Kisara - Japanese Restaurant at Conrad Bangkok Hotel Review
Overall Score 9/10
Taste 4.5/5
Ambiance 5/5
Service 5/5
Value 4/5
Kisara - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures, menu and info)
Kisara เป็นชื่อห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรม Conrad ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อนี้มาได้ไม่นาน (หรือนานแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมมากินตอนก่อนเปลี่ยนชื่อนั้นคือประมาณ 3 ปีที่แล้ว) แต่ก่อนนั้นร้านนี้จะใช้ชื่อว่า ดื่มชารับประทานข้าว เอ๊ย "Drinking Tea Eating Rice" แต่เนื่องจากชื่อร้านยาวไปและไม่ค่อยบ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นสักเท่าไรก็เลยมีการปรับเปลี่ยนชื่อมาเป็น "Kisara" แทน (น่าจะแปลว่าจานไม้นะครับไม่แน่ใจเหมือนกัน)
แม้ว่าชื่อร้านจะเปลี่ยนไปแม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปหลายปีแต่หลาย ๆ อย่างของร้านนี้จากที่ผมรู้จักและได้มาสัมผัสเมื่อ 3 ปีก่อนกับเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เพิ่งไปมานั้นก็แทบจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปเลย ห้องอาหารยังคงสวยงามเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบเคร่งขรึมเช่นเคย ลูกค้าสามารถเลือกนั่งในห้องส่วนตัวที่จะตั้งชื่อเป็นชื่อญี่ปุ่นเก๋ ๆ ด้วยตัวอักษรคันจิตัวดียว, นั่งที่ teppanyaki counter เพื่อดูเชฟชาวญี่ปุ่นโชว์ลีลาการปรุงอาหารจานกระทะร้อนให้เรากันสด ๆ , นั่งที่ sushi bar เพื่อเลือกชี้ปลาที่เราอยากกินหรือสอบถามเชฟว่ามีปลาอะไรสด ๆ บ้างในวันนั้นเพื่อที่จะได้กิน sushi ที่อร่อยที่สุดได้ หรือจะเป็นที่นั่งธรรมดาที่จัดวางโต๊ะเอาไว้อย่างค่อนข้างจะ privacy สูงได้ด้วยเช่นเดียวกัน
เชฟของทางร้านนี้จะมี key chef อยู่ 2 คน คนแรกจะเป็นเชฟหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่จะดูอาหารโดยรวมของร้านและก็จะเน้นไปท่การทำ roll, sushi เป็นหลักส่วนอีก 1 เชฟนั้นจะเป็นเชฟสาวจากแดนอาทิตย์อุทัยที่จะดูแลด้าน teppanyaki เป็นหลัก คือพูดง่าย ๆ ก็คือร้าน Kisara - Conrad Bangkok แห่งนี้เค้าค่อนข้างให้ความพิถีพิถันกับตัวอาหารนั่นเองเลยต้องมีการจ้างเชฟมากฝีมือจากญี่ปุ่นมาดูแลโดยเฉพาะ (เชฟพูดอังกฤษได้ค่อนข้างดีครับ ชวนคุย ถามไถ่อะไรกันได้เต็มที่)
อาหารของทางร้านนี้ก็จะมีค่อนข้างครบครัน ไม่ค่อยเหมือนห้องอาหารญี่ปุ่นตามโรงแรม 5 ดาวส่วนใหญ่ที่ผมเจอมาที่จะมี selection ให้เลือกน้อยกว่านี้ค่อนข้างเยอะ อาหารของทางร้านนี้สามารถแบ่งได้เป็น lunch set ที่มีให้เลือกมากมาย เยอะสูสีกับเมนู a la carte ก็ไม่ปาน , teppanyaki หรือกระทะร้อน ที่เราสามารถกินแบบ a la carte ก็ได้หรือจะกินแบบ course ที่ทางเชฟสาวชาวญี่ปุ่นจัดเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย , Sushi ที่จะมีทั้งแบบ a la carte , set หรือแบบ all-you-can-eat ที่จะมีเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ (ไว้จะมารีวิวให้ชมกันครับ เมื่อ 3 ปีก่อนที่ผมมาที่นี่ก็มากินแบบนี้นี่แหละ) และก็อาหารญี่ปุุ่นทั่ว ๆ ไปทั้งแบบ set และ a la carte
สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างตกใจเมื่อดูเมนูอาหารของร้าน Kisara แห่งนี้ก็คือ "ราคา" ครับ ราคาอาหารถือว่าค่อนข้างถูกกว่าที่ผมคิดเอาไว้ สูสีกับพวกร้านอาหารญี่ปุ่น premium หรือเกือบ ๆ premium ทั้งหลายในกรุงเทพฯ ที่ผุดตัวกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดอยู่ในตอนนี้ คือเมื่อเทียบกับห้องอาหารญี่ปุ่น 5 ดาวที่อื่นแล้ว ราคาของที่นี่ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ามากเลย โดยเฉพาะตัว set lunch (ไม่แน่ใจว่าทางโรงแรม Conrad มีบัตรของโรงแรมเองที่จะใช้ลดค่าอาหารอีกด้วยมั้ยนะ ถ้ามีนี่ก็ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่) ซึ่งเมื่อราคาเท่า ๆ กับร้านนอกโรงแรมแต่ได้การบริการระดับโรงแรม 5 ดาว, บรรยากาศอันสุดแสนจะ คลาสสิคแบบเคร่งขรึมแบบนี้ ผมว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มกว่าไปกินนอกโรงแรมเยอะเลยเนอะ (ซึ่งลูกค้าของร้าน ณ วันที่ผมไปก็คงเห็นด้วย วันที่ผมไปนี่มีลูกค้ามาทานมื้อเที่ยงกันค่อนข้างเยอะ occupy สัก 70% ได้ถือว่าเยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมที่อื่นที่ผมเคยไปมา)
อาหารในมื้อนี้ก็ขอแบ่งการรีวิวเป็น set lunch 3 อย่างและก็ a la carte ละกันนะครับจะได้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ (set lunch ให้บริการ 11.30 - 14.30 น.ทุกวัน)
Unagi Hitsumabushi Gohan Set (Sliced grilled eel, egg omelet and oba leaves topped with steam rice assorted sashimi, salad egg custard, miso soup, pickles and dessert - 680 บาท) (set lunch) เลือก sashimi/tempura : Hitsumabushi (櫃まぶし) คือชื่อเรียกของข้าวหน้าปลาไหลที่หั่นมาเป็นสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ และจะมีขั้นตอนการกินเป็น 3 step แตกต่างจาก ข้าวหน้าปลาไหลปกติ (Unadon) คือ step แรกเราจะกินในชามปกตินี่แหละ , step 2 จะกินกับ condiment ที่ให้มาด้วยกัน, step 3 จะกินเหมือนกับ step 2 แต่จะเพิ่มการราดน้ำชาลงไป ส่วน step 4 ก็จะกินตาม 1 ใน 3 แบบที่เราชอบที่สุด วิธีการกินข้าวหน้าปลาไหลแบบนี้มีต้นกำเนิดมาจาก Nagoya และหากินได้ค่อนข้างยากในบ้านเรา ก็เป็นวิธีที่ทำให้เราได้รสชาติความหลากหลายของข้าวหน้าปลาไหลดีนะครับ
Matsuzaka Beef Tataki Set (Seared Matsuzaka beef with ponzu sauce
assorted sashimi, salad, egg custard, steamed rice, miso soup, pickles
and dessert - 2,250 บาท) : เนื้อมัตซึซากะที่นำไป sear ที่ผิวนอกมาพอให้เกรียมเล็กน้อยแต่ด้านในยังคง rare อยู่นำไปแล่มาบาง ๆ ตามสไตล์ tataki แล้วก็เสิร์ฟมาพร้อมกับกระเทียม, หัวไชเท้า และน้ำซอสเปรี้ยวนิด ๆ เนื้อมัตสึซากะนั้นแน่นอนว่าอร่อย้ดวยตัวมันเองอยู่แล้ว กินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรืออยากจะเปลี่ยนรสชาติด้วยเครื่องเคียงที่ทางร้านให้มาด้วยก็อร่อยเช่นเดียวกันครับ
Sushi Zanmai Set (Chef's selection of sushi sashimi and sushi roll,
salad, egg custard, miso soup and dessert - 900 บาท) & udon/soba : จานนี้ก้จะเป็น assort sushi & sashimi หรือรวมมิตร ซูชิกับปลาดิบอย่างย่อม ๆ ครับ เนื้อปลาที่ได้ไม่ได้เป็นปลาที่พิเศษ แปลกประหลาดอะไรมาก มี hamachi, akami, salmon, unagi, ebi, suzuki และก็ salmon skin roll ทั้งหมดนี้ก็โอเคครับสดกำลังดี ปั้นมาขนาดพอดีคำ set นี้เสิร์ฟมาพร้อมกับอุด้งร้อน ๆ ที่ช่วยเปลี่ยนรสชาติไปมาได้จากเย็น ๆ มาเป็นร้อน ๆ สลับไปสลับมม
ทั้ง 3 set ที่สั่งไปจะมี ไข่ตุ๋น, ข้าวสวย หรือสลัดมาให้ พวก side dish พวกนี้ใช้ของคุณภาพดีมากครับช่วยทำให้ main หลักของ set อร่อยขึ้นแบบชัดเจนเลย
a la carte ในมื้อนี้
Shirao Karaage (Crispy Japanese ice fish - 370 บาท): อาหารทานเล่นระหว่างรอจานอื่น ทางร้าน Kisara ทอดปลาเงินมาแบบเป็นสไตล์เทมปุระ คือกรอบนิดเดียวกินเข้าไปแล้วความกรอบแทบจะหายไปอย่างรวดเร็วเหลือแต่ความนุ่มและรสชาติเค็มนำจากเกลือ จานนี้กินกันได้เพลิน ๆ เลยครับ ถ้ามีเป็นกะละมังก็คงจะกินกันได้หมดกะละมังประมาณนั้นเลย
