Monday, December 24, 2012

Supanniga Eating Room Bangkok Review

Supanniga Eating Room - Traditional Thai Restaurant at Thonglor, Bangkok

ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ ร้านอาหารไทย ทองหล่อ 



Overall Score  7/10
Taste   3.5/5
Ambiance  4/5
Service  4/5
Value   4/5

Supanniga Eating Room - Thai Restaurant on BumRes.com (For more pictures and Reviews)



ร้าน Supanniga Eating Room by Khunyai แห่งนี้ก็เป็นร้านอาหารไทย แบบไทย แท้ ๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ (รู้สึกจะเปิดต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา) ในย่านทองหล่อ ย่านที่นาน น๊าน ทีถึงจะมีร้านอาหารไทยเปิดใหม่ขึ้นมาสักร้าน ร้านนี้เป็นห้องแถว 1 คูหา ตั้งอยู่ระหว่างทองหล่อซอย 8 กับทองหล่อซอย 6 หรืออยู่ข้าง ๆ ตึก Eight Thonglor นั่นเอง ถ้าใครขับรถไปก็จอดริมถนนหน้าร้านก็ได้ หรือว่าถ้าที่เต็มก็ไปจอดรถในตึก Eight แล้วก็ซื้อของที่ Foodland 100 บาทก็จะจอดรถฟรีล่ะครับ

ชื่อร้านนี้ผมไม่รู้ว่าเป็นชื่อใคร หรือชื่ออะไรเหมือนกัน แต่มันเป็นชื่อที่กิ๊บเก๋ ยูเรก้ามาก ๆ ชื่อที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยมาก ๆ และทางร้านยังไม่ใช่คำว่า Restaurant ที่มีกันอยู่เกร่อ แต่ใช้คำว่า Eating Room หรือห้องรับประทานข้าวด้วยอีกแน่ะ | ตัวร้านนั้นแม้ว่าจะเป็นห้องแถวคูหาเดียว แต่จริง ๆ ตัวร้านนั้นรองรับลูกค้าได้เยอะครับ เพราะว่าทางร้านทำพื้นที่ไว้รองรับลูกค้าไปจนถึงชั้น 3 กันเลยทีเดียว ผมลองนับได้คร่าว ๆ แล้วก็น่าจะรองรับลูกค้าได้สัก 60 คนสบาย ๆ ใช้พื้นที่คุ้มจริงอะไรจริง





ร้านนี้ แม้ว่าจะเป็นร้านเปิดใหม่ แต่ผมว่าเจ้าของร้านน่าจะเคยทำร้านอาหาร หรืออยู่ในวงการร้านอาหารมานานแล้ว เพราะทุกอย่างนั้นทำมาได้ดีเกินกว่าจะเป็นร้านอาหารร้านแรกของคน ๆ นึงมาก ๆ ไม่ว่าจะเรื่อง บรรยากาศร้าน การตกแต่ง ที่ทำมาได้แบบ เรียบหรู สวยงาม ทุกชั้น ตั้งแต่ชั้น 1 ถึง ชั้น 3 และแต่ละชั้นก็มี Character แตกต่างกันเล็กน้อยแต่ก็มี theme หลักเหมือน ๆ กันคือเป็น Thai Modern แบบเรียบหรู | การบริการของพนักงานก็จัดได้ว่าเข้าขั้นดี ถึง ดีมาก พนักงานสุภาพเรียบร้อย, แต่งตัวดี, ดูแลลูกค้าดี แตกต่างจากร้านอาหารเปิดใหม่อื่น ๆ ที่พนักงานน่าจะโดนเบิร์ดกะโหลกสั่งสอนกันซักหน่อย | concept อาหารของทางร้านที่มาแบบแน่นมาก คือเป็นอาหารไทยแบบ ไทยโบราณ ไทยแท้ ๆ ไม่มี Fusion ซักกะติ๊ดเดียว อาหารบางอย่างเป็นอาหารที่หากินยากด้วยซ้ำ คือแบบต้องเตรียมพร้อมจริง ต้องรู้เยอะจริง ถึงจะมีเมนูอาหารอะไรแบบนี้ได้นะผมว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่การอนุมานของผมว่าเจ้าของร้านนี้เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการนี้มาก่อนนะครับ ซึ่งมันก็อาจจะผิดก็ได้ แต่เอาเป็นว่า First impression ต่อร้านนี้นี่ประทับใจมาก ๆ ครับ

