Monday, December 24, 2012

El Osito Bangkok Review

El Osito - Spanish Restaurant and Tapas Bar at Mahatun Plaza, Bangkok

เอล โอซิโต้ ร้านอาหารสเปน ทาปาส มหาทุน พลาซ่า BTS เพลินจิต




Overall Score  6.5/10
Taste   3.5/5
Ambiance  3.5/5
Service  3/5
Value   3/5

El Osito - Spanish Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้าน El Osito ร้านชื่อสเปนที่แปลว่า The Bear หรือ คุณหมี แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารสเปน (แหงล่ะ) เปิดใหม่อยู่ตรงบริเวณตึกมหาทุนพลาซ่า ติดกับ BTS เพลินจิต เจ้าของร้านนี้เพื่อนผมบอกว่าเป็นเจ้าของคนเดียวกับร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง (แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร) นามว่า La Monita ที่อยู่ติด ๆ กัน ถ้าเอาจริง ๆ ตัวผมเองก็ไม่เคยกินอาหารสเปนแบบร้านสเปนจริง ๆ จัง ๆ มาก่อน เคยกินแค่ Tapas ตามพวก Wine Bar ทั่ว ๆ ไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอาหารสเปนหน้าตาจริง ๆ นั้นเป็นแบบไหน แต่ถ้าให้เดามันก็คืออาหารยุโรปประเภทนึง ที่น่าจะมีกลิ่นอายของอาหารอิตาเลียน กับ เมดิเตอร์เรเนียน ปน ๆ กัน อะไรเทือกนั้น

ร้าน El Osito นี่ก็เป็นที่บรรยากาศค่อนข้างดีครับ ร้านโปร่ง โล่งสบาย มี 2 ชั้น ไม่ได้ซอยเป็นคอก ๆ แบบร้าน La Monita ที่อยู่ติดกัน ตัวร้านตกแต่งแนวดิบ ๆ หน่อยเล่นซีเมนต์เปลือยเป็นหลักและมีเอา prop มาตกแต่งอีกบ้างเล็กน้อย ซึ่งการตกแต่งง่าย ๆ แต่ดูดีแบบนี้ ก็เป็นอะไรที่น่าทำดีเหมือนกันนะครับ ลงทุนไม่เยอะ แต่ต้องใช้ความสามารถของมัณฑนากรแทน ร้านนี้ไม่รู้เนื่องด้วยเป็นร้านเปิดใหม่รึเปล่า (ไม่รู้กี่เดือน กี่วัน) การบริการสำหรับผมตัวผมแล้วก็เลยรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่เท่าที่ควร การบริการดูตก ๆ หล่น ๆ พนักงานอาจจะยังไม่เจนประสบการณ์นัก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็น่าจะดีขึ้นไปตามลำดับ

อาหารของทางร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่อาหารเที่ยงกับอาหารเย็นนั้นเป็นคนละเรื่อง คนละเมนูกันเลย โดยตัวอาหารเที่ยงนั้นจะเป็น sandwiches และสลัด และของเบา ๆ เหมาะสำหรับกินเป็น brunch ส่วนมื้อเย็นนั้นก็จะเป็นพวก tapas , อาหารจานหลัก จานใหญ่ หรืออะไรที่เหมาะกับการกินหนัก ๆ จริงจังแทน ส่วนตัวเครื่องดื่มนั้น ร้านนี้จัดได้ว่ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะ เบียร์สด, เบียร์นำเข้า, กาแฟเก๋ ๆ หรืออะไรต่าง ๆ นา ๆ มีหมด และสามารถสั่งได้ไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นก็ตาม ร้านสไตล์ อาหารเที่ยง กับอาหารเย็น ที่เหมือนกลับตาลปัตรกันแบบนี้ ผมนึกออกอยู่ร้านเดียวก็คือร้าน Quince ที่เพิ่งไปกินมาและไม่ค่อยประทับใจเท่าไร