Kaizo Salad (Garden vegetable and seaweed salad - 300 บาท) : สลัดหลากสีที่แบบสีสันจัดจ้านมาก ๆ ทั้งตัวน้ำจิ้มเองที่มีให้เลือกถึง 5 ชนิด คือ wasabi, cocktail, miso, น้ำมันงา, ส้ม yuzu และตัวผักที่แบบใช้ผักที่สีสันสดใสและจัดเรียงมาแบบสดใสมาก ๆ เช่นเดียวกัน น้ำสลัดค่อนข้างจะหลากหลายรสชาติดี ตัวผักก็สดอร่อยดี เป็นสลัดที่แปลก แหวกแนวไม่เหมือนใครทำให้ตื่นตื่นตื่นใจได้ดีครับ
Gindara Teriyaki (Grilled black cod with choice of salt grill, teriyaki - 680 บาท): จานนี้อร่อยมาก เนื้อปลา gindara (ปลาหิมะ) fillet ชิ้นใหญ่ หนา มาแบบชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสเทอริยากิรสชาติดีที่อาบชะโลมเนื้อปลาจนทั่ว เนื้อปลาชิ้นหนาแต่ละคำที่กินก็เลยได้ความนุ่มละมุนที่ไปละลายในปาก โอย อร่อยจริง ๆ ไม่ได้กินปลาหิมะย่างราดซอสอร่อยแบบนี้นานล่ะครับ
Dragon Roll (Grilled eel and cucumber roll covered with avocado - 380 บาท): roll ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในบ้านเรา (หรือทั่วโลกรึเปล่าด้วยก็ไม่รู้) ร้าน Kisara แห่งนี้ทำมาพอดีคำดีครับ แต่ละคำที่กินนี่คือนุ่มไปหมด, ซอสที่ราดมาก็หวานกำลังดี ปั้นมาขนาดพอดี ๆ คำกินง่าย กินคล่องมากเลยจานนี้
Salmon Skin Roll (salmon and crispy salmon skin roll - 320 บาท) : เป็น roll ที่ใช้ไข่กุ้งเคลือบผิวนอกส่วนไส้ในจะเป็นเนื้อปลาแซลมอนกับหนังปลาแซลมอน จานนี้รู้สึกว่าหลาย ๆ ร้านก็มีขายเช่นเดียวกัน รสชาติจะค่อนข้างหลากหลายในแต่ละคำที่กินเข้าไป ได้ความมันแบบกรุบ ๆ จากไข่กุ้ง, ความกรอบจากหนังปลาและความมันแบบนุ่ม ๆ จากเนื้อปลาแซลมอน ผสมผสานกันอย่างลงตัว
Matcha Cream Brulee (Green tea cream brulee - 160 บาท) : เป็นเครมบรูเล่ที่พิเศษกว่าที่อื่นดีครับมาเป็นรสชาเขียว อร่อยไปอีกแบบ หวานน้อยกว่าเครมบรูเล่ปกติ แต่ก็อร่อยดี
Matcha Ice Cream (160 บาท): อร่อย เข้มข้น รสชาติชาเขียวแบบเน้น ๆ กินแล้วฟินดีครับ
สรุป มื้ออาหารญี่ปุ่นแบบจัดหนักที่ห้องอาหารญี่ปุ่น Kisara - Conrad Bangkok แห่งนี้ค่อนข้างประทับใจเลยล่ะครับ อาหารรสชาติดี จัดเสิร์ฟกันมาอย่างสวยงามมีสไตล์, บรรยากาศร้านเคลิบเคลิ้มชวนฝันเหมาะแก่การมานั่งสวีทหรือมาเลี้ยงรับรองหรือมานั่งชิลคนเดียวก็ได้ และยิ่งบวกกับราคาอาหารที่ถูกว่าคุ้มค่าเกินตัวแบบนี้แล้ว โอว ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมวันที่ผมไปลูกค้าถึงเกือบเต็มร้าน ใครที่ทำงานอยู่ตึก All Seasons Place หรืออยู่แถว ๆ ถนนวิทยุนี้ ถ้าเบื่อ ๆ กับอาหารเที่ยงที่กินกันอยู่ทุกวันก็มาลองอาหารญี่ปุ่นดี ๆ สักมื้อดูก็ได้นะครับ เผลอ ๆ ราคาอาจจะแพงกว่านิดเดียวแต่ได้ความอร่อย ความสบายใจ ความ refresh ในการไปทำงานต่อมากกว่าเดิมเยอะก็เป็นได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร
Bangkok is renowned for its gourmet food at reasonably low prices. This blog covers a wide range of restaurants in Bangkok and occasionally in other provinces (Chiang Mai, Pattaya, Phuket). From street vendors to luxurious restaurants - From mouthwatering dishes to eye widening meals, all can be found here. This blog will take you to experience the exotic food you rarely find in your area. Feel free to leave comments or suggestion. Please visit http://www.bumres.com for more information.
No comments:
Post a Comment