Thursday, December 20, 2012

Le Beaulieu Bangkok Review

Le Beaulieu - Traditional French Restaurant at Plaza Athenee Tower Bangkok

เลอ เบอลิเออร์ ร้านอาหารฝรั่งเศส ถนนวิทยุ



Overall Score  8.5/10
Taste   4.5/5
Ambiance  4/5
Service  3/5
Value   3/5

Le Beaulieu - French Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้าน Le Bealieu ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไรและผมสะกดเป็นไทยถูกมั้ยร้านนี้ก็เป็นร้านที่เคยได้รับโหวตให้เป็น The Best French Restaurant in Bangkok by CNNGO เมื่อสัก 2-3 ปีก่อน ร้านนี้ได้หายหน้าหายตาไปจากวงการอยู่หลายเดือนเนื่องจากว่าร้านได้ย้ายตัวเองจากบริเวณอโศก (สุขุมวิท 19) มาอยู่ที่ Plaza Athenee Tower ตึก Office สำนักงาน (รึเปล่า?) ที่อยู่ติดกับโรงแรม 5 ดาวชื่อดัง Plaza Athenee บนถนนวิทยุ ผมไม่รู้ว่าทำไมร้านนี้ถึงต้องย้ายทำเลจากที่เดิมมาที่แห่งใหม่ แต่ถ้าให้เดาก็คือทำเลร้านใหม่ใหญ่กว่าเดิม Prime กว่าเดิม(?) และมีที่จอดรถสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ร้าน Le Bealieu นี้ ตอนแรกที่ย้ายมาได้เปิดเฉพาะส่วนที่เป็นร้นของหวาน, ร้านคาเฟ่ ขึ้นมาก่อนนามว่า LB Patisserie  ซึ่งผมก็ได้มากินเจ้าร้านขนมที่ว่านี่เมื่อสักหลายเดือนก่อนและตอนนั้นตัวร้านอาหารหลักกำลังก่อสร้างอยู่เลย แต่กับครั้งนี้ที่ไปตัวร้านได้สร้างเสร็จพร้อมสรรพครบหมดแล้ว ซึ่งพอเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะประกอบด้วย 3 ส่วนคือส่วน LB Patisserie , Le Bealieu Restaurant และอีกส่วนที่น่าจะเป็นส่วน Terrace หรือ Al Fresco Dining ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าส่วนที่ 3 นี่ใช่ตามที่ผมเขียนมั้ย แต่จำได้ว่าตอนที่มากินเค้กเมื่อหลายเดือนก่อน เชฟเจ้าของร้านชาวฝรั่งเศสร่างท้วม ตุ้ยนุ้ย น่ารัก เคยบอกเอาไว้ว่าพอสร้างเสร็จแล้วจะมี 3 ส่วน เหตุที่ผมไม่แน่ใจว่ามีส่วนที่ 3 รึเปล่าก็เพราะว่าผมไม่เห็นส่วนที่ 3 นั่นเอง!?!






ผมจำได้ว่าร้านสาขาเก่าที่อโศกนั้นตัวร้านก็ว่าสวยงาม หรูหรา ดูดีมีชาติตระกูลดีล่ะ สาขาใหม่ก็ทำได้สวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ว่าบรรยากาศร้านนั้นจะแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ร้านเก่าถ้าไปตอนกลางวันร้านจะสว่าง ๆ โปร่ง ๆ โล่ง ๆ แล้วก็จะเน้นโทนขาว ๆ ซะเยอะแต่กับร้านใหม่นี่ผมว่าไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นก็จะให้อารมณ์ที่แบบขรึม ๆ กว่ามืด ๆ กว่า เพราะร้านไม่ค่อยได้รับแสงจากภายนอกสักเท่าไร ตัวร้านตกแต่งสวยงามมีแบ่งเป็น 2 ชั้น มีทั้งห้องส่วนตัวและโต๊ะธรรมดา และก็มีบาร์ขนาดเล็กให้สำหรับคนที่กะจะมาดื่มอย่างเดียวด้วย ส่วนเรื่องการบริการจำได้ว่าสาขาเก่านั้นบริการได้เทพมาก ประดุการบริการแบบใส่ใจทุกรายละเอียดยิบย่อยไม่ว่าจะมาดเด็กเสิร์ฟ, ความรวดเร็วของอาหาร และอะไรต่าง ๆ นา ๆ เรียกได้ว่า Top Notch หมด แต่กับร้านใหม่นี่ รู้สึกการบริการจะ down ๆ ลงไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะตัวอาหารที่เรียกได้ว่าทำได้ค่อนข้างช้าไม่ทันใจ และเด็กเสิร์ฟที่ยังดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวสักเท่าไร แต่ก็อาจจะเป็นเพราะร้านเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานรึเปล่า หลาย ๆ อย่างก็เลยยังไม่ลงตัว คือการบริการก็ไม่ได้ยาก แต่แค่ร้านเก่านั้นทำไว้ได้ดีมากก็เท่านั้น





อาหารของทางร้านนี้แม้ว่าจะย้ายร้านมาแล้ว ทุกอย่างก็ยังคง concept เดิมอยู่คือจะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบ Traditional ยังคงมี Set Lunch ที่ราคาไม่ค่อยแพงเท่าไร (เมื่อเทียบกับร้านฝรั่งเศสระดับบนอื่น ๆ ในกรุงเทพ ที่ราคา 3 Course 695++ บาท) และเมนู a la carte มื้อเย็นที่เน้นวัตถุดิบนำเข้าจากฝรั่งเศสและมีให้เลือกไม่เยอะนัก แต่กับวันที่ผมไปเป็นวันพิเศษ วันพ่อแห่งชาติ เมนูก็เลยกลายเป็นเมนูพิเศษ  Father's Day Menu (1,250++ บาท) ที่ประกอบไปด้วยอาหาร 4 Course + ชา,กาแฟ และมีให้เลือก Course ละ 2 อย่างไปแทน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทางร้าน Le Bealieu จะนำเมนูวันพ่อนี้ไปใช้อีกในวันไหนอีกรึเปล่า แต่ถึงจะไม่ใช้เมนูนี้ก็พอจะเป็นแนวทางกับเมนูวันพิเศษของร้านนี้ในวันอื่น ๆ ได้นะผมว่า

Appetizer ในมื้อนี้อย่างแรกเป็น Fines de Claire No. 3 หรือหอยนางรมฝรั่งเศสสักพันธุ์นึง (ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีกี่พันธุ์ และตัว No. นี่บ่งบอกถึงขนาดของหอยรึเปล่า) ก็เป็นหอยนางรมตะวันตกขนาดมาตรฐานที่หน้าตาดูดีและจัดใส่จานมาอย่างดี กลิ่นของหอยนางรมนั้นหอมดีมาก ดมแบบใกล้ชิดแล้วได้กลิ่นน้ำทะเลหอม ๆ ดี ส่วนตัวรสชาติก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากครับ เหมือนกับผมเคยกินที่สดกว่านี้ หวานกว่านี้ อร่อยกว่านี้มานะ แต่แบบถ้าคิดว่าเจ้าหอย 6 ตัวนี่ราคาสัก 400 บาทแล้วก็เรียกได้ว่าค่อนข้างคุ้มค่าคุ้มราคาดีทีเดียว