มื้อนี้เริ่มต้นกันด้วย อาหารหลักของผม Death Guy Ale - 220 บาท เบียร์นำเข้าขวดเล็ก ๆ ที่ราคาเท่ากับเบียร์ขวดใหญ่ซื้อซุปเปอร์บ้านเรา 4 ขวด (ฮ่วย แพงไปไหน!) ถ้าพูดถึงเบียร์ Ale บ้านเรา ก็เป็นเบียร์ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมกันสักเท่าไร เมื่อเทียบกับเบียร์ Lager หรือเบียร์ดำก็ตาม ซึ่งโดยส่วนตัวผม ผมเองก็ไม่ค่อยได้กินเพราะบ้านเรามันไม่ค่อยมีขาย แต่หลังจากกลับจากอเมริกา ที่เบียร์ Ale เป็นที่นิยมมาก มีจำนวน, ยี่ห้อ ให้เลือกเยอะกว่าเบียร์ประเภทอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ผมก็เลยเริ่มชอบเบียร์ชนิดนี้ขึ้นมา เพราะดื่มแล้วมันจะหอม ๆ กว่าเบียร์ชนิดอื่น และก็จะแรงกว่านิด ๆ ส่วนเจ้า Death Guy Ale นี่ก็ใช้ได้ครับ รสชาติดีเลย เสิร์ฟในแก้วแสนเท่ ยังกะแก้วแยมด้วย

อาหารจานแรกในมื้อนี้เป็น Chef Salad (Mixed greens with avocado, tomatoes, hard boiled egg, chicken, and bacon with Ranch, Russian or Italian dressing) - 200 บาท สลัดที่สั่งมาเพราะไม่รู้จะสั่งอะไร เพราะในเมนูนั้นมีแต่ sandwiches และสลัด และ ซุป เจ้าสลัดจานนี้ก็ธรรมดา ๆ ครับ ไม่มีอะไรโดดเด่น ที่โดดเด่นอย่างเดียวอาจจะเป็นปริมาณ ที่ให้มาเยอะดี ส่วนที่เหลือ ไม่ว่าจะผัก ที่กินแล้วเหมือนกินผักตลาด ๆ ไม่ใช่ผัก premium อร่อย ๆ ที่ร้านอาหารดี ๆ น่าจะสั่งมาเสิร์ฟลูกค้า และตัวน้ำสลัดก็เปรี้ยวจี๊ด เพราะสั่งไปแบบ Italian dressing ก็นะ จานนี้ถือว่ากินเอา fiber ละกันครับ






อาหารจานสองก็เป็นอีกจานเบา ๆ กับ Cream of Mushroom Soup - 150 บาท ก็เป็นซุปเห็ดบ้าน ๆ รสชาติไม่ได้โดดเด่นอะไร ซุปเห็ดของร้าน Sizzler หรือร้านอื่น ๆ ผมว่ายังทำได้ดีกว่า ไม่รู้เพราะส่วนตัวไม่ชอบซุปเห็ดที่ครีมมันไม่ค่อยข้น และรสชาติมันอ่อน ๆ แบบนี้รึเปล่าก็ไม่ทราบ อ้อ และก็เป็นซุปแบบซุปเปล่า ๆ เลย ไม่มีเห็ดมา ก็เลยยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่

อาหารอย่างที่ 3 และอย่างต่อ ๆ ไปก็จะเป็น Sandwich หมด พวกผมไปกัน 5 คนก็เลยสั่งกันไปคนละอัน โดยอย่างแรกนั้นเป็น เป็น NY Pastrami Sandwich (Homemade pastrami on seedless Rye bread with deli mastard and Grayere) - 270 บาท แซนด์วิชก้อนนี้ ก็เป็นแซนด์วิชแบบธรรมดา ๆ ครับ เป็นขนมปังกับเนื้อ (Pastrami) แค่นั้น เปิดฉากอย่างแรกมาแบบ ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร มันเป็นแซนด์วิชที่ถ้าผมทำเองก็น่าจะได้รสชาติประมาณนี้อ่ะครับ







Reuben Sandwich(Homemade corned beef, on seedless Rye bread with sauerkraut, Russian dressing, deli mastard and Grayere cheese) - 310 บาท แซนด์วิชตัวนี้น่าจะอร่อยเป็นลำดับที่ 2 ของมื้อนี้เลย แค่หน้าตาก็กินขาดแล้วครับเพราะเป็นแซนด์วิชที่มาก้อนใหญ่มาก และมาแบบหนา ๆ ทั้งตัวขนมปังเองและตัวเนื้อสับที่ยัดมาแทบจะทะลัก ตอนแรกที่กินก็นึกว่ามันจะแห้ง ๆ ครับ แต่เปล่าเลย เนื้อที่ยัดไส้มามันมีความฉ่ำ กินแต่ละคำนี่แบบ เคี้ยวเพลินมาก และทางร้านเสิร์ฟมากับผักดองอะไรสักอย่าง ซึ่งเอามาโปะ ๆ กินด้วยกัน หรือกินตามแต่ละคำ ก็ช่วยเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นไป

Philly Cheesesteak (Grilled steak, thin sliced on a Hoagie roll with melted Provolone and American cheese, grilled onion and pickled red and green pepper) - 270 บาท แซนด์วิชก้อนที่ 3 นี้มาแบบชีสเยิ้มมาก ๆ ถ้าเป็นคนที่ไม่กลัวอ้วน (ไม่ใช่ผม) เห็นแบบนี้ก็คงจะยิ้มกัน เพราะทุกอย่างมันดูเหลว ดูเละ ดูน่ากินสุด ๆ ซึ่งรสชาติพอได้กินมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ พอกัดเข้าไปแล้ว มันเหมือนแบบไปเละ ๆ ไปละลายในปาก แล้วรสชาติก็ดีครับ เค็มหน่อย ๆ กินกันเพลินเลย






Vietnamese Pork Sandwich (Vietnamese barbecued pork on a French roll with, pork liver pate, steamed pork, ham, pickled carrot and daikon, cilantro, cucumber, Valapeno chilles and mayonnaise) - 210 บาท แซนด์วิชอันนี้ น่าจะอร่อยที่สุดในมื้อล่ะครับ ไม่รู้เพราะได้ความลำเอียงจากการที่มันมีกลิ่นอายของความเป็นเอเชียมากที่สุด้วยรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ทุกอย่างมันผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นแซนด์วิชที่ขนมปังนุ่ม ๆ กินกับหมูบาร์บีคิว , แฮม และพริกเขียว และอื่น ๆ ทุกอย่างมันแบบกินแล้ว Fresh กินแล้วรู้สึกดีกว่าอันอื่น ๆ มากครับ เพื่อน ๆ ผมทุกคนก็ชอบอันนี้กันมากที่สุด

Jambon & Saucisson Sandwich (French cured ham and cured sausage stacked high on a French baguette with butter, Dijon mastard, Grayere cheese and lettuce) - 250 บาท แซนด์วิชอันนี้ เป็นอันที่ผมสั่งเอง ซึ่งอันที่ผมสั่งเอง ผมดันไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะว่าตัวขนมปังก็เป็น baguette มาล่ะ ซึ่งผมเกลียดเจ้าขนมปังนี่มากเพราะมันแข็งไป กรอบไป ไม่รู้ว่าคนฝรั่งเศสทำไมถึงกินกันได้สบาย ๆ และตัวไส้ในที่มาแต่แบบเนื้อ ๆ เป็นแผ่นไส้กรอก และแฮม มันก็แบบเนื้อเกินไปอ่ะครับ ไม่ได้มีผัก ไม่ได้มีอะไรมาตัดรส, เสริมรสเลย แต่ก็พอกินได้ครับ เพราะเผอิญ ผมมันก็สัตว์กินเนื้ออยู่แล้ว แต่ก็ต้องกินแบบสักแต่ว่ากินประมาณนั้น






มื้อนี้ ค่าเสียหายรวม 2255 บาท ไปกัน 5 คนก็ตกคนละประมาณ 450 บาท ซึ่งผมว่ามันก็แพงไปหน่อยนะเมื่อคิดว่าเรามากิน Sandwich หรือกินอาหารเบา ๆ ยามเที่ยงแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้การกินอาหารตะวันตก อาหารฝรั่ง มื้อละประมาณ 500 บาทก็กลายเป็นเรื่องปกติ หรือเผลอ ๆ ถูกไปแล้วด้วยซ้ำ ว่ามั้ยครับ? ใครอยากไปลอง อาหารสเปน ที่ในกรุงเทพ ผมนึกออกอยู่ไม่กี่ร้าน กับร้าน El Osito นี่ก็ลองไปกันดูได้ครับ แต่ผมว่าไปมื้อเย็นน่าจะดีกว่ามื้อเที่ยง เพราะได้ลองอาหารสเปนจริง ๆ ส่วนเจ้าแซนด์วิชที่ผมกินไปในมื้อเที่ยงนี่น่ะเหรอ? มีเยอะแยะ เกลื่อนกลาดไปครับ



--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment