BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Saturday, March 22, 2014

Kisara - Conrad Bangkok Review

Kisara - Japanese Restaurant at Conrad Bangkok Hotel Review



Overall Score  9/10
Taste   4.5/5
Ambiance  5/5
Service  5/5
Value   4/5

Kisara - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)








Kisara เป็นชื่อห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรม Conrad ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อนี้มาได้ไม่นาน (หรือนานแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมมากินตอนก่อนเปลี่ยนชื่อนั้นคือประมาณ 3 ปีที่แล้ว)  แต่ก่อนนั้นร้านนี้จะใช้ชื่อว่า ดื่มชารับประทานข้าว เอ๊ย "Drinking Tea Eating Rice" แต่เนื่องจากชื่อร้านยาวไปและไม่ค่อยบ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นสักเท่าไรก็เลยมีการปรับเปลี่ยนชื่อมาเป็น "Kisara" แทน (น่าจะแปลว่าจานไม้นะครับไม่แน่ใจเหมือนกัน)

แม้ว่าชื่อร้านจะเปลี่ยนไปแม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปหลายปีแต่หลาย ๆ อย่างของร้านนี้จากที่ผมรู้จักและได้มาสัมผัสเมื่อ 3 ปีก่อนกับเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เพิ่งไปมานั้นก็แทบจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปเลย ห้องอาหารยังคงสวยงามเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบเคร่งขรึมเช่นเคย ลูกค้าสามารถเลือกนั่งในห้องส่วนตัวที่จะตั้งชื่อเป็นชื่อญี่ปุ่นเก๋ ๆ ด้วยตัวอักษรคันจิตัวดียว, นั่งที่ teppanyaki counter เพื่อดูเชฟชาวญี่ปุ่นโชว์ลีลาการปรุงอาหารจานกระทะร้อนให้เรากันสด ๆ , นั่งที่ sushi bar เพื่อเลือกชี้ปลาที่เราอยากกินหรือสอบถามเชฟว่ามีปลาอะไรสด ๆ บ้างในวันนั้นเพื่อที่จะได้กิน sushi ที่อร่อยที่สุดได้ หรือจะเป็นที่นั่งธรรมดาที่จัดวางโต๊ะเอาไว้อย่างค่อนข้างจะ privacy สูงได้ด้วยเช่นเดียวกัน






เชฟของทางร้านนี้จะมี key chef อยู่ 2 คน คนแรกจะเป็นเชฟหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่จะดูอาหารโดยรวมของร้านและก็จะเน้นไปท่การทำ roll, sushi เป็นหลักส่วนอีก 1 เชฟนั้นจะเป็นเชฟสาวจากแดนอาทิตย์อุทัยที่จะดูแลด้าน teppanyaki เป็นหลัก คือพูดง่าย ๆ ก็คือร้าน Kisara - Conrad Bangkok แห่งนี้เค้าค่อนข้างให้ความพิถีพิถันกับตัวอาหารนั่นเองเลยต้องมีการจ้างเชฟมากฝีมือจากญี่ปุ่นมาดูแลโดยเฉพาะ (เชฟพูดอังกฤษได้ค่อนข้างดีครับ ชวนคุย ถามไถ่อะไรกันได้เต็มที่)

อาหารของทางร้านนี้ก็จะมีค่อนข้างครบครัน ไม่ค่อยเหมือนห้องอาหารญี่ปุ่นตามโรงแรม 5 ดาวส่วนใหญ่ที่ผมเจอมาที่จะมี selection ให้เลือกน้อยกว่านี้ค่อนข้างเยอะ อาหารของทางร้านนี้สามารถแบ่งได้เป็น lunch set ที่มีให้เลือกมากมาย เยอะสูสีกับเมนู a la carte ก็ไม่ปาน , teppanyaki หรือกระทะร้อน ที่เราสามารถกินแบบ a la carte ก็ได้หรือจะกินแบบ course ที่ทางเชฟสาวชาวญี่ปุ่นจัดเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย , Sushi ที่จะมีทั้งแบบ a la carte , set หรือแบบ all-you-can-eat ที่จะมีเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ (ไว้จะมารีวิวให้ชมกันครับ เมื่อ 3 ปีก่อนที่ผมมาที่นี่ก็มากินแบบนี้นี่แหละ) และก็อาหารญี่ปุุ่นทั่ว ๆ ไปทั้งแบบ set และ a la carte






สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างตกใจเมื่อดูเมนูอาหารของร้าน Kisara แห่งนี้ก็คือ "ราคา" ครับ ราคาอาหารถือว่าค่อนข้างถูกกว่าที่ผมคิดเอาไว้ สูสีกับพวกร้านอาหารญี่ปุ่น premium หรือเกือบ ๆ premium ทั้งหลายในกรุงเทพฯ ที่ผุดตัวกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดอยู่ในตอนนี้ คือเมื่อเทียบกับห้องอาหารญี่ปุ่น 5 ดาวที่อื่นแล้ว ราคาของที่นี่ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ามากเลย โดยเฉพาะตัว set lunch (ไม่แน่ใจว่าทางโรงแรม Conrad มีบัตรของโรงแรมเองที่จะใช้ลดค่าอาหารอีกด้วยมั้ยนะ ถ้ามีนี่ก็ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่) ซึ่งเมื่อราคาเท่า ๆ กับร้านนอกโรงแรมแต่ได้การบริการระดับโรงแรม 5 ดาว, บรรยากาศอันสุดแสนจะ คลาสสิคแบบเคร่งขรึมแบบนี้ ผมว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มกว่าไปกินนอกโรงแรมเยอะเลยเนอะ (ซึ่งลูกค้าของร้าน ณ วันที่ผมไปก็คงเห็นด้วย วันที่ผมไปนี่มีลูกค้ามาทานมื้อเที่ยงกันค่อนข้างเยอะ occupy สัก 70% ได้ถือว่าเยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมที่อื่นที่ผมเคยไปมา)

อาหารในมื้อนี้ก็ขอแบ่งการรีวิวเป็น set lunch 3 อย่างและก็ a la carte ละกันนะครับจะได้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ (set lunch ให้บริการ 11.30 - 14.30 น.ทุกวัน)

Unagi Hitsumabushi Gohan Set (Sliced grilled eel, egg omelet and oba leaves topped with steam rice assorted sashimi, salad egg custard, miso soup, pickles and dessert - 680 บาท) (set lunch) เลือก  sashimi/tempura : Hitsumabushi (櫃まぶし) คือชื่อเรียกของข้าวหน้าปลาไหลที่หั่นมาเป็นสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ และจะมีขั้นตอนการกินเป็น 3 step แตกต่างจาก ข้าวหน้าปลาไหลปกติ (Unadon) คือ step แรกเราจะกินในชามปกตินี่แหละ , step 2 จะกินกับ condiment ที่ให้มาด้วยกัน, step 3 จะกินเหมือนกับ step 2 แต่จะเพิ่มการราดน้ำชาลงไป ส่วน step 4 ก็จะกินตาม 1 ใน 3 แบบที่เราชอบที่สุด วิธีการกินข้าวหน้าปลาไหลแบบนี้มีต้นกำเนิดมาจาก Nagoya และหากินได้ค่อนข้างยากในบ้านเรา ก็เป็นวิธีที่ทำให้เราได้รสชาติความหลากหลายของข้าวหน้าปลาไหลดีนะครับ











Matsuzaka Beef Tataki Set (Seared Matsuzaka beef with ponzu sauce assorted sashimi, salad, egg custard, steamed rice, miso soup, pickles and dessert - 2,250 บาท) : เนื้อมัตซึซากะที่นำไป sear ที่ผิวนอกมาพอให้เกรียมเล็กน้อยแต่ด้านในยังคง rare อยู่นำไปแล่มาบาง ๆ ตามสไตล์ tataki แล้วก็เสิร์ฟมาพร้อมกับกระเทียม, หัวไชเท้า และน้ำซอสเปรี้ยวนิด ๆ เนื้อมัตสึซากะนั้นแน่นอนว่าอร่อย้ดวยตัวมันเองอยู่แล้ว กินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรืออยากจะเปลี่ยนรสชาติด้วยเครื่องเคียงที่ทางร้านให้มาด้วยก็อร่อยเช่นเดียวกันครับ






Sushi Zanmai Set (Chef's selection of sushi sashimi and sushi roll, salad, egg custard, miso soup and dessert - 900 บาท) & udon/soba : จานนี้ก้จะเป็น assort sushi & sashimi หรือรวมมิตร ซูชิกับปลาดิบอย่างย่อม ๆ ครับ เนื้อปลาที่ได้ไม่ได้เป็นปลาที่พิเศษ แปลกประหลาดอะไรมาก มี hamachi, akami, salmon, unagi, ebi, suzuki และก็ salmon skin roll ทั้งหมดนี้ก็โอเคครับสดกำลังดี ปั้นมาขนาดพอดีคำ set นี้เสิร์ฟมาพร้อมกับอุด้งร้อน ๆ ที่ช่วยเปลี่ยนรสชาติไปมาได้จากเย็น ๆ มาเป็นร้อน ๆ สลับไปสลับมม

ทั้ง 3 set ที่สั่งไปจะมี ไข่ตุ๋น, ข้าวสวย หรือสลัดมาให้ พวก side dish พวกนี้ใช้ของคุณภาพดีมากครับช่วยทำให้ main หลักของ set อร่อยขึ้นแบบชัดเจนเลย

a la carte ในมื้อนี้

Shirao Karaage (Crispy Japanese ice fish - 370 บาท): อาหารทานเล่นระหว่างรอจานอื่น ทางร้าน Kisara ทอดปลาเงินมาแบบเป็นสไตล์เทมปุระ คือกรอบนิดเดียวกินเข้าไปแล้วความกรอบแทบจะหายไปอย่างรวดเร็วเหลือแต่ความนุ่มและรสชาติเค็มนำจากเกลือ จานนี้กินกันได้เพลิน ๆ เลยครับ ถ้ามีเป็นกะละมังก็คงจะกินกันได้หมดกะละมังประมาณนั้นเลย