ตามที่บอกครับว่าอาหารของร้าน Supanniga Eating Room นี่เป็นอาหารที่ไทยจ๋ามาก ผมพลิก ๆ ดูเมนูรอบแรกนี่แอบทึ่ง ว่าเฮ้ยทำไมมันถึงไทยได้ขนาดนี้ และตัวอาหารมันไม่ใช่อาหารไทยแบบดาษดื่น ที่มีตามร้านอาหารไทยทั่ว ๆ ไปนะครับ มันเป็นอาหารแบบ ไม่ค่อยเห็นที่ร้านอาหารไทยร้านอื่นสักเท่าไรอ่ะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเว่อร์ไปเองมั้ย แต่เท่า ๆ ที่มานั่งดูเมนู อีกรอบ อาหารของเค้ามันแบบโดดเด่นจริง ๆ (มานั่งไล่ดูเมนูอีกรอบนี่มีหลาย ๆ อย่างอยากลองสั่งมากเลย) สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างสำหรับผมคือ ราคาอาหารครับ ราคาอาหารส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 100 กลาง ๆ ซึ่งถ้าเป็นย่านทองหล่อนี่ถือว่าถูกมากต่อกับข้าวจานนึง (Sushi บางคำแพงกว่า 2-3 เท่า -*-) แต่แบบมื้อนี้ที่ไปเป็นมื้อเที่ยงครับ และไปกันแค่ 3 คนก็เลยสั่งกันไม่เยอะ สั่งกันไปแค่ 4 อย่างเท่านั้น

อาหารอย่างแรกที่ได้เป็น ยำเนื้อลาย (เนื้อน่องลายหั่นบางลวกสุก คลุกตั้งฉ่าย ราดด้วยน้ำยำแล้วโรยด้วยกระเทียมเจียวหอม ๆ - 150 บาท) จานนี้หน้าตาก็มาแนวบ้าน ๆ ครับ เหมือนยำทั่ว ๆ ไปที่พบเจอตามร้านอาหารไทยต่าง ๆ สาเหตุที่สั่งจานนี้เพราะทางร้านทำจานนี้เป็นรูปเมนูใหญ่ (โดนสื่อชักนำครับ) ก็เลยสั่งไป รสชาติก็โอเคนะครับ ไม่เผ็ดมาก เปรี้ยวนิด ๆ กินเปล่า ๆ ก็ได้ กินกับข้าวสวยก็ดี ตัวรสชาติการยำนั้นผมยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่ประทับใจตัวเนื้อลายที่ใส่มามากกว่า คือเนื้อมันนุ่ม อร่อย และมาแบบยังไม่สุกแบบ well-done อ่ะครับแต่ก็ไม่ใช่ Medium คือมันอยู่กึ่งกลาง ซึ่งเนื้อความสุกระดับนี้ ผมว่าเป็นความสุกที่ทำให้เนื้ออร่อยที่สุดล่ะ (สำหรับเนื้อเป็นชิ้น ๆ นะ)






ปลาทูต้มเค็ม (ปลาทูอย่างดีเคี่ยวจนเปื่อยเข้าเนื้อ เค็ม ๆ หวาน ๆ กำลังดี - 160 บาท) เป็นอาหารอย่างที่ 2 จานนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นปลาทูอย่างดีตามที่เขียนมาในเมนูรึเปล่า เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นปลาทูอย่างดี แต่เอาไปเคี่ยวขนาดนี้ ของดีกับของไม่ดีมันก็แยกกันยากแล้วล่ะครับ ตัวปลาทูมาแบบขนาดมาตรฐาน ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ส่วนการเคี่ยวนั้นก็เคี่ยวมาดีครับ เนื้อร่อน ๆ ดี เนื้อไม่ถึงกับเละ แต่ใช้ช้อนบิ ๆ นิดหน่อยก็กินได้แล้ว รสชาติก็ตามที่ในเมนูเขียนเลยครับ เค็ม ๆ หวาน ๆ แต่จานนี้กินเปล่า ๆ ไม่ค่อย work ต้องกินกับข้าวสวย

อาหารอย่างที่ 3 เป็น หมูชะมวง (ใบชะมวงย่างหอม ๆ เคี่ยวกับหมูสันคอ จนได้รสเปรี้ยวกลมกล่อมของใบชะมวงในน้ำขลุกขลิก - 170 บาท) จานนี้เพื่อนผมที่ไปด้วยกันพอเห็นเมนูปุ๊บก็รีบสั่งโดยพลัน เพราะบอกว่าเป็นอาหารที่หากินยาก (ตัวผมเองก็เพิ่งจะเคยรู้จัก และได้กินในมื้อนี้นี่แหละครับ) ซึ่งหน้าตาตอนยกมามันก็เป็นประมาณแกงไทย ๆ ทั่ว ๆ ไปนี่แหละครับ แต่แค่ใช้ใบชะมวง (มันคือใบอะไรหว่า) มาเป็นวัตถุดิบหลักแทน เจ้าแกงนี้ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร รสชาติมันแหม่ง ๆ น้ำซุปซดเปล่า ๆ ก็ไม่อร่อย กินกับข้าวสวยพอรับได้ขึ้นมาหน่อย ส่วนใบชะมวง ก็ไม่ได้เป็นใบที่มี texture อร่อยอะไร ไม่ได้แบบมีสัมผัสจากการกินอันโดดเด่นเหมือนพวก ผักเหมียง, ยอดฟักแม้ว อะไรพวกนั้น เพื่อนผมที่เป็นคนสั่งเอง ก็บอกว่าไม่อร่อยเหมือนที่เคยกิน