Appetizer อย่างที่ 2 เป็น Foie Gras Terrine - Apple Chuney คือเจ้าฟัวกราส์ เทอรีน แม้ว่าผมจะกินมาไม่ค่อยเยอะ แต่ก็กินมาแทบจะทุกร้านฝรั่งเศสที่เคยไปมาแล้วในกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเจอแต่ Fail ๆ เนื้อเหม็นบ้าง รสชาติแย่บ้าง texture ไม่ดีบ้าง แต่กับของร้าน Le Beaulieu นี่เรียกได้ว่าทำมาได้ดีมากครับ รสชาติดีลงตัว ไม่เหม็นสาบ และ texture เป็นแบบเหมือนกินเนื้อตับจริง ๆ ไม่ใช่เศษแป้งลุ่ย ๆ เหมือนบางร้าน

อาหาร Course ที่ 2 นั้นจะเป็นจานปลา อย่างแรกเป็น Atlantic Cod Fish - Rocket Bouillon หรือปลาค็อดที่ไม่ใช่ปลา Black Cod หรือปลาหิมะแบบที่นิยมเสิร์ฟกันตามร้านยุโรปสมัยนี้ ตัวปลาค็อดนี้ความสด ความนุ่มของเนื้อปลาและกรรมวิธีการทำให้สุกนั้นไม่เป็นปัญหาเลย ทุกอย่างทำมาได้ดีหมด มันจะแย่เอาก็ตรงซอสนี่แหละครับ ซอสมันเป็นซอสผัก, Pesto Sauce อะไรเทือกนั้นซึ่งไร้รสชาติ มีรสขมอ่อน ๆ คือแบบซอสไม่อร่อยเลย เสียดายตัวเนื้อปลาที่อุตส่าห์ทำมาดี






ส่วนจานปลาอย่างที่ 2 คือ Grilled Seabass - Artichoke Puree, Beurre Blanc จานนี้คนละเรื่องกับตัวปลาค็อดครับ อร่อยครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้งจาน ทั้งตัวเนื้อปลาที่สดอร่อย, ตัวซอสที่มาแบบเผ็ด ๆ นิด ๆ แต่จริง ๆ แล้วรสชาติค่อนข้างซับซ้อนมากไม่รู้ใส่อะไรไว้ จานปลากะพงนี่คนบนโต๊ะทั้ง 4 หัวชอบกันหมดครับ

อาหาร Course ที่ 3 เป็นอาหารจานบนบกบ้าง อย่างแรกเป็น Slow - Cooked Oysters Blade - Ratte Potatoes, Truffle Jus คือตอนแรกที่อ่านในเมนู ผมก็นึกว่ามันคือหอยนางรมอะไรสักอย่าง แต่ที่ไหนได้มันคือเนื้อวัวส่วนสันคอครับ ซึ่งรู้สึกว่าจะเป็นศัพท์ที่แถว ๆ ยุโรปใช้เรียกกันกับเนื้อส่วนนี้ จานนี้มาเป็นก้อนกลม ๆ คล้าย ๆ กับเนื้อ Tenderloin หรือ Fillet Mignon พอเห็นเนื้อลักษณะนี้ ก็เลยคาดหวังว่าเนื้อมันจะต้องนุ่ม ละลายในปาก อะไรเทือกนั้น แต่พอกินแล้วเปล่าเลยครับ เนื้อมันออกแนว เหนียว ๆ แล้วก็เนื้อแตกร่วน ๆ ซะมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะว่าทำมาไม่ดี คือตุ๋นมาไม่พอ ทำให้สุกมาไม่นานพอ หรือว่าเนื้อส่วนนี้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ตัว texture เนื้อไม่ค่อยผ่านเท่าไร ส่วนตัวซอสนั้นก็จะเป็นซอสเค็ม ๆ ตามประสาซอสเนื้อซึ่งก็พอไหวแต่ก็ยังไม่ค่อยโดนใจสักเท่าไรครับ







อาหารจากบกจานที่ 2 นั้นเป็น Roasted Baby Chicken - Sauteed Wild Mushrooms, Rosemary and Lemon Jus หรือเนื้อลูกไก่เอาไปย่างแล้วก็ราดซอสมานั่นเอง จานนี้ถ้าให้เทียบกับจานเนื้อผมว่าอร่อยกว่าจานเนื้อนะ แต่ก็ยังไม่ได้อร่อยมากมายกินแล้วร้องกรี๊ดอะไรประมาณนั้น เนื้อไก่ยังไม่นุ่ม ไม่ฉ่ำ ไม่โดนใจพอ ส่วนตัวซอสก็มาแนวฝรั่งเศส ๆ ค่อนข้างจืด ๆ ไร้รสชาติไปนิด แต่โดยรวมก็ดีครับเป็นจานที่ไม่ค่อยพอเจอสักเท่าไรกับลูกไก่และซอสสไตล์นี้

ของหวานในมื้อนี้จริง ๆ ตามเมนูวันพ่อจะมีให้ 2 อย่างคือ Grand Marnier Souffle - Tahitian Vanilla Ice Cream และ Mixed Sorbet - Organic Cantaloupe แต่แบบเพื่อนผมถามว่าเลือกอย่างอื่นได้มั้ย ไป ๆ มา ๆ ก็เลยได้เป็นของหวาน 4 อย่างไม่ซ้ำกันซึ่ง 2 อย่างที่ได้เพิ่มก็เป็น Creme Brulee อันนึง กับขนมหวานฝรั่งเศสอีกอันนึงซึ่งผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร น้อยครั้งที่ผมมากินอาหารตะวันตกแล้วจะมาลงเอยประทับใจกับของหวาน ส่วนใหญ่ของหวานมักจะ Fail ผมอยู่เสมอกับอาหารตะวันตก แต่ครั้งนี้กับร้าน Le Beaulieu เป็นหนึ่งใน Rare Occasion จริง ๆ ครับเพราะว่าของหวานทั้ง 4 อย่างอร่อยหมด อร่อยแบบกินแล้วอยากกินอีก ทุกอย่างมาลงตัวมาก ไม่ว่าจะรสชาติ, กรรมวิธีการทำ, ผลไม้หรือ sorbet ที่เสิร์ฟมาคู่กัน ทุกอย่างเหมือนผ่านการคิดไตร่ตรองมาก่อนแล้วไม่ใช่แบบวางมาแบบมั่ว ๆ ไม่รู้จะบรรยายอะไรมาก เอาเป็นว่า ก่อนหน้านี้ที่ไปกินที่ร้านของหวานของทางร้าน LB Patisserie ผมก็ชอบมากมาแล้วไม่ว่าจะตัวเค้กที่หน้าตางดงามและรสชาติที่โดนใจ มาเจอย้ำเข้าไปจุดเดิมที่เคยประทับใจในมื้อนี้อีก สรุปคือร้าน Le Beaulieu นี่น่าจะทำของหวานเจ๋งจริงอะไรจริงนะครับเนี่ย (มิน่าเชฟเจ้าของร้านเลยอ้วน ตุ้ยนุ้ยเหลือเกิน)












สรุป มื้อนี้ค่อนข้างประทับใจครับ กับมื้อเที่ยงในวันพ่อ กับเมนูวันพ่อที่มากินกับเพื่อน ๆ แทนมื้อนี้ แม้ว่าการบริการของทางร้านจะด้อยลงไป แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ , แม้ว่าอาหารจะมีจานที่ธรรมดาบ้าง, ไม่อร่อยบ้าง แต่ก็มีจานที่อร่อยเยอะกว่าแบบชัดเจน (โดยเฉพาะของหวาน) ร้านนี้ก็ไม่แปลกครับที่แม้ว่าจะย้ายทำเลก็แล้ว, ปิดไปหลายเดือนก็แล้ว แต่วันที่ผมไป ลูกค้าก็ยังคงคับคั่งอยู่ไม่เสื่อมคลาย แต่เอาจริง ๆ แล้ว ถ้ามาคราวหน้า ผมมากินเค้กน่าจะโป๊ะเชะกว่านะเนี่ย!

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

No comments:

Post a Comment