Kaizo Salad (Garden vegetable and seaweed salad - 300 บาท) : สลัดหลากสีที่แบบสีสันจัดจ้านมาก ๆ ทั้งตัวน้ำจิ้มเองที่มีให้เลือกถึง 5 ชนิด คือ wasabi, cocktail, miso, น้ำมันงา, ส้ม yuzu และตัวผักที่แบบใช้ผักที่สีสันสดใสและจัดเรียงมาแบบสดใสมาก ๆ เช่นเดียวกัน น้ำสลัดค่อนข้างจะหลากหลายรสชาติดี ตัวผักก็สดอร่อยดี เป็นสลัดที่แปลก แหวกแนวไม่เหมือนใครทำให้ตื่นตื่นตื่นใจได้ดีครับ

Gindara Teriyaki (Grilled black cod with choice of salt grill, teriyaki - 680 บาท): จานนี้อร่อยมาก เนื้อปลา gindara (ปลาหิมะ) fillet ชิ้นใหญ่ หนา มาแบบชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสเทอริยากิรสชาติดีที่อาบชะโลมเนื้อปลาจนทั่ว เนื้อปลาชิ้นหนาแต่ละคำที่กินก็เลยได้ความนุ่มละมุนที่ไปละลายในปาก โอย อร่อยจริง ๆ ไม่ได้กินปลาหิมะย่างราดซอสอร่อยแบบนี้นานล่ะครับ








Dragon Roll (Grilled eel and cucumber roll covered with avocado - 380 บาท): roll ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในบ้านเรา (หรือทั่วโลกรึเปล่าด้วยก็ไม่รู้) ร้าน Kisara แห่งนี้ทำมาพอดีคำดีครับ แต่ละคำที่กินนี่คือนุ่มไปหมด, ซอสที่ราดมาก็หวานกำลังดี ปั้นมาขนาดพอดี ๆ คำกินง่าย กินคล่องมากเลยจานนี้

Salmon Skin Roll (salmon and crispy salmon skin roll - 320 บาท) : เป็น roll ที่ใช้ไข่กุ้งเคลือบผิวนอกส่วนไส้ในจะเป็นเนื้อปลาแซลมอนกับหนังปลาแซลมอน จานนี้รู้สึกว่าหลาย ๆ ร้านก็มีขายเช่นเดียวกัน รสชาติจะค่อนข้างหลากหลายในแต่ละคำที่กินเข้าไป ได้ความมันแบบกรุบ ๆ จากไข่กุ้ง, ความกรอบจากหนังปลาและความมันแบบนุ่ม ๆ จากเนื้อปลาแซลมอน ผสมผสานกันอย่างลงตัว




Matcha Cream Brulee (Green tea cream brulee - 160 บาท) : เป็นเครมบรูเล่ที่พิเศษกว่าที่อื่นดีครับมาเป็นรสชาเขียว อร่อยไปอีกแบบ หวานน้อยกว่าเครมบรูเล่ปกติ แต่ก็อร่อยดี








Matcha Ice Cream (160 บาท): อร่อย เข้มข้น รสชาติชาเขียวแบบเน้น ๆ กินแล้วฟินดีครับ

สรุป มื้ออาหารญี่ปุ่นแบบจัดหนักที่ห้องอาหารญี่ปุ่น Kisara - Conrad Bangkok แห่งนี้ค่อนข้างประทับใจเลยล่ะครับ อาหารรสชาติดี จัดเสิร์ฟกันมาอย่างสวยงามมีสไตล์, บรรยากาศร้านเคลิบเคลิ้มชวนฝันเหมาะแก่การมานั่งสวีทหรือมาเลี้ยงรับรองหรือมานั่งชิลคนเดียวก็ได้ และยิ่งบวกกับราคาอาหารที่ถูกว่าคุ้มค่าเกินตัวแบบนี้แล้ว โอว ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมวันที่ผมไปลูกค้าถึงเกือบเต็มร้าน ใครที่ทำงานอยู่ตึก All Seasons Place หรืออยู่แถว ๆ ถนนวิทยุนี้ ถ้าเบื่อ ๆ กับอาหารเที่ยงที่กินกันอยู่ทุกวันก็มาลองอาหารญี่ปุ่นดี ๆ สักมื้อดูก็ได้นะครับ เผลอ ๆ ราคาอาจจะแพงกว่านิดเดียวแต่ได้ความอร่อย ความสบายใจ ความ refresh ในการไปทำงานต่อมากกว่าเดิมเยอะก็เป็นได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...