อาหารอย่างที่ 4 เป็น ข้าวผัดน้ำพริกเผาปลาสลิด (ข้าวผัดกับน้ำพริกเผาสูตรคุณยาย คลุกให้ทั่วกันกับปลาสลิดทอดกรอบ) - 160 บาท จานนี้ สั่งเพราะพนักงานแนะนำครับ ซึ่งพนักงานแนะนำมาขนาดนี้ มันก็เป็นอะไรที่ต้องคาดหวังใช่มั้ยครับ ซึ่งพอคาดหวัง แล้วมันเจออะไรที่มันธรรมดา ๆ ก็เลยอาจจะยิ่งทำให้มันดูแย่ลงไปอีก จานนี้ก็เข้า case ดังกล่าวครับ เป็นข้าวผัดที่ธรรมดามากกกก และปลาสลิดที่ให้มาก็.. ตามรูปเลยครับ เรียกว่าเสี้ยวปลาสลิดน่าจะเหมาะสมกว่า จานนี้สั่งข้าวสวยมากกินก็ไม่ต่างกัน (สำหรับผม)

อาหารอย่างสุดท้ายนั้นเป็น แกงป่าสับนก (ปลากรายสับในน้ำขลุกขลิกที่อบอวลด้วยเครื่องเทศรสจัดจ้าน - 180 บาท) คือเท่าที่ google ดู เหมือนคำว่าสับนกจะใช้แทนคำว่าปลาสับ เวลาเอาไปใส่ในแกงใด ๆ ก็ตาม เลยเป็นที่มาของชื่อแกงนี้ที่เป็นการเอาปลากรายไปสับ จานนี้หน้าตามาแบบแดงเถือกมาก ๆ แดงเถือกแบบเห็นแล้วน่ากลั๊วน่ากลัว...สำหรับคนอื่น สำหรับผมแดงแค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นครับ ชอบอีกต่างหาก รสชาติจานนี้ ผมชอบมาก ชอบที่สุดในมื้อล่ะ น้ำแกงป่านี่ทำมาแบบใช่เลย เผ็ด เค็ม หอมสมุนไพร มันคือแบบใช่เลย และยิ่งมีปลาสับติด ๆ ช้อนมาด้วยในแต่ละคำที่กินยิ่งเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก แกงป่าถ้วยนี้น่าจะเป็นแกงป่าที่ดีที่สุดในช่วงหลายเดือนหลังที่กินมาเลยครับ (ส่วนใหญ่จะเจอทำน้ำแกงมาเฮง ๆ ซวย ๆ ไม่ได้ลงตัวแบบนี้)






สรุป มื้อเที่ยงเบา ๆ กับอาหารไทยแบบ Authentic ๆ ของผมที่ร้าน Supanniga Eating Room นี่ก็ถือว่าพอโอเคครับ รสชาติอาหารมันแบบอาจจะไทยไปจนกลายเป็นรสชาติที่คุ้นเคยไป กินแล้วไม่ได้แบบเปิดประสบการณ์ใหม่สักเท่าไร (ซึ่งก็ไม่น่าเกี่ยวเพราะอย่างร้าน Nahm นี่ก็ไทยจ๋า แต่กินแล้วมันเป็นรสชาติแปลกใหม่ทั้งนั้น) แต่ด้วยอะไรอย่างอื่นของร้านนี้ไม่ว่าจะบรรยากาศ, ทำเล และการบริการที่แบบ เรียกได้ว่า Top-notch เมื่อเทียบกับร้านอาหารไทยร้านอื่น ๆ ร้านนี้ก็เลยโดดเด่นขึ้นมาอย่างไม่ยากเย็น ซึ่งตัวผมเอง มื้อนี้อาจจะสั่งไม่ถูกอย่างก็ได้ (แต่ก็เลือกเมนูรูปใหญ่เกือบหมดนะ) มานั่ง ๆ ดูเมนูใหม่แล้ว น่าไปลองซ้ำเหมือนกันครับร้านนี้








--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment