Thursday, December 20, 2012

เขยใหญ่ ซีฟู้ด ร้านอาหารทะเล กระบี่ Review

เขยใหญ่ ซีฟู้ด ร้านอาหารไทย อาหารทะเล กระบี่ อำเภอเมือง

Koey Yai Seafood - Thai Seafood Restaurant Krabi Thailand




Overall Score  9.5/10
Taste   5/5
Ambiance  3/5
Service  3/5
Value   3.5/5

เขยใหญ่ ซีฟู้ด ร้านอาหารทะเล on BumRes.com (for more photos and menu)



รีวิวหลังจากนี้อีก 6 ร้านก็จะเป็น BumRes สัญจร ภาค ตะลุยกินถิ่นกระบี่ กันนะครับ ไปกระบี่(และภูเก็ตงวดนี้) ก็จะเป็นร้านอาหารแบบไม่ใช่ร้านของนักท่องเที่ยวซักเท่าไร เพราะเป็นร้านที่เพื่อนผมที่เป็นคนกระบี่พาผมไปกินเองทุกร้านเลย ซึ่งส่วนใหญ่จากประสบการณ์ เวลาคนท้องถิ่นพาไปเองทีไร มันจะประทับใจจอร์จทุกที ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน เอาแค่ร้านแรกก็แทบจะสำรอกออกมาแล้วเพราะยัดเข้าไปเยอะมาก เพราะมันอร่อยมากและถูกมาก มาเริ่มร้านแรกกันเลยดีกว่าครับ

ร้านแรกในทริปนี้ก็เป็นร้านที่แบบ พวกผมต้องทนหิวไม่กินข้าวเย็นกันเพราะกว่าเครื่องบินจะถึงกระบี่ กว่าจะไปถึงร้านก็เป็นเวลา 3 ทุ่มพอดีแล้ว ความอร่อยของร้านนี้มันก็เลยอาจจะสูงกว่าปกติเล็กน้อยเนื่องจากความหิว แต่ผมว่าก็ไม่น่าเกี่ยวสักเท่าไรเพราะว่าจานหลัง ๆ แม้ว่าจะอิ่มจนแทบอ้วกแล้วก็ยังคงอร่อยจนอยากจะกินต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าความจุกระเพาะมันเป็นอนันต์อยู่ดี ร้านแรกนี้มีนามว่าร้าน เขยใหญ่ ซีฟู้ด เส้นทางการเดินทางไปยังตัวร้านผมไม่ทราบนะครับ รู้แค่ว่าอยู่ในอำเภอเมือง กระบี่ ก็ลอง ๆ ดูแผนที่ตามที่ลงไว้ละกันเพราะว่า Mark เอาไว้แล้ว






ตัวร้านเขยใหญ่ ซีฟู้ด นี่ก็เป็นร้านอาหารบ้าน ๆ เป็นร้านที่เหมาะทั้งการมากินข้าวเฉย ๆ หรือมากินข้าวแกล้มเหล้า หรือว่าจะกินแต่เหล้า(เบียร์) ก็โอเค เพราะว่า ร้านเปิดทำการตั้งแต่ 17.00 ยัน ตี 3 และลูกค้าหลาย ๆ โต๊ะที่มาก็มีครบทุกรูปแบบที่ผมว่าไป ส่วนโต๊ะพวกผมก็คงเป็นรูปแบบ 2 แบบอ่อน ๆ เพราะเน้นข้าวแต่ก็มีเบียร์มาช่วยเสริมรสให้อร่อยขึ้นได้อย่างเก๋ ๆ อาหารของทางร้านนี้ก็ตามชื่อร้านเลยครับ จะเป็นอาหารไทยแบบเน้นอาหารทะเล ตัวอาหารก็มีทั้งอาหารใต้ และอาหารกลาง ครบครันและมีให้เลือกเยอะเกินพอ ส่วนราคา ผมไม่รู้ว่ามันแพงมั้ย เพราะราคาก็พอ ๆ กับร้านบ้าน ๆ ที่กรุงเทพ แต่จะได้ความสด, ปริมาณ และความเป็นเนื้อเป็นหนังของอาหารทะเลมาแทน อาหารของร้านนี้ก็รอไม่ค่อยนานครับ ถ้าเราสั่งไปรวดเดียว เพราะร้านนี้เค้าจะทำตามบิล ทำเสร็จโต๊ะนึงก็จะไปทำต่ออีกโต๊ะนึง และพอดีลูกค้าแต่ละโต๊ะที่มานี่จะมาแต่โต๊ะใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เวลาสั่งอาหารก็ควรจะสั่งไปรวดเดียวเลย ไม่ควรมาสั่งเพิ่มทีหลัง เพราะว่าอย่างโต๊ะผม อาหารชุดแรกนี่มาเร็วมาก แต่พอสั่งเพิ่มเท่านั้นล่ะ รอคิวโคตรนาน เพราะต้องไปทำอาหารให้โต๊ะอื่นก่อน (ซึ่งกลายเป็นว่า นั่งรอไปนั่งรอมา อิ่มไปแล้ว ก็เลย cancel ซะเลย)

อาหารจานแรกในมื้อนี้เป็น แขนงหมูกรอบ (70 บาท) อาหารไทยแบบบ้าน ๆ ที่กินได้เรื่อย ๆ ไม่รู้ลืม ร้านเขยใหญ่ แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารใต้ แต่เค้าก็ทำอาหารกลางจานนี้ออกมาได้อร่อยกลมกล่อม จนพวกผมแย่งกันกินหมดอย่างรวดเร็ว ผักแขนง นุ่มมาก ๆ ผัดมาอย่างยอดเยี่ยม เพราะผักมาแบบยังกรอบนิด ๆ นุ่ม ๆ และก็ยังรักษา texture ได้ดี ตัวซอสก็ลงตัว เค็ม ๆ เผ็ด ๆ จะมีให้ติก็แค่หมูกรอบที่น่าจะเป็นหมูกรอบค้างคืน หรือของเก่าแล้ว เพราะมันไม่กรอบตามชื่อของมัน





อย่างที่ 2 เป็น หมูผัดสะตอ (100 บาท) อาหารใต้แบบมีกลิ่นอายภาคอื่นผสมเล็กน้อย จานนี้ก็เป็นอีกจานที่รสชาติยังเบา ๆ กินเปล่า ๆ ก็ได้หรือจะกินกับข้าวสวยก็ดี สะตอไม่เหม็นมาก ตัวหมูก็เลือกส่วนไหนมาไม่ทราบเนื้อนุ่มดี ข้อเสียก็คงเป็นมันแห้งไปนิด ถ้ามาแบบน้ำเยอะ ๆ นี่กินแต่ละคำน่าจะอร่อยกว่านี้

อาหารอย่างที่ 3 เป็น กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่ (300 บาท) เป็นอาหารจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เนื่องจากว่าทางร้านให้มาเยอะและทำมาอร่อยมาก เป็นผงกะหรี่, การผัดผงกะหรี่ที่ perfect ที่สุด ไม่รู้จะไปหาข้อติอะไร ผัดผงกะหรี่ที่ทำได้อร่อยขนาดนี้ในกรุงเทพก็ว่าหายากแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอในร้านต่างจังหวัดแบบบ้าน ๆ ร้านนี้ จุดเด่นอีกอย่างของจานนี้นอกจากรสซอสผงกะหรี่ที่อร่อยสุด ๆ ก็คือตัวเนื้อปูที่เป็นส่วนกรรเชียงปูที่มาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง ตักแต่ละคำจะได้เนื้อปูมาในแต่ละคำที่ตัก กินเพลิน อร่อยแท้







อาหารอย่างที่ 4 เป็น ปลากระพงกระเพรากรอบ (390 บาท) จานนี้แอบผิดหวังตรงตัวปลามันเล็กเมื่อเทียบกับราคา คือราคาเท่านี้ บางร้านในกรุงเทพนั้นจะได้แบบตัวเกือบกิโลก็มี แต่ปลากะพงที่ได้ในจานนี้น่าจะสัก 6-7 ขีดเต็มที่ ตัดเรื่องราคาออกไป การปรุงรสนั้นทำมาได้ดีมาก เนื้อปลากรอบอร่อยสุด ๆ และเนื้อปลาสดสมกับเป็นร้านอาหารทะเล ตัวใบกระเพราก็ผัดมากรอบ ๆ แต่ละคำที่กินนี่ได้ความกรอบของทั้งเนื้อปลา, ใบกระเพรามาเสริมให้ยิ่งกรอบกันเข้าไปอีก เยี่ยมครับ

อาหารอย่างที่ 5 เป็น ปลาจาระเม็ดหม้อไฟ (900 บาท) จานนี้ตอนทางร้านยกมาก็ไม่ทราบราคาหรอกครับ ตอนแรกก็เดาเอาไว้น่าจะสัก 800 บาท ก็ผิดจากที่คาดไปหน่อย แอบแพงไปนิด แต่เมื่อคิดถึงขนาดของปลาจาระเม็ดที่มันตัวใหญ่เต็มจานเปล, ตัวใหญ่เกือบ ๆ เท่าปลาเต๋าเต้ยแล้ว ก็พอจะให้อภัยได้เล็กน้อย ตัวเนื้อปลานั้นมาขาวเนียนและดูสดมากจนผมอยากจะกินแบบซาซิมิ แต่ว่าโดนเพื่อนห้ามไว้ เพราะแบบกว่าตัวหม้อไฟจะยกมาก็ปาเข้าไปหลายนาที ต้องเล่นสงครามวัดใจว่าจะกินดิบหรือรอกินสุกจนเหนื่อยเลย ก็พอหม้อไฟมาปุ๊บ ก็คีบเอาเนื้อปลาจาระเม็ดที่แล่เอาไว้พอดีคำแล้ว ไปสะบัด ๆ ให้พอสุก ให้เนื้อจากที่แบน ๆ เละ ๆ แข็งตัวและโค้งงอขึ้นมา แล้วก็จับเอาเข้าปาก โอ้ววว สวรรค์ครับ รสชาติที่ได้กินคำแรก ปลาเนื้อนุ่ม สด อร่อย น้ำซุปก็รสชาติประมาณน้ำซุปจีน ๆ , น้ำข้าวต้มประมาณนั้น เข้ากันดีกับเนื้อปลาสุด ๆ เป็นอีกหนึ่งจานที่ถ้าไม่ติดเรื่องราคาก็คงจะสั่งเบิ้ลกันมาอย่างแน่นอน








อาหารอย่างที่ 6 เป็น ยำสามกรอบ (100 บาท) จานนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหนสั่งเหมือนกัน เพราะถ้ารู้คงจะต้องขอไปตบกบาลสักหน่อย เพราะว่ามันไม่ค่อยอร่อยเท่าไร และมันก็เป็นยำแบบภาคกลางที่หากินในกรุงเทพได้เกลื่อนกลาดไป แต่ก็เป็นอาหารรสเผ็ด ๆ ที่มาตัดกับอาหารจานอื่นที่ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไรได้อย่างลงตัว

อาหารอย่างที่ 7 เป็น ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย (240 บาท) ผมเข้าใจว่าปูนิ่มนั้นจริง ๆ ไม่ได้มีการเลี้ยง หรือการจับกันแถวภาคใต้สักเท่าไร น่าจะเป็นแถวภาคตะวันออกที่ทำกัน ก็เลยทำให้จานนี้ ปูนิ่มที่ได้มันรสชาติยังไม่ค่อยสดนัก และตัวก็เล็ก ๆ แบบพบเจอได้ทั่วไป ยังดีที่แม่ครัวของทางร้านฝีมือฉมัง ทอดและผัดกระเทียมพริกไทย มาได้อย่างอร่อยลงตัว จนกินกระเทียมเปล่า ๆ ก็ยังอร่อยเลย





อาหารอย่างที่ 8 เป็น ปูม้าดอง (200 บาท) อาหารจานนี้ผมไม่เคยกินมาก่อน อาจจะเพราะไม่ค่อยเห็นร้านไหนขาย หรือไม่ก็เห็นแล้วไม่เคยคิดจะสั่ง แต่เจ้าเพื่อนชาวกระบี่ตัวดีของผมบอกว่ามาร้านนี้แล้วต้องสั่ง ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณมันจริง ๆ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่อร่อยมากครับ ปูม้าแม้ว่าตัวจะไม่ใหญ่ แต่เนื้อสดมาก แกะ ๆ มานี่หลุดมาเป็นดุ้น ๆ และก็การปรุงรส, การดอง ที่ทำรสชาติมาได้เผ็ดจี๊ด สะใจนี่ก็ยิ่งทำให้ปูม้าดิบ ๆ นี่มันอร่อยขึ้นไปอีก จานนี้จากที่ไม่เคยกิน กลายเป็นว่าต่อไปผมจะสั่งเรื่อย ๆ ล่ะครับ

อาหารอย่างที่ 9 เป็น ไก่บ้านต้ม (150 บาท) ก็เป็นจานน้ำแกงที่ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นครับ ตัวน้ำแกงจะรสชาติกลาง ๆ ประมาณแกงสไตล์จีนทั่ว ๆ ไป ตัวไก่บ้านก็ให้มาไม่ค่อยเยอะ หรือเรียกได้ว่าแพงเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปด้วยซ้ำ จานนี้ก็เหมือนสั่งมาซดน้ำแกงเล่น ๆ ซะมากกว่าครับ







อาหารอย่างที่ 10 เป็นใบเหมียงผัดไข่ (80 บาท) อาหารที่ถ้าใครมาที่ภาคใต้ยังไงก็ต้องได้กิน ต้องได้สั่ง ซึ่งแน่นอนครับ ใบเหมียงผัดไข่ (ภาคกลางเรียกใบเหลียง) ของร้านเขยใหญ่ นี่ก็ต้องอร่อยทัดเทียมกับจานอื่น ๆ อยู่แล้ว ใบเหมียงของร้านนี้มาแบบแผ่นใหญ่ ๆ หน่อย แล้วก็ผัดมากับไข่ที่ให้มาเยอะสมส่วนกับปริมาณผักกำลังดี จุดเด่นน่าจะเป็นตัวรสชาติที่มันกลมกล่อมมาก ๆ ครับ จานนี้พวกผมเลยขอเบิ้ลกันไป

เบ็ดเสร็จมื้อนี้ค่าเสียหาย 3,955 บาท มีเบียร์ 5 ขวด และน้ำ และข้าวอีก 2 โถ กับจำนวนชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ 9 คนที่มานั่งกินกัน ก็เฉลี่ยคนละประมาณ 450 บาทเท่านั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่อร่อย คุ้มค่า คุ้มราคาจริง ๆ กับร้านแรกในทริปนี้ของผมกับร้าน เขยใหญ่ ซีฟู้ด จังหวัดกระบี่ แห่งนี้ ร้านนี้แนะนำจริง ๆ ครับ ใครไปกระบี่ อย่าพลาดโดยเด็ดขาด





--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment