยมาอยู่แค่ 4-5 ทีแค่นั้นเอง ก่อนหน้านี้ที่มาก็จะแบบไม่ได้ตั้งใจจะมากิน ๆ และกินอย่างเดียวเหมือนทริปนี้ จะออกแนวมาเที่ยว มา hang out กับเพื่อนมากกว่า และหลาย ๆ ครั้งที่แบบ hang out จนเพลิน จนตื่นไม่ไหว เลยพลาดการไปกินร้านที่เล็ง ๆ เอาไว้อยู่หลายทีเหมือนกัน ร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นร้านแบบที่ว่า คือผมรู็จักมานานแล้ว เล็งจะมาหลายทีแล้ว แต่ก็เป็นอันต้องพลาดไปทุกทีเลยกับร้าน La Villa - ร้านอาหารอิตาเลียนเก่าแก่ประจำหัวหินนั่นเอง
ร้านนี้แม้ว่าชื่อจะคล้ายกับห้าง La Villa - อารีย์ แต่เอาจริง ๆ แล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย และถ้าเอาจริง ๆ เผลอ ๆ ร้านนี้จะเปิดมาก่อนห้างลาวิลล่าที่ว่าอีกด้วยก็เป็นได้ (เปิดก่อนจริง ๆ ครับ เขียนใน menu เปิดมาตั้งแต่ 1987) ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณ ถนนพูนสุข คือถ้าเข้าซอยหัวหิน 61 มานิดเดียว (ซอยใหญ่ที่จะไปสุดเอาที่ชายหาดหัวหิน) ก็เลี้ยวซ้ายซอยแรกที่เจอ แล้วก็จะเจอร้าน La Villa ตั้งอยู่ขวามือประมาณสัก 30 - 50 เมตรจากที่เลี้ยวมาเลย ส่วนที่จอดรถ จริง ๆ ก็จอดในซอย หัวหิน 61 แล้วเดินมาก็ทำได้ แต่ว่าผมขับผ่านเจ้าซอยนี้ทีไร ไม่เคยมีที่จอดรถซักกะที ก็ไปจอดรถที่วัดใกล้ ๆ ก่อนถึงแยกแล้วเสียค่าจอด 20 บาทแล้วเดินมาก็เป็นอะไรที่น่าจะลงตัวกว่านะ
ร้าน ลา วิลล่า - หัวหิน นี่บรรยากาศร้านดูเหมือนจะเน้นโต๊ะแบบ al fresco dining มากกว่าแบบ indoor dining เพราะว่าโต๊ะแบบแรกนี่มีประมาณสัก 3 ใน 4 ของโต๊ะทั้งหมดในร้านก็ว่าได้ เอาจริง ๆ ตอนเดินเข้าร้านไปแว่บแรก ผมไม่เห็นด้วยซ้ำว่าร้านมีแบบที่นั่งแบบ air conditioning อยู่ คือแบบทนร้อนไม่ไหวจริง ๆ (ปลายเดือนมีนาคม พระเจ้าช่วย) ก็เลยถามน้องเด็กเสิร์ฟก็เลยโชคดีได้นั่งในห้องแอร์ที่เย็นขึ้นมาหน่อย (หน่อยเดียวจริง ๆ) ร้านนี้ดูเหมือนจะตกแต่งเป็นแนวอิตาเลียนแบบ...ยังไงดี โบราณ ๆ เล็กน้อย เน้นสี pastel เป็นหลัก ลูกค้าของร้านนี้ ณ วันที่ผมไป ผมก็ไม่เห็นลูกค้าคนไทยเลยสักคน เห็นแต่ฝรั่ง ๆ และฝรั่งเท่านั้น อืม ส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะไปเอาวันจันทร์ด้วย คนไทยไม่ค่อยมาเที่ยวกันอยู่แล้ว ประมาณนั้น
อาหารของร้านนี้ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเหมือนกับพวกร้านอิตาเลียนโบราณในกรุงเทพสักเล็กน้อย คือมีเมนูให้เลือกค่อนข้างเยอะ ถึง เยอะมาก คือมีร่วม ๆ 100 รายการ มีครบทุกหมวดหมู่ของอาหารอิตาเลียนที่ควรจะเป็น appetizer, soup, pasta, pizza, main course, dessert และราคาของร้านนี้ก็ค่อนข้างสูง แพงพอ ๆ กับร้านอิตาเลียนส่วนใหญ่ในกรุงเทพอีกด้วย ตอนแรกผมก็นึกว่าไอ้ธรรมเนียมการตั้งราคาอาหารอิตาเลียนแพง ๆ นี่มันจะมีกันแต่ที่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเจ้าอาหารจากดินแดนรองเท้าบู้ตในประเทศไทยนี่มันจะกลายเป็นอาหารชั้นสูง ราคาแพง ไปทุกหย่อมหญ้า บนผืนแผ่นดินไทยไปแล้วก็คงไม่ผิดนัก ครับ ร้านนี้อาหารส่วนใหญ๋ประมาณ 300 บาท และก็มี vat + service charge มาคิดให้เราเสียตังค์สนุก ๆ เพิ่มอีกด้วย ซึ่งก็ยังดีครับ ที่พนักงานร้านนี้ดูแลดีมาก คอยยืนคุมยืนเฝ้าเราตลอดเวลา ก็เลยรู้สึกว่า service charge ที่จ่ายไปค่อยคุ้มหน่อย อืม
มื้อนี้เริ่มต้นด้วย Prosciutto e Melone (Parma Ham with Melon - 280 บาท) หรือ ปาร์มาแฮม เมล่อนนั่นเอง จานนี้สั่งไปไม่ใช่เพราะว่าอยากกินหรอกครับ แต่เห็นมีรูปอยู่ในเมนู และน้องเด็กเสิร์ฟเค้าก็แนะนำว่าอร่อย ก็เลยสั่ง ๆ ไป ก็ได้มาเป็น parma ham แผ่นใหญ่ ๆ ที่ปกคลุมเต็มผืนผ้าใบ เอ๊ย เต็มเมล่อนที่วางอยู่ข้างล่งแบบไม่เห็นเมล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว ตัว parma ham เค็มกำลังดี เนื้อบาง ๆ แต่ก็มีความเหนียวกำลังดี แต่แย่หน่อยที่ melon นั้นดูเหมือนจะเป็นเมล่อนไทย หรือเป็นเมล่อนในหน้าที่มันไม่หวานเท่าไร ก็เลยแบบกินแล้วรสมันไม่ได้มาตัดกับปาร์มาแฮมให้อร่อยขึ้นแต่อย่างใด กลายเป็นเหมือนจานนี้กินแต่ parma ham อย่างเดียวแทน ได้แต่รสจากแฮมอย่างเดียว
อย่างที่ 2 เป็น Insalata Italia (Mixed salad with Mozzarella and Ham black olive - 220 บาท) สลัดที่หน้าตาตอนยกมากับตอนที่คิดเอาไว้ตอนอ่านในเมนูนี่คนละเรื่องกันเลย คือแบบตอนแรกที่คิดไว้ ผมนึกว่ามันจะเป็นสลัดหน้าตาสวย ๆ แปลก ๆ แหวกแนว แต่ที่ไหนได้ .. มันคือสลัดที่แค่หั่นโน่นหั่นนี่เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วก็เอามากอง ๆ ออกมาเป็นชามใหญ่ ๆ แค่นั้น และเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิมตรงที่ ทางร้านไม่มีน้ำสลัดมาให้ มันเป็นสลัดแบบมาแห้ง ๆ เปล่า ๆ เลย พอถามเด็กเสิร์ฟก็บอกว่าให้เอา น้ำมันมะกอก กับ balsamic บนโต๊ะนั่นแหละกินเป็นน้ำสลัด ผมกับแฟนก็ได้แต่ เอิ่ม เอางั้นเลย? หรือนี่คือการกินสไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ ? (ไม่อร่อยครับ สั้น ๆ ง่าย ๆ จานนี้ สลัดโง่ ๆ ตามร้านโง่ ๆ ยังอร่อยกว่าเลย)
อย่างที่ 3 เป็น Capelli d' Angelo in consomme' di Verdure (Beef consomme with Angel Hair Pasta - 190 บาท) : จานนี้ก็เป็นประมาณซุปเนื้อน้ำใส (บีฟ คอนซอมเม่) ใส่เส้น angel hair มาให้แปลกหน่อยแค่นั้น ก็เป็นซุปที่รสชาติได้มาตรฐาน beef consomme ดีครับ เบา ๆ เค็ม ๆ เล็กน้อย แต่แบบซุปมาไม่ค่อยร้อนเท่าไร และหลาย ๆ ร้านที่ผมกินมาทำได้ดีกว่าเจ้าซุปถ้วยนี้ทั้งนั้นนะถ้าจำไม่ผิด
อย่างที่ 4 Fettuccine "La Villa" (Fettuccine with salmon, mushrooms, tomato cream - 290 บาท) : เป็น พาสต้าที่ทางร้านถึงกับเอาชื่อร้านมาตั้ง มันก็ต้องมีอร่อยดีบ้างแหละเนอะ? ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ ครับ อย่างแรกเลยคือ พาสต้าให้มาเยอะมาก ขยุ้มใหญ่ ๆ ประมาณว่าไม่เจอพาสต้าที่ปริมาณเยอะ แต่ราคา 290 บาทแบบนี้มานานแล้ว ตัวเส้น Fettuccine เหมือนจะมีเอาไปผสมกับ pesto ผสมกับผักมาจนเขียว ดูแปลกแหวกแนวเล็กน้อย แต่ทีเด็ดนั้นคือตัวซอส กับตัวแซลมอน ที่แบบ โอย อร่อย จริง ๆ และให้แซลมอนมาเยอะดีด้วย จานนี้ตอนแรกที่เห็นปริมาณ บอกตรง ๆ ว่าไม่คิดว่าจะกินหมดหรอกครับ แต่ด้วยความอร่อย ความฉ่ำของเส้น ความอร่อยของซอส ก็เลยกินกันจนหมดจนได้
อย่างที่ 5 เป็น Bistecca alla griglia (Grilled Australian Striploin Steak - 520 บาท) จานนี้หน้าตามาดูไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไร เพราะแบบเหมือนกับแค่เอา ผักย่าง , เนื้อ และก็ mash potato วางโปะลงมาบนจานเท่านั้น ไม่มีการตกแต่งให้มันสวยงามตาม steak สมัยใหม่หลาย ๆ ร้านที่ทำได้น่ากินกว่านี้เยอะ อะไรประมาณนั้นเลย แถมตัวเนื้อทางส่วน striploin ที่จริง ๆ ควรจะมีไขมันติดมาด้วย ทางคนครัวก็แล่เอาไขมันออกจนเกลี้ยง กลายเป็นเนื้อส่วน striploin ที่โล้น ๆ รูปทรงแปลก ๆ ดูไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไร ตัวเนื้อนั้น คุณภาพไม่ค่อยดีครับ แม้ว่าทางร้านจะทำมาได้ medium rare ตามที่สั่งจริง ๆ แต่เหมือนกับเนื้อมันเป็นเนื้อค้าง stock , เนื้อชั้นเลว หรือเนื้ออะไรก็แล้วแต่ กินไปแต่ละคำเหมือนกินเนื้อ steak ชิ้นละ 100 กว่าบาทที่ผมซื้อที่ foodland แล้วเอามาย่างกินเองโง่ ๆ อะไรประมาณนั้นเลย รสชาติระดับเดียวกัน ยังดีที่พวก garnish, sidedish ที่ให้มาด้วยกันในมื้อนี้นั้นอร่อยมาก ไม่ว่าจะตัว ผักย่าง, mash potato แลพวกผักสด ๆ ที่ถูกเนื้อทับมา ทุกอย่าง ทำได้ดีกว่าหน้าตาที่เห็น และดีกว่าหลาย ๆ ร้านอิตาเลียนที่เคยกินมาช่วงหลัง ๆ นี้ก็ว่าได้
มื้อนี้ปิดท้ายด้วย Zabaione caldo con Gelato alla Vaniglia (Warm Zabaglione served with Vanilla Ice Cream - 170 บาท) จานนี้ ผมไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต แต่คุณแฟนผม นางบอกว่าเคยกิน และอยากกินอีกก็เลยสั่งมา มันก็เป็นประมาณ มูส, ครีม ก้อนใหญ่ ๆ แผ่กระจายเต็มถ้วย และใส่ไอศครีมวานิลลามาด้านล่างอ่ะครับ รสชาติก็กลาง ๆ นะ ผมกับแฟนกินแล้วก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก ได้แค่ความแปลก ความอลังการที่หากินไม่ค่อยได้ทั้งตัวเมนูเอง และด้วยราคา 170 บาทนี้ด้วย แค่นั้น
สรุป ร้าน La Villa ณ หัวหิน ในมื้อนี้ หลังจากผ่านมาหลายปีจนได้มากินตามความฝันในที่สุด ก็กลายเป็นว่า ผมน่าจะฝันต่อไปน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะแบบมื้อนี้พอกินเสร็จแล้ว ไม่ได้มีความประทับใจในตัวอาหารสักเท่าไรเลยครับ อาหารของร้านนี้ ราคาเท่ากรุงเทพแบบนี้ แต่อยู่ที่หัวหิน ซึ่งค่าครองชีพน่าจะถูกกว่า (น่าจะ?) , คนน่าจะมีกำลังทรัพย์ในการจ่ายเงินน้อยกว่า (รึเปล่า? เห็นแต่ฝรั่ง ที่น่าจะตังค์เหลือกัน) อาหารมันก็น่าจะทำให้ดี ๆ กินแล้วประทับใจอะไรประมาณนั้นไปเลยนะถ้าถามผม ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะร้านที่กรุงเทพมันมีดี ๆ เยอะ ส่วนร้าน La Villa นี่ก็หยุดการพัฒนา ไปนาน จนโดนแซง หรืออะไรก็ตาม ก็เลยกลายเป็นแบบนี้ อืม ร้านนี้ ถ้ามาหัวหิน ผมว่าไม่ต้องเสียเวลาไปกินหรอกนะ น่าจะมีร้านอาหารอิตาเลียนอื่น ๆ ที่อร่อยกว่า และราคาถูกกว่าอยู่ในหัวหินบ้าง ไม่มากก็น้อย หรืออย่างน้อย กินที่กรุงเทพก็ได้ ราคาพอ ๆ กันไม่ต้องเสียเวลาเสียค่าน้ำมันถ่อมากิน ตามนั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment